ตอนที่แล้วAtW ตอนที่ 10 ออกเดินทาง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAtW ตอนที่ 12 งานเลี้ยงต้อนรับ

AtW ตอนที่ 11 บุตรบุญธรรมคนใหม่


AtW ตอนที่ 11 บุตรบุญธรรมคนใหม่

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

ปราสาทอัศวินแฮรี่อยู่ทางตะวันตกของปราสาทอัศวินเบ็นเน็ตต์ ปราสาททั้งสองหลังนั้นอยู่ห่างกัน 300 ไมล์ ในระหว่างปราสาททั้งสองมีพื้นที่แห่งหนึ่งที่ถูกปกครองด้วยลอร์ดผู้มีเกียรติอยู่ด้วย หากไม่จำเป็นต้องเดินไปอ้อมที่ดินนี้จะทำให้การเดินทางมาปราสาทแฮรี่จะใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น

แม้ว่าตระกูลเบ็นเน็ตต์จะได้รับที่ดินและแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในขุนนาง แต่ตระกูลเบ็นเน็ตต์ก็ยังอยู่ในชนชั้นกลางเท่านั้น ตระกูลเบ็นเน็ตต์ยังห่างไกลจากฐานะชนชั้นสูงมาก นอกจากนี้พวกเขายังไม่ถนัดที่จะเข้าสังคมกับพวกขุนนางและชนชั้นสูงคนอื่นๆ ตระกูลเบ็นเน็ตต์รักความเป็นอิสระมากกว่า พวกเขาพยายามรักษาระยะห่างจากพวกชนชั้นสูงคนอื่นไว้ การรักษาระยะห่างนี้เองทำให้ตระกูลเบ็นเน็ตต์ไม่มีเส้นสายเหมือนกับขุนนางคนอื่นๆ

ขบวนแห่มาถึงปราสาทของอัศวินแฮรี่ในบ่ายสามโมง อาเบลที่กำลังขี่ม้าเห็นปราสาทขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว ที่ปราสาทแห่งนี้มีธงสัญลักษณ์รูปยูนิคอร์นติดประทับอยู่ทั่วทุกบริเวณ อาเบลได้แต่คิดว่าสัญลักษณ์ยูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ของปราสาทแฮรี่อย่างไม่ต้องสงสัย

ปราสาทของอัศวินเบ็นเน็ตต์ไม่ได้ถูกตกแต่งด้วยธงเยอะขนาดนี้ ปราสาทอัศวินเบ็นเน็ตต์มีเพียงธงสัญลักษณ์สูงสามเมตรเพียงอันเดียวเท่านั้น ธงอันนี้ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษของอัศวินเบ็นเน็ตต์ ธงสัญลักษณ์เพียงธงเดียวเป็นเหมือนกับธงประจำตระกูลเบ็นเน็ตต์จึงเป็นเหมือนกับสมบัติที่ส่งต่อจากอีกรุ่นมาสู่อีกรุ่นนั่นเอง อัศวินเบ็นเน็ตต์มักจะพูดเกี่ยวกับธงผืนนี้ไว้ว่า "นี่คือสมบัติที่จะส่งให้คนรุ่นต่อไป"

"เพื่อนพ่อคนนี้ติดธงแบบนี้ตลอด" อัศวินเบ็นเน็ตต์กัดฟันพูด "พ่อเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่จำเป็นต้องติดธงเยอะขนาดนี้ก็ได้"

อัศวินมาแชลแกะสลักรูปของเทพแห่งพระอาทิตย์ไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของชุดเกราะเขา  และด้านขวาของชุดเกราะเองมีรูปยูนิคอร์นอยู่ ใบหน้าของอัศวินมาแชลมีริ้วรอยอะไรบางอย่าง แทนที่ริ้วรอยนี้จะทำให้อัศวินคนนี้ดูแก่แต่มันกับให้ผลตรงกันข้าม ริ้วรอยพวกนี้ทำให้อัศวินคนนี้ดูขึงขังน่าเคารพมากกว่าเดิม

"มาแชล!"

เสียงคำรามเมื่อสักครู่นี้เป็นเหมือนของเสียงคำรามของสัตว์ที่กระหายเลือด มันคือเสียงของอัศวันเบ็นเน็ตต์นั่นเอง เขากระโดดลงจากม้าอย่างรวดเร็วก่อนที่เดินตรงไปหาอัศวินมาแชลในทันที

"เซท!" อัศวินมาแชลตอบโต้ด้วยเสียงคำรามเช่นเดียวกัน มันเป็นเสียงคำรามที่ดูโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ผมสีทองของอัศวินมาแชลล์กำลังปลิวไสวอยู่กลางอากาศทำให้อัศวินมาแชลในชุดเกราะทองคำดูคล้ายกับราชสีเจ้าป่าเป็นอย่างมาก

ไม่มีใครรู้ว่าอัศวินทั้งสองคนจะทักทายกันด้วยการคำราม ทั้งสองคนนี้เป็นเหมือนกับเพื่อนรักกัน แน่นอนว่าในใจลึกๆ พวกเขายังเป็นคู่แข่งที่ดีต่อกันอีกด้วย

อัศวินทั้งสองคนกำลังเดินเข้าไปใกล้กันเรื่อยๆ พวกเขาทั้งสองคนสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนเดินมากอดกัน มีเพียงอาเบลเท่านั้นที่เห็นว่าการกอดกันในครั้งนี้ไม่ใช่การทักทายธรรมดาๆ พวกเขากำลังใช้พลังของตนเองกดหน้าอกของอีกฝั่งไว้ นี้เป็นการต่อสู้รูปแบบหนึ่งที่ไม่ใช้การเตะต่อย

การทักทายของอัศวินทั้งสองคนนี้เป็นการทักทายที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนเองก็เปลี่ยนเป็นความประทับใจให้กับอาเบล พวกเขาทั้งสองคนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

หลังจากที่กอดทักทายกันเสร็จอัศวินเบ็นเน็ตต์ก็เอ่ยปากขึ้นก่อน "นายเลื่อนขั้นเป็นอัศวินระดับกลางแล้วหรอ? ทำไมไม่จดหมายมาบอกกันบ้างละหะ?"

"จะพูดแบบนั้นก็ได้ละนะ" อัศวินมาแชลตอบในขณะที่เขาจับหน้าอกของตัวเองอยู่ ดูเหมือนว่าหน้าอกของเขากำลังจะช้ำ หลังจากที่จับหน้าอกตัวเองเสร็จอัศวินมาแชลก็ตอบกลับไป "นายก็ไม่บอกเหมือนกันแหละว่านายได้เลื่อนยศเป็นอัศวินระดับกลางเหมือนกันน่ะ!"

อัศวินเบ็นเน็ตต์รู้สึกได้ว่าชุดเกราะของเขาเองมีรอยบุบ หลังจากที่คิดค่าเสียหายที่จะต้องซ่อมแซมเกราะตัวนี้เขาจึงตะโกนใส่อัศวินมาแชลอีกครั้ง "นายเล่นสกปรกกับฉันสินะ? ฉันต้องชนะอยู่แล้ว! ถ้าฉันไม่อยู่ต่ำกว่านายล่ะนะ"

"เล่นสกปรกหรอ? กำลังพูดกับใครอยู่กันหะ?"

อัศวินมาแชลพยายามปฏิเสธข้อกล่าวหาของอัศวินเบ็นเน็ตต์เช่นกัน ทั้งสองคนกำลังจ้องตากันอย่างเงียบๆ ในตอนนี้ทุกคนคิดว่ากำลังจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาทั้งสองคนใช้กำปั้นทุบไปที่ชุดเกราะของกันและกัน

หลังจากที่พวกเขาใช้กำปั้นทุบชุดเกราะเสร็จ พวกเขาก็หัวเราะและกอดกันในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าทั้งหมดนี้จะเป็นการทักทายกันเฉยๆ ของอัศวินทั้งสองคนนี้ ทั้งสองคนนี้เป็นเหมือนกับพี่น้องที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน พวกเขาทั้งสองคนดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกัน ในความจริงอาเบลแอบอิจฉาเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ แต่ในฐานะที่อาเบลมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่กับตัว เขาจึงไม่สามารถบอกใครหรือเชื่อใจใครง่ายๆ อาเบลอยากหาเพื่อนที่ดีแบบนี้บ้าง

พิธีรับบุตรบุญธรรมถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ พวกเขาเชิญนักบวชจากวิหารเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยวมาร่วมในพิธีครั้งนี้ด้วย อาเบลได้รับชุดจากอัศวินมาแชลโดยตรง เสื้อตัวนี้มีสัญลักษณ์ของยูนิคอร์นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของอัศวินมาแชล เสื้อตัวนี้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและยืนยันว่าอาเบลนั้นได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวตระกูลมาแชลแล้ว อาเบลจะกลายเป็นคนในครอบครัวของอัศวินมาแชลหลังที่จบพิธีกรรมนี้

หากท่านลอร์ดคนไหนที่ไม่มีทายาทไว้สืบสกุล เมื่อขุนนางคนนั้นตายสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะถูกยึดคืนในทันที การที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเท่ากับว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของวงตระกูลที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานให้หายออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์นั่นเอง แน่นอนว่าอาจจะเป็นเรื่องเศร้าสำหรับอาเบลที่จะต้องจากบ้านเกิดที่แท้จริงของเขามา แต่มันก็คู่ควรและยินดีที่จะเฉลิมฉลองอย่างแท้จริงสำหรับตระกูลมาแชลที่กำลังจะมีบุตรไว้สืบสกุลต่อ

อัศวินเบ็นเน็ตต์ไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอาเบลในครั้งนี้ด้วย เขาไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงยินดีที่จะต้องสูญเสียลูกชายคนนี้ไป พิธีต้อนรับบุตรบุญธรรมได้จบลงแล้ว ตอนนี้อาเบลเป็นเหมือนคนจากตระกูลมาแชลเป็นที่เรียบร้อย อัศวินเบ็นเน็ตต์เองก็คิดว่าอัศวินมาแชลนั้นไม่อยากจะให้เขาเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้เท่าไรนัก

หลังจากพิธีจบลง อัศวินมาแชลก็พาอาเบลไปดูอาคารสองชั้นด้านซ้ายของปราสาทแฮรี่

"นับต่อจากนี้ไปห้องนี้จะเป็นห้องของลูกนั่นเอง" อัศวินมาแชลเปิดประตูพร้อมพูดต้อนรับอาเบล "พ่อหวังว่าลูกจะรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านของตัวเองนะ"

ห้องของอาเบลมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกนั้นมีพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก พื้นของชั้นแรกทำมาจากชั้นหินที่แข็งทนทนเป็นอย่างมาก มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับแขกอย่างดี และแน่นอนว่ามีเฟอร์นิเจอร์พื้นฐานตกแต่งอย่างครบคัน ผนังห้องเต็มไปด้วยชั้นวางอาวุธ มีทั้งดาบใหญ่ โล่ ธนู และหอก มีขวานสองมือที่ใช้สำหรับต่อสู้กับพวกออร์คถูกวางแยกไว้ในอีกชั้นวางอาวุธหนึ่งอีกด้วย

ความจริงแล้วสถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับห้องฝึกฝนเล็กๆ มากกว่าห้องนั่งเล่น ในฐานะที่อาเบลเป็นอัศวินฝึกหัด เขาจะต้องฝึกฝนเป็นประจำอยู่แล้ว การตกแต่งห้องให้อาเบลสามารถฝึกฝนได้อย่างเต็มที่จะทำให้บุตรบุญธรรมคนนี้เองฝีมือก้าวหน้าขึ้น ทั้งหมดนี้คงต้องขอบคุณอัศวินมาแชล เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอาเบลนั้นต้องการอะไรบ้าง

ห้องนอนของอาเบลอยู่ที่ชั้นสอง มีเตียงที่ปูไปด้วยขนนกขนาดใหญ่วางไว้อยู่กลางห้อง ผนังห้องทำมาจากไม้โอ๊คอย่างดี พื้นห้องเองตกแต่งไปด้วยพรมขนสัตว์สุดนุ่ม การตกแต่งของห้องนอนอาเบลล้วนแต่มีสีโทนขาวดำเป็นส่วนใหญ่ ไม้โอ๊คที่นำมาทำผนังห้องเป็นไม้โอ๊คจากต้นโอ๊คใหญ่ เพียงแค่ไม้แผ่นเดียวก็สามารถทำผนังห้องนอนของอาเบลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้ามองออกไปด้านนอกห้องจะพบกับวิวที่สวยสดงดงามกว่าปราสาทหลังเก่าที่อาเบลเคยอยู่มาก

อาเบลเดาว่าอัศวินมาแชลคนนี้คงเป็นคนที่ชอบสีขาว ทุกๆ อย่างแม้แต่สัญลักษณ์ยูนิคอร์นก็ยังมีสีขาวอยู่ด้วย แม้แต่ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ของอาเบลเองก็ยังทำมาจากไม้โอ๊คสีขาว

"ลูกไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ของทั้งหมดนี้ลูกสามารถใส่ได้ทั้งหมด" มาแชลเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตู้นี้ ภายในนั้นมีเสื้อผ้าชุดใหม่มากมายอยู่ข้างในนั้น "ชุดทั้งหมดนี้เป็นของลูกแล้วนะ ยังไงลูกก็รีบอาบน้ำพักผ่อนละกัน หลังจากที่อาบน้ำแล้วสาวใช้จะมาช่วยเลือกชุดของลูกเอง"

ดูเหมือนว่าอัศวินมาแชลคนนี้จะเป็นคนที่ใจดีเป็นอย่างมาก เขายิ้มให้กับอาเบลก่อนที่จะลงไปจากห้องของเขา อาเบลรู้สึกอบอุ่นจากรอยยิ้มของเขา และรอยยิ้มของอัศวินมาแชลเองเป็นเหมือนกับคำปลอบโยนสำหรับอาเบล "มีอะไรที่ลูกต้องการอีกไหม?" มาแชลถามอาเบลอีกครั้งก่อนที่จะลงบันไดไป "ลูกบอกพ่อได้ตลอดเลยนะว่าอยากได้อะไร ยังไงซะที่นี่ก็เป็นบ้านของลูกแล้ว"

"ไม่มีครับ ถ้ามีอะไรผมจะบอกเองนะ" อาเบลพูดด้วยน้ำเสียงกังวลวิตกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพ่อบุญธรรมคนนี้จะใจดีและมีน้ำใจกับเขาเป็นอย่างมาก แต่การที่จะขออะไรตามใจหรือขอความช่วยเหลือในแบบที่ไม่จำเป็นก็ทำให้อาเบลรู้สึกเกรงใจพ่อบุญธรรมคนนี้มากเช่นกัน

ในตอนนี้อาเบลอยู่เพียงลำพังที่ห้องนอนห้องใหม่แล้ว อาเบลมองออกมานอกหน้าต่างของห้องนอนใหม่นี้ ทิวทัศน์โดยรอบปราสาทแฮรี่ในตอนนี้เป็นตอนพกค่ำแล้วนั่นเอง ทิวทัศน์ด้านนอกที่อาเบลมองเห็นมีแสงไฟกระพริบอยู่หลายจุด อาเบลเดาว่านั้นจะต้องเป็นแสงจากงานเลี้ยงต้อนรับของอาเบลอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าปราสาทแฮรี่จะอยู่ใกล้กับเมืองฮาร์เวสต์ ฮาร์เวสต์เป็นเมืองที่ใหญ่กว่าเมืองเล็กๆ อย่างฟอร์ตลี

นี้คื่อบ้านหลังใหม่ของอาเบลนับตั้งแต่ต่อจากนี้ไป อาเบลเพิ่งจะยอมรับครอบครัวใหม่ของเขานับตั้งแต่เขามาใช้ชีวิตได้ที่โลกแห่งนี้ แต่ตอนนี้ก็เหมือนกับโชคชะตาเล่นตลกกับเขาอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องมาอยู่กับครอบครัวใหม่อีกครั้ง และที่นี่ปราสาทหลังนี้เองก็เป็นครอบครัวใหม่ของเขานั่นเอง ครอบครัวใหม่ ชีวิตใหม่ อาเบลได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้กับชะตากรรมของเขาในตอนนี้ หลังจากนั้นอาเบลจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาเบลคิดไว้ว่าถ้าหากเขาโตขึ้นและแข็งแกร่งมากมากพอ เขาสาบานว่าจะกลับไปช่วยพ่อแม่และพี่ชายของเขาอย่างแน่นอน

มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินขึ้นบันไดมา ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็เปิดประตูเข้าห้องนอนของอาเบล เธออายุประมาณยี่สิบปี สาวใช้คนนี้มีหน้ากลมมนเหมือนกับขนมปังเป็นอย่างมาก

"ห้องอาบน้ำพร้อมแล้วนะคะ" เธอพูดอย่างอ่อนน้อมกับอาเบล ดูเหมือนว่าเธอคนนี้ไม่ต้องการที่จะรบกวนอาเบลจนเกินไป "นายท่านต้องการที่จะอาบน้ำเลยไหมคะ?"

สาวใช้คนนี้นำทางอาเบลมาจนถึงห้องอาบน้ำ ห้องอาบน้ำห้องนี้มีไว้สำหรับนายท่านทั้งหลายของปราสาทแฮรี่เท่านั้น น่าแปลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอาบน้ำนี้ทำมาจากไม้ แต่มันก็ยังคงมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของห้องอบซาวน่าในโลกที่อาเบลได้จากมา อ่างอาบน้ำเองทำมาจากหินอ่อนอย่างดี ภายในอ่างอาบน้ำมีกลีบดอกไม้ถูกวางโรยไว้ทั่วอ่างน้ำนี้ ภายในอ่างน้ำเป็นน้ำร้อนนั่นเอง

เมื่อสาวใช้คนนี้กำลังจะเข้าห้องน้ำมากับอาเบล อาเบลให้เธอหยุดอยู่หน้าห้องน้ำทันที ถึงแม้ว่าอาเบลจะเติบโตมากับบ้านตระกูลขุนนางแต่เขาเองก็เป็นคนยุคใหม่ การที่จะมีผู้หญิงมาอาบน้ำให้กับเขา อาเบลคงไม่สบายใจเท่าไรนัก

หลังจากที่อาเบลอาบน้ำเสร็จ เขาขอให้สาวใช้คนนี้ช่วยเลือกชุดพิธีการของเขาในทันที เพื่อที่อาเบลจะได้ใส่เข้าร่วมในงานเลี้ยงต้อนรับคืนนี้นั่นเอง

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด