ตอนที่ 18 การต่อสู้ระหว่างซัมมอนเนอร์
ฉินโม่คิดในขณะที่อัญเชิญแมงมุมโลหิตออกมา ตอนนี้เป็นโลกของซัมมอนเนอร์เผ่าปีศาจ และเผ่าโลหิต แต่เจ้าชอบกินปลาตุ๋นคนนี้กลับเลือกเผ่าเอลฟ์? ทำไมถึงเล่นอะไรที่มันหมดยุคไปแล้วด้วย?
แน่นอนว่าหลังจากที่เรียกแมงมุมโลหิตออกมาแล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ชายหนุ่มถูกแมงมุมกัดจนเลือดลดลงไป10%
ฝีมือไม่ได้เรื่อง เขาไม่หลบแมงมุมด้วยซ้ำ!
ฉินโม่เยาะเย้ยอยู่ในใจก่อนจะเรียกสัตว์เลี้ยงตัวที่สองและสามของตัวเองออกมานั่นก็คือ งูโลหิต และอัศวินแห่งความตาย
***
ในเกมมิราเคิล ซัมมอนเนอร์ต่างเผ่าพันธุ์จะอัญเชิญสัตว์เลี้ยงที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ของหลี่ชางอวี๋จะสามารถอัญเชิญภูติทั้งสี่ตัวซึ่งก็คือ น้ำ ไฟ ลม และสายฟ้าออกมาได้ ในขณะที่ซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตจะสามารถอัญเชิญแมงมุมโลหิต งู อัศวินแห่งความตาย และค้างคาวแวมไพร์ออกมาได้
บัญชีของฉินโม่เพิ่งจะเลเวล 32 และยังไม่ได้เรียนสกิลอัญเชิญค้างคาวแวมไพร์ ดังนั้นเขาจึงมีสัตว์เลี้ยงแค่สามตัวเท่านั้น แมงมุมโลหิตสามารถตรึงคู่ต่อสู้ได้ งูโลหิตเป็นสัตว์เลี้ยงสายโจมตี ส่วนอัศวินแห่งความตายเป็นสัตว์เลี้ยงสายป้องกันที่จะปกป้องเจ้านาย
ซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตไม่เพียงมีบอดี้การ์ดเป็นอัศวินแห่งความตายเท่านั้น แต่พวกเขายังได้รับเอฟเฟคดูดเลือดจากการโจมตีของสัตว์เลี้ยงทุกตัวอีกด้วย นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตถึงมีพลังการเอาตัวรอดสูงมาก
การเรียกสัตว์เลี้ยงหลายตัวออกมาพร้อมกันอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดของฉินโม่อย่างชัดเจน เขาไม่ได้มองชอบกินปลาตุ๋นอยู่ในสายตา และต้องการใช้การกดดันที่รุนแรงเพื่อกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามให้หมด!
การใช้งานสัตว์เลี้ยงจำนวนมากทั้งเท่ห์ แล้วก็มักจะได้รับคำชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง ผู้เล่นฝีมือธรรมดามักจะถูกนักกีฬาหน้าใหม่กลั่นแกล้งด้วยวิธีนี้
นิ้วของฉินโม่กดคีย์บอร์ดอย่างเร็ว และควบคุมสัตว์เลี้ยงสามตัวอย่างง่ายดาย อัศวินแห่งความตายวนเวียนอยู่รอบๆเพื่อปกป้องเขา แมงมุมโลหิตไล่ตามศัตรูเพื่อก่อกวนจุดยืนของอีกฝ่าย ส่วนงูโลหิตก็ตามเข้าไปกัด!
แต่ทว่า...
ฝ่ายที่ถูกแมงมุมโลหิตกัดจนเลือดลดเหลือแค่70%กลับหายออกไปจากสายตาของฉินโม่อย่างคาดไม่ถึง
ก้าวเท้าดุจนก!
เขาหันกลับไปและเห็นว่าชอบกินปลาตุ๋นใช้สกิลก้าวเท้าดุจนกเพื่อย้ายตัวละครไปทางขวาแบบ90องศา
ฉินโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาขยับเม้าส์อย่างเร็วเพื่อปรับตำแหน่งการมองเห็นของตัวเอง แลละสั่งให้งูโลหิตเข้าไปกัดศัตรูอีกครั้ง
งูโลหิตกำลังจะโจมตี แต่ชอบกินปลาตุ๋นกลับใช้สกิลก้าวเท้าดุจนกอีกครั้งเพื่อย้ายร่างตัวเองไปด้านซ้ายแบบ90องศา!
เทคนิคการเคลื่อนที่แบบสลับ?
ผู้เล่นระยะไกลบางคนจะใช้สกิลท่าเท้าในการเคลื่อนที่ไปมาบนสนามประลอง การย้ายจากซ้ายไปขวาซ้ำๆจะทำให้ฝ่ายศัตรูมึนงงได้ง่าย
แต่ฉินโม่เป็นใคร? เขาคือลูกศิษย์คนเดียวของหลิงเสวียเฟิง! ถ้าเขาไม่มีฝีมือ กัปตันหลิงจะรับเขามาเป็นลูกศิษย์ได้ยังไง?
การกระทำของหลี่ชางอวี๋รวดเร็วก็จริง แต่การเปลี่ยนตำแหน่งการมองเห็นของฉินโม่เองก็รวดเร็วเช่นกัน เขาพยายามควบคุมตำแหน่งการเคลื่อนที่ของซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ตัวนี้ และสั่งให้งูโลหิตพุ่งไปกัดอีกฝ่าย
แต่เขากลับตกใจเมื่อรู้ว่างูโลหิตของตัวเองนั้น...
ติดแหง่กอยู่กับต้นไม้ใหญ่!
หลี่ชางอวี๋ส่งใบหน้ายิ้มไปที่ช่องแชทพื้นที่ [นายตื่นเต้นเกินไปเหรอ? ควรมองดูพื้นที่รอบๆตัวบ้างนะว่าตรงนั้นมันเป็นต้นไม้]
ฉินโม่ [...]
หลังจากที่พิมพ์ประโยคนั้นจบ หลี่ชางอวี๋ก็เริ่มลงมือ
เขาไม่เหมือนกับฉินโม่ที่อัญเชิญสัตว์เลี้ยงมาพร้อมกันสามตัวเพื่อกดดัน หลี่ชางอวี๋อัญเชิญมาแค่ตัวเดียว และสัตว์เลี้ยงที่อัญเชิญมาก็คือภูติสายฟ้าที่โจมตีกลุ่มแรงที่สุด
สกิลสายฟ้าพิโรธฟาดลงมาจากด้านบนโดนทั้งฉินโม่ แมงมุมโลหิต งูโลหิต และอัศวินแห่งความตาย!
กลายเป็นว่าที่หลี่ชางอวี๋ขยับไปมาก็เพื่อที่จะใช้ต้นไม้ใหญ่เป็นกับดักที่ตรึงงูโลหิตเอาไว้ และยังรวมสัตว์เลี้ยงทุกตัวของฉินโม่ให้อยู่รวมกันในที่เดียวอีกด้วย เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ถูกฆ่าไปพร้อมกัน!
ท่าไม่ดี!
ฉินโม่รู้สึกได้ว่าเลือดของสัตว์เลี้ยงทุกตัวลดลง เขารีบเรียกงูโลหิตกลับมา แต่เป้าหมายของหลี่ชางอวี๋ไม่ใช่งูโลหิตเลยแม้แต่น้อย เขาใช้สกิลก้าวเท้าดุจนกไปใกล้ๆตัวละครของฉินโม่ จากนั้นก็อัญเชิญภูติไฟออกมาโจมตีไฟร์บอลใส่อัศวินแห่งความตายลูกแล้วลูกเล่าอย่างรวดเร็ว!
ฉินโม่คิดว่าอีกฝ่ายต้องการจะฆ่างูโลหิต แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายกลับฆ่าอัศวินแห่งความตายเสียได้ จู่ๆเด็กหนุ่มก็รู้สึกหนาวเยือกไปจนถึงกระดูก!
อัศวินแห่งความตายถูกเรียกว่าเป็นชีวิตที่สองของซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิต เด็กหนุ่มประมาทเกินไป และต้องการจะกดดันศัตรู แต่กลับเป็นฝ่ายร่วงลงไปเสียเอง
คิ้วของฉินโม่ยับย่นยิ่งขึ้นไปอีก
อัศวินแห่งความตายมีช่วงคูลดาวน์นานที่สุด หลังจากที่มันตายไป เขาต้องรออีก 45 วินาทีถึงจะสามารถอัญเชิญออกมาได้อีกครั้ง ตอนนี้เขาใช้สกิลนี้ไม่ได้แล้ว และกลายเป็นการเปิดโอกาสให้กับอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
ฉินโม่รีบหันกลับไปโจมตีอีกฝ่ายด้วยคาถาพื้นฐานของซัมมอนเนอร์ พร้อมกับวางงูโลหิต และแมงมุมไว้ทั้งซ้ายและขวาเพื่อปิดล้อมซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ตรงหน้า!
เมื่อเห็นอย่างนั้น หลี่ชางอวี๋ก็รู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มขึ้นมา การควบคุมแบบดับเบิ้ลของเด็กหนุ่มดีมาก ตำแหน่งรูปแบบสามเหลี่ยมของสัตว์เลี้ยงสองตัว และตัวเจ้านายมันเองก็สามารถล็อคคู่ต่อสู้ให้อยู่กับที่ได้ ลูกศิษย์ของหลิงเสวียเฟิงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
โชคร้ายที่เขาเจอกับแคทก็อดผู้ซึ่งรู้เกี่ยวกับซัมมอนเนอร์อย่างลึกซึ้ง
หลี่ชางอวี๋ยิ้ม แต่ไม่ได้ตื่นตระหนก เขาไม่หลบเลี่ยงสัตว์เลี้ยงของอีกฝ่าย และใช้สกิลก้าวเท้าดุจนกในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แมงมุมโลหิตและงูโลหิตรีบติดตามเขามาอย่างรวดเร็ว เปิดทางสะดวกให้ภูติไฟโจมตีฉินโม่ด้วยไฟร์บอล
ฉินโม่รู้สึกหงุดหงิดมากหลังจากที่ถูกไฟร์บอลโจมตี
ซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตที่ไม่มีอัศวินแห่งความตายคอยปกป้องนั้นอ่อนแอมากๆ การโจมตีของสัตว์เลี้ยงสามารถดูดเลือดได้ก็จริง แต่ความเร็วในการไล่ตามหลี่ชางอวี๋ของแมงมุมและงูนั้นไม่เร็วเท่าความเร็วในการโจมตีของภูติไฟอย่างแน่นอน
สัตว์เลี้ยงของเขาไม่อาจดูดเลือดได้มากมายนัก และยิ่งเวลาผ่านไป เขายิ่งกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลี่ชางอวี๋ค่อยๆสร้างระยะห่างระหว่างแถบเลือดของเขากับเด็กหนุ่มอย่างงดงาม
ไม่ถึงครึ่งนาที หลี่ชางอวี๋เหลือเลือดอยู่45% ในขณะที่ฉินโม่ซึ่งก่อนหน้านี้เหนือกว่ามาตลอดกลับเหลือเลือดแค่40%เท่านั้น!
***
ฝ่ายผู้ชมอย่างเซี่ยซูหรงยิ้มออกมา “ฉินโม่ไม่ระวังตัว ผมเดาว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะตายยังไง”
ไป๋เซวียนเองก็ยิ้ม “เขากล้าดูถูกแคทก็อดขนาดนี้ ความกล้าของเด็กคนนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แม้แต่อาจารย์ของเขา หลิงเสวียเฟิงยังไม่กล้าดูถูกแคทก็อดของเราเลย”
หลี่ชางอวี๋พูดขึ้นมา “เอาล่ะๆ อย่าชมฉันมากนักเลย คูลดาวน์สกิลอัศวินแห่งความตายของเขาใกล้หมดแล้ว”
พูดจบ ฉินโม่ก็เรียกอัศวินแห่งความตายออกมาทันที!
เวลาคูลดาวน์ 45 วินาทีหมดลงแล้ว และอัศวินแห่งความตายที่เคยถูกหลี่ชางอวี๋ฆ่าก็ถูกอัญเชิญมาอีกครั้ง
อัศวินแห่งความตายถูกออกแบบมาให้ร่างกายสูงใหญ่ และหนาพร้อมกับหน้ากากสีเงินบนใบหน้าและเกราะสีแดงเข้มสวยงาม เขาเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิต และยังเป็นบอดี้การ์ดที่ดีที่สุดของเจ้านายอีกด้วย ตราบใดที่เขายังอยู่ ดาเมจทุกอย่างที่เจ้านายได้รับจะลดลง 20% และเขายังมีสกิล “ปกป้อง” อยู่อีก เมื่อสกิลถูกใช้ เขาจะสามารถรับดาเมจแทนเจ้านายได้เป็นเวลาสามวินาที
ฉินโม่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขามีอัศวินแห่งความตายกลับมาปกป้องอีกครั้ง
หลี่ชางอวี๋เห็นว่าอีกฝ่ายมีสัตว์เลี้ยงคอยคุ้มกันแล้ว จึงเรียกภูติไฟให้กลับมา เขาไม่โจมตีฉินโม่ต่อ และย้ายมาส่งสัญญาณให้สัตว์เลี้ยงโจมตีงูโลหิตแทน
ไฟร์บอล, ไฟร์บอล, ไฟร์บอล...อัญเชิญภูติสายฟ้า, สกิลสายฟ้าพิโรธ!
สกิลง่ายๆเชื่อมกันอย่างต่อเนื่อง และระยะคูลดาวน์ก็เรียงร้อยกันเป็นอย่างดี ผลสุดท้ายสายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาจากท้องฟ้าเข้าบดขยี้แมงมุมโลหิตและงูโลหิตของฉินโม่พร้อมกันจนตาย
ฉินโม่ [...]
บ้าเอ้ย! รอบนี้อัศวินแห่งความตายมา แต่ศัตรูกลับไม่โจมตีเขา ดันหันไปฆ่าแมงมุมกับงูแทนซะงั้น!
ฉินโม่แทบทรุด!
วันนี้เขาเล่นเหมือนกับถูกโซ่ล่ามมือเท้าเอาไว้ รู้สึกเหมือนกับว่าทุกย่างก้าวของเขาถูกอีกฝ่ายคำนวนออกจนหมด และเขาตกลงไปในกับดักก้าวที่เดิน...ความรู้สึกแบบนี้มันน่าหงุดหงิด
นิ้วของฉินโม่กดบนคีย์บอร์ดอย่างเร็ว เขาพยายามฆ่าภูติไฟด้วยการโจมตีพื้นฐานของซัมมอนเนอร์
เขาไม่มีสัตว์เลี้ยงเอาไว้โจมตี และคาถาของซัมมอนเนอร์ก็ค่าโจมตีต่ำ แต่เลือดของภูติไฟก็มีเหลือไม่มากนัก เขาอาจจะฆ่าเจ้าของไม่ได้ แต่เขาน่าจะฆ่าภูติได้
หลี่ชางอวี๋เห็นอีกฝ่ายย้ายเป้าหมายโจมตี ก็เลยพิมพ์ออกไปอย่างช่วยไม่ได้ [นายควรจะฆ่าภูติไฟของฉันก่อน]
ฉินโม่ชะงักไปนิดหน่อย และไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป
หลังจากสติกลับมาแล้ว เด็กหนุ่มหน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับหน้าแดง คนคนนี้เป็นบ้าอะไรถึงพยายามมาสั่งสอนเขา?
สมาชิกกิลด์วินคัลเลอร์มองหน้ากันเอง พวกเขาไม่คิดว่าซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์คนนี้จะมือไวขนาดที่สามารถพิมพ์ไปใช้สกิลก้าวเท้าดุจนกไปได้
เทพฉินโม่จะต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่ๆ อีกฝ่ายยังมีเวลามาพิมพ์ได้อีกงั้นเหรอ?
ความคิดของฉินโม่ปั่นป่วนไปหมดในขณะที่ภูติไฟตกตายลงในไม่กี่วินาทีต่อมา หลี่ชางอวี๋อัญเชิญภูติน้ำของตัวเองออกมาทันที พร้อมกับเริ่มโจมตีอีกฝ่ายด้วยบอลน้ำ
ภูติน้ำสามารถตรึงศัตรูให้อยู่กับที่ และสร้างดาเมจได้มากประมาณหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงมาก แต่เอฟเฟคที่แสดงออกบนตัวละครของอีกฝ่ายนั้นถือว่าค่อนข้างรุนแรง หลี่ชางอวี๋จำเป็นต้องแช่แข็งฉินโม่ และถ่วงเด็กหนุ่มไว้จนกว่าเขาจะสามารถใช้สกิลใหญ่ของภูติสายฟ้าเพื่อปลิดชีวิตทั้งฉินโม่และอัศวินแห่งความตาย!
ฉินโม่ถูกภูติน้ำพัวพันจนอยากจะเอามือตบคีย์บอร์ด
ความเร็วการเคลื่อนไหวของเผ่าโลหิตไม่ได้ดีเท่าเผ่าเอลฟ์ หลังจากที่เขาถูกภูติน้ำแข็งตรึงเอาไว้ เขาก็ไม่สามารถไล่ตามเป้าหมายได้ทัน แมงมุมกับงูของเขาก็ยังติดระยะคูลดาวน์อยู่ ทำให้พลังโจมตีของเขาไม่เพียงพอ หากไม่ได้รับป้องกันจากอัศวินโลหิต บางทีเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
เขาได้แต่หวังว่าสกิลอัญเชิญแมงมุมและงูจะกลับมาใช้ได้ทันเวลา หากเขาสามารถอัญเชิญทั้งสองตัวกลับมาได้ ผลลัพธ์ก็คง...
ซัมมอนเนอร์ของอีกฝ่ายเองก็อัญเชิญภูติไฟ และภูติสายฟ้าออกมา ไฟร์บอลจำนวนมากพุ่งออกไปพร้อมด้วยสกิลสายฟ้าพิโรธที่ถูกใช้อีกครั้งนึง!
ตูม! ฉินโม่ที่เลือดเหลือน้อยถูกฆ่าตายในทันที!
***
ฉินโม่ไม่อาจตอบสนองได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นจนทำให้หน้าจอของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาจากการตายของตัวละคร
การต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ซัมมอนเนอร์ตัวนี้ว่องไวเหมือนกับสายลมพัดผ่าน ชายหนุ่มอยู่ทางซ้ายที ขวาที ไม่ก็โผล่มาด้านหลัง...เขาเป็นเหมือนกับภูติผีที่คาดเดาไม่ได้ และเมื่อรวมกับความเข้าใจในสัตว์เลี้ยงของตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว...
ฉินโม่รู้สึก...เขาถูกคนอื่นฆ่าเหมือนหมาโง่
เขามีความภาคภูมิใจมาตั้งแต่เดบิ้วท์ เขาเป็นลูกศิษย์ของหลิงเสวียเฟิงผู้เล่นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก!
เด็กหนุ่มอาจจะเป็นผู้เล่นที่เพิ่งเปิดตัวในฤดูกาลนี้ แต่เขาจะต้องกลายเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดในไม่กี่ปีต่อมาอย่างแน่นอน เขาใช้สัตว์เลี้ยงกลุ่มหนึ่งในการกดดันคู่ต่อสู้ของตัวเอง และเอาชนะผู้เล่นจำนวนมากในสนามประลอง แม้กระทั่งกัปตันของทีมอื่นก็ประเมินว่าเขาเป็นเด็กอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง
เขาไม่เคยหดหู่ถึงขนาดนี้มาก่อน
การต่อสู้ระหว่างซัมมอนเนอร์ด้วยกันในวันนี้ เขาไม่เพียงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่เขายังถูกจำกัดนู่นนี่ไปทั่ว เหมือนกับว่าซัมมอนเนอร์คนนั้นเข้ามาอยู่ในหัว และคอยคาดเดาความคิดของเขาล่วงหน้าอยู่ตลอดเวลา
รู้สึกแย่ชะมัด
ฉินโม่ปวดหัวขึ้นมาทันที และได้แต่ดึงผมอย่างกระวนกระวาย
หลังจากที่ฆ่าฉินโม่ในเกมได้แล้ว หลี่ชางอวี๋ก็ส่งข้อความส่วนตัวให้กับเด็กหนุ่ม [นายมีความสามารถมาก แต่ว่าประมาทเกินไป สนามต่อสู้ไม่ใช่อะไรที่จะคิดเล่นๆก็ได้ นายปล่อยสัตว์เลี้ยงออกมาทุกตัวโดยไม่นึกถึงความสามารถของฝ่ายตรงข้าม อันที่จริง นายแพ้มาตั้งแต่แรกเลยต่างหาก]
ฉินโม่ “...”
หลี่ชางอวี๋พิมพ์ต่อไป [กลับไปหาอาจารย์ของนาย แล้วก็เรียนรู้ให้มาก ยังพอมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาได้อยู่]
ฉินโม่ “...”
เด็กหนุ่มใบหน้าแดงก่ำ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พิมพ์ตอบกลับมา [คุณเป็นใคร?]
หลี่ชางอวี๋ส่งหน้ายิ้มไปให้ [ไม่สำคัญว่าฉันเป็นใคร สิ่งสำคัญก็คือนายแพ้วันนี้เพราะนายประมาท และดูถูกศัตรู]
คำพูดของชายหนุ่ม...ฟังดูมีเหตุผล!
ฉินโม่ไม่อาจปฏิเสธคำพูดพวกนั้นได้ และทำได้เพียงหันหลังให้กับคีย์บอร์ดเท่านั้น
สมาชิกกิลด์วินคัลเลอร์มองหน้ากันเอง ในออฟฟิศเงียบไปครู่ใหญ่
***
ห้องฝึกของทีมวินคัลเลอร์
ฉินโม่เดินก้มหัวเข้าไปในห้อง และเกือบจะชนกับคนคนหนึ่งเข้า รองกัปตัน เหยียนรุ่ยเหวินเพิ่งจะเดินออกจากห้องในขณะที่เขาเห็นสีหน้าทรมานของเด็กหนุ่ม เขารู้สึกสงสัยจึงได้ถามออกไป “เสี่ยวฉิน? เป็นอะไรไป?”
ฉินโม่ไม่พูด แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มเหมือนกับกำลังจะร้องไห้
เหยียนรุ่ยเหวินยิ้ม และลูบหัวเด็กหนุ่ม “อาจารย์ของนายหาอยู่แหน่ะ ไปสิ”
“...ครับ” ฉินโม่เดินไปตรงมุมห้องที่เงียบที่สุด และเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นกำลังมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง
รูปหน้าของชายคนนี้คมกริบราวกับถูกผู้สร้างแกะสลักด้วยความละเอียดอ่อน เมื่อรวมเข้ากับส่วนประกอบต่างๆบนใบหน้าทำให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าหล่อเหลา และองอาจ แสงเย็นสบายของห้องฝึกส่องลงมากระทบจนร่างกายของเขาเรืองแสงขึ้นมาอย่างน่าประหลาดทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนเทพเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตาลุ่มลึกเปล่งประกายราวกับดวงดาวและเฉียบคมเสียจนสามารถแทงทะลุเข้าไปในใจของผู้คนได้
เขาคือหลิงเสวียเฟิงหนึ่งในนักกีฬาระดับท็อปห้าของลีกมิราเคิลระดับมืออาชีพ และชายหนุ่มยังอยู่ติดอันดับท็อปห้าของผู้เล่นที่เป็นที่นิยมที่สุด แล้วก็เป็นอันดับหนึ่งของผู้เล่นเผ่าปีศาจติดต่อกันมาหลายปีแล้วด้วย
กัปตันของหลายๆทีมในลีกล้วนแตกต่างกัน แต่กัปตันหลิงแห่งทีมวินคัลเลอร์นั้นถือว่ายากที่จะยั่วยุให้โมโหได้
ฉินโม่อาจจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา แต่ผู้ชายคนนี้เกิดมาพร้อมกับออร่าของคิงผู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว เขาอาจจะไม่ใช่ผู้เล่นที่ดุดัน แถมยังเอนเอียงไปทางอ่อนโยนอีกต่างหาก แต่ผู้เล่นกลับกลัวชายหนุ่ม และไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
ฉินโม่เห็นว่าชายหนุ่มกำลังดูอันดับของทีมที่หน้าเว็บไซด์หลักของลีก จึงเอ่ยถามออกไปอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ตามหาผมเหรอครับ?”
หลิงเสวียเฟิงไม่พูดอ้อมค้อม เขาตรงเข้าประเด็นทันที “วันพรุ่งนี้ นายจะต้องลงเล่นอารีน่าสู้กับทีมไทม์ มีปัญหาอะไรไหม?”
“...” ฉินโม่ไม่ตอบ
หลิงเสวียเฟิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างมึนงง และพบว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าดูหดหู่ ริมฝีปากของเขาซีดเผือด และดูเหมือนจะสูญเสียความมั่นใจไปจนหมด
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิงเสวียเฟิงหันหน้ามา และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม