31 ฉันไม่ใช่ปลาเค็ม!
31 ฉันไม่ใช่ปลาเค็ม!
ในใจของหลี่เย้าร้องตะโกนออกมา “แย่แล้ว” ภายในใจของเขา ได้ถามตัวของเขาเองว่า ทำไมตัวถึงได้เอาการฝึกฝนที่โหดร้ายของนิกายโบราณเมื่อ 40,000 ปีก่อนมาตั้งเป็นมาตรฐานได้
เขาจำเป็นต้องจำเอาไว้ว่า ภายในห้วงฝันอันยิ่งใหญ่นั้น มีแรงงานระดับล่างของนิกายป่ายเลี่ยนหลายร้อยคน ที่ไม่สามารถอดทนต่อการฝึกฝนและตายไปแล้วมากมายเท่าไหร่
นิกายป่ายเลี่ยนยังถือเป็นหนึ่งในนิกายที่มีความเมตตามากแล้ว ในหมู่ของนิกายยุคโบราณ หากเป็นนิกายที่เข้มงวดยิ่งกว่านี้ ก็จะมีคนตายไปหลายพันคนต่อปี ดังนั้น การตายของคนไม่กี่ร้อยในนิกายป่ายเลี่ยน จึงถือเป็นเรื่องเล็ก
ยังไม่ต้องพูดถึง นิกายฝ่ายอธรรมที่มีวิธีการฝึกฝนผู้ฝึกตนที่หนักหนากว่าหลายเท่า และมีคนตายไปมากกว่าหมื่นคน
ยุคแห่งการบ่มเพาะในสมัยโบราณนั้นโหดร้ายทารุณมาก
“เอ่อ ครูซุน พอผมได้ดูมันดีดีแล้ว โปรแกรมการฝึกพิเศษของครูมันเป็นสิ่งที่โผล่มาจากนรกของแท้เลย มันโคตรของโคตรน่ากลัว ผมกลัวมากว่า ผมจะทำไม่สำเร็จ!” หลี่เย้าพูดออกมา
สำหรับชายชราแบบซุนเปียว ที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย เขาจะไม่รู้ได้ยังไง ว่าหลี่เย้ากำลังเสแสร้งแกล้งทำอยู่? เขาโกรธขึ้นมา เขาส่งเสียงหึออกมาและพูดว่า “โอเค ไอ้หนู ไม่ต้องพูดโอ้อวดอะไรอีกแล้ว เปลี่ยนชุดนี่ซะ แล้วลองเริ่มจากการสควอซสัก 10 เซตดูก่อน”
ซุนเปียวลุกขึ้นยืน เขาหยิบชุดฝึกที่มีการออกแบบล่าสมัยออกมาจากห่อที่เต็มไปด้วยฝุ่น ซึ่งถูกวางทิ้งไว้ในมุมหนึ่งของสนามฝึก จากนั้น เขาก็โยนมันไปให้กับหลี่เย้า
“สควอซเหรอ? ของชอบของฉันเลยล่ะ!” หลี่เย้าวอร์มร่างกายเล็กน้อย เขาถอดชุดยูนิฟอร์มนักเรียนออก แล้วเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูล่าสมัยและเต็มไปด้วยฝุ่น เขาหัวเราะคิกคักและพูดออกมา พร้อมกับแววตาที่เป็นประกาย
ความแข็งแกร่งในปัจจุบันนี้ของเขานั้นน่ามหัศจรรย์มาก ดังนั้น ความกลัวที่เขามีต่อการฝึกสควอซ หรือการฝึกฝนอื่นๆน้อยลง เวลาต่อไปนี้ เมื่อเขาได้แสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมา เขามั่นใจว่า ชายชราจะต้องอึ้งจนตาถลนออกมาจากเบ้าอย่างแน่นอน!
เขาเดินเข้าไปหยิบที่ยกน้ำหนักสำหรับใช้ในการสควอซ และคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ไปหยิบแผ่นเหล็กขึ้นมาอีกสองแผ่น แล้วใส่มันเข้าไปในแท่งเหล็กของที่ยกน้ำหนัก
การสควอซที่ใช้น้ำหนักถึง...300กิโล!
“200 กิโลมันเบาไปหน่อย มันคงจะไปส่งผลอะไรกับร่างกายของผมด้วยซ้ำ เวลาวอร์มร่างกาย ผมมักจะใช้น้ำหนักที่ 300 กิโลน่ะ มันควจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ ครูซุน?” หลี่เย้าพูดกลั้วหัวเราะออกมา พร้อมกับยิ้มยิงฟันไปให้ซุนเปียว
“มันไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันแค่กลัวว่า เธออาจจะเสียใจทีหลังก็ได้นะ” ซุนเปียวหัวเราะออกมาจนเห็นฟัน
“มันหนักแค่ 300 กิโล 10 เซตใช้เวลาแค่แปบเดียวเท่านั้น มีอะไรที่ต้องเสียใจด้วย?” หลี่เย้าถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือของเขา แล้วถูฝ่ามือของเขาจนร้อน จากนั้น เขาก็เอามือจับไปที่บาร์อย่างมั่นคงและยกมันขึ้นมา อยู่ๆพลังที่เขาส่งไปยังเท้าทั้งสองข้างเพื่อใช้ยกน้ำหนักขึ้นมา จากนั้น...
เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาตึงขึ้น ชุดฝึกที่เดิมนั้นใส่สบายๆ ดูคล้ายกับว่ามันได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา แล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนกลายเป็นหนังที่เหนียวหนึบขึ้นมา มันติดแน่นกับร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์!
ในเวลาเดียวกัน พละกำลังอันแข็งแกร่งก็ระเบิดออก ราวกับว่ามีภูเขายักษ์ถล่มลงมาใส่หัวของเขา แล้วอยู่ๆ เขาก็ทรุดลงไปกับพื้น!
“ฉันลืมบอกไปเรื่องหนึ่งน่ะ ไอ้หนู ชุดฝึกเซตนี้เป็นอาร์ติเฟ็กซ์ที่ใช้สำหรับการฝึกเมื่อสิบปีก่อน ฉันเรียกมันว่า”กิฟอัพ“มันถูกใส่ความสามารถวิเศษลงไปหลายอย่างเลยล่ะ สิ่งแรกก็คือ ความสามารถในการสร้างสนามพลังแม่เหล็กได้ เมื่อใส่ชุดฝึกเข้าไปแล้ว ก็เหมือนกับการได้ใส่ชุดเกราะที่หนักหลายร้อยกิโลเอาไว้ เอาล่ะ ในตอนนี้ ร่างกายของเธอกำลังแบกน้ำหนักเอาไว้อยู่ที่ 200 กิโลสินะ!” ซุนเปียวหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย
น้ำหนัก 200 กิโล บวกกับที่ยกน้ำหนักอีก 300 กิโล รวมได้เป็นครึ่งตัน หลี่เย้าไม่ได้เตรียมใจกับน้ำหนักที่หนักขนาดนี้เอาไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่า เขาก็ยังคงจะสควอซต่อไป
“ร้ายกาจจริงๆ แต่ 5...500 กิโล ก็ไม่เท่าไหร่หรอก!”
หลี่เย้าที่ทรุดลงไปจนเห็นเดือนเห็นดาว ได้กัดฟันแน่น เขาใช้มือจับแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดออกมาที่แขน ในตอนที่เขายืดตัวขึ้นมา เกิดเสียงกระดูกดังกรอบแกรบจากทั่วทั้งร่างกายของเขา เขายกที่ยกน้ำหนักขึ้นมาอีกครั้ง เขากางขาออก แอ่นก้นและลุกขึ้นมาอย่างมั่นคง
สควอซด้วยท่ามาตรฐานครั้งที่หนึ่ง...สำเร็จ!
ด้วยน้ำหนักถึง...500กิโล!
ในห้วงความฝันอันยิ่งใหญ่นั้น เขาต้องอดทนอยู่ภายใต้การควบคุมของไททันมานานหลายสิบปี วิธีการฝึกของไททันนั้นเลวร้ายยิ่งกว่านี้อีกร้อยเท่า ตาแก่ใกล้ตาย คิดว่าสิ่งนี้มันยากพอที่จะหยุดฉันได้เหรอ? ฝันไปเถอะ! หลี่เย้าตะโกนอยู่ในใจ เขาย่อขาลงอีกครั้ง เพื่อเตรียมลุกขึ้นเป็นครั้งที่สอง
อยู่ๆก็คล้ายกับว่ามีสายฟ้าฟาดเข้าใส่จิตวิญญาณของเขา หลี่เย้ารู้สึกว่าจุดฝังเข็มทั้ง 720 จุดในร่างกายเขามีไฟฟ้ากำลังทะลุทะลวงอยู่ อาการช็อกได้ทำให้ผมของเขาตั้งขึ้นและตาเหลือก เลือดภายในกายของเขาสั่นไหว แล้วเขาก็ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง ที่ยกน้ำหนักหลุดลงไปบนพื้นจนเกิดเสียงดัง “ปัง!” จนฝุ่นที่เกาะอยู่ตามจุดต่างๆกระจัดกระจายและลอยขึ้นไปในอากาศ
“ความสามารถที่สองของกิฟอัพก็คือ การสร้างพลังงานไฟฟ้าที่รุนแรง มันจะปล่อยพลังงานไฟฟ้าออกมาทุก 3-5 วินาทีและนานถึง 2 นาทีต่อครั้ง ซึ่งจะถูกส่งเข้าไปยังจุดฝังเข็มทั่วร่างกายของเธอ มันจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ในร่างกายของเธอ ให้แข็งแรงขึ้นและบริสุทธิ์มากขึ้น เหมือนกับได้เกิดใหม่เลยล่ะ จุ๊ๆๆๆ มันคือสมบัติในการบ่มเพาะที่ใครๆต่างก็ฝันถึง! มีเพียงแค่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น ที่เธอต้องอดทนกับมันให้ได้ เธอยังไหวอยู่ใช่ไหม?” ซุนเปียวถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่เป็นประกาย
“คุณ คุณล้อเล่นแล้วล่ะ! แน่...แน่นอน ว่าผมรับมือกับมันได้!” ริมฝีปากของหลี่เย้าถูกกัดจนมีเลือดซึม เขานอนราบอยู่กับพื้น และหายใจหอบอยู่นาน ก่อนที่จะฝืนลุกขึ้นยืนด้วยความลำบาก เขายื่นมือจับไปที่แท่งเหล็กด้วยมือที่สั่นสะท้าน
นิ้วมือของเขายังไม่ทันได้จับแท่งเหล็กได้มั่นด้วยซ้ำ เมื่อความเจ็บปวดเกินจะทานทนได้ฟาดเข้าใส่อีกครั้ง! ในครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่เพียงกระแสไฟที่ส่งออกมาเท่านั้น แต่มันยังมีพลังงานความร้อนส่งตามมาด้วย!
มันราวกับว่า ร่างกายของเขากำลังจุ่มอยู่ในเพลิงลาวา เขาราวกับแช่ตัวอยู่ในแม็กม่าที่ร้อนระอุ จนทำให้ผิวหนังของเขาเผาไหม้และการไหลเวียนโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ราวกับเหล็กที่ถูกละลายจนเดือดปุดๆ!
จากนั้น อีกวินาทีต่อมา ความร้อนได้หายไปอย่างฉับพลัน และถูกแทนที่ด้วยความเย็นที่ทะลุทะลวงไปถึงกระดูก ที่แม้แต่สมองของเขาก็ยังถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เขาไม่สามารถหายใจหรือแม้แต่จะใช้ความคิดได้เลย!
เขารู้สึกได้ถึงความร้อนระอุและความเย็นเฉียบเปลี่ยนเปลี่ยนมาถึงสามครั้ง ก่อนที่มันจะค่อยๆหายไป ก่อนที่หลี่เย้าจะทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา กระแสไฟก็จู่โจมเข้าใส่จุดฝังเข็มของเขาอีกครั้งหนึ่ง มันไหลพล่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ทำให้เขาชักกระตุกขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว!
“นี่คือความสามารถสุดท้ายของกิฟอัพ มันจะสร้างการจู่โจมทางจิตใจ ให้เกิดเป็นความรู้สึกร้อนและหนาวทุกๆหนึ่งนาที แต่สบายใจได้ การจู่โจมนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับส่วนลึกที่สุดของจิตใจของเธอเท่านั้น มันเป็นแค่ภาพลวงตา มันจะไม่ส่งผลใดๆกับร่างกายของเธอเลยแม้แต่น้อย และมันก็ยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอ ด้วยการทะลวงเข้าไปในส่วนลึกในจิตใจของเธอ หากวันหนึ่ง เธอได้กลายเป็นผู้ฝึกตนจริงๆ มันจะช่วยให้เธอสามารถดูดซับพลังงานวิญญาณในปริมาณที่สูงมาก และช่วยเร่งปัจจัยหลายๆอย่างในการบ่มเพาะของเธอให้รวดเร็วยิ่งกว่าคนอื่นได้”
เมื่อได้เห็นหลี่เย้า ที่นอนแผ่อยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ก็ได้เกิดเป็นประกายของความผิดหวังพาดผ่านดวงตาของชายชรา เขาหัวเราะให้กับตัวเองและหาวออกมา “โอเค ฉันสนุกพอแล้วล่ะ ไปเถอะ ไปเปลี่ยนชุดซะ ชุดฝึกนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อเธอ ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือ พูดออกมาแค่สามคำว่า”ฉันยอมแพ้“แล้วมันก็จะหลุดออกจากร่างกายของเธอโดยอัตโนมัติ มันจะไม่ทรมานเธออีกต่อไป”
“ยอมแพ้งั้นเหรอ?”
หลี่เย้านอนราบบนพื้นอยู่นาน เขาหายใจเข้าและหายใจออก ราวกับปลาวาฬที่เกยตื้นอยู่บนชายฝั่ง
ในที่สุด เขาก็ค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ด้วยท่าทางที่ราวกับหุ่นยนตร์ เขายกที่ยกน้ำหนักที่หนักถึง 200 กิโล ขึ้นพาดเอาไว้บนบ่าด้วยความยากลำบาก กระแสไฟและภาพลวงตาได้จู่โจมเข้าใส่ร่างกายของเขาในทันที! เขาระเบิดพลังออกมา แล้วสควอซลงไปอีกครั้งหนึ่ง!
“ครั้งที่สอง!” หลี่เย้าร้องออกมาราวกับมีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ภายในลำคอของเขา
เขาส่งเสียงร้องสู้แบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เมื่อเขาอยู่ในสุสานอาร์ติเฟ็กซ์
ซุนเปียวรู้สึกประหลาดใจ เกิดประกายของความตกใจขึ้นในแววตาของเขา แล้วเขาก็ส่งเสียงหึออกมา “เธอทำได้แค่สองครั้งเท่านั้นเหรอ ต้องทำ 10 ครั้งถึงจะครบหนึ่งเซตนะ!”
“สะ...สาม!” หลี่เย้ากัดฟันแน่น เสียงเหล็กกระทบเหล็กดังก้องอยู่ภายในห้องฝึก
สี่!ห้า!หก!เจ็ด!แปด!เก้า!สิบ!
การสควอซ 10 ครั้งพร้อมกับใส่ชุดกิฟอัพเอาไว้ด้วย ทำให้หลี่เย้าต้องใช้พลังทั้งหมดของเขา หลี่เย้าทำสควอซครบ 10 ครั้ง อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
“ฉัน...ฉันทำได้!” หลี่เย้ารู้สึกมึนหัวและสายตาพล่ามัว เกิดเสียงอื้ออึงด้านในหูของเขา และกระแสเลือดพลุ่งพล่านทั้งทั่วทั้งร่างกายแล้วพุ่งตรงเข้าไปยังส่วนของสมอง หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วอย่างน่ากลัว ราวกับว่า มันกำลังพยายามจะเปิดหน้าอกของเขา แล้วพุ่งพรวดออกมา
เขานอนกางแขนอยู่ภายใต้แท่นสควอซ และไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่นิดเดียว เขาเหม่อมองแสงไฟจากหลอดคริสตัลที่ติดอยู่บนฝาเพดาน และรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถควบคุมนิ้วมือของตัวเองได้เลย
ซุนเปียวโผล่หน้าเข้ามาในการมองเห็นของหลี่เย้า ด้วยใบหน้าที่แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิด ชายชราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “ไอ้หนู ยังไหวอยู่ใช่ไหม?”
“ผม ผมยังไหว ผมแค่ต้องการพักสักหน่อยเท่านั้น ผมยังต้องทำอีก...9 เซต!” หลี่เย้าพยายามยิ้มออกมา พร้อมกับหัวเราะด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้
ซุนเปียวเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้น เขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไอ้หนู แค่ยอมแพ้ ฉันเคยพูดไปแล้วว่า เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เหมาะสำหรับคนธรรมดาที่จะสวมใส่มันได้ เธอไม่สามารถใส่มัน แล้วทำสควอซได้ครบ 10 เซตหรอก... มันยังเหลืออีกตั้ง 90 ครั้งที่ต้องทำ! เร็วเข้า พูดว่า ‘ยอมแพ้’ แล้วถอดชุดนี้ออกมาซะ”
หลี่เย้ามองผ่านใบหน้าของซุนเปียว แล้วเขาก็เหม่อมองขึ้นไปแสงไฟบนฝ้าเพดานอีกครั้ง
ภายใต้เหงื่อและคราบน้ำตา ได้ทำให้แสงสว่างที่ส่องมานั้นเจิดจ้ากว่าปกติ
แล้วเขาก็เข้าใจถึงความหมายในชื่อของชุดอาร์ติเฟ็กซ์ชิ้นนี้ “กิฟอัพ”
มันไม่ใช่เพราะความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการสร้างสนามพลัง ไม่ใช่การสร้างกระแสไฟฟ้า และไม่ใช่การสร้างภาพลวงตาของความร้อนและเย็น
แต่ความจริงแล้ว มันคือคำพูดธรรมดาสามัญ และง่ายๆเพียงสามคำ “ฉันยอมแพ้”
เพียงแค่หลี่เย้าเปิดปาก แล้วใช้เสียงเบาๆพูดออกไปว่า “ฉันยอมแพ้” เขาก็จะสามารถถอดชุดนี้ออกไปได้ เขาจะหลุดพ้นจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมา หลุดพ้นจากกระแสไฟฟ้า และหลุดพ้นจากภาพลวงตา และ...
เขาจะสูญเสียความกล้าที่จะใส่ชุดฝึกชุดนี้ไปตลอดกาล
ฉัน...จะยอมแพ้เหรอ?
สควอซเซตแรกได้ดูดกลืนพละกำลังของเขาไปจนหมด กล้ามเนื้อทุกมัด เส้นเลือดทุกเส้น เซลล์ทั้งหมดในร่างกายต่างเหือดแห้ง เขารู้สึกว่า แม้แต่จะฉี่ออกมาก็ยังไม่มีแรง
เขายังเหลืออยู่อีก 9 เซต และต้องสควอซทั้งหมด 90 ครั้ง เขาจะต้องอดทนแบกรับน้ำหนักเอาไว้บนร่างกาย 200 กิโล การจู่โจมจากกระแสไฟฟ้าและภาพลวงตา เขาจะต้องยำน้ำหนักถึง 300 กิโลและสควอซลง ลุกขึ้น และยืดตัวตรง
ทั้งหมด 90 ครั้ง
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใช่ไหม? ถึงแม้ว่าเขาจะกัดฟันและใช้พลังทั้งหมดเพื่อทำเซตที่สองให้ได้ จากนั้นก็ เซตสาม เซตสี่ เซตห้า เซตหก เซตเจ็ด เซตแปด ในระหว่างการทำในแต่ละเซต เขาอาจจะล้มลง แล้วถูกบังคับให้ต้องพูดคำว่า “ฉันยอมแพ้” ออกไป
และในเมื่อมันจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ทำไมเขาไม่ยอมแพ้เดี๋ยวนี้เลยล่ะ?
มันง่ายมาก ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือเปิดปาก แล้วส่งเสียงออกมา เพียงเบาๆเท่านั้นว่า ฉัน.ยอม.แพ้. แล้ววินาทีต่อมา เขาก็จะเป็นอิสระและผ่อนคลาย
“ฉัน...ยอม...”หลี่เย้าที่เหม่อมองแสงไฟอยู่ ได้พูดออกมาเบาๆ
แต่แสงไฟที่พล่ามัวได้สาดส่องเข้าไปในความทรงจำที่รางเลือนของเขา
“เสื้อผ้าชุดนี้...ไม่ใช้สำหรับคนธรรมดา” ซุนเปียวได้พูดประโยคนี้ออกมา
แต่ฉันเป็น...คนธรรมดารึเปล่า?
“คนธรรมดา...คงจะไม่มีความทรงจำจากชีวิตก่อนมาตั้งแต่เกิด พวกเขาคงจะไม่สามารถจดจำเรื่องเหล่านั้นได้หรอก จริงไหม?
“คนธรรมดา...คงจะไม่มีทางควบคุมและเอาตัวรอดจากผู้ฝึกตนอันแข็งแกร่งจากเมื่อ 40,000 ก่อนอย่างโอเย่หมิง แล้วกลืนกินความทรงจำของเขาแทนได้หรอก จริงไหม?
“ทั้งสองเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะคนไหนที่มีเหตุการณ์หนึ่งในสองนี้เกิดขึ้นกับชีวิต ก็คงจะไม่สามารถเรียกว่าคนธรรมดาได้ แล้วฉัน ฉันได้พบเจอมาทั้งสองเหตุการณ์”
“แล้ว...ฉันจะ...อยู่ในชุดที่ไม่ใช่สำหรับคนธรรมดาในตอนนี้...จะยอมแพ้เหรอ?”
หลี่เย้าได้หลุดออกมาจากประกายของแสงไฟที่สาดส่องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแสงของดวงดาว
“ครูซุน...ผมสามารถฟังเพลงได้ไหมครับ?” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงอันเบา
“ฟังเพลงอย่างนั้นเหรอ?” ซุนเปียวไม่คิดว่า หลี่เย้าจะถามคำถามแบบนี้ออกมา เขาจึงงุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ได้สิ ถ้าเธอต้องการ”
“โอเค ขอเวลาผมอีก 30 วินาที”
หลี่เย้าหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหลับตา จากนั้น เขาก็หยิบเอาหูฟังอาร์ติเฟ็กซ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาโดยนิกายเมี่ยวยินใส่เข้าไปในหูของเขา
น้ำเสียงอันไพเราะของลู่ยินชีส่งผ่านเข้าไปในรูหูของเขา ราวกับจะสามารถทะลวงทั่วทั้งจักรวาลได้ เสียงของเธอได้ส่งผ่านเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเขา
“หลังคลื่นลมและพายุ ฉันก้าวไปข้างหน้าด้วยกำลังทั้งหมดของฉัน!”
“จิตใจของฉันไม่หวาดกลัวสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนเส้นทางเดิน!”
“ฉันแตกต่างไปจากเธอ!”
หลี่เย้าลืมตาขึ้นมาในทันที
แสงแหลมเล็กของดวงดาวได้หายไปจากแววตาของหลี่เย้า ในทางกลับกัน...ดวงตาของหลี่เย้านั้นได้ส่องประกายเจิดจ้าออกมา!
และจากนั้น เขาได้พูดประโยคหนึ่งออกมา ซึ่งทำให้ซุนเปียวถึงกับพูดไม่ออก “ฉัน...ไม่ใช่ปลาเค็ม...”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?” ซุนเปียวคิดว่าเขาฟังผิดไป อะไรคือปลาเค็ม?
หลี่เย้านั้นไม่ได้ยินคำถามของชายชรา เพราะเสียงเพลงระรัวที่ดังอยู่ในหูของเขา เขาจมจ่อมอยู่ในโลกของเขาโดยสิ้นเชิง เขาพูดพึมพำออกมา “บางที ตอนอยู่ในความฝันนั้น ฉันอาจจะเป็นปลาเค็มจริงๆก็ได้ เพราะฉันยอมแพ้ไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ฉันได้แห้งเหี่ยว.ฉันเหี่ยวเฉา.แล้วฉันก็ค่อยๆ กลายเป็นปลาเค็ม เปลี่ยนไปเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง”
“แต่ฉัน ฉันไม่ใช่ปลาเค็ม ฉัน...ไม่มีทางยอมแพ้!
หลี่เย้าลุกขึ้น พร้อมกับแบกที่ยกน้ำหนัก 300 กิโลเอาไว้บนบ่า กระแสฟ้าพาดผ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ความหนาวเย็นที่เสียดแทงและความร้อนราวแม็กม่าได้วิ่งเข้าสู่การรับรู้ในจิตใจของเขา
แต่ เขาก็ยังคงจับบาร์เหล็กอาไว้แน่น พลังของเขามากมาย จนสามารถบีบบาร์เหล็กที่อยู่ในมือให้หักงอได้
“สควอซเซตที่สอง เริ่ม!”
สนามฝึกที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงมานานหลายปี ได้มีเสียงคำรามราวกับคลื่นที่เกรี้ยวกราดและพายุคลั่ง เกิดคลื่นความร้อนแรงทะลวงผ่านไปทั่วทุกพื้นที่!