ตอนที่แล้ว33 ค่ำคืนที่ทนทรมาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป35 ชั่วโมงของการต่อสู้ที่ดุเดือด

34 สัตว์ร้ายออกมาจากกรง


34 สัตว์ร้ายออกมาจากกรง

ตั้งแต่วันนั้น โรงเรียนซื่อเซียวที่สองก็ได้เกิดตำนานเรื่องใหม่แพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียน

“นี่ พวกเธอได้ยิน ‘เรื่อง’ นั้นกันรึยัง?”

“แน่นอน มันทั้งน่ากลัว สยองขวัญ และโหดร้ายมาก!”

เวลาอาหารกลางวัน ภายในโรงอาหารของโรงเรียน เด็กสาวหลายคนต่างซุบซิบกันอยู่ ความหวาดกลัวได้คืบคลานเข้าสู่จิตใจของพวกเธอ

“อะไรคือ ‘เรื่อง’ นั้น ที่พวกเธอกำลังพูดกันอยู่เหรอ? ทำไมมันถึงได้ทำให้พวกเขาต้องกลัวกันขนาดนั้นด้วย?” เด็กสาวดีดูจืดชืดที่สุดในกลุ่ม ถามขึ้นมาด้วยความงุนงง

เด็กสาวคนหนึ่ง ที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยกระ หันไปมองซ้ายทีขวาที แล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันเบาและลึกลับว่า “เธอไม่เคยได้ยินเหรอ? มีเด็กนักเรียนปีสามคนหนึ่งที่ชื่อว่า หลี่เย้า ฉันไม่รู้ว่าเขาไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเลี่ยได้ยังไง แต่เขาถึงกับจัดการล้มลูกน้องของเฮ่อเหลียนเลี่ยไปได้คนหนึ่ง มันเลยทำให้เฮ่อเหลียนเลี่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ! ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาได้ทำการทรมานหลี่เย้า! คนที่ถูกเฮ่อเหลียนเลี่ยทรมาน ไม่มีใครเหลือความเป็นคนอยู่เลย พวกเขาไม่ใช่ผี ก็เหมือนผี!”

“โอ้พระเจ้า เฮ่อเหลียนเลี่ย! เจ้าชายรูปงามของฉัน! แล้วสุดท้าย เขาทรมานหลี่เย้ายังไงเหรอ?” เด็กสาวที่ดูจืดชืดถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

เด็กสาวใบหน้าตกกระเอามือบังปาก แล้วพูดออกมาว่า “พูดเบาๆหน่อยสิ! จะพูดเรื่องนี้เสียงดัง แล้วกรี๊ดออกมาทำไมกัน? มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เราไม่ได้เห็นรายละเอียดของการทรมานกับตาตัวเอง แต่สิ่งที่เธอต้องทำก็คือดูจากสภาพของหลี่เย้า แล้วเธอก็จะได้รู้ว่า คนที่ไปมีเรื่องกับเฮ่อเหลียนเลี่ย จะต้องทุกช์ทรมานแค่ไหน!”

“เธอพูดถูก ฉันได้ยินมาว่า เฮ่อเหลียนเลี่ยขังหลี่เย้าเอาไว้ในโรงเก็บของของโรงเรียน แล้วทรมานเขาไปตลอดทั้งวัน มีครั้งหนึ่ง ฉันได้เดินผ่านไปทางด้านหลังของโรงเก็บของ แล้วฉันก็ไปได้ยินเสียงกรีดร้อง ‘อ้ากกกกกกกกกก’ ที่น่าสยองขวัญดังออกมาจากโรงเก็บของเข้า มันเป็นเสียงกรีดร้องที่ราวกับหลุดออกมาจากขุมนรกยังไงยังงั้นเลยล่ะ! ฉันไม่อยากจะพูดว่ามันเลวร้ายขนาดไหน มันทำให้ฉันกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง! ถึงฉันจะทิ้งรองเท้าเอาไว้ที่นั่นข้างหนึ่ง ฉันก็กลัวเกินกว่าที่จะกลับไปเอามัน!” เด็กสาวร่างอวบพูด

“มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เด็กสาวที่ดูจืดชืดพูดอย่างสงสัย

ในเวลานั้นเอง เด็กชายที่จมูกมีเลือดซึมออกมา พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ได้ผ่านเด็กสาวกลุ่มนี้ไป ด้วยขาที่สั่นเทาและเดินเซโงนเงนไปมา ทันทีที่ก้นของเขาวางลงบนเก้าอี้ ร่างกายของเขาก็ซบลงไปบนโต๊ะ ราวกับตัวเขาถูกสร้างขึ้นมาจากดินโคลน

“ดูสิ! หลี่เย้าคือคนที่อยู่ตรงนั้นไงล่ะ!” เด็กสาวใบหน้าตกกระพูดออกมา พร้อมกับสะกิดไปที่เด็กสาวหน้าตาจืดชืดอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวหน้าตาจืดชืดได้หันหน้าไปมอง เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “โอ้ พระเจ้า! มันเลวร้ายกว่าที่เธอพูดเอาไว้ซะอีก! หน้าของเขากลายเป็นหัวหมูไปแล้ว! เร็ว ดูสิ! ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไม่หยุดเลย! มีแผลพุพองที่มือของเขาด้วย แล้วมันก็ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่เลย! ทำไมมันได้ถึงสยดสยองขนาดนี้!”

ในตอนที่เด็กสาวพูดอยู่นั้น อยู่ๆร่างกายของหลี่เย้าก็ชักกระตุกขึ้นมา แม้แต่หัวของเขาก็ยังมีอาการชักกระตุกไปด้วย

“เธอเห็นแล้วใช่ไหม? อาการพวกนั้น เป็นเพราะเขาถูกทำร้ายจนเกิดอาการชักกระตุกขึ้นมายังไงล่ะ” เด็กสาวใบหน้าตกกระพูดเสียงกระซิบ

และตรงข้ามกับหลี่เย้า ก็คือเมิ่งเจียงเพื่อนสนิทของเขา ที่เดินถืออาหารกลางวันเข้ามา มันมีทั้งไส้กรอก 10 ชิ้นที่แต่ละชิ้นมีขนาดพอๆกับแขน ลูกชิ้นเนื้อยักษ์ 20 ลูก ข้าวสวยชามยักษ์หนึ่งชาม และบิสกิตที่เป็นอาหารสำหรับกองทัพ 10 อัน

“เสี่ยวเย้า บอกความจริงกับกันมานะ ว่านายไปฝึกพิเศษกับซุนเปียวจริงๆเหรอ? นายไม่ได้ถูกลูกสมุนของเฮ่อเหลียนเลี่ยทำร้ายใช่ไหม?” เมิ่งเจียงถามขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

หลี่เย้าหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าที่เลวร้ายยิ่งกว่าร้องไห้ เขาไม่เหลือแรงแม้แต่จะพูด

“ถ้านายรู้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่า มันจะกลายเป็นแบบนี้ บางที การปล่อยให้เฮ่อเหลียนเลี่ยจัดการนาย มันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ!” เมิ่งเจียงเพื่อนสนิทของเขาถอนหายใจออกมา

ไม่ไกลจากตรงนั้น เหล่าเด็กสาวก็ยังคงซุบซิบกันต่อไป

เขากินเข้าไปเยอะขนาดนั้นได้ยังไงกัน! เขาเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ!” เด็กสาวหน้าตาจืดชืดพูด

“ฉันรู้คำตอบเรื่องนี้ดี!”

เด็กสาวร่างอวบพูดออกมาด้วยความสงสาร “ตามหลักการทางจิตวิทยาแล้ว เมื่อจิตใจของคนเราได้รับความกดดันที่มากจนเกินไป ก็จะทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น และกินอาหารจำนวนมากเข้าไปเพื่อลดความกดดันที่ได้รับมา เหมือนที่เกิดขึ้นกับฉันยังไงล่ะ ฉันต้องพยายามจัดการความกดดันที่ได้รับจากการที่พ่อแม่ของฉันทะเลาะกันที่บ้าน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ที่ฉันจะต้องกินให้มากยิ่งขึ้น แต่...”

เด็กสาวร่างอวบก้มลงมองดูไส้กรอก 2 ชิ้น, ลุกชิ้นเนื้อยักษ์ 3 ลูก, และข้าวสวยหนึ่งถ้วยในถาดข้าวของเธอ แล้วเธอก็หันไปมองดูกองเนื้อเป็นภูเขาที่อยู่ตรงหน้าของหลี่เย้าอีกครั้ง แล้วสรุปออกมาว่า “ดูจากการกินของเขาแล้ว เขาคงจะอยู่ในระยะสุดท้ายแล้วล่ะ เขาอยู่ในจุดที่จิตใจของเขาใกล้จะแตกสลายลงไปแล้ว!”

“น่าเศร้าจริงๆ!” เด็กสาวหน้าตาจืดชืดมองไปที่ร่างของหลี่เย้าที่ชักกระตุกเป็นบางครั้ง เธอได้แสดงสีหน้าเวทนาออกมา

“แล้วเพราะแบบนั้น ในโรงเรียนของเราจึงมีคนพูดเอาไว้ว่า จะไปหาเรื่องใครก็ได้...ขอแค่ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเลี่ยก็พอ! ถึงแม้ว่าเธอจะบังเอิญไปทำให้เฮ่อเหลียนเลี่ยไม่พอใจโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เธอก็ต้องรีบอ้อนวอนขอความเมตตาจากเขาให้เร็วที่สุด! สรุปแล้วก็คือ อย่าไปต่อต้านเขา ไม่อย่างนั้นละก็...เธอก็จะไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว!” เด็กสาวใบหน้าตกกระพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เมื่อได้เห็น “สภาพน่าอนาถ” ของหลี่เย้า เรื่องเล่าเหล่านี้จึงกลายเป็นข้อสรุปของนักเรียนทุกคนในโรงเรียนไปโดยปริยาย

แต่หลี่เย้าที่อยู่ภายในข้อความอีแครนระหว่างซุนเปียวและเผิงห่ายนั้น กลับมีภาพลักษณ์แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

วันที่ 7 ของการฝึกพิเศษ ในบันทึกการสนทนาของซุนเปียวและเผิงห่าย

ซุนเปียว : “เขามันไม่ใช่มนุษย์! มันเป็นไปไม่ได้ที่เด็กคนนี้จะเป็นมนุษย์! การฝึกพิเศษเพิ่งจะผ่านไปได้แค่เจ็ดวันเท่านั้น แต่เขากลับเพิ่มพลังสนามแม่เหล็กของ ‘กิฟอัพ’ เป็น 400 กิโล แล้วทำการฝึกจนครบถ้วน! ฉันยังได้เพิ่มความเข้มข้นของการฝึกขึ้นไปอีก 20% แต่มันก็ยังไปมากพอที่จะหยุดเขาได้! แล้วทางฝั่งเธอล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”

เผิงห่าย : “ไม่มีอะไรต้องพูดเลย เมื่อคืน เขาเป็นคู่ซ้อมกับผมสิบนาทีเต็ม มีอยู่หลายครั้ง ที่ผมเกือบจะถูกเขาต่อยเข้าให้ ถึงผมจะใช้พลังแค่ 3% อยู่ก็เถอะ แต่ความรู้สึกแบบนี้มัน...ทำให้ผมหงุดหงิดมากๆเลยล่ะ! ช่างมันเถอะ ภายใต้ความกดดันแบบนี้ มันก็ช่วยให้ผมสามารถพัฒนาความสามารถในการความคุมพลังได้ดีขึ้นมาก!”

...

วันที่ 13 ของการฝึกพิเศษ บันทึกการสนทนาของซุนเปียวและเผิงห่าย

ซุนเปียว : “เด็กคนนี้สามารถสควอซด้วยน้ำหนักถึง 500 กิโล แล้วยังทำการฝึกที่ใข้สำหรับสองวันอีกด้วย! โอ้ ใช่แล้วล่ะ อัตราการตื่นของรากวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก 4% กลายเป็น 62% ภายในเวลาแค่สามวัน แบบนี้ยังเรียกว่ามนุษย์ได้อยู่ไหม? นี่อาห่าย พูดกับฉันสิ! ทำไมเธอไม่ยอมพูดอะไรเลยล่ะ!”

เผิงห่าย : “เมื่อคืน เขาต่อยเข้าที่ท้องของผม”

ซุนเปียว : “......”

เผิงห่าย : “......”

ซุนเปียว : “ฮาฮาฮาฮาฮาฮาฮา! ถ้าฉันเป็นตัวอันตรายของเหล่าผู้ฝึกตน เธอก็คงจะเป็นความเสื่อมเสียของผู้ฝึกตนแล้วล่ะ! นายดันถูกคนธรรมดาต่อยเข้าให้แล้ว!”

เผิงห่าย : “ผมใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองแค่ 3% เท่านั้น! ไม่ใช่ว่าผมลดพลังของตัวเองลงไป 3% สักหน่อย แล้วผมก็จำกัดความสามารถในการได้ยิน, การมอง, การดมกลิ่น, ความเร็ว...ทุกๆอย่างถูกลดให้เหลือแค่ 3%! การที่ผมถูกเขาชก มันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ! ไม่ แบบนี้ไม่ได้แล้ว คืนนี้ ผมจะใช้พลัง 4% ของพลังที่แท้จริงของผม!”

ซุนเปียว : “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับ ‘การฝึกควบคุมพลัง’ ของเธอล่ะ?”

เผิงห่าย : “ช่างแม่*งการฝึกของผมเถอะ รุ่นพี่คนนี้จะขอปลดปล่อยสักหน่อย!”

...

วันที่ 25 ของการฝึกพิเศษ บันทึกการสนทนาของซุนเปียวและเผิงห่าย

ซุนเปียว : “ฉันได้เพิ่มความสามารถของ ‘กิฟอัพ’ ให้ถึงขีดสุดของมันแล้ว! มันเทียบเท่าได้กับการฝึกของเธอเมื่อครั้งก่อน แต่เจ้าเด็กคนนี้ก็ยังสามารถฝืนทำสควอซแบบยกน้ำหนักได้อีก! มันน่ากลัวจริงๆ! ถึงแม้ว่า ตอนที่ฉันได้เห็นหน้าของเขาตอนที่กัดฟันด้วยความโกรธ มันจะน่ากลัวไปหน่อยก็เถอะ เธอคิดว่ายังไง...ฉันควรจะสูบเลือดเขามาสักหน่อย แล้วเอาไปเข้าห้องแล็ปดูดีไหม?”

เผิงห่าย : “เข้าห้องแล็ปไปทำไม?”

ซุนเปียว : “เด็กคนนี้จะต้องมีสายเลือดของสัตว์ปีศาจไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายอย่างแน่นอน เขาเป็นปีศาจ 100%!”

...

วันสุดท้ายของการฝึก บันทึกการสนทนาของซุนเปียวและเผิงห่าย

เผิงห่าย : “ไม่ใช่ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วเหรอ? อีกไม่กี่ชั่วโมง มันก็จะเป็น ‘ช่วงเวลาของการต่อสู้’ ที่นักเรียนชั้นปีสามทุกคนจะต้องต่อสู่กันเพื่อแย่งชิงบัตรเชิญ 10 ใบ แล้วเขาล่ะ? สถานการณ์ของเด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

ซุนเปียว : “ฉันไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงดี แต่ฉันกลัวที่จะปล่อยเขาออกไปนิดหน่อยนะ”

เผิงห่าย : “ทำไมล่ะ?”

ซุนเปียว : “ฉันกลัวว่า ตอนที่ปล่อยสัตว์ร้ายตัวนี้ออกจากกรงไป มันจะทำให้โรงเรียนต้องพังพินาศน่ะสิ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด