AtW ตอนที่ 12 งานเลี้ยงต้อนรับ
AtW ตอนที่ 12 งานเลี้ยงต้อนรับ
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย
ภายในปราสาทแฮรี่ที่ด้านหน้าของประตูปราสาทเอง เหล่าคนรับใช้กำลังวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขกคนสำคัญที่ได้รับเชิญมาจากอัศวินมาแชล ขุนนางและชนชั้นสูงจากดินแดนใกล้เคียงเมืองแห่งการเก็บเกี่ยวต่างก็มาในงานเลี้ยงคืนนี้ พวกเขาทั้งหมดจะต้องเสียค่ายใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน นี่คงเป็นความเจ้าเล่ห์อย่างหนึ่งของอัศวินมาแชล
งานเลี้ยงต้อนรับอาเบลถูกจัดขึ้นที่ห้องโถงหลักของปราสาท มีเทียนกว่าร้อยเล่มที่จุดให้ความสว่างไสวไปทั่วทั้งปราสาท อาหารในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้เองนำเข้ามาจากเมืองเบกองทั้งหมด ทุกอย่างล้วนแต่สดใหม่เหมือนกับพึ่งถูกล่ามาจากป่าเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อถึงเวลาที่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น แขกทั้งหมดก็มารวมกันในห้องโถงหลักปราสาททันที แน่นอนว่างานเลี้ยงแบบนี้ไม่มีใครอยากที่จะมาสายเป็นธรรมดา ในเวลากลางคืนแบบนี้โลกเก่าของอาเบลคงจะเต็มไปด้วยสิ่งบันเทิงต่างๆ มากมาย แต่สำหรับโลกใบนี้ที่อาเบลกำลังอาศัยอยู่นั่นมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เวลากลางคืนของคนในโลกใบนี้ช่างเงียบเหงายิ่งนัก คนจนทั้งหลายไม่มีเงินแม้กระทั่งที่จะซื้อตะเกียงเพื่อให้ความสว่างได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะใช้แสงจันทร์เท่าที่ใช้ได้ ในทางกลับกันคนรวยเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากนักนอกจากใช้แสงสว่างที่พวกเขาหาได้ไปกับการอ่านหนังสือในยามค่ำคืน แน่นอนว่าโลกใบนี้เองก็มีโรงละครเช่นกัน แต่ถ้าหากบ้านของคุณไม่ได้อยู่ที่ตัวเมืองแล้วละก็นั่นคงจะเป็นทางเลือกที่ยากเกินไป และโรงละครในโลกใบนี้เองก็ไม่ได้มีการแสดงในทุกๆ วันอีกด้วย
งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เองก็ไม่ได้มีบ่อยๆ เช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วขุนนางทั้งหลายจะจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ปีละสองสามหนเท่านั้น ค่าใช้จ่ายในงานเลี้ยงแบบนี้ค่อนข้างที่จะแพงมากเลยทีเดียว ถ้าหากจัดบ่อยๆ พวกเขาเองก็จะมีสิทธิ์ที่กระเป๋าฉีกได้
แต่เท่าที่อาเบลคิดดู ในปราสาทของอัศวินเบ็นเน็ตต์ก็ไม่เคยมีการจัดงานเลี้ยงแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่อาเบลจำความได้ อาเบลเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอัศวินมาแชลคนนี้จะจัดการบริหารเงินของเขาอย่างไร
เนื่องจากอาเบลเป็นพระเอกของงานเลี้ยงในคืนนี้ อัศวินมาแชลจึงให้อาเบลรออยู่ที่ชั้นสองก่อนที่จะเข้างานเลี้ยงมา อัศวินมาแชลวางแผนให้อาเบลออกมาหลังจากที่พ่อบ้านลินด์เซ่กล่าวแนะนำกับแขกที่มางานเลี้ยงในคืนนี้
"ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมากที่มาในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้" พ่อบ้านลินด์เซ่กล่าวทักทายแขกทั้งหมด พ่อบ้านคนนี้สวมสูทแฟนซีสีดำของเขาไว้ "ขอเชิญพบกับสมาชิกครอบครัวคนใหม่อันทรงเกียรติของอัศวินมาแชล ขอต้อนรับอาเบลนายน้อยคนใหม่แห่งตระกูลมาแชล"
แขกทุกคนที่มางานเลี้ยงในคืนนี้เริ่มตบมือทันทีที่อัศวินมาแชลและอาเบลเดินลงมาจากบันไดของชั้นสอง ในขณะที่เดินลงมานั้นเองอาเบลและอัศวินมาแชลต่างก็พยักหน้าเพื่อทักทายให้กับแขกผู้มีเกียรติที่มาในงานเลี้ยงทั้งหมด อาเบลพยักหน้าทักทายอย่างมั่นใจในขณะที่อัศวินมาแชลเองก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มที่ดูดีใจเป็นพิเศษ
อัศวินมาแชลเป็นเพียงคนเดียวที่อาเบลรู้จักในงานเลี้ยงแห่งนี้ ในตอนนี้อาเบลมีอายุเพียง 13 ปีเท่านั้นทำให้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะมาเต้นรำกับอาเบลเลย แขกส่วนใหญ่ที่มางานเลี้ยงล้วนแต่ทักทายอาเบลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลังจากเสร็จสิ้นการทักทายแขกทั้งหลายก็กลับไปสนุกกับงานเลี้ยงต่อไป
"เด็กคนนั้นโชคดีจริงๆ"
"ใช่ เค้าโชคดีมากเลยแหละ แต่มันจะแน่หรอ?"
"ทำไมต้องเป็นเขาไม่ใช่ฉันกันนะ?"
"นายเนี่ยนะ? ฉันยังดูดีมากกว่านายอีกนะ"
อาเบลได้ยินบทสนทนาก่อนหน้านี้ เมื่ออาเบลหันไปมองที่มาของเสียงนี้อาเบลเห็นชายหนุ่มหลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สังเกตเลยว่าคนที่พวกเขาพูดถึงจะเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ แล้ว
ทันทีที่พวกชายหนุ่มที่กำลังคุยกันเห็นอาเบลเข้าพวกเขาก็พูดขอโทษอาเบลในทันที "ขอโทษด้วยนะ พวกเราไม่คิดว่าคุณจะอยู่ตรงนี้หน่ะ"
"ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก" อาเบลทักทายคนกลุ่มนี้ที่กำลังพูดถึงเขาอยู่ "ผมต่างหากต้องขอโทษพวกคุณที่ขัดจังหวะการสนทนาของพวกคุณเข้าหน่ะ"
อาเบลใช้เทคนิคการพูดคุยแบบชายวัยกลางคน ตั้งแต่ที่อาเบลได้มาเหยียบปราสาทแฮรี่หลังนี้ อาเบลก็ได้เตรียมตัวสำหรับคำนินทามาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้พวกชายหนุ่มเหล่านี้ที่ได้พูดนินทาอาเบลเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายธรรมดาเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะทำให้อาเบลโกรธได้
สิ่งที่อาเบลทำลงไปทำให้เหล่าเด็กวัยรุ่นทั้งหลายประทับใจในตัวเขา พวกเขาทั้งหมดได้ชวนอาเบลเข้าร่วมกลุ่มการสนทนาในครั้งนี้ด้วย ในตอนนี้หัวข้อการสนทนาได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้กำลังถกเถียงกันว่าอัศวินมาแชลคนนี้จะพบรักครั้งไหมหรือไม่
ชายที่กำลังสวมชุดสูทสีขาวมีชื่อว่าไอแซค เขาเป็นลูกชายคนโตของบารอนวิคเตอร์ เขาเป็นคนที่ชักจูงอาเบลเข้ามาร่วมกลุ่มสนทนาในครั้งนี้ การได้เป็นลูกบุญธรรมของอัศวินจะเป็นสิ่งที่ถือว่า "โชคดีเป็นอย่างมาก" และอาเบลเองก็เป็นเหมือนกับคนที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ไป เขาเหมือนผู้โชคดีที่ถูกรางวัลแจ็คพอตอย่างไงอย่างงั้น
สาเหตุที่ทำให้เหล่าขุนนางเข้าร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้เป็นเพราะธุรกิจของพวกเขานั่นเอง ถ้าหากเข้าร่วมงานสังคมแบบนี้จะทำให้ธุรกิจของพวกเขาเจริญเติบโตต่อไปง่ายขึ้นโดยไม่ถูกขัดขวางหรือจับตามองจากพวกชนชั้นสูง หากต้องการที่จะอยู่อย่างสบายแล้วการเรียนรู้วิธีแบบเอานี้ไว้ไม่ได้เสียหายอะไรเลย อัศวินเบ็นเน็ตต์เองไม่ได้ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงสังคมแบบนี้ แต่ถึงเขาจะมีนิสัยแบบนั้นแต่อัศวินเบ็นเน็ตต์ก็มีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่ต้องทำให้ครอบครัวของอัศวินเบ็นเน็ตต์ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดมากเท่าไรนัก
มีขุนนางมากมายที่ไม่ได้มีที่ดินและปราสาทเป็นของตัวเอง พวกเขาเหล่านั้นจะต้องอาศัยอยู่ในตัวเมือง การที่ได้อาศัยอยู่ในปราสาทและในที่ดินของตัวเองเป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว นอกเหนือจากการมีที่ดินและปราสาทเป็นของตัวเองการมีรายได้ที่มั่นคงเองเป็นเรื่องในฝันที่คนทุกคนในโลกใบนี้อยากมีกันทั้งนั้น การมีเงินเพียงพอจะทำให้คนคนนั้นสามารถดูแลพวกทหารที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาได้ และเงินที่มากพอจะทำให้พวกเขาสามารถเพาะปลูกพืชเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกด้วย
อาเบลไม่แปลกใจเลยที่ไอแซคจะพูดจาดูอิจฉาเขาในตอนนั้น ตราบใดที่ไอแซคเองไม่ได้แสดงเจตนาไม่ดีอะไรออกมาอาเบลก็ไม่ได้ที่จะถือสาอะไรความอิจฉาของเขา
ขณะที่อาเบลกำลังจิบไวน์เขาก็ฟังบทสนทนาต่างๆ ของคนในกลุ่มไปด้วย บางครั้งบทสนทนาอะไรบางอย่างก็ดูไม่เหมาะสมเท่าไรนักแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พยายามที่จะไม่ล่วงล้ำเกินขอบเขตที่พอจะพูดได้ไป
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้ดีจนกระทั่งอาเบลรู้สึกถึงอันตรายอะไรบางอย่าง อาเบลไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป ดวงตาของอาเบลยังคงมองไปที่ฝูงชนทั่วไปที่ร่วมงานเลี้ยงแห่งนี้อยู่ มือของอาเบลเองก็ยังคงถือแก้วไวน์ของเขาไว้อยู่
อาเบลสังเกตเห็นชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ ชายคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา เขามีผมสีบลอนด์ที่ถูกจัดทรงผมมาอย่างประณีตที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดวงตาของชายคนนั้นกลับดูคล้ายกับผู้หญิงมากกว่าที่จะดูเหมือนผู้ชาย
อาเบลสกิดแขนของไอแซคเบาๆ ก่อนจะถามเขาว่า "นั่นใครหรอ?"
"เขาคนนั้นน่ะหรอ?" ไอแซคเหลือบตาไปมองชายคนนั้นที่อาเบลสงสัยแต่เมื่อเขามองเห็นชายคนนั้นไอแซคก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วคล้ายกับว่าเขารังเกียจชายคนนั้น "อ๋อ เขาคนนั้นมีชื่อว่าแดเนียล ถ้าหากจะถามฉันว่าเขาเป็นคนยังไงก็คงเรียกได้ว่าคนขี้โกงล่ะนะ"
"ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ?" อาเบลถามด้วยความสงสัย
"พ่อของชายคนนั้นเป็นพ่อค้าน่ะ แต่พี่สาวของเขาได้แต่งงานกับลอร์ดวอร์คเกอร์ไปทำให้ชายคนนั้นมีศักดิ์เป็นขุนนางไปด้วย นายคิดว่าเขาคนนั้นพอใจกับสิ่งที่ได้ไหมละ แน่นอนว่าไม่ หลังจากที่ชายคนนั้นได้ยินข่าวมาว่าอัศวินมาแชล์ไม่มีทายาทไว้สืบสกุลเขาก็เริ่มขอร้องให้พี่สาวของเขาใช้เส้นสายให้อัศวินมาแชล์รับอุปการะเขาเป็นลูกบุญธรรมเอาไว้ แน่นอนว่าพี่สาวของเขาไม่สามารถทำในสิ่งที่แดเนียลต้องการได้ แดเนียลจึงขอให้ลอร์ดวอร์คเกอร์คุยกับอัศวินมาแชลโดยตรงแทน ลอร์ดวอร์คเกอร์เองได้ทำตามคำขอของแดเนียลแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็ไม่ใช่อะไรที่ดีเท่าไรนัก ครอบครัววอร์คเกอร์ตกต่ำลงไปในที่สุด"
ไอแซคดูเหมือนกระตือรือร้นที่จะพูดถึงเรื่องของแดเนียล "นายรู้ไหมว่าขุนนางคนอื่นพูดถึงเรื่องนี้ยังไงกัน? เมื่อไม่นานมานี้เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องเด่นเรื่องดังที่พวกเขากำลังพูดถึงกันเลยล่ะ"
ไอแซคหยุดดื่มไวน์ของเขากระทันหัน เขาต้องการที่จะเห็นปฏิกิริยาตอบรับจากอาเบล แต่ดูเหมือนว่าอาเบลเองจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่อยากรู้เรื่องในคราวนี้เท่าไรนัก นั่นทำให้ไอแซคแปลกใจ
"พวกเขาได้แต่พูดว่าแดเนียลเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่แดเนียลก็ไม่ได้เจียมตัวอะไรเลย นายเชื่อไหมล่ะ? ไม่ใช่แค่แดเนียลเท่านั้น แม้แต่ลอร์ดวอร์คเกอร์เองก็ยังถูกเอาไปคุยอย่างสนุกปากอีกด้วย อัศวินที่ไหนจะอยากได้ลูกของพ่อค้าเป็นลูกบุญธรรมกัน? แม้ว่าอัศวินมาแชลจะยอมรับแดเนียลแต่สำหรับครอบครัวของอัศวินมาแชลคงจะไม่ยอมรอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน!"
หลังจากที่ไอแซคได้เล่าเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดให้อาเบลฟัง ตอนนี้อาเบลก็เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแล้ว อาเบลรู้แล้วว่าทำไมแดเนียลถึงดูไม่ชอบเขาตั้งแต่แรกเจอ
แต่ถึงอาเบลจะรู้เรื่องทุกอย่างมาอย่างง่ายดายแต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบการนินทาคนอื่นแบบนี้เลย อาเบลคิดว่ามันน่าเบื่อและไม่ยุติธรรมกับคนที่โดนพูดถึงมากจนเกินไป อีกทั้งเรื่องนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ฟังความข้างเดียว หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นอีกไม่กี่นาทีอาเบลก็ได้บอกลาพวกเขาก่อนที่จะเดินมาห้องน้ำ
หลังจากที่อาเบลเดินไปห้องน้ำแดเนียลเองก็สังเกตเห็นและเดินตามอาเบลไปในห้องน้ำด้วยเช่นกัน
อาเบลยังไม่ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำเลย เขาตัดสินใจที่จะไปยืนใกล้ๆ กับหน้าต่างแทนเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ดูเหมือนว่าร่างกายของอาเบลในตอนนี้จะมีอายุแค่ 12 ปีเท่านั้น ร่างกายนี้ยังไม่เคยชินกับการดื่มแอลกอฮอล์ ในขณะที่สายลมที่เหน็บหนาวได้พัดผ่านบนใบหน้าของอาเบลไป มันก็ได้เตือนอาเบลว่าเขาไม่ควรที่จะดื่มแอลกอฮอล์แบบนี้เลย
สำหรับอดีตเทรนเนอร์ผู้เพาะกายแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย แถมอาเบลในตอนนี้ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกด้วย
ในฐานะที่อาเบลเป็นเหมือนกับเจ้าภาพในงานเลี้ยงครั้งนี้คงจะไม่สุภาพเท่าไรนักถ้าเขาเดินออกมาจากงานเลี้ยงนานเกินไป แต่เมื่ออาเบลตัดสินใจที่จะเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยงก็ได้มีใครบางคนพุ่งตัวมาหาเขาอย่างรวดเร็ว อาเบลตอบสนองทุกอย่างอย่างรวดเร็วเช่นกัน อาเบลรีบเปิดใช้พลังของอัศวินระดับสี่ในทันที
ใครบางคนที่พยายามจะพุ่งหาอาเบลทำให้อาเบลตกใจชั่วขณะ ชายคนนั้นกระเด็นลอยกลับถอยหลังไปถึงสามเมตรหลังจากที่ถูกอาเบลตอบโต้โดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายของชายคนนั้นลอยอยู่กลางอากาศเป็นช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะตกลงมากระทบกับพื้นในที่สุด
เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระแทกกับพื้นผู้คนที่ร่วมงานเลี้ยงอยู่จึงได้ออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"นั่นแดเนียลนิ" อัศวินที่มาถึงที่เกิดเหตุเห็นแดเนียลกำลังนอนอยู่ที่พื้น
หญิงสาวที่สวมชุดราตรีสุดหรูหราเองก็วิ่งมาดูเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน "โอ้ แดเนียล์ เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรอ?"
"อาเบล! เกิดอะไรขึ้นกัน?" อัศวินมาแชลวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับรีบถามอาเบลในทันที
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน" อาเบลเหยียดแขนของเขาเพื่อแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะวิ่งพุ่งตรงมาที่ผม ผมรู้สึกตัวอีกทีร่างของเขาก็ได้ลอยไปในอากาศแล้ว"
อัศวินมาแชลไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยตาของเขาเอง เขาจึงสรุปอะไรไม่ได้จากสิ่งที่เห็นในตอนนี้ นอกจากนี้อาเบลยังเป็นสมาชิกคนใหม่ในปราสาทแห่งนี้ อาเบลคงจะไม่มีแรงจูงใจอะไรในการทำร้ายคนอื่นอย่างแน่นอน อาเบลคงจะยังไม่รู้จักกับใครด้วยซ้ำไป
แต่สำหรับแดเนียลแล้วอัศวินมาแชล์รู้จักเขาเป็นอย่างดี หลังจากที่อัศวินมาแชลปฏิเสธคำขอของเด็กหนุ่มคนนี้อัศวินมาแชลก็รู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องถูกเด็กคนอื่นพูดล้อเลียนมากขนาดไหนเพื่อซ้ำเติมความผิดหวังของเขา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนอันสำคัญที่ลอร์ดวอร์คเกอร์พยายามที่จะสอนแดเนียล์ให้รู้ถึงกาลเทศะนั่นเอง
ในตอนนี้อัศวินมาแชลยังไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้น แต่สิ่งที่แดเนียลทำก็ไม่อาจที่จะยกโทษได้ง่ายๆ ในงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นโดยอัศวินมาแชลแห่งนี้ แดเนียลตัดสินใจที่จะโจมตีทายาทในอนาคตของตระกูลมาแชล อาเบลเป็นขุนนางแต่เดิมแล้วนั่นทำให้โทษของแดเนียลมีมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่มีใครให้ความสนใจกับหญิงสาวผู้ที่กำลังร้องไห้อยู่ใกล้ๆ กับแดเนียลเลย อัศวินมาแชลเรียกลอร์ดวอร์คเกอร์มา ลอร์ดวอร์คเกอร์ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
"ท่านวอร์คเกอร์ ท่านมีเป้าหมายอะไรกันแน่ที่พาแดเนียลมาที่ปราสาทของผมกัน? นี่เป็นความพยายามที่จะหมิ่นเกียรติของตระกูลแฮรี่ของพวกเราอย่างงั้นหรอ? หรือว่าคุณพยายามที่จะสนับสนุนแดเนียลเพื่อเริ่มทำสงครามกับครอบครัวของผม?"
ลอร์ดวอร์คเกอร์เองก็แสดงท่าทีที่ไม่พอใจเมื่อเห็นแดเนียล์กำลังนอนกองอยู่ที่พื้น ถ้าหากวอร์คเกอร์รู้ว่าแดเนียลจะก่อเรื่องแบบนี้เข้าเขาก็คงไม่พาแดเนียลมาที่งานเลี้ยงนี้ แดเนียลอยากที่จะเป็นทายาทคนต่อไปของครอบครัวแฮรี่ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้แดเนียลตัดสินใจทำเช่นนี้
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย