ตอนที่ 20 ทีมไทม์
เวลาเดียวกัน ณ ห้องฝึกทีมไทม์
รองกัปตันที่ปกติจะสดใสอย่างเฉิงเว่ยกลับมีสีหน้าไม่ค่อยดีนักในวันนี้ เขาเอาแต่จ้องคอมพิวเตอร์แล้วก็ดูเว่ยป๋อจนเกือบจะพ่นไฟออกจากตาอยุ่แล้ว
เฉิงเว่ยโกรธจริงๆที่เห็นคอมเม้นบนเว่ยป๋อ!
“นายมีความสัมพันธ์ยังไงกับทีมของอู๋หลิน?” “ชางหลันยุบทีมไม่เกี่ยวกับอะไรกับนายเสียหน่อย” “ทำไมนายถึงโพสต์เกี่ยวกับเรื่องเล็กๆแบบนี้กัน?” “จดจ่อกับการแข่งวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ” “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อหลี่ชางอวี๋เลย” ข้อความเหล่านั้นมันหมายความว่ายังไงกัน...
นิ้วเขารัวบนแป้นพิมพ์ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไป เฉิงเว่ยปิดเว่ยป๋ออย่างโกรธจัด และจู่ๆก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา
ผู้เล่นที่แข็งแกร่งแบบนั้น แต่กลับถูกทุกคนลืมภายในสามปีหลังจากที่ออกจากมิราเคิลงั้นเหรอ?
แต่เฉิงเว่ยไม่ลืม
ในตอนนั้น เขายังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเดบิ้วท์ ลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือ หลี่ชางอวี๋อาจจะมีอัตราการชนะแบบเดี่ยวสูง แต่เฉิงเว่ยไม่กลัวที่จะท้าทายซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์คนนั้น
ในการแข่งขันช่วงฤดูกาลปกติระหว่างทีมไทม์กับเอฟทีดี เฉิงเว่ยปรากฎตัวในสนามประลองเวลาเดียวกันกับหลี่ชางอวี๋ แต่เขาแพ้ให้แคทก็อดโดยที่ไม่มีใครแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เฉิงเว่ยไม่ยอมรับ และต้องการท้าสู้กับอีกฝ่ายในเกมออนไลน์ ผลก็คือหลี่ชางอวี๋เอาชนะเขาห้าครั้งรวด
เฉิงเว่ยอับอายมาก และรอจะขุดหลุมฝังตัวเองไม่ไหวแล้ว
แต่หลี่ชางอวี๋ไม่ได้พูดเยาะเย้ย กลับกัน เขาพูดให้กำลังใจเฉิงเว่ย [นายเพิ่งจะอายุ 16 ผู้เล่นหน้าใหม่ที่สามารถกดดันฉันได้ขนาดนี้นับว่ามีฝีมือมากๆแล้ว]
เฉิงเว่ยตกตะลึง และเขาเอาแต่จ้องประโยคนั้นบนหน้าจอไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลี่ชางอวี๋ถาม [นายรู้ไหมว่าเพราะอะไรถึงแพ้ฉันวันนี้?]
เฉิงเว่ยตอบใบหน้าแดงก่ำ [เพราะว่าผมไม่มีประสบการณ์?]
[ประสบการณ์ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่กุญแจสำคัญ] หลี่ชางอวี๋ยิ้มและพิมพ์ต่อ [นายยังไม่เข้าใจหัวใจสำคัญของการเล่นไวท์เมจิกเชี่ยนเผ่าเทวดาเลย]
เฉิงเว่ยเบิกตาจ้องมองประโยคเล็กๆในหน้าต่างแชท
[เผ่าเทวดาเป็นเผ่ารักสงบ พวกเขามีสกิลควบคุมมากกว่าสกิลโจมตี นายดุดันมากเกินไป ในตอนที่นายเจอกับอาชีพระยะประชิดเช่นนักดาบ หรือเบอร์เซิกเกอร์นายสามารถใช้ความได้เปรียบจากตำแหน่งยืนในการโจมตีพวกเขา และเอาชนะไปได้ แต่เมื่อนายเผชิญกับอาเชอร์ แบล็กเมจิกเชี่ยน หรือซัมมอนเนอร์ที่เป็นอาชีพโจมตีระยะไกลเหมือนนาย นายจะต้องเล่นเกมยืดเยื้อ และแพ้ในที่สุด]
[การต่อสู้ระหว่างอาชีพระยะไกลไม่ใช่วัดกันที่ใครโจมตีมากกว่ากัน แต่เป็นใครจะสามารถคว้าโอกาสได้มากกว่ากันต่างหาก ตอนที่นายสู้กับฉัน มีสกิลควบคุมหลายสกิลที่นายไม่ใช้เลย ฉันแนะนำให้นายเปลี่ยนตำแหน่งช็อทคัทของสกิล ตอนที่นายสู้กับอาชีพระยะไกล นายควรคิดว่าจะควบคุม และทำดาเมจหนักๆกับฝ่ายตรงข้ามยังไง ดีกว่ามานั่งโจมตีเร็วๆเพื่อกดดันคู่แข่งนะ]
[อาชีพโจมตีเวทมนตร์เปราะบางแล้วก็ใช้มานาเยอะมาก ดังนั้นทุกการโจมตีควรจะลดเลือดฝั่งตรงข้ามให้ได้ มีมือเร็วมันก็ดี แต่ถ้าเร็วเกินไปก็จะส่งผลให้การโจมตีไร้ค่า นายต้องฝึกเชื่อมต่อสกิล นายสามารถใช้การโจมตีปกติในระหว่างที่สกิลคูลดาวน์เพื่อที่จะได้ลื่นไหลไปตามจังหวะ จากนั้นก็จะค่อยๆได้เปรียบเรื่องเลือดเอง]
เฉิงเว่ย “...”
ไม่มีใครพูดกับเขาอย่างนี้เลย
เขาคิดว่าความสามารถของเขาโดดเด่นในทีมไทม์ และรู้สึกชื่นชมในตัวกัปตันสวีลั่วมาก แต่กัปตันสวียุ่งกับการจัดการสิ่งต่างๆทั้งภายนอกและภายในทีมทำให้ไม่มีเวลาสอนคนใหม่ๆ เฉิงเว่ยมักจะศึกษา และตรวจสอบด้วยตัวเองเสมอ รู้สึกว่ารูปแบบการโจมตีอย่างรวดเร็วของไวท์เมจิกเชี่ยนเท่มาก เขาอาจจะโจมตีพลาดในบางครั้ง แต่เขาคิดว่านั่นเป็นเพราะเขาพลาดเอง
จนกระทั่งวันนี้ เขาถึงได้รู้ว่าความรู้เรื่องมิราเคิลของตัวเองมันตื้นเขินขนาดไหน!
แคทก็อดพูดถูก เขาไม่เข้าใจหัวใจสำคัญของไวท์เมจิกเชี่ยน
การปรับเปลี่ยนเทคนิคการเล่นเมื่อเจอคู่ต่อสู้ต่างประเภทเป็นสิ่งจำเป็น เขามีอัตราการชนะสูงเมื่อเผชิญหน้ากับอาชีพระยะประชิด แต่มักจะตายง่ายๆเมื่อเผชิญหน้ากับแบล็กเมจิก หรือซัมมอนเนอร์
หลี่ชางอวี๋รู้จักเกมนี้เป็นอย่างดี และคำแนะนำไม่กี่คำของเขาก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อไวท์เมจิกเชี่ยนของเฉิงเว่ยไปทันที
เฉิงเว่ยอับอาย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื้นตันหลี่ชางอวี๋ด้วย
แคทก็อดไม่ได้ดูถูกเขา หรือหัวเราะกับความใจร้อนของเขา แต่แคทก็อดกลับอธิบายข้อเสียของเขาอย่างอดทน
พวกเขาไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน แถมยังต่อสู้กันในสนามประลองด้วย แต่หลี่ชางอวี๋กลับแชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ คนคนนี้ทำให้เฉิงเว่ยรู้สึกเคารพนับถือ
[ขอบคุณแคทก็อดสำหรับคำแนะนำ!] เฉิงเว่ยพิมพ์อย่างตื่นเต้น [ผมจะนับคุณเป็นอาจารย์ได้ไหม?]
หลี่ชางอวี๋หัวเราะ [ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก ถ้านายมีอะไรที่ไม่เข้าใจ ก็มาถามฉันได้ตลอดเวลา]
เฉิงเว่ยสำนึกตัวเอง และรับรู้ว่าเขาใจร้อนเกินไปหน่อย ยังไงซะ พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน ถ้าเขานับถือกัปตันทีมอื่นเป็นอาจารย์ ก็จะกลายเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อทีมไทม์ และหลี่ชางอวี๋เองก็จะรู้สึกอับอายเมื่อเจอหน้ากัปตันสวี
เฉิงเว่ยปัดความคิดที่จะให้หลี่ชางอวี๋เป็นอาจารย์ทิ้งไป พร้อมกับพิมพ์อย่างตื่นเต้นว่า [คุณจะพีเคกับผมได้ไหม ในตอนที่คุณว่าง?]
หลี่ชางอวี๋ยิ้ม [ไม่มีปัญหา]
***
คาแรคเตอร์ของเฉิงเว่ยร่าเริง แต่เขาก็ไม่ได้ขี้กลัวขนาดนั้น ไม่นานนักเขาก็สนิทกับหลี่ชางอวี๋
ตั้งแต่นั้นมา ทุกคืน เฉิงเว่ยจะล็อกอินเข้าเกมด้วยบัญชีสำรองเพื่อเรียนรู้จากหลี่ชางอวี๋ ส่วนชายหนุ่มก็มักจะตอบรับคำชวนหากมีเวลาว่าง และแน่นอนว่าหลี่ชางอวี๋เอาชนะเฉิงเว่ยได้ทุกครั้ง เขาถือว่าเป็นการผ่อนคลายหลังจากเกมการแข่งขัน
ในฤดูกาลที่สาม ระดับฝีมือของเฉิงเว่ยพุ่งสูงอย่างก้าวกระโดด ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
ท่ามกลางผู้เล่นหน้าใหม่มากมายที่เข้ามาในฤดูกาลนั้น เด็กอายุ16ปีอย่างเฉิงเว่ยก็ได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปีไปครอบครอง
อันที่จริง เฉิงเว่ยรู้สึกชื่นชมกัปตันสวีมาก แต่เขารู้ดีแก่ใจว่าที่เขาได้รับรางวัลนี้มากจากการแนะนำของแคทก็อดที่อยู่เบื้องหลัง เขาพีเคกับซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในลีกทุกวัน ทำให้เทคนิคการใช้สกิลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว!
โชคร้ายที่อยู่กันคนละทีม ทำให้เขาได้แค่เก็บความชื่นชมเอาไว้ในใจเท่านั้น
หลังจากการประกาศรางวัลในปีนั้น ทีมเอฟทีดีก็ปิดตัวลง ส่วนหลี่ชางอวี๋ก็ออกจากมิราเคิลไปพร้อมกับเพื่อนของชายหนุ่ม
เฉิงเว่ยเสียใจอยู่นาน
ความสามารถของแคทก็อดแข็งแกร่งมาก และเขาสามารถมีผลงานที่ดีได้ แต่พระเจ้าเหมือนจะไม่ชอบเขา ทำให้เขาต้องรับผิดชอบในฐานะกัปตันของทีมอ่อนแอ ทั้งยังไม่ยอมให้เขาเอาชนะถ้วยรางวัลด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงออกจากมิราเคิลไปด้วยความเสียใจก็เท่านั้น...
เฉิงเว่ยอาจจะไม่ใช่ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการ แต่ในหัวใจของเขา ตัวตนของหลี่ชางอวี๋จะเป็น “อาจารย์และเพื่อน” ตลอดไป ชายหนุ่มสำคัญยิงกว่าสวีลั่ว กัปตันทีมไทม์เสียอีก
เมื่อหลี่ชางอวี๋ไปทำทีมที่อู๋หลิน เฉิงเว่ยก็มักจะแอบดูอีเว้นท์ต่างๆและหวังว่าแคทก็อดจะได้รับผลงานที่ดี โชคร้ายที่แคทก็อดล้มเหลวในเกมอู๋หลินด้วยเหมือนกัน เขาใช้เวลาหนึ่งปีในการรวบรวมทีมชางหลัน และเข้าร่วมอู๋หลิน ทีมชางหลันมีคะแนนติดหนึ่งในแปดของทีมแข่งรอบเพลย์ออฟ แต่กลับพลาดไม่ได้ผลงานที่ดี
ตอนนี้ทีมฉางหลันยุบอีกครั้ง เฉิงเว่ยเสียใจมาก เขารู้สึกว่าแคทก็อดทรมานตัวเองเกินไปแล้ว!
ผู้เล่นวัยเด็กอย่างเฉิงเว่ยอยู่ในทีมไทม์ และได้ถ้วยรางวัลมาหลายถ้วย แต่แคทก็อดแข็งแกร่งกว่าเขา ทำไมถึงไม่ได้รางวัลล่ะ?
***
เฉิงเว่ยรู้สึกหดหู่ ในขณะที่เสียงสดใสเรียกเขาอยู่ข้างๆ “เสี่ยวเว่ย นายคิดอะไรอยู่ ถึงเวลาเตรียมพร้อมสำหรับลงแข่งพรุ่งนี้แล้วนะ”
เขาคือกัปตันของทีมไทม์ ถานสือเทียน หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปลูบหัวเฉิงเว่ย
เฉิงเว่ยเกลียดคนคนนี้จริงๆ!
บนหัวเขามันเป็นก้อนขนหรือยังไง? ทำไมคนคนนี้ถึงได้ลูบมันอยู่นั่น? ทุกครั้งที่พูด เขาจำเป็นต้องลูบมันตลอด น่ารำคาญชะมัด
กัปตันสวีถอนตัว และส่งต่อตำแหน่งกัปตันให้กับอาร์เชอร์เผ่าเอลฟ์คนสำคัญของทีม ถานสือเทียน ชายหนุ่มเป็นลูกศิษย์ที่กัปตันสวีชุบเลี้ยงมาด้วยตนเอง
ถานสือเทียนไม่ได้มั่นคงเท่ากัปตันสวี เขามักจะมีมุกตลกๆ และมักจะฝึกเขียนบทกวีลงในเว่ยป๋อ บทความของเขาไม่แย่ และทำให้เขาดึงดูดกลุ่มคนที่ไม่เข้าใจอีสปอร์ตเข้ามาด้วย ผู้คนที่ชื่นชอบอ่านกวีมักจะติดตามเขา
เขาจบภาควิชาภาษาจีนจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของจีน และด้วยมุกตลกของชายหนุ่มที่เขียนลงเว่ยป๋อ ทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็น “เทพแห่งการเล่าเรื่อง” ของลีกมิราเคิล
คนที่เป็นผู้ใหญ่ และมั่นคงเหมือนกัปตันสวีก็เหมาะสมแล้วที่จะดำรงตำแหน่งกัปตันของทีม ถานสือเทียนยิ้มทั้งวัน และดูเหมือนจะไม่คิดอะไรเคร่งเครียด ยิ่งไปกว่านั้น คนคนนี้เดบิ้วท์ในฤดูกาลที่สี่ซึ่งช้ากว่าเฉิงเว่ย เขาขาดประสบการณ์การแข่งขัน และให้กัปตันสวีชี้นำบ่อยๆ ในตอนนี้ เขาคนนี้ถูกวางตำแหน่งในฐานะกัปตันทีม เฉิงเว่ยมักจะรู้สึกว่าถานสือเทียนพึ่งพาไม่ได้ และไม่เห็นด้วยกับเขา ถานสือเทียนอายุ19ในปีนี้ เขาแก่กว่าเฉิงเว่ยแค่ครึ่งปี แถมเขายังเป็นกัปตันที่อายุน้อยที่สุดในลีกมิราเคิลอีกด้วย
ถานสือเทียนลูบหัวเขาอีกแล้ว เฉิงเว่ยจ้องชายหนุ่มก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนคนนี้สูงกว่าเฉิงเว่ย นั่นหมายความว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย เฉิงเว่ยพยายามเก็บความโกรธเอาไว้ และพูดว่า “ฉันมีบางอย่างที่อยากจะพูดกับนายคนเดียว กลับไปที่หอกันเถอะ”
ถานสือเทียนเดินเข้ามาใกล้ และกระซิบที่หูว่า “นายขอให้ฉันกลับไปที่หอกับนายแค่สองคน นี่กำลังสารภาพรักฉันเหรอ? ฉันยังไม่พร้อมนะ”
เฉิงเว่ยตะลึง “...ไปให้พ้น!”
คนคนนี้เชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย! เขาโกรธมากจนไม่อยากจะพูดออกไปแม้แต่คำเดียว
ถานสือเทียนเห็นคนโกรธตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขากำลังอดทนไม่ไปลูบหัวอีกฝ่ายต่อ “โอเค ฉันจะกลับหอไปกับนาย”
***
ทั้งสองเข้าไปในหอพัก เฉิงเว่ยปิดประตู และหันหลังกลับมา “ทีมชางหลันประกาศปิดตัวแล้ว”
“ใช่ ฉันเห็นว่านายแชร์ข้อความทางเว่ยป๋อแล้ว” ถานสือเทียนมึนงง “นายหาฉันเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
เฉิงเว่ยพูดอย่างจริงจัง “ฉันจะไปหาผู้จัดการ และขอให้เขาชวนแคทก็อดมาร่วมทีมไทม์ของเรา ทีมชางหลันปิดตัวแบบนี้ เขาก็สามารถกลับมาเล่นมิราเคิลได้”
ถานสือเทียน “...”
เฉิงเว่นพูดต่อ “แคทก็อดออกจากมิราเคิลไปตอนที่นายเดบิ้วท์พอดี ดังนั้นนายอาจจะไม่คุ้นชื่อเขา แต่ฝีมือของแคทก็อดไม่ได้แย่เลยถ้าเทียบกับหลิงเสวียเฟิง เขาเป็นซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ที่แข็งแกร่งมาก แต่เพื่อนร่วมทีมไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นเขาเลยสามารถพาทีมชนะได้เลย ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว เราควรจะรีบเอาใจเขานะ” เฉิงเว่ยพูดเพิ่ม “ฉันจะให้ตำแหน่งรองกัปตันกับเขา ถ้าเขาตกลงมาอยู่ทีมเรา”
อันที่จริง เฉิงเว่ยอยากจะบอกถานสือเทียนว่าให้หลี่ชางอวี๋เป็นกัปตัน แต่พอเห็นว่าสีหน้าของคนคนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เฉิงเว่ยเลยไม่ได้พูดออกไป
เมื่อถานสือเทียนฟังคำพูดพวกนั้นแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆจางหายไป เผยให้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดแทน “ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“ทำไมไม่เห็นด้วย?” เฉิงเว่ยประหลาดใจ “ฉันบอกแล้วไงว่าเขามีฝีมือ ถ้าเขาเข้าทีมเรา เขาจะต้องเพิ่มความแข็งแกรงภาพรวมของทีมเราไปได้อีกนะ?”
ถานสือเทียนอธิบายช้าๆ “ฉันไม่รู้จักแคทก็อดก็จริง แต่ฉันดูวิดิโอของเขามาเยอะ รูปแบบการเล่นของเขาโดดเด่น แต่ยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับทีมไทม์ของเรา ทีมเราไม่ต้องการซัมมอนเนอร์”
เฉิงเว่ยพูดตรงๆ “นายกลัวว่าเขาจะมายึดตำแหน่งกัปตันของนายงั้นเหรอ?”
“...” ถานสือเทียนขมวดคิ้ว “เฉิงเว่ย นายเห็นฉันเป็นยังไงกันแน่?”
“ฉันผิดเหรอ?” เฉิงเว่ยโกรธจนพูดเร็วขึ้น “นายคิดเหรอว่านายจะเอาชนะแคทก็อดในการแข่งเดี่ยวได้? ฉันกลัวว่าเขาจะควบคุมนายจนตายด้วยสัตว์เลี้ยงแค่ไม่กี่ตัวเสียมากกว่า! ถ้าเขามา นายกลัวว่านายจะเสียตำแหน่งกัปตันไปใช่ไหม? อย่ามาใช้ทีมเป็นข้ออ้างหน่อยเลย นายทนรับมือยอดฝีมือคนอื่นในทีมไม่ได้ด้วยซ้ำ นายมันไม่คู่ควรกับความไว้ใจของกัปตันสวี!”
เฉิงเว่ยมักจะหัวเราะ แต่หากเขาโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็รับมือได้ยากมากเหมือนกัน เขาจะพูดไวจนเหมือนกับปืนกล และเป็นที่น่าแปลกที่ลิ้นเขาไม่พันกันเลยได้ยังไง
ถานสือเทียนรอให้ชายตรงหน้าพูดจนจบก่อนจะยิ้มออกมา “พูดเสร็จหรือยัง? หรือว่าตอนนี้พักเบรคอยู่ แล้วเดี๋ยวจะต่อครึ่งหลัง?”
“...” เฉิงเว่ยจ้องเขม็งโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาร้อนผ่าว และแก้มก็แดงจัดจากความโกรธ
ครึ่งหลังอะไรล่ะ? นี่คิดว่าเป็นท่อนพูดในการ์ตูนเร๊อะ? ดุว่าอะไรเจ้านี่ไป ก็เหมือนกับขว้างไข่มุกให้หมู!
ถานสือเทียนคิดว่าแก้มของเสี่ยวเฉิงน่ารักเป็นพิเศษในตอนที่โกรธ เขาอดไม่ไหว เอื้อมมือไปหยิกแก้มของอีกฝ่าย “ฉันไม่เห็นด้วยกับการนำแคทก็อดมาที่ทีมเรา นายไม่ใช่เด็กๆแล้ว ไปคิดดูว่าปัญหามันคืออะไร และอย่าเอาแต่ใจอีก”
เฉิงเว่ย “...”
เขาฟึดฟัดทีเห็นถานสือเทียนเดินจากไป อยากจะพุ่งเข้าไปกัดชายหนุ่มให้ตาย
ถานสือเทียนจะต้องอิจฉาแคทก็อดแน่ๆ!
เฉิงเว่ยหน้าบึ้ง และไม่เห็นสีหน้าช่วยไม่ได้ของถานสือเทียน
เขาหลับหูหลับตาบูชาแคทก็อด และรู้สึกไม่สงบเมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับแคทก็อด แต่ถานสือเทียน ในฐานะของกัปตันทีมไทม์ หากจะมีผู้เล่นคนใหม่เข้ามาเขาต้องพิจารณารูปแบบการเล่น และความสามารถต่างๆของภาพรวมทั้งทีม รูปแบบการเล่นซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ของแคทก็อดยากที่จะเข้ากับอาร์เชอร์เผ่าเอลฟ์ของทีมไทม์ การให้ซัมมอนเนอร์เข้าร่วมจะทำให้ทีมไทม์สับสน
แม้ว่าแคทก็อดจะแข็งแกร่งมาก แต่ถานสือเทียนไม่คิดจะดึงเขาเข้าทีมเลย
หลังจากเงียบอยู่สักพัก ถานสือเทียนหยิบโทรศัพท์ออกมา และกดโทรหาเบอร์เบอร์หนึ่ง “เรียกทุกคนมาที่ห้องประชุม เกมวันพรุ่งนี้จะต้องเปลี่ยนคนเล่น”