ตอนที่แล้วบทที่ 185 - สังเคราะห์ทักษะ (4) [10-06-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 187 - สังเคราะห์ทักษะ (6) [14-06-2020]

บทที่ 186 - สังเคราะห์ทักษะ (5) [12-06-2020]


บทที่ 186 - สังเคราะห์ทักษะ (5)

ฉันสามารถจะพานักสำรวจไปได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงก็ตามสิ่งมีชีวิตแบบภูติธาตุหรือมอนสเตอร์ที่ถูกฝึกมาสามารถจะไปกับฉันได้ด้วยวิธีเดียวกันที่เหมือนกับฉันไปกลับโลกและดันเจี้ยน

ฉันสามารถจะยกเลิกการอัญเชิญได้เสมอถ้าหากมีวิ่งที่อันตรายเกิดขึ้น แต่ว่ามอนสเตอร์ที่ถูกฝึกมาอาจจะมีปัญหานิดหน่อย ทั้งพลีนและล็อทเต้จะต้องคึกคักกับการที่มากับฉัน แต่ว่าพลีนไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นกองกำลังในการต่อสู้ระดับสูงได้เพราะเธอไม่สามารถจะป้องกันตัวเองได้และพลังของเธอไม่ได้มีไว้สำหรับการต่อสู้โดยตรง นอกจากนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลังของเธอจะใช้งานได้ยังไงในการต่อสู้กับหนอนแมลง แม้ว่าฉันจะรู้สึกผิดที่ทิ้งเธอเอาไว้แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ในทางกลับกันล็อทเต้ก็ไม่ได้แพ้มากนักในด้านความแข็งแกร่ง นอกจากนี้เธอก็ยังมีรูปร่างของมนุษย์แล้ว เธอในตอนนี้เป็นพรรคพวกที่ไว้ใจได้

สำหรับสิ่งนี้ฉันมั่นใจได้เธอถ้าหากเธอใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมในตอนอยู่ในร่างมนุษย์น่ะนะ ฉันจึงได้เตรียมเสื้อหนังไว้ให้กับเธอ แม้ว่าในตอนแรกเธอจะปฏิเสธในการใส่มัน แต่ว่าเมื่อฉันโกรธและทำท่าทางเสียใจที่เธอไม่ยอมรับของขวัญนี้ เธอก็ขมวดคิ้วและใส่เสื้อลงไป หุหุทักษะในการจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันพัฒนาขึ้นแล้ว

ล็อทเต้ดูจะพอใจในตอนที่ฉันได้บอกพลีนว่าเธอมาไม่ได้แต่ล็อทเต้มาได้

"หุหุหุ เธอเห็นหรือยังล่ะเจ้าปลา? นี้คือสิ่งที่ฮีโร่เลือก"

"ฉันไม่ได้เป็นปลา! ฉันคือไซเรน"

"ไม่หรอก... มันก็แค่พลังของเธอมันไม่เหมาะกับสิ่งที่ฉันกำลังไปทำนะพลีน ช่วยอวยพรให้เรากลับมาอย่างปลอดภัยทีนะ"

"ฮิค... โอเค"

"เธอมั่นอ่อนแอ! เธอรู้ไหมว่าทำไมเจ้าปลา!"

"ฉันไม่ใช่ปลาแล้วก็ไม่ได้อ่อแอด้วย ชินบอกว่าฉันเป็นนักร้องที่ยอดเยี่ยม"

"เธออ่อนแอเพราะเธอขาดการฝึก..."

"การฝึก?"

"จ้า จ้า เราไปกันเธอล็อทเต้"

นับตั้งแต่ที่เธอได้เปลื่ยนมาเป็นร่างมนุษย์เธอได้เรียนรู้สึกแปลกๆมามากมาย

ยังไงก็ตามเวลาก็ได้ผ่านไปห้านาทีจนฉันต้องไปหาเลอบิคที่บาร์ ฉันได้รีบออกจากห้องไปกับล็อทเต้และมุ่งหน้าไปที่พื้นที่พักอาศัยในดันเจี้ยนที่หนึ่ง สิ่งแรกที่ฉันทำเลยก็คือรับภารกิจทหารรับจ้างต่างมิติ จากนั้นครู่หนึ่งที่ฉันได้เดินไปที่บาร์ผู้คนก็ได้จับจ้องมาที่ฉัน

"นั่นมันหัวหน้ากิลด์รีไวเวิร์ล"

"ฮีโร่ของโลกหรอ?"

"นายได้ดูแร้งของกิลด์ยัง? มันอยู่ B แล้ว"

"เฮ้ อย่าได้คิดแม้แต่จะไปยุ่งย่ามกับกิลด์นั้น กิลด์ผู้ดูแลได้ดูแลกิลด์นั้นอยู่"

พวกเราต่างจากแมงป่องทะเลทรายนะ พวกเราไม่ได้มีความต้องการจะใช้อำนาจของกิลด์ผู้ดูแลนะ แม้ว่าฉันจะต้องการบอกออกไปแต่ว่าฉันก็ไม่ได้ทำ กลับกันล็อทเต้ได้โกรธขึ้นแทน

"พวกเขากำลังว่าฮีโร่งั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าฉันคิดว่าฮีโร่เป็นคนที่อยู่สูงนะ แต่ว่ามันคือความจริงที่ว่าฮีโร่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ฉันยอมจำนน พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันที่มาด่าฮีโร่อยู่กลางถนน? ฉันจะต้องทดสอบความแข็งแกร่งของพวกนั้น"

"ล็อทเต้ขอร้องล่ะอย่าเลย นอกจากนี้อย่าใช้คำว่ายอมจำนนสิ"

"ฮีโร่ควรจะภูมิใจนะที่ทำให้ฉันยอมจำนนโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง นั่นมันได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของฮีโร่"

สภาพรอบๆของพวกเราได้เริ่มส่งเสียงดังขึ้น

"เฮ้ นายได้ยินที่ไหม?"

"ฉันเดาว่านั่นน่าจะเป็นผู้หญิงคนมันใหม่นะ ฉันคิดว่า...."

"โดยไม่ต้องใช้กำลัง... นั่นมันหมายความว่า..."

"ย๊ากกกกก"

"ฮีโร่?"

ฉันได้จับมือล็อทเต้ไว้และวิ่งไปที่บาร์ด้วยเส้นทางวายุ ที่นั่นฉันได้เห็นเลอบิคที่มีท่าทางเคร่งขรึมบนใบหน้า เธอสวมชุดเกราะในครั้งที่ฉันเห็นเธอรอบที่แล้วและมีดาบเคร์มอขนาดใหญ่สีดำสะพายอยู่บนหลัง

"นะ นายมาแล้ว ฉันได้คิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ว่าถ้าฉันได้เห็นใบหน้าของคุณเร็นในครั้งก่อน ฉันก็จะไม่---- กรี๊ดดด"

"ไปกันเถอะ"

ถ้าฉันยังอยู่ที่นี่ต่อไปก็จะมีแต่ชื่อเสียงของฉันดำดิ่งลงไปโดยที่ไม่ได้อะไรกลับมา เลอบิคก็ดูเหมือนจะให้เหตุผลที่ทำไมเธอถึงไปทวีปพาแนน แต่ว่าฉันขี้เกียจที่จะฟังเธอเล่า เธอน่าจะบอกว่าเธอแค่อยากจะเห็นเร็น

"เอาล่ะ ท่องมิติ"

"ดะ เดี๋ยวก่อน"

"ช้าไปแล้ว"

วิสัยทัศน์พื้นที่พักอาศัยได้ถูกละลายไป ราวกับว่าเป็นเพียงภาพน้ำที่ละลายลงมา จากนั้นโลกใบใหม่ก็ปรากฏขึ้น ท้องฟ้าที่มืดสนิทไม่มีให้เห็นแม้แต่ดวงดาวสักดวงในสายตา ทุกสิ่งได้เงียบสงบ เรากำลังอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งกลางป่าที่หนาทึบ

"ฉันบอกว่ารอเดี๋ยวไง เจ้าเด็..."

เลอบิคที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับฉันได้หยุดลง เธอได้ตัวแข็งทือและดูเหมือนจะมองไปที่อะไรที่อยู่ข้างหลังฉัน จากนั้นเธอก็ทรุดตัวลงราวกับขาอ่อน

ฉันได้หันกลับไปมอง ที่ตรงนั้นฉันได้เห็นเร็นที่จ้องมองมาที่ฉันด้วยตาที่เบิกกว้าง

"เร็น"

"นาย... นายมาจริงๆด้วย... ให้ตายสิ ฉันบอกนายไปแล้วนะว่าไม่ต้องมาแล้วทำไมกันล่ะ?"

เมื่อทักษะท่องมิติได้ใช้เพื่อทำภารกิจ ผู้ใช้ก็จะถูกวาปไปหาคนที่ทำการร้องขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่านี่จึงทำให้ฉันมาถึงตัวเร็นในทันที

เสียงของเร็นดูไม่เหมือนกับปกติ ในความจริงแล้วเสียงของเขาดูเหมือนจะถูกปิดกั้นจากอะไรสักอย่าง ฉันได้ปิดตาลง จากนั้นก็เปิดตากลับมาอีกครั้งหลังจากช่วงเวลาสั้นๆนั้นฉันได้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมแล้ว

"มันเป็นอาติแฟคงั้นหรอ?"

"ใช่ ฉันได้รับไอเทมที่ป้องกันไม่ให้เสียงส่งออกไปได้ไกล ฉันแน่ใจได้เลยว่าดันเจี้ยนเป็นที่ๆดี"

เร็นได้หยิบเอาจี้ห้าเหลี่ยมออกมาและยิ้มขึ้น จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาดูเหมือนจะจำได้ถึงสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้

"เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเปลื่ยนเรื่องเจ้าชาย มันยังไม่สายเกินไปนะ นายควรจะ-----"

"ถ้าฉันคิดว่ามันอันตรายฉันจะหนีไปเองไม่ต้องห่วง"

"....ในตอนนี้นายก็ยังพูดแบบนั้น ฉันเจ็บใจนะ"

หูที่ตั้งของเร็นได้ตกลง กำปั้นของฉันกำลังจะร้องไห้ในความน่ารักที่ไม่เหมาะกับใบหน้าของเร็น แต่ว่าฉันก็ได้กลืนแรงกระตุ้นนั้นลงไป

"ไม่ว่ายังไงก็เถอะ ฉันจะป้องกันไม่ให้เอล พาทิสเล็งมาที่เจ้าชายแม้ว่าสิ่งที่จ่ายคือชีวิตของฉันก็ตาม ฉันจะไม่หยุดนาย แต่ว่าถ้ามันเป็นอันตรายนายจะต้องกับไปเมื่อฉันให้สัญญาณ"

"ได้ ได้สิ ฉันเข้าใจแล้ว"

"ถ้างั้นก่อนอื่นฉันจะแนะนำเด็กๆให้กับนายย พวกเขายังไม่สามารถจะพักได้สักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงล้มตัวลงไปได้ทุกเมื่อที่เมื่อเขามีโอกาส หุหุนายจะต้องแปลกใจแน่ๆกับความน่ารักของพวกนั้น"

หูของเร็นได้ขยับไปมาและแสดงความรักต่อเด็กๆออกมา ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้เห็นเหตุผลที่เร็นพยายามอย่างหนัก... ฉันได้หยักหน้าและแตะที่ไหล่ของเร็นเบาๆ

"เร็น...ฟู่ ฉันเข้าใจนายเร็น มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้"

"อื้อ? ขอบคุณนะที่เข้าใจ... แต่ว่าเข้าใจอะไรล่ะ? ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงที่อยู่ถัดจากนายเป็นใครนะ? ทหารรับจ้างต่างมิติหรอ?"

เร็นผู้ซึ่งไม่มีภูมิคุ้มกันต่อผู้หยิงได้ถูกกระตุ้นให้สังเกตที่ล็อทเต้ฉันจึงได้แนะนำเธอ

"เธอเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน"

"ฉันชื่อล็อทเต้ ฮีโร่ได้มอบชื่อนี้ให้กับฉัน อย่าได้สร้างปัญหาให้ฮีโร่นะเจ้าสิงโต"

"สัตว์เลี้ยง!?"

"เจ้าเด็กใหม่นายมันแย่ที่สุด!"

"...เอ๊ะ?"

จากนั้นเร็นก็ได้สังเกตุเห็นถึงคนที่นั่งอยู่กับพื้น เลอบิคได้ปิดปากของเธอทันทีแต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว เร็นได้เห็นเลอบิคและเบิกตากว้าง

"เซอร์... เลอบิค..."

"อะ องค์เหนือหัว...."

เลอบิคได้รีบทำความสะอาดเกราะและแสดงความเคารพเร็นอย่างรวดเร็ว

"ถ้างั้นจริงๆแล้วคุณยังมีชีวิตอยู่เซอร์เลอบิค"

"กะ กะหม่อมต้องขออภัย... แม้ว่ากะหม่อมจะมีสิบปากก็ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรใดๆ"

หูเลอบิคได้ตกลงจนชิดกับผม พูดตรงๆหูของพวกเขานี่มันน่าสนใจมาก

ยังไงก็ตามเร็นได้ระเบิดหัวเราะออกมา หูของเขาดูเหมือนจะกระดุกกระดิ้กด้วยความยินดี

"ฉันดีใจมาก! ฉันมีความสุขที่สุดเลยที่คุณยังมีชีวิตอยู่เซอเลอบิค"

"องค์เหนือหัว...."

"ฉันรู้สึกเป็นห่วงว่าเซอร์เลอบิคจะเสียโอกาสที่จะกลับไปในดันเจี้ยนซะอีก นอกจากนี้ความภักดีของเซอร์เลอบิคคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของเรา"

"มะ ไม่หรอกองค์เหนือหัว กะหม่อมก็แค่แมวที่พ่ายแพ้และหันหลังหนีไปจากการต่อสู้กับศัตรู"

เธอเป็นแมวสินะ....ในขณะที่ฉันกำลังจินตนาการภาพลักษณ์ของแมวที่พ่ายแพ้ เร็นก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและตบไปที่บ่าของเธอเบาๆ

"เงยหน้าขึ้นเถอะเซอร์เลอบิค เหตุผลเดียวที่ฉันยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ก็เพราะวิชาดาบที่ท่านได้สอนฉัน นอกจากนี้นฉันก็รู้สึกประทับใจมากที่ท่านยังไม่ได้ลืมฉันและกลับมา"

"ท่านเร็น...."

อ่า หางของเธอส่ายด้วยแหละ หางที่ยื่นออกมาจากชุดเกราะได้สะบัดไปมาอย่างยินดี นี่มันน่าทึ่งมากเลยนะ

ด้วยความกังวลว่าเลอบิคจะกระโดดไปบนตัวเร็นฉันได้รีบยื่นมือขึ้นไปขัดระหว่างพวกเขา

"เอาล่ะในตอนนี้ขอให้เรื่องความสุขที่ได้เจอกันเก็บเอาไว้ก่อนนะ เร็นเราจะเดินทางกันตอนไหน?"

"อืม ฉันต้องการที่จะให้เด็กๆได้หลับนานหน่อยนะ แต่ว่าพวกเราจะต้องออกเดินทางก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น เทคนิคการแกะรอยของพวกนักฆ่ามันน่ารำคาญจริงๆ"

"องค์เหนือหัว กะหม่อมขอสาบายเลยว่ากะหม่อมจะปกป้ององค์เหนือหัวไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

"ฉันอยากจะให้ท่านมีชีวิตรอด"

"องเหนือหัว ไม่ กะหม่อมจะ...!"

"พวกมนุษย์สัตว์นี่ก็แปลกนะ ทำไมพวกนายถึงคิดกันแต่เรื่องตาย?"

"ฉันก็เพิ่งจะถามคำถามเดียวกันกับเธอนะล็อทเต้"

นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดจะพูด ฉันรู้ว่าเลอบิคกำลังวางแผนที่จะเสียสละเพื่อเร็น

พูดตามตรงเมื่อฉันได้บอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ ฉันก็คิดว่าเธออาจจะไม่มาด้วยซ้ำ ฉันไม่มีทางเข้าใจเลยจริงๆถ้าหากมันเป็นเรื่องของความรักหรือความภักดีที่ผลักดันเธอ ฉันเพียงแค่หวังว่าเธอจะทำในสิ่งที่ดีเพื่อเธอและเร็น

"ผลไม้"

ล็อทเต้ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับร่างมนุษย์ของเธออย่างสมบูรณ์ เธอได้กระโดดขึ้นไปสูงมากและหยิบเอาผลไม้ที่ห้อยอยู่ลงมาก จากนั้นเธอก็เช็ดมันและกัดลงไป การเคลื่อนไหวของเธอมันค่อนข้างจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ แม้ว่าเธอจะอยู่ในรูปแบบมนุษย์เธอก็ยังมีร่องรอยของร่างจริงอยู่ ตัวอย่างที่ชัดที่สุดเลยก็คือฟันที่คมของเธอ ฉันได้รับผลไม้ที่เธอส่งมาหลังจากกัดลงไปและกัดผลไม้นั้น จากนั้นก็ถามเร็น

"การบินมันเป็นความคิดที่ไม่ดีหรอ?"

"พวกเราไม่มีทางบินได้ แม้ว่าพวกเราจะทำแบบนั้นท้องฟ้าก็ยังเต็มไปด้วยศัตรู ความจริงแล้วที่เราอยู่ในป่าอย่างตอนนี้ก็เพื่อไม่ให้ฝูงบินของศัตรูเห็นพวกเรา"

"เร็นนายช่วยวาดแผนที่ในการไปชายฝั่งได้ไหม?"

"ฉันมีแผนที่อยู่ ฉันจะเอามาให้นายดู"

"เจ้าเด็กใหม่ นายดูจะชำนาญในเรื่องแบบนี้..."

"เธอกำลังพูดอะไรเลอบิค? สำหรับอัศวินแล้วเธอต่างหากที่ดูไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้"

"นาย...!"

"เซอร์เลอบิคมีประสบการณ์ที่นเอยในสงคราม เธอเป็นอัศวินองค์รักษ์และคุณครูสอนดาบ โปรดเข้าใจด้วยเจ้าชาย เธอมีประสบการณ์ในการบังคับบัญชาทหารและต่อสู้ในสนามรบ มันไม่ถูกนะที่จะเทียบเซอร์เลอบิคกับเจ้าชาย"

ครู่หนึ่งฉันก็ได้พิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดมา แต่ว่าเมื่อฉันได้มองไปที่เลอบิคที่กำลังจะร้องไห้ ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ฉันได้หยักหน้ารับอย่างเข้าใจและกัดผลไม้ลงไปอีกคำ จากนั้นเองล็อทเต้ก็ได้อุทานออกมา

"ฮีโร่มีหนอนอยู่ในผลไม้นั่น"

"กรี๊ดดดดดดดดดด!"

"เจ้าชายรัชทายาท!?"

จากนั้นฉันก็ได้สั่นอยู่ 30 วินาที แต่ว่าโชคดีที่มันไม่ใช่หนอนสมอง ขอบคุณพระเจ้า... แต่ว่าเพียงเมื่อตอนฉันกำลังจะแสดงความกล้าออกมามันก็เป็นแบบนี้ ฉันอยากจะขุดหลุมไปหลบจริงๆเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด