ตอนที่ 21 การแข่งขันฤดูกาลปกติ
หลังจากที่หลี่ชางอวี๋กลั่นแกล้งฉินโม่ในเกมไปแล้ว เขาก็ทำภารกิจกับสมาชิกในทีมต่อไป
เซี่ยซูหรงถอนหายใจออกมา “ความมั่นใจของฉินโม่ต้องหายไปแน่ๆ เดาได้เลยว่ามันจะทำให้เขาพัฒนาช้าลงไปสักพัก”
ไป๋เซวียนเยาะเย้ย “มันเป็นโชคร้ายของเขาเพราะเขามาดูถูกแคทก็อดไง”
กู่สือหมิงถามขึ้นมา “ถ้าเขากลับไปบอกอาจารย์ของเขาล่ะ? แล้วถ้าเขาขอให้อาจารย์ของเขามาจัดการเรา...อ้ะ ผมจะได้เจอกัปตันหลิงรึเปล่า?!”
เสี่ยวกู่เป็นแฟนบอยของหลิงเสวียเฟิงอย่างออกนอกหน้า น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นเมื่อพูดถึงกัปตันหลิง
ไป๋เซวียนยิ้ม “เสี่ยวกู่ พรุ่งนี้ทีมไทม์แข่งกับทีมวินคัลเลอร์ หลิงเสวียเฟิงไม่มีเวลามานั่งสนใจเกมออนไลน์หรอก และฉันได้ยินมาว่าฉินโม่มั่นใจในตัวเองสูงมาก เรื่องน่าอายขนาดนี้ เขาคงไม่กล้าไปบอกอาจารย์หรอก”
“ออ...” กู่สือหมิงรู้สึกเสียใจ ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น “จะว่าไป เกมระหว่างทีมวินคัลเลอร์กับไทม์จะแข่งเวลา 9 โมงเช้า พวกคุณอยากดูไหม?”
หลี่ชางอวี๋ถาม “งั้นก็เป็น3ทุ่มเวลานิวยอร์คสินะ?”
ไป๋เซวียนพยักหน้า “ใช่”
หลี่ชางอวี๋พูด “ถ้างั้นเราก็ดูได้”
เซี่ยซูหรงสำทับเพิ่มว่า “ทีมของผมหยุดวันพรุ่งนี้ ผมไปหาคุณ แล้วดูด้วยกันได้ไหม”
“นายแค่จะมากินข้าวไม่ใช่หรือไง?” ไป๋เซวียนแซว
เซี่ยซูหรงยิ้ม “รองกัปตันไป๋รู้จักผมดีเกินไปแล้ว คุณทำอาหารอร่อยมาก พรุ่งนี้คุณทำหน่อไม้ทอด แล้วก็ซี่โครงหมูตุ๋นด้วยได้ไหม? ผมจะเอาโปสการ์ดของมิราเคิลครบเซทไปให้คุณด้วย”
ไป๋เซวียน “...”
‘โอเค ผมจะหาของขวัญมาทำให้คุณพอใจ’
หลี่ชางอวี๋พูดต่อว่า “พรุ่งนี้นายไปซุปเปอร์ฯ แล้วซื้อปลามาเพิ่มด้วย”
ไป๋เซวียน “...”
โอเค! ที่เขาทำก็เพราะแคทก็อดหรอกน่า!
กู่สือหมิงฟังสามคนพูดเรื่องอาหารกันก็เลยส่งหน้าร้องไห้มารัวๆ “ผมก็อยากกินด้วย!”
ไป๋เซวียนนยิ้มและพูดว่า “นายอยู่ไกลตั้งครึ่งโลก ยังกินไม่ได้หรอก ไว้ถ้าเรากลับไปแล้ว ฉันค่อยชวนนายมากิน”
เสียงของไป๋เซวียนอ่อนโยน ทำให้ดวงตาของกู่สือหมิงมีประกายออกมา “ครับ! ผมอยากกินเต้าหู้มาโป แล้วก็ปีกไก่ตุ๋น!”
เซี่ยซูหรงพูดเพิ่ม “ผมอยากกินเป็ดย่าง”
“แค่ก” หลี่ชางอวี๋ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “หยุดพูดได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะเริ่มหิวแล้วจริงๆนะ เรายังต้องเก็บเลเวลอยู่”
***
ทั้งสี่ทำภารกิจต่อไปจนถึงเวลา5ทุ่มครึ่ง หลี่ชางอวี๋ ไป๋เซวียน และเซี่ยซูหรงเลเวล 35 ส่วนกู่สือหมิงที่เล่นกับยอดฝีมือทั้งสามก็เลเวลขึ้นมาเป็น 27 แล้ว
ไป๋เซวียนอยู่ดึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลี่ชางอวี๋บอกให้เขาไปพัก ขณะที่เซี่ยซูหรงเองก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของคลับไอซ์อยู่ และก็ไม่สามารถอยู่ดึกได้เหมือนกัน ทั้งสามออฟไลน์ไปปล่อยให้กู่สือหมิงทำภารกิจต่อเพื่อเก็บเลเวลตามคำสั่งของกัปตัน
เขาเคยเล่นมาแล้วถึงสามบัญชี และคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องหลักของเผ่าสัตว์ป่าเป็นอย่างดี พอถึง2ทุ่ม ตัวละครของเด็กหนุ่มก็เลเวลสูงถึง 35 แล้ว อีกฝั่งของนครนิวยอร์ค หลี่ชางอวี๋กับคนอื่นๆตื่นกันแล้ว และมาเจอกันในเกม
เมื่อตัวละครเลเวล35 พวกเขาก็ไม่อาจทำภารกิจรับรางวัลได้อีกต่อไป ดันเจี้ยนใหม่ชื่อว่า “วัดเยือกแข็ง” เปิดให้เล่นแล้ว กลุ่มหัวกระทิของกิลด์ใหญ่ๆไปที่ดันเจี้ยนนี้กันหมด ทุกคนมัวแต่ยุ่งกับการเก็บเลเวล และไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในเกม
หลังจากนั้นหนึ่งวัน ก็มีผู้เล่นในเซิฟเวอร์ป่าแสงจันทร์เก็บเลเวลไปจนถึง 40 เรียบร้อย
หัวหน้ากิลด์ใหญ่ๆมองดูบอร์ดอันดับและพบว่า ชอบกินปลาตุ๋นออฟไลน์มาเกือบ 8 ชม.แล้ว พวกเขาสับสนไปสักพัก คนพวกนี้ใช้ชีวิตยังไงกัน? พวกเขาหลับตอนกลางวัน แล้วอยู่โต้รุ่งทั้งคืนงั้นเหรอ?
หลัวเซียวลั่วผู้ชาญฉลาดรีบพูดขึ้นมาอย่างไว “บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ต่างประเทศก็ได้? ตารางการออนไลน์ของพวกเขาตรงกันข้ามกับของเราเลยไม่ใช่เหรอ?”
ไทม์แมชชีนตบขาตัวเอง “เข้าท่าอยู่! เวลาออนไลน์ของพวกเขาบอกว่าพวกเขาอยู่ต่างประเทศ!”
ทุกคนดีใจที่ค้นพบเรื่องนี้
แต่ความตื่นเต้นดีใจก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะมันไม่มีประโยชน์ การที่รับรู้ว่าพวกนั้นอยู่ต่างประเทศมันเอาไปทำอะไรได้บ้าง? กิลด์ไทม์ก็ยังคงมึนงงกับตัวตนของชอบกินปลาตุ๋นอยู่ดี
***
หลี่ชางอวี๋นำทีมเข้าดันเจี้ยนวัดเยือกแข็งต่อเรื่อยๆ ภายในดันเจี้ยนมีมอนสเตอร์หลายตัวซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับไนท์ที่อยู่แนวหน้าอย่างมาก และมันก็ยังเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เห็นว่าอาซูกับเสี่ยวกู่จะสามารถรับมือกับการต่อสู้ในแนวหน้าพร้อมกันได้หรือไม่
สไตล์การเล่นของอาซูมักจะรวดเร็วอยู่เสมอ ดังนั้นหลี่ชางอวี๋ถึงประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเสี่ยวกู่สามารถตามจังหวะของชายหนุ่มได้ทัน
เซี่ยซูหรงเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าเด็กอายุ 17 ปีคนนี้จะมีพลังเหลือเฟือกระโดดไปมาทุกที่อย่างนี้
ไป๋เซวียนหันหลังกลับ และพูดว่า “ดูเหมือนว่าเราจะดูถูกความสามารถของเสี่ยวกู่เข้าซะแล้วล่ะ จริงอยู่ที่มันเป็นแค่ดันเจี้ยนเท่านั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีฝีมือพอที่จะตามจังหวะที่รวดเร็วของเซี่ยซูหรงได้”
หลี่งชางอวี๋พยักหน้า “ฉันคิดว่าฉายา”เจ้าคลั่งน้อย“มันช่างเหมาะกับเขาจริงๆ”
ทั้งสี่คนบดขยี้ดันเจี้ยน และเก็บเลเวลอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวกู่ยังเด็ก แต่เขาเล่นพาลาดินได้ดี เขาดึงกลุ่มมอนสเตอร์ไปที่ตัวเองโดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย อาซูร่วมมือกับเขาในการทำให้เลือดของมอนสเตอร์ด้านหน้าลดลง ส่วนแคทก็อดก็โจมตี และฆ่ามอนสเตอร์จากระยะไกล ในขณะที่ไป๋เซวียนเพียงแค่ต้องเพิ่มเลือดให้สมาชิกทีมในบางครั้งก็เท่านั้น
ผู้เล่นมักจะหลบสกิลของมอนสเตอร์ที่มีพลังโจมตีสูงๆอยู่แล้ว และนี่ก็เป็นแค่ดันเจี้ยนง่ายๆเท่านั้น ไป๋เซวียนไม่ได้มีเวลาสบายๆอย่างนี้มาเป็นชาติแล้ว ต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมที่ทั้งแข็งแกร่งและมุ่งมั่น ทำให้แรงกดดันของฮีลเลอร์ลดลงอย่างมหาศาล!
***
คืนต่อมา เซี่ยซูหรงถือของขวัญมาด้วยตอนที่เขามาถึง
เขารู้ว่าไป๋เซวียนชอบสะสมสินค้าเกือบทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับมิราเคิล และเขาต้องการแลกเปลี่ยนมันกับมื้ออาหาร
อาหารของไป๋เซวียนมีหลากหลายมากกว่าครั้งที่แล้ว ชายหนุ่มเป็นพ่อครัว และอารมณ์ของเขาก็ดีมากเป็นพิเศษ
นั่นเป็นเพราะเซี่ยซูหรงนำโปสการ์ดสวยๆหกใบที่ลายเผ่าพันธุ์ในเกมมิราเคิลมาเป็นของขวัญให้กับไป๋เซวียนน่ะสิ โปสการ์ดชุดนี้หาซื้อยากมาก
ไป๋เซวียนรู้สึกว่า ถ้าเขาได้รับ “ค่าอาหาร” แบบนี้ทุกครั้ง เขายินดีจะทำอาหารให้ทุกวันเลย! ไป๋เซวียนจัดการตั้งพื้นที่สำหรับสิ่งของที่เก็บรวบรวมเอาไว้แล้ว
ทั้งสามคนกินข้าวเย็น และผลไม้เรียบร้อย พร้อมกับเสี่ยวกู่ที่ตื่นขึ้นมาและออนไลน์ในเกม พอเด็กหนุ่มเข้าเกมมา เขาก็ตะโกนไปทั่วทั้งแชทว่า “9โมงแล้ว อย่าลืมการแข่งขัน!”
หลี่ชางอวี๋ตอบกลับ “โอเค มาดูกันเถอะ”
เขาหยิบโน้ตบุ้คขึ้นมาวางบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น พร้อมกับเปิดดูช่องที่ถ่ายทอดสดลีกมิราเคิล
***
หลายปีมานี้มีทีมต่างๆมากมาย และเวลาการถ่ายทอดสดไม่เพียงพอ ดังนั้นลีกมิราเคิลจึงแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มแรก และกลุ่มที่สอง
กลุ่มสองมีทั้งหมด16ทีม และเริ่มแข่งหลังจากเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และจบลงในอีกสองเดือนถัดมาหลังจากเทศกาลตรุษจีน ทีมที่ได้ที่หนึ่งในตอนสุดท้ายจะต้องแข่งกับทีมที่ได้ที่สุดท้ายของกลุ่มที่หนึ่ง หลังจากที่ชนะ พวกเขาถึงจะสามารถเลื่อนขึ้นไปอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งได้
กลุ่มที่หนึ่งจะแข่งหลังจากกลุ่มสองแข่งเสร็จ และภายในกลุ่มจะประกอบไปด้วยการแข่งขันระหว่างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก กลุ่มที่หนึ่งมีทีมที่เข้าร่วมเพียงแค่แปดทีมเท่านั้น ในตอนท้ายที่สุดของฤดูกาล ทีมที่คะแนนน้อยที่สุดจะต้องแข่งกับทีมที่ได้ที่หนึ่งของกลุ่มที่สอง หากพวกเขาแพ้ พวกเขาก็จะถูกลดขั้นลงมา
กฎการ “กำจัดทีมที่รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่มที่หนึ่ง” และ “เลื่อนขั้นทีมที่ได้อันดับหนึ่งในกลุ่มที่สอง” เป็นการสร้างแรงกดดันให้กับนักกีฬามืออาชีพอย่างไม่ต้องสงสัย ทีมที่แข็งแกร่งไม่อาจทำตัวสบายๆได้ การทำเช่นนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของทีมในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้น
เวลา 8.45 น. การถ่ายทอดสดเริ่มต้นขึ้น
ผู้บรรยายการแข่งขันที่ปรากฎตัวขึ้นในช่องถ่ายทอดสดเป็นผู้หญิงผมสั้นหน้าตาดีหนึ่งคน และผู้ชายท่าทางดูดีใส่แว่นอีกหนึ่งคน ทั้งสองคนใส่สูทสีน้ำเงินเข้ม ปกเสื้อสีเงิน
“สวัสดีครับทุกคน นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายของกลุ่มที่หนึ่งในช่วงฤดูกาลปกติของลีกมิราเคิลแล้วครับ ครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างทีมวินคัลเลอร์ และทีมไทม์! ผมโข่วหงอี้ จะเป็นผู้บรรยายเกมนี้ให้ทุกคนได้รับฟังครับ”
หญิงสาวผมสั้นพยักหน้ากับกล้อง และพูดต่อไปด้วยเสียงนิ่งๆว่า “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นผู้บรรยายการแข่งขัน ชื่ออวี๋ปิง”
หลี่ชางอวี๋ประหลาดใจ “อวี๋ปิงเปลี่ยนมาเป็นคนบรรยายแล้วเหรอ?”
กู่สือหมิงอธิบาย “พี่สาวปิงมาเป็นผู้บรรยายเกมหลังจากที่ถอนตัวจากทีมเรดฟ็อกครับ ตอนนี้กลายเป็นผู้บรรยายที่ดังมากในมิราเคิลลีกเลยล่ะ! คู่บรรยายของพี่เขาคือโข่วหงอี้ สองคนนี้มักจะได้บรรยายในเกมสำคัญๆของลีกครับ!”
หลี่ชางอวี๋ไม่รู้จักโข่วหงอี้ แต่เขามีความทรงจำที่ดีกับอวี๋ปิง ยังไงเสียผู้หญิงที่เป็นนักกีฬาของลีกก็หาไม่ได้ง่ายๆ อวี๋ปิงเคยเป็นกัปตันคนแรกของทีมเรดฟ็อก และเธอยังสร้างทีมที่มีแต่ผู้หญิงล้วนอีกด้วย
ในฤดูกาลที่สอง การปรากฏตัวของทีมเรดฟ็อกทำให้ผู้เล่นผู้ชายของลีกรู้สึกยุ่งยาก พวกเขาจำเป็นต้องมีเมตตาให้กับผู้หญิงไหม? ผลลัพธ์ก็คือพวกเขาสับสนจนกลายเป็นว่าถูกผู้หญิงรุมจนแพ้ ผู้คนถึงได้รับรู้ว่านักกีฬาผู้หญิงน่ากลัว และไม่ควรดูถูกง่ายๆ
นักกีฬาบางคนอาจจะรู้สึกว่าการแพ้ให้กับผู้หญิงเป็นเรื่องน่าอาย แต่หลี่ชางอวี๋ไม่ได้มีความคิดอย่างนั้น ในสายตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง แต่หากพวกเขาทำงานหนักเพื่อเป้าหมายของตัวเอง พวกเขาก็ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าแก่การเคารพ
เป็นเพราะแคทก็อดปฏิบัติกับผู้ชายและผู้หญิงอย่างเท่าเทียม ทำให้นักกีฬาผู้หญิงอย่างอวี๋ปิงนับถือเขาในฐานะ “เพื่อนที่ดี” จนกลายเป็นว่าชายหนุ่มยังหาแฟนสาวไม่ได้เสียที!
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ไป๋เซวียนเดา
หลังจากถอนตัว อวี๋ปิงกลายเป็นผู้บรรยายที่อธิบายเกมออกมาได้ดี ความนิยมของเธอพุ่งสูง และอารมณ์ก็สงบนิ่งด้วย การให้นักกีฬาตัวจริงมาเป็นผู้บรรยายแบบนี้ยังดีเสียกว่าให้ใครหน้าไหนก็ไม่รู้มาบรรยายเสียอีก
ในช่องถ่ายทอดสด อวี๋ปิงพูดขึ้นมา “รอบแรกของฤดูกาลปกติใกล้จะจบแล้ว ฉันเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนกำลังกังวลเกี่ยวกับอันดับของทั้งแปดทีมในกลุ่มแรกกันอยู่ คุณสามารถตรวจสอบคะแนนล่าสุดที่ลีกเพิ่งปล่อยออกมาได้เลย”
หน้าจอแสดงบอร์ดจัดอันดับของทีม
ในตอนนี้ทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์ โกสต์สปิริต และชีต้าห์อยู่ในตำแหน่งสามอันดับแรก ส่วนไทม์และวินคัลเลอร์อยู่ในอันดับสี่เท่ากัน ในขณะที่ทีมเรดฟ็อก เพียวเคลนซิ่ง และเดอะ เทอมิเนเตอร์มีคะแนนเท่ากัน หลังจากที่วินคัลเลอร์แข่งกับทีมไทม์ หากจบด้วยแต้มที่ต่างกัน อันดับนี้ก็จะต้องเปลี่ยนอีกอย่างแน่นอน
เซี่ยซูหรงถามขึ้นมา “แคทก็อด คุณคิดว่าใครจะเป็นคนชนะ ระหว่างวินคัลเลอร์กับไทม์?”
หลี่ชางอวี๋คิดสักพักก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่รู้จักถานสือเทียน ดังนั้นฉันพนันว่าหลิงเสวียเฟิงจะเป็นผู้ชนะ”
เซี่ยซูหรงพูดต่อไปว่า “ถ้างั้นผมพนันว่าทีมไทม์จะชนะ เพราะผมคุ้นเคยกับเฉิงเว่ยมากกว่า”
ไป๋เซวียนยิ้ม และพูดเพิ่มเข้าไปว่า “ส่วนฉันจะเป็นกรรมการ ใครที่แพ้พนันจะต้องไปล้างจานที่ห้องครัว”
ชายทั้งสองคนรู้สึกเสียใจ ถ้าพวกเขารู้ว่าจะต้องล้างจาน ก็คงจะไม่พูดถึงเรื่องพนันอย่างแน่นอน!