32 เขาเป็นสัตว์ประหลาด!
32 เขาเป็นสัตว์ประหลาด!
เมื่อได้เห็นความบ้าคลั่งที่หลี่เย้าแสดงออกมาแล้ว ซุนเปียวก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัวที่ระเบิดพลังออกมา ได้ทำให้ซุนเปียวนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เขาจมจ่อมอยู่ในภาพความทรงจำเก่าก่อน
ภาพสะท้อนของหลี่เย้าในสายตาของซุนเปียว ค่อยๆกลายเป็นภาพของอีกคนที่สูงใหญ่ซ้อนทับอยู่
เสียงเรียกเข้าที่ดังจิ๊บๆมาจากมุมขวาล่างของหน้าจอโฮโลแกรม พร้อมกับการสั่นสะเทือนตรงบริเวณขอมือของซุนเปียว จึงได้ทำให้เขาหลุดออกมาความคิดของเขา เขากลืนน้ำลาย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับคอที่แห้งผากของเขา เขาพาตัวเองเดินออกไปจนพ้นสายตาของหลี่เย้า และกดเปิดข้อความe-craneขึ้นมา
ภาพที่ฉายออกมา เป็นภาพของเงาร่างที่สะอาดตาและสง่างาม ที่มาพร้อมกับความเย็นเยียบ ยืนอยู่ตรงกลางของหน้าจอโฮโลแกรม
“เหล่าซุนคะ ฉันเห็นว่าคุณได้พาตัวเด็กคนนั้นไปแล้ว ฉันขอบคุณสำหรับเรื่องนี้มากเลยนะคะ!”
ซุนเปียวหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “แม่หนูเสี่ยวเสวี่ย เธอถึงกับไปขอกับพ่อของเธอ เพื่อให้มาพูดกับตาแก่คนนี้ด้วยตัวเอง แล้วฉันจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? แต่ว่า ระหว่างเธอกับเจ้าหนูนั่นมีความสัมพันธ์อะไรกันเหรอ? ทำไมเธอถึงอยากจะช่วยเขาล่ะ?”
ซือเจียเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย มันดูคล้ายกับว่า เธอนั้นไม่ได้อยากจะไปมีความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับคนแบบหลี่เย้าเลยสักนิด เธอได้อธิบายออกไปด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “เหล่าซุนคะ ระหว่างฉันกับเจ้าคนชั่วนั่น ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยสักนิด แค่เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันได้เอางานไปให้เขา ช่วยซ่อมคริสตัลโพรเซสเซอร์รุ่นเก่าที่คุณยายของฉันทิ้งเอาไว้ให้ แล้วเฮ่อเหลียนเลี่ย ก็ทำตัวราวกับหมาบ้าไปหาเรื่องเจ้าคนชั่วนั่นเอง แล้วก็แน่นอนว่า ฉันไม่สามารถปล่อยให้เขาถูกหมาบ้าอย่างเฮ่อเหลียนเลี่ยกัดเอาได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว จะมีใครกล้าเข้าใกล้ฉันได้อีกละคะ?”
ซุนเปียวยกคิ้วขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา “เรื่องมันมีแค่นี้เองเหรอ? ไม่ใช่ว่า เพราะแม่หนูเสี่ยวเสวี่ยตกหลุมรักกับเจ้าเด็กนั่นหรอกเหรอ?”
“เขาเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ!” ซือเจียเสวี่ยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ซุนเปียวไม่คิดว่าจะได้รับปฏิกิริยาตอบกลับแบบนี้ เขาพูดออกมาว่า “แม้แต่คนที่โดดเด่นขนาดนี้ก็ยังไม่ดีพอสำหรับเธอ แม่หนูเสียวเสวี่ย มาตรฐานของเธอนี่สูงจริงๆเลยนะ!”
ซือเจียเสวี่ยหัวเราะออกมาเบาๆ และเปลี่ยนเรื่อง ชายชราและเด็กสาวได้คุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อย ซุนเปียวตัดสัญญาณการติดต่อและเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงคำรามของหลี่เย้า
“เซตที่เจ็ด เริ่ม!”
“เจ้าสัตว์ประหลาดนี่! เป็นไปไม่ได้! เขาจะใส่ ‘กิฟอัพ’ แล้วทำสควอซครบ 10 เซตได้จริงๆน่ะเหรอ?” ซุนเปียวรู้สึกประหลาดใจจนชาเหน็บไปถึงหนังศีรษะ เขาเกาศีรษะพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย หลังจากนั้นสักพัก เขาก็หาชื่อหนึ่งในรายชื่อ แล้วส่งข้อมความอีแครนออกไป
ไม่นาน ภาพของนกกระดาษก็บินออกไปจากมุมขวาล่างของหน้าจอโฮโลแกรม มันสยายปีกออก แล้วกลายเป็นภาพสามดีที่ของคนคนหนึ่ง พูดให้ชัดก็คือ มันคือดาบปีศาจเผิงห่าย
เผิงห่ายนั้นกำลังนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลาย พร้อมกับมีถาดใส่ผลไม้ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา เผิงห่ายได้เปล่งเสียงของความพึงพอใจออกมา เมื่อเขาได้จุมตัวลงไปในน้ำ
เผิงห่ายหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ตาแก่ ผมกำลังคิดอยู่พอดีว่า จะชวนคุณไปกินข้าวเย็นด้วยกันคืนนี้ แล้วถามเรื่องของคนคนหนึ่ง คุณพอจะรู้บ้างไหมว่า ในโรงเรียนของเรามีนักเรียนที่อยู่ใน ‘ระดับสัตว์ประหลาด’แล้วเพิ่งจะเรียนจบไปไม่กี่ปีนี้บ้างรึเปล่า?”
“ระดับสัตว์ประหลาดเหรอ? หลายปีมานี้ ไม่เห็นจะมีต้นกล้าดีดีเลยสักต้น มีแต่พวกระดับธรรมดากันทั้งนั้น ฉันต้องลองคิดดูดีดีก่อน! โอ้! เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ ฉันมีข่าวน่าตกใจข่าวหนึ่งอยากจะบอกเธอน่ะ...เธอยังจำชุดที่ฉันออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเธอเมื่อหลายปีก่อนได้อยู่ไหม? ‘กิฟอัพ’?” ซุนเปียวถูมือของเขา ด้วยความต้องการที่อยากจะให้เผิงห่ายรู้สึกกลัว
ใบหน้าของดาบปีศาจเผิงห่ายเริ่มบิดเบี้ยว เมื่อเขานึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำที่โหดร้ายในครั้งนั้น เขากัดฟันและพูดออกมาด้วยความเดือดดาลว่า “แน่นอน ผมจำได้อยู่แล้ว! คุณมันตาเฒ่าเจ้าเล่ห์! ถึงได้ทำอาร์ติเฟ็กซ์ที่เลวร้ายขนาดนั้นออกมาได้! ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะถูกเรียกว่า ‘ตัวอันตรายของเหล่าผู้ฝึกตน’ คุณมันชั่วร้าย!”
ซุนเปียวหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ด้วยความรู้สึกพอใจกับชื่อเรียกนี้ “ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบไป ชุดนี้ก็ถูกทิ้งเอาไว้ที่มุมห้องมาตลอด แล้วฉันก็ไม่เคยเอามันออกมาใช้อีกเลย แต่วันนี้ มีนักเรียนคนหนึ่งใส่มันเข้าไปล่ะ!”
“อะไรนะ?”
ดาบปีศาจเผิงห่ายตกใจจนนิ่งอึ้งไป พร้อมกับใบหน้าที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาพูดว่า “ตาแก่ตายยาก จิตใจของคุณมันชั่วร้ายมากจริงๆ ของแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะเอาไปให้ใครใส่ก็ได้นะ มันเป็นของที่ทรมานคนใส่ จนถึงขั้นทำร้ายจิตใจของพวกเขาได้เลยนะ!”
ซุนเปียวรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย เขาบ่นออกมาว่า “ตอนแรก ฉันไปเจอเด็กที่กำลังได้ใจมากคนหนึ่ง ฉันแค่อยากจะผลักเขาให้ร่วงลงมาจากหลังม้า แล้วสอนบทเรียนเขาสักหน่อย หลังจากนั้นอีกสองนาที เขาก็ควรที่จะร้องไห้หาแม่และพ่อ แล้วก็ถอดชุดนั้นออกอย่างเชื่อฟัง ใช่ไหมล่ะ? ใครจะไปคิดว่า พอเจ้าเด็กนั่นได้ใส่ชุดนั้นเข้าไปแล้ว เขายังต้องการมันอีก! พอได้ใส่เข้าไปแล้ว เขาก็ไม่ยอมถอดมันออก! แล้วเขาก็ยังทำสควอซได้ 7 เซตภายในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ...ไม่ใช่สิ แต่เป็น 8 เซต พร้อมกับยกน้ำหนัก 300 กิโลไปด้วย!”
ดาบปีศาจเผิงห่ายถามออกไปด้วยความประหลาดใจว่า “โรงเรียนซื่อเซียวที่สองมีอัจฉริยะแบบนั้นอยู่ด้วยอย่างงั้นเหรอ? ทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะ? อย่าบอกนะว่า เขาไม่ใช่เด็กปี 3 แต่เป็นเด็กปีสองหรือไม่ก็ปีหนึ่งน่ะ?”
ซุนเปียวชูนิ้วขึ้นมา แล้วส่ายไปมาเบาๆ “เปล่า เขาไม่ใช่อัจฉริยะ”
“ไม่ใช่อัจฉริยะเหรอ?” เผิงห่ายขมวดคิ้ว
ซุนเปียวหรี่ตา แล้วพูดออกมาความท่าทีจริงจังว่า “คิดถึงตอนที่ฉันสร้าง ‘กิฟอัพ’ ออกมา เธอเพิ่งจะอายุได้ 14 ปี แต่อัตราการตื่นของรากวิญญาณของเธอก็ไปถึง 100% แล้ว! เธอยังสามารถเชื่อต่อกับพลังฟ้าดินและดึงพลังเข้าสู่ร่างกายของเธอได้ เธอมีร่างกายที่แข็งแกร่ง และจิตวิญญาณของเธอก็หนักแน่น ดังนั้น เธอจึงเหมาะสมที่จะใช้งาน ‘กิฟอัพ’ได้!”
ซุนเปียวหยุดไป เขาสูดหายใจเข้าและออก มันราวกับว่า จนกระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาได้เห็นมากับตาตัวเอง แล้วเขาก็พูดต่อไปว่า “แต่เด็กคนนี้อายุได้ 18 ปีแล้ว และมีอัตราการตื่นของรากวิญญาณอยู่ไม่เกิน 60% แล้วร่างกายของเขาก็ไม่ต่างจากเด็กธรรมดาคนหนึ่ง เขาได้ใช้ร่างกายนั้นรวมเข้ากับจิตใจที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว ในการฝืนทนใส่ ‘กิฟอัพ’! อัจฉริยะในการบ่มเพาะแบบเธอนั้น ร้อยปีถึงจะมีสักคน แต่คนแบบเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าคือ...สัตว์ประหลาดชัดๆ!”
ดาบปีศาจเผิงห่ายรู้สึกตื่นเต้นไปกับเรื่องนี้ด้วย เขาไม่เคยคิดเลยว่า ครูของเขาจะมองเด็กคนนี้เอาไว้สูงมาก และมันทำให้เขารู้สึกสนใจตามไปด้วย “ตาแก่ ส่งวิดีโอมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา โอ้ จริงด้วย ฉันมีวิดีโอการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นของเขาด้วยนะ ฉันจะส่งไปให้เธอดูทั้งสองอย่างเลยแล้วกัน ถึงแม้ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะอยู่ในระดับเด็กน้อยอยู่ แต่ถ้าดูจากสัญชาตญาณการต่อสู้ และการใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัวของเขาแล้วละก็...ฮี่ฮี่ สิ่งที่ฉันจะพูดอาจจะทำให้เธอไม่พอใจได้ แต่ดูเหมือนว่า เขาเหมาะจะรับช่วงต่อมรดก ‘ตัวอันตรายของเหล่าผู้ฝึกตน’ มากกว่าเธอนะ!” ซุนเปียวหัวเราะออกมาอย่างหยาบคาย ในตอนที่เขาส่งวิดีโอไปให้เผิงห่าย
“ทำไมผมจะต้องไม่พอใจด้วยล่ะ? ตอนนี้ ผมอยู่ในแวดวงของผู้ฝึกตนอย่างเต็มตัวแล้ว และผมก็ไม่กล้าที่จะกลายเป็นที่จดจำว่าเป็น ลูกศิษย์ของ ‘ตัวอันตรายของเหล่าผู้ฝึกตน’ เลยสักนิด ไม่อย่างนั้นละก็...ผมกลัวว่า ทุกๆนาทีจะมีกลุ่มคนที่มาเรียกร้องความยุติธรรม, นักล่าปีศาจ, พวกคนขับไล่ภูตผี, อัศวินมาสร้างปัญหาให้กับผมน่ะสิ ผมต้องพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะรับช่วงต่อมรดกชิ้นนี้ของคุณแทนผมอยู่แล้ว!”
เผิงห่ายหัวเราะคิกคัก ในตอนที่เขาได้รับวิดีโอมา เขาเปิดมันขึ้นมาอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
ยิ่งเขาได้ดูวิดีโอนานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งนั่งตัวตรงมากขึ้น และแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ลึกลงไปในดวงตาของเขา ได้มีประกายของความรื่นเริงสาดส่องออกมา
“เป็นยังไง? ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? ฉันคิดถึงเด็กที่เพิ่งจะจบไป แล้วอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดอย่างที่เธอกำลังตามหาอยู่ไม่ออกเลย แต่ถึงยังไง หลายปีมานี้ สัตว์ประหลาดที่พอจะสามารถทำให้ฉันต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออก ก็เห็นจะมีแค่เด็กคนนี้เท่านั้นแหละ! ถ้าเธอสนใจ ทำไมไม่ลองมาที่นี่ แล้วพูดคุยกับเจ้าเด็กนี่ดูล่ะ?” ซุนเปียวหัวเราะออกมา
“ไม่จำเป็นหรอก คุณคุยกับเขาโดยไม่มีผมได้เลย แล้วหลังจากนั้น ผมจะ ‘คุย’ กับเขาตลอดทั้งคืน และเล่นกันจนฟ้าสางเลยล่ะ!” ดาบปีศาจเผิงห่ายพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นประกาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขานั้นช่างดูน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด