ตอนที่แล้วตอนที่ 18 การต่อสู้ระหว่างซัมมอนเนอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 ทีมไทม์

ตอนที่ 19 หลิงเสวียเฟิง


ฉินโม่ไม่กล้าบอกอาจารย์ว่าเขาเพิ่งจะแพ้ให้กับซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ที่ไม่รู้จักในเกมออนไลน์

เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ในฐานะผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวในฤดูกาลนี้ ฝีมือของเขายังไม่สูงเท่ากับอาจารย์ก็จริง แต่เขาสามารถต่อสู้กับผู้เล่นฝีมือธรรมดา และมีโอกาสสูงมากที่จะชนะ แม้แต่เบื้องหน้าเทพของทีมอื่น เด็กหนุ่มก็สามารถต่อสู้กับพวกเขาในสงครามได้

เขาไม่เคยเจอประสบการณ์ที่ถูกคู่ต่อสู้บดขยี้จนหมดสภาพเหมือนกับวันนี้มาก่อน

ฉินโม่ยังคงอยู่ในช่วงมึนงง เหมือนกับว่ากำลังฝันร้ายอยู่ เขากลัวว่าอาจารย์จะดุด่าเขา ดังนั้นจึงไม่กล้าอธิบายเรื่องราวออกไป แต่ความเสียใจของเขาก็ยังไม่จางหายไป และเขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะตาย!

หลิงเสวียเฟิงเห็นลูกศิษย์ไม่พูดไม่จา หน้าซีดเซียว เขาขมวดคิ้วทันที “เป็นอะไร?”

สติของฉินโม่กลับมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่กินอาหารเสียเข้าไปเมื่อเช้า แล้วท้องก็เลย...”

ข้ออ้างพวกนี้จะใช้กับหลิงเสวียเฟิงได้ยังไง?

เด็กหนุ่มตรงหน้าเขามีความมั่นใจสูง แล้วก็ดื้อดึงมาก ในตอนแรกที่หลิงเสวียเฟิงรับเขาเป็นลูกศิษย์ นั่นเป็นเพราะเขาถูกใจในความสามารถของเด็กหนุ่ม แต่เรื่องนิสัยยังคงต้องขัดเกลากันอีกมาก หลิงเสวียเฟิงรู้เรื่องอารมณ์ของลูกศิษย์ตัวเองดี และไม่ได้ถามอะไรต่อ เขากลับไปจ้องอันดับของทีมบนหน้าเว็บไซด์ และพูดเบาๆว่า “เกมกับทีมไทม์ในวันพรุ่งนี้สำคัญมาก ฉันหวังว่านายจะปรับปรุงสถานการณ์ของตัวเองได้ในเร็วๆนี้นะ”

ฉินโม่ตกตะลึง และรู้สึกตื้นตันในความไว้วางใจที่อาจารย์มีต่อตนเอง “ผม...ผมจะพยายามครับอาจารย์”

“ได้” หลิงเสวียเฟิงพยักหน้าและพูดต่อไป “ในสนามอารีน่า รองกัปตันเหยียนกับกั่วเซวียนจะเล่นเป็นคนแรก และคนที่สอง ส่วนนายจะเป็นคนสุดท้ายในฐานะคนป้องกัน ถ้าฉันเดาไม่ผิดน่าจะเจอรองกัปตันเฉิงเว่ย หรือไม่ก็กัปตันถานสือเทียน สองคนนี้รับมือด้วยไม่ง่ายเลย นายรีบกลับไปเตรียมตัวเถอะ”

ฉินโม่เบิกตากว้างอย่างตกใจ “ผม...ผมจะต้องเป็นคนป้องกัน?”

“ทำไม? นายไม่มั่นใจเหรอ?”

“...” ในฐานะของหน้าใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่กัปตันวางเขาไว้ในตำแหน่งสำคัญขนาดนี้

ฉินโม่ยังคงเด็กและคึกคะนอง ดังนั้นไม่นานจิตวิญญาณการต่อสู้ก็กลับมาอีกครั้ง เขากำหมัดแน่นและสาบานว่า “ผมจะไปเตรียมตัวให้พร้อม”

“ไปได้” หลิงเสวียเฟิงพูด “อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”

“ครับ!” ฉินโม่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น และออกจากห้องไป

***

รองกัปตันเหยียนรุ่ยเหวินเดินออกไปเพื่อหากาแฟสักแก้ว แล้วจึงกลับเข้ามา เขาตรงไปหาหลิงเสวียเฟิง และนั่งลงข้างๆ เขาจิบกาแฟพร้อมกับพูดว่า “อา เมื่อกี้ฉันเจอฉินโม่ที่หน้าประตู หน้าตาเขาไม่ค่อยดี เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“เขาดูเหมือนมีอะไรในใจ” หลิงเสวียเฟิงพูด “แต่เขาไม่ยอมบอกฉัน ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ถาม”

เหยียนรุ่ยเหวินมองฉินโม่ และพบว่าเด็กหนุ่มเปิดคอมแล้ว และกำลังอยู่ที่สนามประลอง เขารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “สภาพของเสี่ยวฉินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะดีเหรอที่ให้เขาลงเป็นคนป้องกันในวันพรุ่งนี้น่ะ?”

“ฉันแค่อยากให้โอกาสเขาได้สู้กับคนมีฝีมือ” หลิงเสวียเฟิงอธิบายนิ่งๆ “ในฐานะของนักกีฬามืออาชีพ ยิ่งกดดันมากเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งปรับจิตใจให้มากเท่านั้น ถ้าเขาทำไม่ได้ เขาจะต้องนั่งอยู่ในม้านั่งตัวสำรองในรอบอื่น และสำนึกไปกับมัน”

เหยียนรุ่ยเหวิน “...”

นิสัยของกัปตันหลิงมักจะเป็นอย่างนี้ หากคนคนนั้นมีผลงานที่ดี และทำงานหนัก เขาย่อมให้โอกาสแก่พวกเขา แต่หากคนคนนั้นเดินหลุดออกไปเมื่อไหร่ พวกเขาจะทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่งตัวสำรองที่เย็นเฉียบและสำนึกการกระทำของตนเอง

ความแข็งแกร่งโดยภาพรวมของทีมวินคัลเลอร์สูงมาก และภายในทีมก็มีผู้เล่นฝีมือดีหลายคน กัปตันจะต้องเข้มงวดอย่างนี้เพื่อกำหราบสมาชิกทีมคนอื่นๆ

หลิงเสวียเฟิงไม่ทำตัวแปลกๆกับใคร และไม่ทำตัวอคติกับใคร เขาไม่เคยดุว่าผู้เล่นในที่สาธารณะเลย กลับกัน เขาจะเปลี่ยนตัวไลน์อัพของทีมเพื่อให้ผู้เล่นคนนั้นรู้สึกถึงความผิดพลาดของตนเอง และนำไปปรับแก้ต่อไป

เป็นการกระทำที่ตรงไปตรงมา แต่ไม่ทำลายความมั่นใจของคนอื่น ดังนั้นหลิงเสวียเฟิงถึงได้เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงในทีมวินคัลเลอร์ เขาไม่ลบตัวตนของคนอื่น และผู้เล่นทุกคนต่างก็รู้สึกชื่นชม และเคารพชายหนุ่ม

หลิงเสวียเฟิงรู้สึกว่าการด่าว่าไม่ได้มีประโยชน์มาก และมันอาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนมีจิตใจต่อต้านด้วย กัปตันเพียงแค่นำพาผู้เล่นไปตามเส้นทางปกติเท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังต้องขึ้นอยู่กับตัวของผู้เล่นเองว่าจะเข้าใจหรือไม่

รูปแบบการเป็นผู้นำของเขาทำให้ทีมวินคัลเลอร์เป็นทีมที่อิสระที่สุดในลีก และตัวตนของผู้เล่นแต่ละคนก็แข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย

ในระหว่างการฝึกซ้อม หลิงเสวียเฟิงก็จะพัฒนาโปรแกรมสำหรับฝึกที่แตกต่างกันไปตามคาแรคเตอร์ของผู้เล่นแต่ละคนด้วย แม้ว่าในห้องฝึก ผู้เล่นแต่ละคนจะต่อสู้กันและดูจะไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่เมื่ออยู่บนเวที และอยู่ภายใต้คำสั่งของหลิงเสวียเฟิงแล้ว ทีมวินคัลเลอร์ต่างเล่นเข้าขากันได้เป็นอย่างดีราวกับสัตว์ป่าที่ถูกปลดปล่อยออกมา

สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือผู้เล่นแทบจะทำผิดพลาดน้อยมาก วินคัลเลอร์เป็นทีมที่มีอัตราการทำพลาดในเกมต่ำที่สุดของลีก

ระดับของฉินโม่ไม่ได้แย่ แต่ปัญหาทางจิตใจของเขาใหญ่มาก เด็กหนุ่มคนนี้ดุดันมาตั้งแต่เขาเริ่มเปิดตัว และเขาก็มักจะมองสูงกว่าตัวเองเสมอ การมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งดี แต่การถือดีมากเกินไปจะทำให้เดินหลงไปผิดทางได้ง่าย เด็กหนุ่มอายุแค่16 เท่านั้น แต่ยังยโสถึงขนาดนี้ พูดยากมากว่าในอนาคตเขาจะเป็นไปในทิศทางไหน

สาเหตุที่หลิงเสวียเฟิงสร้างแรงกดดันให้กับเด็กหนุ่มในฐานะคนป้องกันในวันพรุ่งนี้ก็เพื่อเป็นการขัดเกลาจิตใจของเด็กคนนี้นั่นเอง

เหยียนรุ่ยเหวินเป็นรองกัปตัน และทำงานกับหลิงเสวียเฟิงมานานหลายปี เขาเข้าใจความคิดของชายหนุ่มทันที และถามขึ้นว่า “นายจัดการเรื่องการต่อสู้แบบกลุ่มยังไง?”

“ฉันจัดตามไลน์อัพที่มั่นคงที่สุด” หลิงเสวียเฟิงตอบ “ครั้งนี้เราจะประมาทไม่ได้ ถานสือเทียนจะต้องจัดทีมที่แข็งแกร่งที่สุดมาสู้กับเราแน่นอน”

“ฉันเข้าใจ” เหยียนรุ่ยเหวินพูด “กั่วเซวียนยังไม่กลับมาเลย เรารอเขากลับมาก่อนดีไหม แล้วค่อยเริ่มซ้อมอีกทีตอนบ่าย?”

“ได้ นายจัดการเลย” หลิงเสวียเฟิงเอาแต่มองดูหน้าจอของตัวเอง ก่อนจะคลิกเข้าเว่ยป๋อ

***

จู่ๆก็มีข้อความหนึ่งที่มีอัตราการแชร์เพิ่มขึ้นอย่างสูงบนหน้าหลักของเว่ยป๋อ ข้อความนี้ถูกแชร์โดยเฉิงเว่ย มันคือประกาศอย่างเป็นทางการที่คาดว่าน่าจะถูกเขียนโดยผู้จัดการทีมชางหลัน

-ทีมชางหลันขอประกาศถึงการปิดตัวของทีมอย่างเป็นทางการ ขอขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุนทีมชางหลันมาตลอดสองปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าการปิดตัวของทีมย่อมโศกเศร้าเป็นธรรมดา แต่โชคดีที่ผู้เล่นพบเจอบ้านที่ดี และเราหวังว่าสมาชิกของทีมจะประสบความสำเร็จ และโชคดีในอนาคต

มันเป็นประกาศที่ธรรมดาที่สุด แต่เฉิงเว่ยกลับกดแชร์ข้อความนี้พร้อมกับไอค่อนรูปคนร้องไห้หนึ่งแถว

แฟนๆเห็นเขาทำแบบนี้ ก็เลยอดเข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่ได้

-ทีมชางหลันนี่มันอะไรกัน? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน?

-พวกเขาไม่ได้อยู่ในมิราเคิลลีกนี่ ดูเหมือนจะมาจากฝั่งอู๋หลิน

-รองกัปตันเฉิงเว่ยทำอะไร? ทำไมเขากดแชร์ล่ะ?

-แค่ประกาศยุบทีมๆนึง แต่ท่านเทพเฉิงเว่ยช็อคเกินไปแล้ว!

-ท่านเทพควรจะเตรียมตัวลงแข่งสิ ไม่เอาน่า ต้องฆ่าหลิงเสวียเฟิงในวันพรุ่งนี้ให้ได้ ฉันจับตาดูอยู่นะ!

เฉิงเว่ยเป็นรองกัปตันของทีมไทม์ เขาสดใส ร่าเริง และสนุกสนาน ความนิยมในตัวเด็กหนุ่มในลีกสูงมาก และยอดความคิดเห็นบนข้อความในเว่ยป๋อของเขาก็ทะลุหนึ่งล้านความเห็นไปอย่างรวดเร็ว แฟนส่วนมากสงสัยว่าทำไมเขาถึงว่างมากขนาดมาแชร์ข่าวเกี่ยวกับลีกอู๋หลินอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องราวภายใน

แต่หลิงเสวียเฟิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาคลิกเม้าส์ลงไปบนเว่ยป๋อทางการของทีมชางหลัน ข้อความส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความเสียใจ ขบขัน และสบถ แต่กัปตันของทีมชางหลัน หลี่ชางอวี๋ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย

เหยียนรุ่ยเหวินดูหน้าจอของกัปตัน และเห็นข่าวพอดี เขาตกใจ ก่อนจะถามว่า “ชางหลัน? ถ้าฉันจำไม่ผิด...นี่คือทีมที่หลี่ชางอวี๋เป็นคนนำใช่ไหม?”

“ใช่” หลิงเสวียเฟิงพยักหน้า

“ทำไมถึงยุบอีกแล้วล่ะ?” น้ำเสียงของเหยียนรุ่ยเหวินเต็มไปด้วยร่องรอยของความเสียใจ “ทีมก็ไม่มีแล้ว แคทก็อดจะไปที่ไหนล่ะ?”

“เขาจะกลับมาที่มิราเคิล” หลิงเสวียเฟิงมั่นใจมาก

“อะไรนะ? เขาจะกลับมามิราเคิล?” เหยียนรุ่ยเหวินประหลาดใจ “บางทีเขาอาจจะย้ายไปทีมอื่นในอู๋หลินก็ได้นี่?”

“ไม่” หลิงเสวียเฟิงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ ร่องรอยซับซ้อนฉายวาบในดวงตาของเขา แม้ว่าน้ำเสียงที่พูดจะสงบนิ่งก็ตาม “ภาระของเขาหนักเกินไป และเขารั้งตัวเองมามากพอแล้ว เขาไปอู๋หลินก็เพราะเพื่อนของตัวเอง และต้องรับผิดชอบทุกอย่างในฐานะกัปตัน ตอนนี้ชางหลันแตกกระจายไปแล้ว และเขามีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เขาจะต้องกลับมาควบคุมซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ของเขาอีกครั้งแน่นอน”

“...ก็มีเหตุผลดี” รองกัปตันเหยียนถอนหายใจ “นายยังรู้จักเขาดีที่สุดเหมือนเดิม”

คำพูดของเหยียนรุ่ยเหวินคือความจริง

หลิงเสวียเฟิงรู้จักหลี่ชางอวี๋อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแค่พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้น พวกเขายังเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของกันและกันอีกด้วย!

ในความเป็นจริง ฝีมือของกัปตันหลิงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของลีกมิราเคิล เขารั้งเป็นอันดับหนึ่งของผู้เล่นเผ่าปีศาจภายในประเทศจีนมาหลายปีแล้ว และเก่งจนกระทั่งมีชื่อโผล่อยู่บนอันดับทั่วโลกอีกด้วย เขาเป็นผู้เล่นเผ่าปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

รูปแบบการเล่นของหลิงเสวียเฟิงจะสงบนิ่งจนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลง การระเบิดพลังของเขารุนแรงมาก และเป็นเรื่องง่ายสำหรับชายหนุ่มที่จะกดดันคู่ต่อสู้จนกระทั่งอยู่ในจุดที่อีกฝ่ายสติหลุด ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มทั้งหล่อ แล้วก็มีนิสัยเย็นชา แฟนๆมักจะมองดูเขาไปพร้อมกับดูเกมการแข่งขันทำให้ความนิยมของเขาพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดยั้ง

ชายหนุ่มเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่าแก่ที่สุดในลีก แม้แต่กัปตันของทีมอื่นยังให้ความเคารพกับเขา

แต่เหยียนรุ่ยเหวินรู้ดีว่าภายในหัวใจของหลิงเสวียเฟิงมีคู่แข่งที่มีฝีมืออยู่คนหนึ่ง และไม่มีใครมาแทนที่คนคนนี้ได้

คนผู้นั้นคือหลี่ชางอวี๋ ชายที่เล่นซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์

ระหว่างหลี่ชางอวี๋ และหลิงเสวียเฟิง ใครเป็นซัมมอนเนอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด คำถามนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่ได้รับการคลี่คลาย

ตอนที่หลี่ชางอวี๋เป็นกัปตันของทีมเอฟทีดี เขาไม่เคยแพ้ในการต่อสู้แบบอารีน่า อย่างไรก็ตามการแข่งขันแบบอารีน่ามีผู้ลงแข่งสามคน และลำดับการลงแข่งจะถูกจัดเอาไว้ก่อนหน้าที่เกมจะเริ่ม ทีมเอฟทีดีและวินคัลเลอร์เคยต่อสู้กันอยู่ไม่กี่ครั้ง และกัปตันของทั้งสองทีมต่างคลาดกันเองตลอด

หากหลี่ชางอวี๋ลงเป็นคนแรก หลิงเสวียเฟิงก็จะลงเป็นคนที่สาม หรือไม่ก็คนที่สอง และหากหลิงเสวียเฟิงลงเป็นคนแรก หลี่ชางอวี๋ก็จะลงเล่นเป็นคนที่สาม สรุปสั้นๆก็คือ หลี่ชางอวี๋และหลิงเสวียเฟิงไม่เคยต่อสู้กันเลยแม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นซัมมอนเนอร์ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมก็ตาม

นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลิงเสวียเฟิงเสียใจมากที่สุด

แรงกดดันบนบ่าของหลี่ชางอวี๋หนักไป และทุกครั้งที่เขาต่อสู้ เขามักจะเล่นได้ไม่เต็มที่ หลิงเสวียเฟิงรู้สึกสงสารที่หลี่ชางอวี๋ต้องอยู่ในทีมเอฟทีดี แต่เขาไม่ได้พูดออกไปเพราะเคารพในตัวกัปตันทีมนั้น

ต่อมา ทีมเอฟทีดีถูกยุบ หลี่ชางอวี๋ปฏิเสธข้อเสนอพร้อมด้วยเงินจำนวนมากจากทีมหลายๆทีมจากลีกมิราเคิล เขากลับเลือกที่จะย้ายไปอู๋หลินแทน ความมุ่งมั่น และตั้งใจของชายคนนี้ช่างน่าชื่นชมอย่างแท้จริง

เพียงแค่พริบตาเดียวก็ผ่านมาสามปีแล้ว และชื่อของแคทก็อดก็ค่อยๆถูกผู้คนลืมเลือน

แต่ภายในใจของหลิงเสวียเฟิงแล้ว ชื่อนี้มียังคงเป็นชื่อพิเศษ และไม่มีทางลบเลือนได้ง่ายๆ

***

เหยียนรุ่ยเหวินเห็นแววตาซับซ้อนของกัปตัน แล้วจู่ๆก็เกิดความคิดขึ้นมา ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะพูดว่า “จริงสิ ถ้าแคทก็อดกลับมามิราเคิล ทำไมเราไม่รีบชวนเขามาเข้าวินคัลเลอร์ล่ะ?”

“ไม่” หลิงเสวียเฟิงปฏิเสธแนวคิดที่จะดึงตัวหลี่ชางอวี๋มาเข้าทีมของรองกัปตันเหยียนทิ้งไปทันที “ด้วยศักดิ์ศรีของเขา เขาไม่มีทางมาเข้าทีมวินคัลเลอร์แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปฏิเสธคำชวนของเราแล้วย้ายไปอยู่อู๋หลินหรอก”

รองกัปตันเหยียนนึกถึงการตัดสินใจของหลี่ชางอวี๋ในตอนที่เขาออกจากมิราเคิลขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะบังคับตัวเองให้รีบทิ้งแนวคิดของตัวเองไป

แม้ว่าพวกเขาจะพบเจอกับความผิดหวังซ้ำๆ แต่ศักดิ์ศรีของคนบางคนไม่สามารถหักลบได้เพียงแค่ความล้มเหลวหนึ่งหรือสองเรื่อง หลี่ชางอวี๋เป็นคนเช่นนั้น ทีมที่เขาสร้างไม่เคยได้รับถ้วยรางวัลเลย แต่เขาจะไม่มีทางย้ายไปทีมอื่น และฟังคำสั่งของคนอื่นอย่างแน่นอน

เหยียนรุ่ยเหวินถอนหายใจเมื่อเขาคิดถึงเรื่องนั้น “ถ้าเขากลับมาจริงๆ อัตราชนะของผู้เล่นก็คงจะปั่นป่วนกันยกใหญ่เลยล่ะสิ?”

“แน่นอน” หลิงเสวียเฟิงพยักหน้า และมองดูอันดับส่วนบุคคลของลีกมิราเคิลระดับมืออาชีพอย่างใช้ความคิด

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เล่นในลีกเปลี่ยนแปลงไปมาก ทุกวันนี้ผู้เล่นที่อยู่แถวหน้าของอันดับส่วนบุคคลส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เปิดตัวหลังฤดูกาลที่สาม ผู้เล่นเหล่านี้ส่วนใหญ่อายุราวๆ20ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของนักกีฬาอีสปอร์ต แคทก็อดที่อายุ23อยู่ในช่วงอายุที่ควรจะถอนตัวจากการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตได้แล้ว

แต่หลิงเสวียเฟิงรู้ดีว่าในไม่ช้า ชื่อชื่อหนึ่งบนอันดับส่วนตัวจะต้องทำให้ทุกคนตื่นตะลึง

-หลี่ชางอวี๋

หลิงเสวียเฟิงเชื่อในความสามารถของหลี่ชางอวี๋ เชื่อเหมือนกับที่เขาเชื่อมั่นในตัวเอง

ความเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อสงสัยนี้มาจากความเคารพนับถือที่เขามีให้กับศัตรูของตนเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด