ตอนที่ 20 : นี่คือฐานที่มั่นอย่างงั้นเหรอ?
ด้านบน...
พระอาทิตย์อยู่สูงเหนือหัว
ในหมูบ้านเล็กๆไม่ห่างจากดินแดนของถังหยู มีเด็กหนุ่มหลายคนกำลังหายใจถี่ขณะที่แสดงความตื่นตระหนก
“เมื่อกี้...มันอันตรายเกินไป เมื่อฉันได้กลื่นเจ้าหมาป่าปีศาจเน่าเหม็นนั้น ฉันคิดว่าฉันคงตายแน่ๆ” ชายหนุ่มกล่าวขณะที่สายตาเต็มไปด้วยความกลัว
เด็กสาวคนหนึ่งที่อยู่ข้างเขาปล่อยตัวเองลงไปที่พื้นขณะที่เธอกล่าวว่า “คุณนะดี ฉันสะดุดล้มและเกือบถูกจับโดยหมาป่าเหม็นนั้น”
หญิงสาวมีฝ้ากระและใบหน้าที่ดูธรรมดาพร้อมกับทรงผมที่ดูรุงรัง อย่างไรก็ตามเธอดูเหมือนจะกระตุ้นความรู้สึกขณะที่เธอหอบหายใจด้วยอกที่ขึ้นละลง
“ขอบคุณรุ่นพี่เสี่ยวเพิง คุณคู่ควรที่จะเป็นผู้ปลุกพลัง”
“แน่นอน” หลูเสี่ยวเพิงเสยผมที่ยุ่งเหยิงของเขาและแกล้งทำท่ามวยด้วยรอยยิ้มขณะที่เขากล่าว “ฉันเป็นผู้ปลุกพลังโดยธรรมชาติ นี่เป็นสิ่งที่หายากและแข็งแกร่งกว่าผู้ปลุกพลังธรรมดาซึ่งต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในการกลายเป็นผู้ปลุกพลัง และปีศาจธรรมดาจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้อย่างไร?”
“แต่รุ่งพี่เสี่ยวเพิง คุณไม่ได้แม้แต่จะสู้กับหมาป่าปีศาจ...” หญิงสาวหน้ามีกระพูดอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้นรอยยิ้มของหลูเสี่ยวเพิงก็พังทลายลง
ในตอนที่เขากลายเป็นผู้ปลุกพลัง เขายังมีความฮึกเหิมสูง เขาเพ้อฝันเกี่ยวกับการไล่ต่อยหมาป่าปีศาจและเตะปีศาจเสือในขณะที่เขาค่อยๆปีนไปอยู่เหนือผู้ปลุกพลังทั้งหมด แต่ความเป็นจริงได้ตบใบหน้าเขาอย่างจัง
คิดเกี่ยวกับเจ้าหมาป่าปีศาจที่เพิ่งพบบนถนน เขาไม่เชื่อว่ามันแข็งแกร่งในตอนแรกจนกระทั่งเขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้
จะเห็นได้ว่าดวงตาของเขาสามารถตามทันความเร็วของหมาป่าปีศาจ แต่เขาไม่สามารถหลบการโจมตีของมันได้ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งของผู้ปลุกพลังแต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการเผชิญหน้านี้ หากไม่ใช่กรณีนี้ กลุ่มของพวกเขาก็คงไม่ต้องถูกบังคับให้หนีอย่างหัวซุกหัวซุน
โชคดีหลังจากที่หนีไปชั่วระยะหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็สลัดหมาป่าปีศาจและไม่พบปีศาจใดๆบนถนนในขณะนั้น
หลังจากผักผ่อนสั้นๆแล้วพวกเขาก็เริ่มมองไปรอบๆ
นี่เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบมาก มันดูเหมือนว่าไม่มีปีศาจเคลื่อนไหวใดๆแถวนี้ ดังนั้นหลายคนไม่สามารถช่วยแต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เราควรไปที่ไหนจากที่นี่?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนมีสีหน้าว่างเปล่าขณะที่มีคนถอนหายใจและกล่าวว่า “ใช่ มันเป็นความคิดที่ดีในการติดตามกองทัพ อย่างไรก็ตามหลังจากที่พลัดหลงจากกองทัพ ไม่เพียงแต่เราจะหลงทาง แต่เรายังสูญเสียความปลอดภัยด้วย หากมันไม่ใช่รุ่นพี่เสี่ยวเพิงที่ได้เป็นผู้ปลุกพลัง ฉันกลัวว่าเรายังคงซ่อนตัวอยู่ในห้องมืดมิดนั้น”
พวกเขาเริ่มมีอาหารน้อยลง ดังนั้นหากพวกเขาซ่อนตัวเรื่อยๆ พวกเขาเพียงจะชอลอการตายได้เท่านั้น ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอกและหาฐานที่มั่น วิธีเดียวที่จะเข้าใจอันตรายด้านนอกคือการออกจากที่ซ่อนนั้น กลุ่มของพวกเขาเดินทางในระยะสั้นๆประมาณสิบกิโลเมตรโดยไม่รู้ทางไปที่หลินตงก่อนที่จะรู้สึกสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์
“เดี๋ยว มองไปตรงนั้น”
เพื่อนร่วมชั้นที่สวมแว่นของพวกเขาชี้ไปในระยะไกล หลายคนเงยหน้าขึ้นมองและเห็นบ้านธรรมดา มันดูไม่ต่างจากบ้านที่ทรุดโทรมอื่นๆรอบเมือง
“มันไม่มีอะไร....” ดวงตาที่สงบของหลูเสี่ยวเพิงจู่ๆก็หยุดชะงักขณะที่เขาเบิกตากว้าง จากการสังเกตบ้าน เขาจะเห็นตัวหนังสือสีดำเขียนบนผนัง
“ฐานที่มั่นทรีเชด ตั้งอยู่ 3.5 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือจากที่นี่ สถานที่เต็มไปด้วยอาหารอันอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เราต้อนรับผู้รอดชีวิตทุกท่าน”
ชื่อเดิมของรีสอร์ดคือทรีเชด...
หลัวจากวันโลกาวินาศ ฐานที่มั่นส่วนใหญ่ถูกตั้งชื่อตามสถานที่เดิม ตัวอย่างเช่นฐานที่มั่นหลินตงก่อตั้งขึ้นในเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดหลินตง
ชื่อถังหยูอ่อนแอเกินไปโดยไม่เป็นที่รู้จัก ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อดั้งเดิมของฐานที่มั่น
ชื่อไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าจะสามารถดึงดูดผู้รอดชีวิตได้ไหม เปรียบเทียบกับชื่อฐานที่มั่นอื่นๆเช่น ฐานที่มั่นทางเดินใต้ดินหมายเลขสาม และ ฐานที่มั่นอาที-มาร์ท (ซุปเปอร์มาร์เก็ต) ฐานที่มั่นทรีเชด อืมม มันก็ไม่ได้ฟังดูแย่เกินไป...
หลูเสี่ยวเพิงอ่านคำเหล่านี้ออกมาดังๆขณะที่หลายคนมองหน้ากันและกัน
“ฐานที่มั่นทรีเชดเหรอ? นี่คือฐานที่มั่นที่อยู่ใกล้ๆใช่มั้ย?”
“แต่ทำไมข้อความของฐานที่มั่นถึง...เขียนลงในที่แบบนี้ ทำไมฉันถึงคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่น่าเชื่อถือ?”
“ถึงแม้ว่าตัวอักษรจะดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่มันก็ควรจะเป็นจริง...อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินทรีเชดจากที่ไหนมาก่อนแน่ๆ! มีรีสอร์ททรีเชดใกล้เคียงที่นี่ ซึ่งควรเป็นฐานที่มั่นที่กล่าวถึงบนผนังนี้”
หลังจากคุยกันเล็กน้อย หลายคนตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่ฐานที่มั่นทรีเชดเพื่อดู
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาที่ไม่มีอาหารหรือความแข็งแกร่ง พวกเขาจะไม่สามารถไปถึงฐานที่มั่นหลินตรงได้แน่ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องไปที่ฐานที่มั่นทรีเชด
หมู่บ้านแห่งนี้ไม่ไกลจากฐานที่มั่นและพวกเขาแทบจะไม่เจอปีศาจใดๆระหว่างทาง
หลูเสี่ยวเพิงและเพื่อร่วมชั้นหลายคนมีประสบการณ์มากมายในการหลีกเลี่ยงปีศาจ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูรีสอร์ทโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากเกินไประหว่างทาง
ที่ทางเข้า มีตัวหนังสือสีดำใหญ่เขียนไว้บนกำแพงไว้ว่า : ยินดีต้อนรับสู่ฐานที่มั่นทรีเชด
อย่างไรก็ตาม...
พวกเขาสังเกตเห็นผนังและประตูรีสอร์ททรุดตัวลงครึ่งหนึ่ง ผนังโดยรอบเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกเหยียบย่ำโดยปีศาจหลายตัวทำให้พวกมันแทบไม่สามารถจิตนาการถึงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมัน
“นี่เป็นฐานที่มั่นใช่มั้ย?”
หลูเสี่ยวเพิงตะโกนเหมือนคนโดนโกง
“ไม่” เพื่อนร่วมชั้นสวมแว่นพบสิ่งอื่นและพูดว่า “มองไปตรงนั้น มีรั้วลวดหนามและอาวุธปืนถูกทำลาย บางทีที่นี้อาจจะเคยเป็นฐานที่มั่น”
คนอื่นๆยังได้ยินความหมายจากเพื่อร่วมชั้นของพวกเขา ความหมายก็คือตอนนี้มันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว บวกกับฉากที่น่าเศร้านี้ ในขณะนี้ทุกคนดูเหมือนจะเห็นภาพโศนาฏรรมต่อหน้าต่อตาพวกเขา – ฉากที่น่าเศร้าเมื่อปีศาจทำลายฐานที่มั่น
“งั้นเราจะจากไปเลยไหม?” หญิงสาวมีกระรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอคิดว่าอาจมีปีศาจซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของรีสอร์ทแห่งนี้
ในเวลานี้หลูเสี่ยวเพิงตัดสิจใจและพูดว่า “เข้าไปข้างในแล้วลองดูก่อน ฉันไม่คิดว่าจะมีปีศาจน่ากลัวใดๆซ่อนตัวด้านใน พวกคุณไม่ได้สังเกตเลยเหรอ? เราเจอปีศาจน้อยลงอย่างมากระหว่างทาง”
นักเรียนเหล่านี้เป็นเพียงคนธรรมดา โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่มีความกล้าที่จะผจัญภัยในทุกที่ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นปีศาจในระยะไกล หัวใจของพวกเขาจะเต้นอย่างรวดเร็วและพวกเขาก็ไม่ได้นับจำนวนปีศาจที่พวกเขาพบเจอมาตลอดทาง
หลูเสี่ยวเพิงนั้นแตกต่าง เขาเป็นผู้ปลุกพลังที่แข็งแกร่งไม่มากก็น้อย แม้ความจริงเขาจะไม่สามารถเอาชนะหมาป่าปีศาจได้ ด้วยที่ว่าเขาเป็นผู้ปลุกพลังเลยทำให้เขาสงบกว่าคนที่เหลือ แม้ว่าเขาจะไม่นับจำนวนปีศาจที่พวกเขาเจอตามทาง อย่างน้อยเขาก็สามารถตรวจพบได้ว่าความถี่ของการเผชิญหน้ากับปีศาจนั้นลดลงอย่างแน่นอน
เพื่อนร่วมชั้นที่สวมแว่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันเห้นด้วย ลองเข้าไปข้างในกันเถอะ แม้ว่าฐานที่มั่นจะไม่มีอยู่อีกแล้ว อย่างน้อยพวกเราก็ยังมีโอกาสหาอาหารบางอย่างได้”
หลายคนเริ่มเดินเข้าไปในรีสอร์ท
มีเพียงปีศาจที่ถูกทำความสะอาดรอบนอกรีสอร์ท สถานที่ส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม—บ้านถล่ม เลือดแห้งและชิ้นส่วนแขนขาซึ่งยังไม่ได้ถูกทำความสะอาด
หลูเสี่ยวเพิงและเพื่อนร่วมชั้นหลายคนต่างซีดเซียว โชคดีที่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขาที่ได้เห็นฉากที่น่าสลดอย่างนี้ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็สามารถรับมือกับสิ่งนี้ได้มาก
ในไม่ช้าพวกเขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
“ดูนั่น มีกับดักอยู่บนพื้นจากที่นี่ไปถึงที่นั่น ดูศพปีศาจตรงนั้น บางส่วนถูกนำออกไป ยังมีผู้รอดชีวิตในสถานที่แห่งนี้”
“ดูตรงนั้น ฉันยังเห็นร่องรอยของการทำความสะอาดเล็กน้อย มันดูเหมือนว่าฐานที่มั่นรอดจากช่วงวิกฤติ อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปรอบๆแล้วฐานที่มั่นยังได้รับความเสียหายอย่างหนักและดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”
สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาต้องการจากฐานที่มั่นคือหาที่ปลอดภัยเพื่อปักหลัก
แต่ที่นี่มันดูเหมือนซากปรักหักพัง แม้ว่าผู้รอดชีวิตที่นี่ยังมีชีวิตอยู่แต่สถานที่นี้ยังสามารถเรียกฐานที่มั่นได้หรือไม่? เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้เคยเจอคลื่นปีศาจมาก่อน นั่นหมายความว่าคลื่นปีศาจอีกคลื่นจะไม่สามารถต้านได้ในอนาคตใช่มั้ย?
ครู่หนึ่งทุกคนต่างก็มีความคิดแบบเดียวกันนี้
แต่เนื่องจากพวกเขามาไกลขนาดนี้และสังเกตว่ามีผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ การตัดสินใจว่าจะพักหรือไม่พักนั้นจะพิจารณาจากสิ่งที่พวกเขาได้พบในช่วงต่อไป
คนกลุ่มนี้เดินหน้าต่อไป ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปในรีสอร์ท ยิ่งสามารถเห็นร่องรอยของกิจกรรมมนุษย์มากขึ้น เมื่อพวกเขามาถึงใจกลาง พวกเขาจะเห็นว่าสภาพแวดล้อมถูกทำลงไปอย่างชัดเจนปีศาจและศพมนุษย์ก็ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
แต่พวกเขาก็ยังพบว่ามันแปลกมากที่พวกเขาไม่ได้เห็นสักวิญญาณเดียว
“ฟัง ฉันได้ยินเสียง” หลูเสี่ยวเพิงกระซิบและชี้ไปที่มุมหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
พอแน่ใจว่าอยู่นอกสายตาแต่ก็ยังมีเสียงแปลกๆอยู่หัวมุมเป็นครั้งคราว
นี่เป็นผู้รอดชีวิตหรือปีศาจ?
กลุ่มเดินไปข้างหน้าช้าๆอย่างระมัดระวังและในที่สุดก็มาถึงหัวมุมทำให้เห็นฉากแปลกๆอยู่ไม่ไกลเกินไป
พวกเขาเห็น “สิ่งมีชีวิต” สองตัวห่อหุ้มด้วยเหล็กดำ ด้วยลำตัวเหมือนลูกบอลและมีแขนขนาดใหญ่กว่าปกติหลายเท่า แขนเหล่านี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะซ่อนกำลังแรงระเบิดไว้
ในเวลานี้สัตว์ประหลาดเหล็กกำลังถือดาบยาว ด้วยคลื่นที่แข็งแกร่งได้ทำให้หินก้อนใหญ่บนพื้นดินถูกแยกออกเป็นสองส่วนพร้อมกับเสียงดังปัง อย่างไรก็ตามสัตย์ประหลาดเหล็กไม่หยุดแต่ยังแกว่งดาบยาวต่อไป ในที่สุดหินก้อนใหญ่ก็ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆจนกลายเป็นหินขนาดกระทัดรัด
กระบวนการทั้งหมดนั้นหมดจดและตรงไปตรงมา
ดาบยาวธรรมดาที่ดูเหมือนดาบวิเศษ เมื่อมันสับหิน มันเหมือนกับว่าไม่มีแรงต้านทานเลย หลูเสี่ยวเพิงสามารถเห็นชิ้นส่วนหินที่ถูกตัดได้อย่างชัดเจน มันดูเรียบเนียนราวกับกระจก