ตอนที่แล้วตอนที่ 15 กระโดดข้ามขั้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 ฉินโม่

ตอนที่ 16 สมาชิกทีมคนที่สี่


หลี่ชางอวี๋ประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้ เขาเตรียมคำพูดมากมายเอาไว้เพื่อโน้มน้าวให้เซี่ยซูเข้าทีมในตอนที่กินข้าวคืนนี้ เขาไม่คิดว่าเซี่ยซูหรงจะมีชีวิตชีวาถึงขนาดที่จะเข้าร่วมทีมกับตัวเองตั้งแต่หน้าประตูแบบนี้

เขารับหนังสือสัญญาไป แม้ว่าในนั้นจะมีประโยคภาษาอังกฤษมากมายที่เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็รับรู้ได้จากคีย์เวิร์ดหลักๆว่านี่คือหนังสือยุติสัญญาระหว่างเซี่ยซูหรงกับไอซ์คลับ เมื่อมีหนังสือสัญญานี้อยู่ก็เท่ากับว่าเซี่ยซูหรงเป็นอิสระแล้ว

หลี่ชางอวี๋อารมณ์ดี เขาตบบ่าเซี่ยซูหรงและพูดว่า “เราค่อยพูดกันระหว่างกินข้าวเถอะ!”

ทั้งสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร เซี่ยซูหรงมองดูอาหารน่าอร่อยตรงหน้าตัวเอง และเกือบจะน้ำลายไหล ทั้งปลานึ่ง ซี่โครงเปรี้ยวหวาน ผัดผักกับหน่อไม้ มะเขือม่วงตุ๋น เต้าหู้เผ็ด...เขากินสเต๊กกึ่งสุกเกือบทุกวันจนเกือบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นอาหารที่ไป๋เซวียนทำเองแล้ว เขาถึงขนาดไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี

หลี่ชางอวี๋ส่งตะเกียบให้ “มาลองชิมอาหารฝีมือเชฟไป๋สิ แล้วนายจะไม่เสียใจที่เข้าทีมเรา”

ไป๋เซวียนพูด “อย่าไปฟังโอลด์แคทโม้เลยน่า ฉันก็แค่ทำอาหารเป็นบางอย่าง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะถูกปากนายรึเปล่า”

เซี่ยซูหรงหยิบตะเกี่ยว และลองชิมอาหารดู เขารู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาทันทีขณะที่จ้องไป๋เซวียน “อร่อยเกินไป!”

อาหารของรองกัปตันไป๋สมควรได้รับคำชมแล้ว ได้กินอาหารพวกนี้ก็คุ้มค่าที่เขาเข้าทีมนี้แล้วล่ะ!

หลี่ชางอวี๋กวาดสายตาดูทั่วโต๊ะ เขาเจอเป้าหมาย และรีบดึงจานปลามาไว้ตรงหน้าตัวเอง ชายหนุ่มก้มหัวลงและกินทั้งๆแบบนั้นเหมือนกับกลัวว่าจะมีคนแย่งไป เซี่ยซูหรงจะชอบไปทางซี่โครงเปรี้ยวหวานมากกว่า เขาหยุดกินมันไม่ได้เลย

ไป๋เซวียนมองดูผู้ชายสองคนที่ก้มหน้ากินอย่างกับปอบลงแล้วก็ลอบยิ้มออกมา เขานั่งลงตรงกันข้าม และเริ่มกินข้าวช้าๆ

อาหารของไป๋เซวียนอร่อยเกินไปจนเซี่ยซูหรงมัวแต่ยุ่งอยู่กับการกิน และไม่ได้พูดเลยแม้แต่น้อย

หลี่ชางอวี๋เองก็หิวเป็นพิเศษหลังจากที่เล่นเกมมาทั้งวัน เขารีบกินปลานึ่งตรงหน้าจนหมด ก่อนจะตรงไปหามะเขือม่วงตุ๋นต่อ

ไป๋เซวียนรู้สึกว่าในอนาคต ทีมนี้ต้องแปลกสุดๆไปเลย

ภายใต้การชี้นำของหลี่ชางอวี๋อย่างนี้ ทีมชางงหลันคงไม่กลายเป็น “ค่ายอาหาร” ใช่ไหม?

***

หลังจากที่อาหารบนโต๊ะถูกทั้งสามคนกินจนเกลี้ยงแล้ว เซี่ยซูหรงเช็ดปาก และมองไปทางไป๋เซวียน “ผมไม่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้มานานแล้ว รองกัปตันไป๋ ผมมากินข้าววันพรุ่งนี้อีกได้ไหม?”

หลี่ชางอวี๋ตอบอย่างรวดเร็ว “ได้สิ แน่นอนอยู่แล้ว!”

ไป๋เซวียน “...”

ชายทั้งสองคนตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้ว และไป๋เซวียนไม่อาจปฏิเสธจอมตะกละทั้งสองได้ เขาหันกลับไปล้างจานผลไม้ต่อ หลี่ชางอวี๋และเซี่ยซูหรงออกจากห้องกินข้าวไปอย่างลังเล พวกเขานั่งลงบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น และพูดคุยกันไปพลางกินผลไม้ไปพลาง

“อาซู นายตัดสินใจเข้าร่วมไวมาก มีสาเหตุอะไรไหม?” หลี่ชางอวี๋ถาม

“ผมคิดดูอย่างระมัดระวังแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันจริงอย่างที่แคทก็อดพูด ผมไม่อยากกลับไปทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์แล้ว และทีมอื่นๆของจีนก็ไม่ได้ขาดแคลนนักดาบ แถมทีมอื่นก็มีรูปแบบการเล่นเป็นของตัวเอง มันยากสำหรับผมที่จะเข้าเป็นสมาชิกหลักของทีม ดังนั้นมาติดตามแคทก็อดที่เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่า” เซี่ยซูหรงอธิบาย

หลี่ชางอวี๋ตบบ่าชายหนุ่ม และยิ้มออกมา “มันคือความจริงล่ะนะ ฉันดีใจที่นายคิดได้เร็วขนาดนี้”

เซี่ยซูหรงถามต่อ “จะว่าไป คุณไม่ได้เล่นมิราเคิลมาเกือบสามปีแล้วใช่ไหม? ผมนึกว่าคุณจะลืมวิธีเล่นซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ไปแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าในระหว่างที่ทำภารกิจกับคุณ คุณจะยังเล่นได้เฉียบคมเหมือนเดิม!”

หลี่ชางอวี๋ยิ้ม “หลายๆอย่างก็ใช่ว่าจะลืมกันได้ง่ายๆ”

เซี่ยซูหรงชะงัก พร้อมกับรู้สึกสะเทือนใจ

แคทก็อดพูดถูก บางอย่างที่ฝังรากลึงลงในใจแล้ว มันก็ยากที่จะลบออก

อีกฝ่ายก็เหมือนกับเขา เขาเลือกที่จะออกจากฟลายอิ้งเฟเธอร์ และเข้าทีมต่างชาติมากกว่าที่จะยอมทิ้งการเล่นนักดาบของตัวเอง ส่วนหลี่ชางอวี๋ก็คงคิดถึงซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ของตัวเองเหมือนกัน

พวกเขามีความฝันในตอนที่เป็นวัยรุ่นเหมือนกัน

แม้ว่าจะด้วยหลายๆสาเหตุ ทำให้ความฝันนั้นยังไม่เป็นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะลืมเลือนมันไป

สามปีผ่านไป หลายๆสิ่งก็เปลี่ยนแปลง

ทีมที่แข็งแกร่ง และนักกีฬาฝีมือดีในลีกมีมากมาย มันอาจจะดูเหมือนโอ้อวดหากบอกว่าจะเอาชนะทีมเหล่านั้นทั้งหมด แต่พวกเขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ หากพวกเขาไม่ลองพยายามดู?

เซี่ยซูหรงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อเห็นสายตามั่นคงของหลี่ชางอวี๋

อีกฝ่ายยิ้ม พร้อมกับยื่นมืออกมาหา “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราคือเพื่อนร่วมทีมกัน เราจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน และเอาชนะมิราเคิลด้วยกัน”

คำพูดของเขามั่นคงราวกับเขากำลังพูดว่า “วันนี้เราจะกินข้าว” อย่างไรอย่างนั้น น้ำเสียงสงบนิ่ง และดวงตาที่ไร้ซึ่งความลังเลบ่งบอกว่าชายผู้นี้มุ่งมั่นแค่ไหน

เซี่ยซูหรงยื่นมือออกมาจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น “ถ้างั้น กัปตัน เรากลับไปด้วยกันเถอะ!”

ไป๋เซวียนรู้สึกตื้นตันเมื่อเขาเห็นทั้งสองคนจับมือกันแบบนั้น

หากลองวางเรื่องราวในอดีตลง ไป๋เซวียนก็รับรู้ถึงความสามารถของเซี่ยซูหรงได้เป็นอย่างดี

ในช่วงฤดูกาลที่สาม ลีกมิราเคิลขยายจำนวนทีมเข้าร่วมแข่งขัน รวมถึงปรับปรุงการกระทำที่มีต่อนักกีฬามืออาชีพด้วย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เหล่ายอดฝีมือไหลทะลักเข้ามาในลีก มือใหม่หลายคนที่เปิดตัวในปีนั้น ตอนนี้ก็กลายเป็นรองกัปตัน หรือไม่ก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอสำหรับทีมใหญ่ๆแล้ว ผลการประเมินผู้เล่นหน้าใหม่จะมาจากคะแนนที่เหล่ากรรมการมากประสบการณ์ประเมินโดยดูจากข้อมูลอันหลากหลายของผู้เล่นคนอื่นๆ

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะชนะรางวัลนี้

ในช่วงฤดูกาลที่สามที่มียอดฝีมือมากมายเกิดขึ้น แต่เซี่ยซูหรงกลับได้รับรางวัลที่ทรงคุณค่าที่สุด เขาเคยมีราศีของทีมแชมป์ปีนั้น ทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์ และเขาก็แข็งแกร่งมาก สถิติการฆ่าของเขาในสนามการต่อสู้แบบเดี่ยว และการต่อสู้แบบกลุ่มติดหนึ่งในห้าของลีก ท่าทางของเขาก็รุนแรงพอๆกับหลิงเสวียเฟิง หลี่ชางอวี๋ หรือคนอื่นๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มเล่นให้กับทีมไอซ์จากสหรัฐฯมาหลายปีแล้ว หลังจากผ่านเวลาเหล่านั้นได้ เซี่ยซูหรงก็ได้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่มั่นคง จิตวิญญาณอันเฉียบแหลมถูกขัดเกลา และนิ้วมือของเขาก็มั่นคงยิ่งขึ้นทำให้ท่าดาบของเขาน่าหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้น!

การที่ได้สมาชิกทีมที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาเข้าร่วมทีมได้ ไป๋เซวียนรู้สึกดีใจกับตัวเองและหลี่ชางอวี๋มาก

ทีมชางหลันครั้งหนึ่งเคยขาดสมาชิกทีมที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีมากๆ!

***

“พวกนายสองคนอยากจะจับมือกันด้วยไหม?” หลี่ชางอวี๋ถามเซี่ยซูหรง “ในสนามประลอง นายมักจะไล่ฆ่ารองกัปตันนี่นา แต่ตอนนี้ภารกิจปกป้องเขาจะกลายเป็นของนาย ทำได้ไหม?”

“ไม่มีปัญหา” เซี่ยซูหรงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ไป๋เซวียน “รองกัปตันยังโกรธผมอยู่ไหม?”

“...ฉันไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้นสักหน่อย” ไป๋เซวียนยิ้มกลับ “ฉันแค่คิดว่านายโตไวมาก ก่อนหน้านี้นายยังสูงเท่าไหล่ฉันอยู่เลย มาตอนนี้สิ สูงกว่าฉันไปเกินครึ่งหัวแล้ว”

เขารู้สึกเหมือนกับว่าต้นกล้าในความทรงจำจู่ๆก็เติบโตเป็นต้นไม้สูงใหญ่

เซี่ยซูหรงมองสีหน้าสับสนของไป๋เซวียน แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่ารองกัปตันไป๋ก็น่ารักขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ในตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน เซี่ยซูหรงแค่รู้ว่าไป๋เซวียนเป็นฮีลเลอร์นิสัยดี มีเทคนิคที่แข็งแกร่ง และหน้าตาดี ตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น เขาถึงได้พบว่าผู้เล่นที่เลือนรางในความทรงจำของตัวเองมีเลือดเนื้อขึ้นมาแล้ว

ไป๋เซวียนยิ้ม โกรธ หรือสับสน...

สีหน้าเหล่านั้นสดใหม่อยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย

สิ่งสำคัญก็คือ อาหารทุกจานที่เขาทำอร่อยมาก ไป๋เซวียนเป็นพ่อนมที่ยอดเยี่ยมของทีมจริงๆ!

อย่างน้อยกระเพาะของเขาก็มีโชคล่ะวะ

เซี่ยซูหรงอารมณ์ดีมากในขณะที่คิดเช่นนี้

“จะว่าไปแล้ว อาซู นายเล่นกับเราทั้งบ่ายเลยนี่ ไม่มีฝึกกับทีมเหรอ?” หลี่ชางอวี๋รู้สึกถึงปัญหาบางอย่าง และสงสัยขึ้นมา “ตอนนี้น่าจะเป็นฤดูกาลปกติของฝั่งลีกอเมริกาไม่ใช่เหรอ?”

“ผมได้พักสองวันน่ะ” เซี่ยซูหรงอธิบาย “การแข่งรอบแรกเพิ่งจะจบไป แล้วเราจะเริ่มแข่งรอบที่สองของเกมปกติในอาทิตย์นี้”

“งั้นเหรอ” หลี่ชางอวี๋หยุดเล็กน้อย “นายคิดว่าระดับทีมของที่นี่ ถ้าเทียบกับในประเทศจีนแล้วเป็นยังไงบ้าง?”

“ภาพรวมแล้วแข็งแกร่งพอๆกับทีมระดับแนวหน้าของประเทศเราเลย แต่ว่าเรื่องการวางแผนยังคงห่างอยู่มาก” เซี่ยซูหรงพัก ก่อนจะพูดต่อ “อ้อ จริงสิ รองกัปตันทีมไอซ์ชื่อว่าแจ็ค จอร์ชเล่นซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตน่ะ คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหม?”

เป็นธรรมดาที่หลี่ชางอวี๋จะรู้จักชื่อนี้ คนคนนี้ถูกกล่าวว่าเป็นซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่หลี่ชางอวี๋ไม่แน่ใจในเรื่องนี้นักเนื่องจากพวกเขาไม่เคยต่อสู้กันมาก่อน

ในหมู่อาชีพซัมมอนเนอร์ นอกเหนือจากซัมมอนเนอร์เผ่าโลหิตจากสหรัฐฯ ยังมีผู้เล่นจีนที่ชื่อติดระดับโลกด้วย นั่นก็คือซัมมอนเนอร์เผ่าปีศาจของกัปตันทีมวินคัลเลอร์ หลิงเสวียเฟิง

หลี่ชางอวี๋คิด แล้วถามขึ้นมา “นายเคยสู้กับหลิงเสวียเฟิงนี่ นายลองเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ไหม?”

“เทียบกับกัปตันหลิง?” เซี่ยซูหรงแตะปลายคางในขณะที่เขาครุ่นคิดเรื่องเหล่านี้ก่อนจะทำหน้าเครียด “พวกเขาเป็นซัมมอนเนอร์ประเภทความมืดเหมือนกัน แต่รูปแบบการเล่นของกัปตันหลิงจะสงบนิ่งมาก และเขาจะทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกกดดันอย่างหนัก ส่วนรูปแบบการเล่นของแจ็คจะออกแนวรุนแรง และบ้าเลือด สไตล์ของทั้งสองคนต่างกันมาก” เซี่ยซูหรงยิ้ม และพูดต่อไป “ถ้าคุณกลับไป การเคลื่อนที่อย่างว่องไว และการเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงอย่างรวดเร็วของซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์จะต้องเปล่งประกายต่อหน้าพวกเขาแน่ๆ”

“แน่นอน” หลี่ชางอวี๋พูดอย่างตรงไปตรงมา

เขาเชื่อว่าระดับฝีมือของเขาไม่ด้อยไปกว่าซัมมอนเนอร์ชื่อดังทั้งสอง และตั้งตาคอยวันที่เขาจะได้ปะทะกัน แต่มันยังไวเกินไปที่จะคิดถึงการแข่งขันระดับโลก...ตอนนี้ เขายังไม่ได้สร้างทีมเลยด้วยซ้ำ!

ไป๋เซวียนได้ยินแบบนั้นก็โพล่งถามขึ้นมา “ฮีลเลอร์ต่างชาติต่างจากของจีนไหม?”

“รูปแบบการฮีลของพวกเขาเหมือนกับเรา แต่ว่าผู้เล่นหลายคนมักจะเล่นพรีสเผ่ามนุษย์ แต่มันหายากมากในจีนใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่ เพราะว่าผู้เล่นจีนส่วนใหญ่จะเล่นเผ่าเทวดามากกว่า” ไป๋เซวียนนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม และวิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง “พรีสเผ่าเทวดามีพลังการรักษาที่มากที่สุด แต่ก็มีข้อด้อยที่พลังป้องกัน ฮีลเลอร์เผ่ามนุษย์มีพลังการรักษาระดับกลาง แต่มีพลังป้องกันมากกว่าทำให้พวกเขาเหมาะสำหรับสงครามที่ยืดเยื้อ แต่ในสถานการณ์ที่ในสนามประลองมีความกดดันสูง ฉันคิดว่าฮีลเลอร์ที่รักษาได้มากจะมีประโยชน์กว่า เพราะฮีลเลอร์จะไร้ประโยชน์ทันทีหากสมาชิกในทีมตายก่อน”

เซี่ยซูหรงเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายเลยพูดออกมาอย่างเห็นด้วย “รองกัปตันไป๋พูดถูก”

จากนั้นก็ได้รับรอยยิ้มพึงพอใจของไป๋เซวียนกลับมา

จู่ๆ เซี่ยซูหรงก็ค้นพบว่าในตอนที่ผู้ชายคนนี้ยิ้ม ดวงตาของเขาจะโค้งขึ้น และใบหน้าที่อ่อนโยนก็จะน่ามองขึ้น

ไป๋เซวียนถูกเรียกว่าฮีลเลอร์ชั้นหนึ่งของมิราเคิล เซี่ยซูหรงยังคงจำได้ว่าในขณะที่ไล่ตามไป๋เซวียนในเกม ฮีลเลอร์ของอีกฝ่ายอาจจะเสียเลือดไปบ้าง แต่เขาสามารถหลบคมดาบของเซี่ยซูหรงได้นานมาก ทนทายาทพอๆกับแมลงสาปเลยทีเดียว การเคลื่อนไหวของไป๋เซวียนยืดหยุ่นมาก

เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีม

แคทก็อดและไป๋เซวียน คู่หูตัวทำดาเมจระยะไกลและฮีลเลอร์ที่เก่งกาจ นอกจากนี้ยังมีนักดาบระยะประชิดที่โจมตีว่องไวอีก เซี่ยซูหรงรู้ดีว่าทีมนี้จะไม่แพ้ง่ายๆเหมือนกับทีมเอฟทีดีในอดีตอย่างแน่นอน

ในอนาคต ทุกคนจะต่อสู้เคียงข้างกันเพื่อฆ่าทีมคู่แข่ง!

ดังนั้น รองกัปตันไป๋ เรามาเปลี่ยนบทบาทกันเถอะ ในตอนที่ผมเดินไปปกป้องคุณ อย่าหลบหลีกผมเลยได้ไหม มันน่าอาย!’

 

ไป๋เซวียนพบว่าเซี่ยซูหรงจ้องตัวเองอยู่ เลยถามออกไป “นายมองอะไร? อยากจะพีเคในโลกจริงหรือไง?”

เซี่ยซูหรงยิ้ม “ผมไม่กล้าทำหรอกครับ คุณคือรองกัปตันนี่นา ผมต้องฟังคุณอยู่แล้ว”

ไป๋เซวียนดูพอใจมาก เขาชี้ไปที่จานผลไม้บนโต๊ะ “นายเดินไปเปิดตู้เย็น แล้วปอกส้มมาให้ฉันที”

“ครับ!” เซี่ยซูหรงรีบหยิบจานออกไป และเริ่มต้นปอกผลไม้ทันที

หลี่ชางอวี๋ยิ้มออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น “อาซูมักจะแกล้งนายบ่อยๆในอารีน่า ดูตอนนี้สิ นายได้แกล้งเขาคืนแล้วนะ”

ไป๋เซวียนมองดูเซี่ยซูหรงที่กำลังวุ่นวายอยู่ พร้อมกับหัวเราะออกมา “รู้สึกดีสุดๆไปเลย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด