ตอนที่แล้วบทที่ 127 กวาดล้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 129 ท่าไม้ตายขั้นสูงสุด

บทที่ 128 ตราประทับผู้ปกครอง


เจตจำนงแห่งการสังหารยังไม่ได้เข้าครอบงำเจียงอี้อย่างสมบูรณ์ซึ่งยังทำให้เขาหลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง หลังจากที่ได้ยินคำข่มขู่ของกู้ซานเหอ ร่างของเขาถึงกับสั่นสะท้านและเบนสายตาไปมองอีกฝ่าย

“ตอนนี้แหละ!”

บนท้องฟ้า ดวงตาของเจียงนี่หลิวฉายแววเจ้าเล่ห์ เขารีบบังคับให้รถม้าสงครามศักดิ์สิทธิ์โบราณมุ่งยังไปตำแหน่งของซูรั่วเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะใช้นางเป็นตัวประกันในการต่อรองกับเจียงอี้

ฟิ้ววว!

ร่างของเจียงอี้ทะยานเข้าหาซูรั่วเสวี่ยเช่นเดียวกัน เขาผสานแก่นแท้พลังสีดำหลายสิบเส้นเข้ากับขาและระเบิดความเร็วอันบ้าคลั่งออกมา

“ขัดขวางมันไว้! อย่าให้มันเข้ามาใกล้ข้า!”

แม้ว่ากู้ซานเหอจะกำกระบี่ยาวไว้แน่น แต่ร่างของเขากลับกำลังสั่นด้วยความกลัว เขากดปลายกระบี่ไปที่คอของซูรั่วเสวี่ยซึ่งทำให้โลหิตสีแดงฉานไหลออกมาจากคอของนางเพื่อเป็นการเตือน

กู้ซานเหอไม่กล้าให้เจียงอี้เข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ มิฉะนั้น หากสัมผัสกับจิตสังหารของอีกฝ่ายเข้า ตัวเขาเองคงไม่มีแรงพอที่จะถืออาวุธเป็นแน่

“อ๊ะ!”

ซูรั่วเสวี่ยไม่สามารถขยับร่างกายได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว แต่เมื่อสัมผัสกับความเจ็บปวดที่ลำคอ นางก็เผลอคร่ำคราญออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อเจียงอี้เห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของซูรั่วเสวี่ย ร่างของเขาก็หยุดชะงัก แม้ว่าเจตจำนงแห่งการสังหารจะบอกให้เขาฉีกศัตรูให้เป็นชิ้นๆ แต่เศษเสี้ยวของสติที่หลงเหลืออยู่ก็บอกให้เขาหยุด มิฉะนั้นซูรั่วเสวี่ยจะต้องตาย

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

แต่ทันใดนั้นเอง เสียงเล็กแหลมของวัตถุบางอย่างกำลังพุ่งออกมาจากทางด้านหนึ่งของป่าซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ลูกดอกหน้าไม้กว่าสิบลูกถูกยิ่งออกมาเงียบๆและตรงเข้าหากู้ซานเหอกับผู้บัญชาการหลิว

“หืม?!”

ผู้บัญชาการหลิวเป็นถึงจอมยุทธขอบเขตฉูติ่งขั้นสูงสุด ความเร็วในการตอบสนองของเขาย่อมเหนือชั้นเป็นธรรมดา เขาสังเกตเห็นลูกดอกหน้าไม้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันโผล่ออกมาและรีบร้องเตือน “ท่านกู้ ระวัง!”

กู้ซานเหอที่ตกอยู่ในความตรึงเครียดรีบหันกลับมามอง ตัวเขาที่กำลังตื่นตระหนกอยู่แล้วก็รีบเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ประเสริฐ! เช่นนั้นก็ตาย—!”

ดวงตาของเจียงอี้เผยให้เห็นความคุ้มคลั่งขณะที่กู่คำราม ผมสีดำยาวของเขาปลิวไปตามแรงลมขณะที่ทะยานเข้าหากู้ซานเหอและผู้บัญชาการหลิวราวกับสัตว์ร้าย

ครื้นนน!

เนื่องจากสัมผัสกับรัศมีของจิตสังหารที่ถูกปลดปล่อยโดยเจียงอี้ มันทำให้ความเร็วของกู้ซานเหอและผู้บัญชาการหลิวลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย โชคดีที่ผู้บัญชาการหลิวไหวตัวทันและหลบพ้นลูกศรหน้าไม้ได้อย่างฉิวเฉียด

ส่วนกู้ซานเหอนั้นมีสภาพที่น่าสังเวชยิ่งนัก ร่างของเขาถูกยิงทะลุโดยลูกศรหน้าไม้ไม่ต่ำกว่าสามหรือสี่ลูก หน้าอกของเขาถูกทะลวงส่งผลให้เขาตายคาที่

ฟิ้วว!

มีลูกศรหน้าไม้จำนวนหนึ่งหลุดเข้าไปถึงตัวเจียงอี้ แต่โชคดีที่เขาอยู่ค่อนข้างไกลจึงทำให้มีเวลาเตรียมรับมือ เขากระโจนขึ้นจากพื้นและม้วนตัวหลบลูกศรหน้าไม้ที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อกลับลงพื้นอีกครั้ง เจียงอี้ก็ไม่รีรอและวิ่งตรงเข้าไปหาซูรั่วเสวี่ยในทันที เขาถอนหายใจเล็กน้อยเพราะมั่นใจว่าในระยะใกล้ขนาดนี้มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะมีใครลงมือทำร้ายนางได้อีก

“จ้านอู๋ซวง! ในเมื่อเจ้าแส่เข้ามายุ่งเรื่องของข้า ทำไมถึงไม่รีบเผยตัวออกมา?!”

เจียงนี่หลิวยังคงอยู่บนรถม้าสงครามและไม่กล้าที่จะบังคับให้มันร่อนลงไปด้านล่าง ดวงตาของเขาจับจ้องยังมุมหนึ่งของป่าด้วยความอาฆาต

เป็นที่รู้กันดีว่าหน้าไม้สังหารเทพนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์หายาก ลูกศรหน้าไม้ของแต่ละตระกูลจะถูกจำแนกโดยสีของมัน ยกตัวอย่างเช่น ของตระกูลเจียงเป็นสีแดง, ของตระกูลเฉียนเป็นสีดำ และของตระกูลจ้าน… เป็นสีเงิน!

“ฮ่าฮ่า ข้าอยู่นี่แล้วไง!”

ร่างเงาหลายสิบร่างค่อยๆโผล่ออกมาจากป่าโดยมีจ้านอู๋ซวงเป็นผู้นำกลุ่ม ดวงตาอันหยิ่งทะนงและดื้อรั้นของเขาจ้องมองไปที่ร่างของเจียงนี่หลิว ในเวลาเดียวกันมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเย้ยหยัน

สีหน้าของเจียงนี่หลิวบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ เมื่อถูกกลุ่มของจ้านอู๋ซวงขัดจังหวะ เขาก็ไม่สามารถจับซูรั่วเสวี่ยมาเป็นตัวประกันได้อีก เขาจ้องมองไปที่จ้านอู๋ซวงราวกับต้องการจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่ายและคำราม

“จ้านอู๋ซวง เจ้าต้องการที่จะล่วงเกินตระกูลเจียง? เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้ากำลังจะทำให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลใหญ่?! เจ้ามั่นใจหรือว่าจะสามารถรับผลที่ตามมาได้?”

“เจียงนี่หลิว! เจ้าอย่าได้นำเรื่องของตระกูลขึ้นมากล่าวอ้าง! อีกอย่างนะ… คนอย่างเจ้ามันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นตัวแทนของตระกูลเจียง!”

จ้านอู๋ซวงหัวเราะด้วยความเหยียดหยามและเบนสายตาไปมองเจียงอี้

“บางที จอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกคงจะไม่โกรธแค้นกับการกระทำของข้าในวันนี้และอาจจะขอบคุณข้าเสียด้วยซ้ำ! เจียงอี้ถือว่าเป็นพี่น้องของข้า หากเจ้าต้องการแตะต้องเขา เช่นนั้นก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”

“ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดให้มากความ ขอให้คนของเจ้าถอยกลับมาเสีย!”

จ่างซุนอู๋จี้กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา จากนั้นเขาก็ลดเสียงต่ำลงและกล่าวกับเจียงนี่หลิว “ความแข็งแกร่งของเจียงอี้นั้นน่ากลัวเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสุสานราชันสวรรค์แห่งนี้ หากพวกเราไม่ถอยตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”

“ถอย? จะให้ไปที่ไหนได้อีก? เจ้าจะรอให้มันมากวาดล้างพวกเราทีหลังหรือยังไง?”

ใบหน้าของเจียงนี่หลิวบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิมขณะกัดฟันแน่นและเอ่ย “พวกเราไม่สามารถถอยได้แล้ว ท่านพ่อคงรู้แล้วว่าข้านำหน่วยองครักษ์เกราะเหล็กโลหิตมาด้วย หากไม่ฆ่าเจียงอี้เสียตอนนี้ พวกเราจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”

“ทุกอย่างคือการเดิมพัน อู๋จี้ ประสานการโจมตีกับข้า ข้าจะนำตราประทับผู้ปกครองออกมาและสังหารมันเสีย!”

“ตราประทับผู้ปกครอง?”

ม่านตาของจ่างซุนอู๋จี้หดแคบลงขณะอุทาน “นี่หลิว เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายังไม่สามารถปรับแต่งอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ไม่ใช่รึ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดข้อผิดพลาดแล้วมันย้อนกลับมาเล่นงานเจ้า? หากเป็นเช่นนั้นเจ้าเสร็จแน่!”

ตราประทับผู้ปกครองเป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มันถูกค้นพบในโบราณสถานแห่งหนึ่งโดยเจียงเปี๋ยหลีที่อยู่ในวัยเยาว์ เจียงเปี๋ยหลีพึ่งพาตราประทับผู้ปกครองในการเข่นฆ่าผู้เชี่ยวชาญมานับไม่ถ้วน

แต่หลังจากที่เขาทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้สำเร็จ มันก็ไม่มีประโยชน์กับเขาอีกต่อไป จากนั้นมันก็ถูกมอบให้กับเจียงนี่หลิวในวัยสิบห้าปี

เนื่องจากตราประทับผู้ปกครองเป็นถึงอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ จ่างซุนอู๋จี้จึงทราบดีว่าเจียงนี่หลิวยังไม่สามารถปรับแต่งมันได้อย่างสมบูรณ์เพราะความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ หากเจียงนี่หลิวดึงดันที่จะใช้มัน เขาก็มีโอกาสที่จะถูกมันแว้งกลับมาเล่นงาน

เจี่ยงนี่หลิวเมินเฉยต่อคำพูดของจ่างซุนอู๋จี้ เขากวาดมองไปยังกองทัพทหารตะวันตกที่อยู่เบื้องล่างและตะโกน “สมาชิกตระกูลเจียงและหน่วยองครักษ์เกราะเหล็กโลหิต จงฟังคำสั่งของข้า! รีบสังหารเจียงอี้เสีย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ลูกหลานของพวกเจ้าจะได้รับการดูแลอย่างดี!”

จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปหากลุ่มจอมยุทธที่อยู่ใกล้ๆและตะโกนอีกครั้ง

“ทุกคนฟังข้า! ข้า เจียงนี่หลิว บุตรชายของจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตก! หากใครสามารถเด็ดหัวของชายผู้นี้มาได้ ข้าจะให้รางวัลเป็นเงินห้าล้านตำลึงทองและอาวุธระดับสวรรค์หนึ่งชิ้น!”

“อะไรนะ?!”

“เหลือเชื่อ!”

คำป่าวประกาศของเจียงนี่หลิวได้ปลุกปั่นความโกลาหลขึ้นในทันที ไม่ต้องเอ่ยถึงอาวุธระดับสวรรค์ เพียงแค่เงินห้าล้านตำลึงทองก็เพียงพอให้จอมยุทธผู้หนึ่งสามารถใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยได้หลายชั่วอายุคนแล้ว

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขามาที่นี่? ไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งและสมบัติหรอกหรือ?!

ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!

ดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังร่างของเจียงอี้ แม้ว่ากลิ่นอายสังหารของเขาจะปลูกฝังความหวาดกลัวไว้ในหัวใจของผู้คน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาและยังไม่ได้บรรลุขอบเขตเสินโหยว

หากเจียงอี้ไม่สามารถปลดปล่อยการโจมตีอันเด็ดขาดและสังหารพวกเขาทันที นั้นก็หมายความว่าพวกเขายังมีโอกาสที่จะฆ่าเจียงอี้ได้ ขอแค่อีกฝ่ายเผยช่องว่างเพียงครั้งเดียว มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง

“บ้าเอ้ย!”

จ้านอู๋ซวงอุทาน เจียงนี่หลิวเป็นถึงบุตรชายของเจียงเปี๋ยหลีดังนั้นเขาจึงเชี่ยวชาญในการล่อลวงจิตใจคน เขายอมแม้กระทั่งเสียสละคนของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขายอมเทหน้าตักเพื่อเดิมพันแล้ว

คนอื่นอาจจะไม่ทราบ แค่จ้านอู๋ซวงรู้ดีว่าเจียงนี่หลิวครอบครองอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้นเอง เหล่าจอมยุทธต่างก็พุ่งเข้าหาเจียงอี้จากทุกทิศทาง ในเวลาเดียวกันจ้านอู๋ซวงก็รีบนำคนของเขาถอยกลับในทันที

“เจียงอี้หนีเร็ว!!”

อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ยังคงเฉยเมยราวกับว่าไม่ได้สนใจเหล่าจอมยุทธที่กำลังทะยานเข้ามา เขาย่อตัวลงไปบนพื้นและใช้แขนทั้งสองข้างอุ้มซูรั่วเสวี่ยขึ้นมา แม้ว่าดวงตาของเขาจะดูน่ากลัว แต่เขาก็เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนออกมาก่อนที่จะกล่าว

“ซูรั่วเสวี่ย เป็นข้าเองที่มาช้าและปล่อยให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ไม่ต้องห่วง ทุกคนที่รังแกท่าน… ข้าจะกำจัดพวกมันให้หมด!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด