ตอนที่ 22 ทำพลาด
ทุกการแข่งขันในฤดูกาลปกติของลีกประกอบไปด้วยการแข่งเดี่ยวแบบคัดออก (ผู้ชนะสามารถสู้ต่อได้เรื่อยๆจนกว่าจะแพ้) และการแข่งแบบทีม
การแข่งแบบคัดออกนำเอาระบบเคโอเอฟมาใช้งาน ซึ่งหมายความว่าแต่ละฝ่ายจะกำหนดผู้เข้าร่วมฝ่ายละสามคน ผู้เล่นคนสุดท้ายที่อยู่รอดจะเป็นฝ่ายชนะไป และได้รับสามแต้ม ส่วนการแข่งแบบทีมจะเป็นการแข่งแบบ6ต่อ6 เพื่อยึดคริสตัล ภายในสนามจะมีคริสตัลอยู่สามอัน ซึ่งมีสีแดง สีฟ้า และสีขาว คริสตัลหนึ่งอันมีคะแนนเท่ากับสองแต้ม ดังนั้นรอบนี้มีคะแนนทั้งหมดหกแต้ม จากกฎกติกานี้ทำให้การแข่งขันแต่ละรอบของฤดูกาลปกติมีคะแนนทั้งหมดเก้าคะแนน
ทั้งการแข่งแบบอารีน่า และการแข่งแบบทีมถูกใช้มาตั้งแต่ฤดูกาลที่หนึ่ง มันเป็นระบบการแข่งพิเศษที่อ้างอิงตามกฎอย่างเป็นทางการจากมิราเคิล และถูกใช้กับการแข่งขันระดับมืออาชีพในทุกประเทศ
ทีมทั้งแปดในกลุ่มที่หนึ่งจะจัดอันดับตามคะแนนที่ได้รับหลังจากแข่งขันฤดูกาลปกติเสร็จ ทีมที่อยู่ในสี่อันดับแรกจะเข้ารอบเพลย์ออฟเพื่อหาผู้ชนะที่หนึ่ง ที่สอง และที่สามโดยการเล่นแบบน็อคเอ้าท์
ครั้งนี้ ทีมวินคัลเลอร์เจอกับทีมไทม์ในฤดูกาลแข่งปกติ และทั้งสองทีมก็มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นผู้ชนะของฤดูกาลนี้
ทั้งสองทีมเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ไม่มีใครสงสัยในศักยภาพตัวบุคคล และฝีมือการออกคำสั่งของหลิงเสวียเฟิง ในทางกลับกัน กัปตันคนเก่าของทีมไทม์อาจจะถอนตัวหลังจากจบฤดูกาลที่สี่ และผู้เล่นหน้าใหม่อย่างถานสือเทียนเข้ารับตำแหน่งแทน แต่สไตล์การออกคำสั่งของถานสือเทียนนั้นยืดหยุ่น และโต้กลับได้ไว เขาเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าของผู้เล่นรุ่นที่สองด้วยกัน และความแข็งแกร่งของชายหนุ่มก็ไม่อาจดูถูกได้
“ที่นั่งผู้ชมของเกมในวันนี้หนาแน่นมากค่ะ ฉันเชื่อว่าผู้ชมทางบ้านเองก็กำลังนั่งอยู่หน้าจอเพื่อรอชมการแข่งขันระหว่างวินคัลเลอร์และไทม์เช่นกันค่ะ” หลังจากที่บอร์ดหายไปจากจอภาพ อวี๋ปิงก็พูดต่อทันที “พวกเราต่างรู้ดีว่ารูปแบบการเล่นของวินคัลเลอร์นั้นโดดเด่นในด้านเวทมนตร์มืด และผู้เล่นส่วนใหญ่จะใช้เผ่าพันธุ์ปีศาจหรือไม่ก็โลหิต ในขณะที่ทีมไทม์จะอยู่ในด้านสว่าง พวกเขาใช้ตัวละครเผ่าเอลฟ์และเทวดาเป็นหลัก ทั้งสองทีมช่างเป็นคู่คนละขั้วที่ลงตัวจริงๆ”
“ใช่แล้วครับ เหมือนกับที่พี่ปิงพูด ทั้งสองทีมต่างก็เป็นศัตรูเก่าแก่ ผมคิดว่าหลายๆคนกำลังจับตาดูการแข่งขันในวันนี้อยู่” โข่วหงอี้พูดตามมาติดๆ “การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ นักกีฬาทั้งสองฝั่งเข้าสนามแข่งมาแล้ว เรามาดูการเตรียมตัวของผู้เล่นทั้งสองฝั่งกันเถอะ”
วิดิโอถ่ายทอดสดตัดภาพไปที่ห้องเก็บเสียง นักกีฬานั่งอยู่ในชุดทีมของตัวเอง
ทีมวินคัลเลอร์นำเอาลักษณะของเผ่าปีศาจและเผ่าโลหิตมาใช้ พวกเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่ตกแต่งด้วยแต้มแดงนิดหน่อย สีดำ-แดงที่เรียบง่ายนี้ให้ความรู้สึกกดดัน ในขณะที่ทีมไทม์ใส่เสื้อทีมสีขาวแต้มด้วยป่าสีเขียวเล็กน้อย พวกเขาดูสดใส และก็เข้าขากันได้เป็นอย่างดี
ด้านหนึ่งดำมืด ส่วนอีกด้านสว่างสไว แสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน
หน้าจอซูมเข้าไปที่หน้าของกัปตันทั้งสอง พอเขาเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลิงเสวียเฟิงบนจอคอมพิวเตอร์แล้ว หลีชางอวี๋อดหัวเราะไม่ได้ “คนคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย”
ชายหนุ่มยังคงหล่อเหมือนเมื่อก่อน และยังคงไม่แสดงสีหน้าเช่นเดิม
เขานั่งหน้าคอม และใช้นิ้วเรียวยาวกดคีย์บอร์ดเร็วๆ เป็นนิสัยของหลิงเสวียเฟิงในการวอร์มอัพก่อนแข่งขัน มือของเขาเร็วมาก และนิ้วมือที่กดรัวบนคีย์บอร์ดก็ทำให้ผู้ชมมึนงง พวกเขาจินตนาการได้เลยว่าความเร็วของชายคนนี้จะระเบิดออกมาเมื่อเจอกับสถานการณ์สำคัญในเกม
เทียบกันแล้ว ถานสือเทียนดูผ่อนคลายเนื่องจากรอยยิ้มของชายหนุ่ม เขาลูบหัวเฉิงเว่ย และไม่รู้จะพูดอะไร เฉิงเว่ยมองดูเขาสักพัก ก่อนจะหันไปอีกทางอย่างไม่ต้องการจะพูดด้วย
กลุ่มแฟนคลับพิมพ์ลงไปในช่องความคิดเห็นอย่างตื่นเต้น
-กัปตันถานลูบหัวเขา!
-ถ้ารองกัปตันเฉิงไม่ให้คุณลูบหัว ฉันจะให้คุณลูบอีกสิบหัวเลย!
-รองกัปตันของเราเดบิ้วท์มาก่อนคุณ และหัวของเขาก็เล็กกว่าหัวของคุณ! อย่าแกล้งเขานะ!
ส่วนแฟลคลับทีมวินคัลเลอร์ก็ไม่น้อยหน้า
-ขอให้กัปตันหลิงบดขยี้อีกทีม!
-ขอให้กัปตันหลิงระเบิดพลังออกมา!
-กัปตันหลิงหล่อมากตอนที่เขาแกล้งคู่ต่อสู้!
-กัปตันหลิงจะยิ้มให้กับคู่แข่งฝีมือดี ถ้าเขาไม่ยิ้ม คู่แข่งจะต้องตกอยู่ใต้แรงกดดันทางจิตใจสุดๆ!
การแข่งขันยังไม่เริ่ม แต่มีข้อความแล้วกว่าหนึ่งแสนข้อความ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองทีมเป็นที่นิยมแบบสุดๆ ไม่เพียงที่นั่งจะถูกจับจองจนเต็ม แต่ยอดผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดก็ยังเยอะมากด้วย
***
ในที่สุดเวลาการแข่งขันก็มาถึง กล้องตัดไปที่หน้าจอใหญ่ยักษ์กลางเวที “ลีกมิราเคิลระดับมืออาชีพประจำฤดูกาลที่หก-การแข่งครั้งสุดท้ายของกลุ่มที่หนึ่งในฤดูกาลปกติ-ไทม์ปะทะวินคัลเลอร์” ข้อความเหล่านี้ปรากฎขึ้นบนหน้าจอใหญ่ยักษ์และได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม
อวี๋ปิงพูดว่า “ผู้ชมทุกท่านคะ บัดนี้ การแข่งขันระหว่างไทม์และวินคัลเลอร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว กรรมการประจำที่แล้ว เรามาดูการแข่งเดี่ยวแบบคัดออกกันก่อนดีกว่าค่ะ...กัปตันทั้งสองได้ส่งรายชื่อนักกีฬามาแล้ว ผู้เล่นคนแรกของทีมไทม์ได้แก่รองกัปตันเฉิงเว่ยค่ะ ส่วนผู้เล่นคนแรกของทีมวินคัลเลอร์คือรองกัปตันเหยียนรุ่ยเหวิน นั่นหมายความว่าการต่อสู้ครั้งแรกในอารีน่าจะเป็นการเผชิญหน้าของไวท์เมจิกเชี่ยนและแบล็กเมจิกเชี่ยนค่ะ”
“บังเอิญจังเลยนะครับ” โข่วหงอี้ยิ้ม และพูดต่อไป “รองกัปตันเหยียนและรองกัปตันเฉิงต่างก็เป็นผู้เล่นฝีมือดีของอาชีพเมจิกเชี่ยนด้วยกัน แบล็กเมจิกกับไวท์เมจิกไม่ถูกกันเองอยู่แล้ว และมีหลายๆอย่างที่เหนี่ยวรั้งกันเอง การประลองครั้งนี้จะต้องน่าตื่นเต้นอย่างแน่นอนครับ!”
ในขณะที่เขากำลังพูด ตัวละครของเฉิงเว่ย “อุทิศเพียงหนึ่ง” และตัวละครของเหยียนรุ่ยเหวิน “ไม่อาจลืมเลือน” ก็ได้เข้าสู่ห้องประลองเรียบร้อยแล้ว
อุทิศเพียงหนึ่งสวมใส่อุปกรณ์ของเผ่าเทวดาสีขาว ในมือของเขาถือไม้เท้าที่ส่วนหัวมีแหวนซ้อนกันสามชั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสุข ตรงกลางเปล่งแสงสีเงินขาวออกมา ไม่อาจลืมเลือนสวมใส่เสื้อคลุมของแบลก็เมจิกเชี่ยน ไม้เท้าในมือของเขามีเถาวัลย์สีม่วงพันอยู่รอบๆ ส่วนหัวเป็นรูปร่างคล้ายดวงตาให้ความรู้สึกดำมืด
“จะเห็นได้ว่าอาวุธที่ทั้งสองเลือกมาคือ ไบร์ทฮาร์ทของเผ่าเทวดา และอายออฟเดธของเผ่าปีศาจครับ อาวุธทั้งสองมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันมาก และมีการเพิ่มดาเมจเวทมนตร์สูงสุดเข้าไปด้วย” โข่วหงอี้พูดอย่างตื่นเต้น “รองกัปตันเหยียนและรองกัปตันเว่ยจะต้องแสดงให้พวกเราเห็นถึงการต่อสู้ระหว่างเวทมนตร์ดำและขาวที่ตระการตาอย่างแน่นอน เรามาดูกันดีกว่าว่าใครจะเป็นฝ่ายกุมโอกาสเอาไว้!W
***
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว
แผนที่อารีน่าของการแข่งฤดูกาลปกติเรียบง่ายมาก มันเป็นสีเหลี่ยมกว้างๆ ที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อน และมีน้ำพุฐานกลมอยู่ตรงกลางแผนที่เพื่อให้ผู้เล่นได้เดินไปรอบๆ พื้นที่นี้ยุติธรรมกับผู้เล่นทั้งสอง
โข่วหงอี้เพิ่งจะพูดจบ ผู้เล่นทั้งสองก็มาเผชิญหน้ากันที่น้ำพุบนหน้าจอแล้ว
เหยียนรุ่ยเหวินเริ่มด้วยการใช้เดธสเปลกับเฉิงเว่ยในขณะที่เฉิงเว่ยก็รีบล้างสถานะออกด้วยสกิลชำระบาป แล้วโต้กลับด้วยสกิลผนึกของพระเจ้า แต่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวยืดหยุ่น และหลบสกิลได้
อวี๋ปิงอธิบาย “ฝีมือของทั้งสองไม่ต่างกันมากนัก คาดว่าทั้งสองคงจะพยายามทดลองไปเรื่อยๆ และน่าจะเป็นเกมช้า...”
หญิงสาวยังพูดไม่จบแต่จู่ๆเหยียนรุ่ยเหวินก็ใช้สกิลวิญญาณสาปแช่งใส่เฉิงเว่ยและลดเลือดอีกฝ่ายไปได้ถึง20%!
“อ้ะ...” อวี๋ปิงตะลึงก่อนที่จะตอบสนองอย่างรวดเร็ว “การโจมตีของรองกัปตันเหยียนเมื่อสักครู่กะทันหันจริงๆค่ะ วิญญาณสาปแช่งเป็นสกิลที่กดแล้วใช้เลยทันที แต่มันจะไม่ล็อกเป้าหมาย คนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองไวสักหน่อยก็สามารถหลบได้อย่างง่ายๆแล้วล่ะค่ะ เสี่ยวเว่ย...เขาดูไม่มีสมาธินิดหน่อยนะคะ?”
เหยียนรุ่ยเหวินเองก็ประหลาดใจอยู่นิดๆเหมือนกัน เขาใช้ทริคนี้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกเป้าหมายเข้าจริงๆ
ดูเหมือนว่าสภาพของเฉิงเว่ยกำลังแย่?
เหยียนรุ่ยเหวินคว้าโอกาสเอาไว้ นิ้วมือรีบกดแป้นคีย์บอร์ด ปล่อยสกิลความกลัวที่ดำมืดออกไป
“โดนอีกแล้วครับ!” โข่วหงอี้พูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “เฉิงเว่ยได้รับสถานะกลัวเป็นเวลาสามวินาที คงจะอึดอัดมากทีเดียว”
ผู้เล่นที่ตกอยู่ในสถานะกลัวจะไม่สามารถใช้สกิลใดๆได้ นี่เป็นการต่อสู้แบบเดี่ยว ดังนั้นเขาไม่มีสมาชิกทีมคนอื่นมาช่วยลบสถานะนี้ให้ เฉิงเว่ยทำได้เพียงพึ่งพาการเคลื่อนที่ของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เหยียนรุ่ยเหวินไม่ได้โง่ หลังจากที่สกิลโจมตีเข้าเป้า เขาก็ใช้สกิลอัลติเมทของออาชีพแบล็กเมจิกทันที -สกิลสายลมทมิฬและไฟนรก!
ทั้งสองสกิลโดนเฉิงเว่ยเข้าจังๆทำให้เลือดของเด็กหนุ่มลดลงเหลือแค่50%
ผู้ชมที่ดูเกมนี้รู้สึกมึนงงอย่างมาก เฉิงเว่ยและเหยียนรุ่ยเหวินมีฝีมือพอๆกัน ดังนั้นตามหลักแล้วสกิลพวกนี้ไม่น่าจะโดนด้วยซ้ำ แต่นี่เพิ่งจะเริ่ม เฉิงเว่ยกลับถูกโจมตีจนเลือดเหลือแค่50%แล้วงั้นเหรอ? นี่เหรอคือการแข่งของยอดฝีมือ? ทำไมเฉิงเว่ยถึงดูเหม่อลอยแบบนี้?
แถบเลือดที่แตะ50%ทำให้เฉิงเว่ยกลับมามีสติอีกครั้ง เขารีบใช้สกิลแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเพิ่มพลังป้องกันเวทมนตร์ให้กับตัวเอง ในขณะที่ใช้สกิลเสียงสั่งการโจมตีเหยียนรุ่ยเหวิน การกระทำที่ไร้ที่มาที่ไปของเขาทำให้เลือดของเหยียนรุ่ยเหวินหายไป15% นี่ต่างหากถึงจะเป็นเฉิงเว่ยตัวจริง!
อวี๋ปิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องให้ประหลาดใจเล็กน้อยในตอนแรกนะคะ แต่ว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นว่าเฉิงเว่ยจะแก้ตัวจากสถานการณ์เสียเปรียบนี้ยังไง”
ทั้งสองฝ่ายต่างเริ่มต่อสู้กันด้วยเวทมนตร์แล้ว เวทมนตร์ของแบล็กเมจิกเชี่ยนมักจะเอนไปทางพลังโจมตีที่มหาศาล ในขณะที่เวทมนตร์ไวท์เมจิกเชี่ยนจะเน้นที่การควบคุมเบาๆ หนึ่งแสงสว่างหนึ่งความมืดมิด ทั้งสองคนต่างสาดสกิลใส่กันอย่างน่าตื่นเต้น
แต่เฉิงเว่ยเสียเลือดมากเกินไปตอนต้นเกม แม้ว่าเขาพยายามจะกู้สถานการณ์กลับคืนมาในช่วงหลัง แต่เหยียนรุ่ยเหวินเป็นถึงรองกัปตันของทีมวินคัลเลอร์ พวกเขามีระดับฝีมือพอๆกัน และเขาเล่นอย่างสงบนิ่ง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมอบโอกาสให้เฉิงเว่ยพลิกกลับมา
10นาทีต่อมา เฉิงเว่ยก็ล้มลงในที่สุด และเหยียนรุ่ยเหวินได้เข้าสู่รอบที่สองต่อไปด้วยเลือดตัวละคร 40%
***
ฝั่งวินคัลเลอร์ กั่วเซวียนผู้เล่นอาชีพแบล็กเมจิกเชี่ยนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งผู้สังเกตการณ์ เขารู้สึกงงมาก “รองกัปตันทีมไทม์ยังไม่ตื่นหรือเปล่า?
หลิงเสวียเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “บางทีเขาอาจจะยังปรับตัวไม่ได้”
เขารู้ว่าเฉิงเว่ยได้รับผลกระทบจากข่าวของทีมชางหลัน หลิงเสวียเฟิงรู้ถึงความสัมพันธ์ของหลี่ชางอวี๋และเฉิงเว่ยดี และเขายังรู้อีกว่าเฉิงเว่ยนับถือแคทก็อดในฐานะอาจารย์ เด็กคนนี้คงจะนอนดึกมากเมื่อคืน และการแข่งขันจัดขึ้นเช้าตรู่ บางทีเขาคงยังมึนงงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เหยียนรุ่ยเหวินจะคว้าชัยชนะในรอบนี้ไปได้ การแข่งขันระหว่างยอดฝีมือด้วยกันอย่างนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนพลาดพลั้งหรอก
การแข่งเดี่ยวรอบที่สอง ทีมไทม์ส่งหลูฮ่าวซึ่งเป็นเล่นอาชีพอาร์เชอร์เผ่าเอลฟ์ตัวหลักของทีมไทม์ เหยียนรุ่ยเหวินที่เหลือเลือดอยู่ 40% ปะทะกับหลูฮ่าวและถูกเอาชนะไปโดยที่ลดเลือดของคู่แข่งไปได้ถึงครึ่งหนึ่งก่อนตาย ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
หลิงเสวียเฟิงไม่ได้ชมรองกัปตันจนออกนอกหน้า แต่ก็ใช้สายตามองดูด้วยความชื่นชม
เหยียนรุ่ยเหวินยิ้ม เขานั่งลงพลางพูดว่า “เสี่ยวเฉิงเล่นแปลกมาก”
หลิงเสวียเฟิงพยักหน้า “ฉันเห็นแล้ว”
เหยียนรุ่ยเฟิงตบบ่ากั่วเซวียน “เสี่ยวกั่ว ถึงตานายแล้ว”
“ครับ ดูผมด้วยล่ะ!” กั่วเซวียนลุกขึ้นไปประจำที่ทันที
กั่วเซวียนปะทะกับหลูฮ่าว ทั้งสองฝ่ายต่างก็ปะทะกันโดยใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง
กั่วเซวียนเลือดเต็มในขณะที่หลูฮ่าวถูกเหยียนรุ่ยเหวินลดเหลือเหลือแค่ครึ่งเดียว ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างไม่น่าประหลาดใจเลย ทั้งสองคนต่อสู้กัน และกั่วเซวียนก็เอาชนะหลูฮ่าวไปได้ในที่สุด ทำให้เขาเข้าสู่รอบที่สามด้วยเลือดที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า กั่วฮ่าวที่เลือดเหลือครึ่งเดียวกำลังจะปะทะกับคนป้องกันคนสุดท้ายของทีมไทม์
อวี๋ปิงขมวดคิ้ว “ทีมไทม์เสียผู้เล่นไปแล้วสองคนในขณะที่เล่นผู้คนที่สองของทีมวินคัลเลอร์เหลือเลือดอยู่ถึง50% และผู้เล่นคนที่สามยังไม่ได้ลงสนามเลยด้วยซ้ำ หากผู้เล่นคนที่สามคือกัปตันหลิง บางทีคงจะเป็นการยากสำหรับทีมไทม์ในการเอาชนะการแข่งครั้งนี้”
คำพูดของเธอเรียบร้อยมาก หากหลิงเสวียเฟิงลงเล่นด้วยตัวเอง แม้กั่วเซวียนจะได้เปรียบหรือไม่ได้เปรียบก็ไม่มีผลอะไรกับคนคนนี้ หลิงเสวียเฟิงมักจะชนะเสมอหากเขาลงเล่นเป็นคนป้องกันของการแข่งแบบเดี่ยว
“ผมเห็นแล้วว่าผู้เล่นคนสุดท้ายของทีมไทม์ก็คือเท็นเดย์ ตัวละครของกัปตันถานสือเทียน กัปตันที่อายุน้อยที่สุดในลีก” โข่วหงอี้เพิ่มเสียงด้วยความตื่นเต้น “กัปตันถานจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของทีมได้หรือไม่? เรามาดูกันครับ!”
***
หลี่ชางอวี๋ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “นั่นคือถานสือเทียนเหรอ?”
หน้าตาของผู้เล่นโชว์อยู่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอถ่ายทอดสด ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าจอดูผ่อนคลายมาก เขามีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากความเสียเปรียบของผู้เล่นสองคนก่อนแต่อย่างใด
หลี่ชางอวี๋ไม่รู้จักคนคนนี้ แต่หลังจากเห็นความสงบนิ่ง และจิตใจที่ยอดเยี่ยมของชายหนุ่มเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว เขาถึงรู้ว่ากัปตันสวีตัดสินใจไม่ผิดเลยที่ให้ถานสือเทียนขึ้นเป็นกัปตันทีมไทม์ ถานสือเทียนเป็นผู้ใหญ่กว่าเฉิงเว่ย
แน่นอนว่าถานสือเทียนไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เสียเปรียบ และเล่นอย่างสุขุม
อาชีพของเขาคือ “บาร์ด” หรือที่รู้จักกันในนาม “อาร์เชอร์” ถานสือเทียนเดบิ้วท์ช้าก็จริงแต่ชื่อเสียงของเขาดีที่สุด รูปแบบการเล่นของเขาทั้งสง่างาม และยืดหยุ่น เขาใช้ประโยชน์จากความว่องไวของเผ่าเอลฟ์ได้อย่างดี ชายหนุ่มรักษาระยะห่างเอาไว้ และคอยหาจังหวะโจมตีอีกฝ่ายด้วยธนูและลูกศรทำให้อัตราการชนะของชายหนุ่มสูงมาก
กั่วเซวียนที่เหลือเลือด50%ถูกส่งออกจากสนามอย่างรวดเร็ว เลือดของกัปตันถานเหลืออยู่ 70% ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาพลิกสถานการณ์เลือดกลับมาได้ถึง 20% ความสามารถของกัปตันคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หลี่ชางอวี๋อดเอ่ยชมไม่ได้ “ถานสือเทียนเล่นได้ดีมาก”
ความเห็นนี้หมายความว่าแคทก็อดยอมรับความแข็งแกร่งของถานสือเทียนแล้ว
ไป๋เซวียนลอบมองมาทางชายหนุ่ม “แต่ถึงถานสือเทียนจะลดระยะห่างของสถานการณ์ได้ แต่เลือดของเขาก็ลดลงไปอยู่นิดหน่อย แถมเขายังใช้มานาไปมากแล้วด้วย เขาตายแน่ๆถ้าเจอกับหลิงเสวียเฟิง”
หลี่ชางอวี๋ตอบกลับ “เขาไม่จำเป็นจะต้องเจอกับหลิงเสวียเฟิงเสียหน่อย”
ชายหนุ่มพูดทีมวินคัลเลอร์ก็เผยชื่อไอดีของผู้เล่นคนสุดท้ายออกมาให้เห็น ไอดีเด็กเลี้ยงแกะ ซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตฉินโม่!
ผู้ชมพากันเป่าปาก
หลี่ชางอวี๋ยิ้มที่เขาเดาได้ถูกต้อง
ไป๋เซวียนพูดอย่างไม่เต็มใจนัก “นายรู้จักหลิงเสวียเฟิงดีจริงๆ!”
“แน่นอน” หลิชางอวี๋ยอมรับโต้งๆ “จากความเข้าใจของฉัน ในเมื่อเขาส่งฉินโม่ลงมาอารีน่า ดังนั้นการแข่งขันแบบทีมจะใช้รูปแบบการเล่นดับเบิ้ลคอนโทรลของเขากับเสี่ยวซู แบล็กเมจิกเชี่ยนของรองกัปตันเหยียนและกั่วเซวียนจะเป็นดาเมจหลัก บวกกับเบอร์เซิกเกอร์ที่อยู่แนวหน้า และผู้เสียสละจากเผ่าโลหิต”
การต่อสู้แบบเดี่ยวยังคงดำเนินต่อไป แต่เขากลับเดาสมาชิกทั้งหกคนของการแข่งแบบทีมแล้ว
ไป๋เซวียนหัวเราะ “พอเป็นคำพูดแบบมีความรู้ของนายแล้ว กลายเป็นว่าฉันถูกสปอยการแข่งขันล่วงหน้าทุกทีไป”
หลี่ชางอวี๋จับคางตัวเอง “ฉันก็แค่เดา ไม่จำเป็นว่าจะถูกต้องเสมอไปนี่”
หลี่ชางอวี๋พูดอย่างนั้น แต่ไป๋เซวียนรู้ดีว่าความเป็นไปได้ของการคาดเดาครั้งนี้คือ 100%
หลี่ชางอวี๋รู้จักหลิงเสวียเฟิงดีเกินไป เขามักจะเดาการจัดสมาชิกตอนที่แข่งกับทีมอื่นของหลิงเสวียเฟิงถูกเสมอ แต่พอมาเผชิญหน้ากันเอง เขากลับเดาผิดเสียได้ อาจจะเป็นเพราะว่าหลิงเสวียเฟิงเองก็รู้จักหลี่ชางอวี๋ดีเกินไปเหมือนกันล่ะมั้ง?
น่าแปลกมากที่ระหว่างพวกเขาทั้งสองกลับไม่เข้าใจกันและกันในเรื่องนี้
ตั้งแต่ฤดูกาลแรกจนถึงฤดูกาลที่สาม ทีมวินคัลเลอร์และทีมเอฟทีดีเคยปะทะกันทั้งหมดหกครั้ง กัปตันของทั้งสองทีมต่างคาดเดาความคิดของอีกฝ่าย และผลสุดท้ายก็คือพวกเขาเดาผิดหมดจนกลายเป็นว่าทั้งสองคนไม่เคยปะทะกันเองบนสนามประลองเลย!