ตอนที่ 13 : ตามหาผู้เชี่ยวชาญ
วันต่อมา เช้าที่อากาศสดใสมีแสงทองรำไรตัดผ่านก้อนเมฆ แสงสีทองนวลๆกระจายรัศมีไปทั่วท้องฟ้า
ถังหยูนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้น
เขาใช้เวลาช่วงครึ่งคืนแรกในการนอน
ภายในและภายนอกของปราสาทมันเหมือนกับโลกสองใบ ภายนอกมันคือความยุ่งเหยิงที่มีแต่ศากศพที่ค่อยๆเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นอยู่ทั่วทุกที่ แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ แต่มันก็ยังคงทำให้เขารู้สึกไม่ดีนักที่จะต้องตื่นมาเห็นภาพแบบนี้
แต่ภายในของปราสาทมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อากาศด้านในปราสาทมันสดชื่นมาก มันสดชื่นกว่าอากาศที่คนๆหนึ่งจะหาได้ในป่าที่เขียวชอุ่มและมันยังเติมพลังให้กับจิตใจและจิตวิญญาณ อีกทั้งอุณหภูมิยังให้ความสบายเป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงของฤดูร้อนของภายนอกที่แม้แต่ตอนกลางคืนยังอบอ้าว แต่การที่ได้อยู่ในปราสาทมันไม่มีความรู้สึกร้อนอบอ้าวแม้แต่น้อย มันรู้สึกเย็นสบายและสดชื่นบนเตียงที่ใหญ่และนุ่มสบายของเขา สิ่งที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้รวมกับทำให้ถังหยูได้นอนหลับอย่างสบาย นอกจากนี้ผู้ปลุกพลังจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นกว่าคนปกติธรรมดาทั่วไป ความเหนื่อยล้าที่สะสมในแต่ละวันจะฟื้นฟูเป็นปกติด้วยการพักผ่อนเพียงแค่สี่ถึงห้าชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนหลังของกลางคืนถูกใช้ไปกับการบ่มเพาะพลัง
กล่าวคือ เขาบ่มเพาะพลังแห่งจิตวิญญาณ
การบ่มเพาะพลังแห่งจิตวิญญาณมันเร็วมากในช่วงแรก แต่ถึงอย่างนั้น ตลอดทั้งวันถังหยูดูดซับพลังแห่งจิตวิญญาณได้น้อยลงเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าภาพที่เลือนรางที่ว่าเขายังคงเป็นเพียงแค่คนที่มีพลังอ่อนแอ เขาใช้เวลาส่วนมากในการบ่มเพาะพลังแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดที่เขามีและเปลี่ยนไปเป็นความแข็งแกร่งของเขา
“ฉันถึงจุดสูงสุดของความแข็งแกร่งขั้นต้นแล้ว ตราบใดที่ฉันดูดซับพลังแห่งจิตวิญญาณเพียงพอ ฉันก็จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดนี้และก้าวเข้าสู่ผู้ปลุกพลังขั้นสอง แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปฉันคงไม่สามารถไปถึงการปลุกพลังระดับสูงได้อย่างรวดเร็ว...”
แน่นอน มันสำคัญที่ว่าถ้าคนอื่นมีระดับที่สูงกว่า พวกเขาก็สามารถพัฒนาได้เร็วกว่า แต่จริงๆแล้วการที่จะแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นได้ผ่านการต่อสู้ในสงครามมามากแค่ไหน แต่ว่าถังหยูยังติดอยู่กับการที่คิดว่าการพัฒนาของเขาล่าช้า ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขามันเทียบเท่ากับผู้ปลุกพลังขั้นห้าไปแล้ว ด้วยวิธีการของซิสเทมที่ดูดซับพลังแห่งจิตวิญญาณโดยตรงนี้ ความเร็วในการเลื่อนขึ้นแบบนี้ยังเรียกว่าช้าอีกเหรอ?!
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ...
ถังอยู่เปลี่ยนไปใส่อุปกรณ์ชิ้นล่าสุดที่ผลิตออกมาจากโรงอุปกรณ์ ดาบเหล็กยาวและชุดเกราะสีดำคาดด้วยสีแดง
ชุดเกราะนี้เป็นเกราะหนัง แต่แน่นอน มันไม่ใช่ประเภทที่ปกคลุมไปด้วยเกราะหนังแค่ครึ่งเดียว นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่เกม คนๆหนึ่งไม่สามารถที่จะใส่อุปกรณ์ไว้บนร่างกายและเพิ่ม +++ ให้แก่พลังการป้องกันทั้งหมด... ถ้าคนๆหนึ่งใส่อุปกรณ์เหมือนกับที่ทำกันในเกม ที่เพียงแค่ปิดจุดสำคัญของร่างกาย ถังหยูมีเพียงสามคำที่จะพูดเมื่อคนพวกนี้ได้เจอกับพวกปิศาจ ไปตายซะ!
ชุดเกราะนี้ทำให้รู้สึกสบายมากเมื่อได้สวมใส่ ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะทำให้เหงื่อแตกถ้าใส่ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ แต่ผลที่ออกมา มันพิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีของโรงอุปกรณ์นี้นั้นสุดยอดมาก มันมีน้ำหนักที่เบา หายใจได้สะดวกขณะที่สวมใส่ แม้ขณะที่เคลื่อนที่เขาก็รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ด้วยขนจากปิศาจสีชาดที่ใช้เป็นวัตถุดิบหลัก แทบไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย ความสามารถในการป้องกันของเกราะตัวนี้มันช่างมหัศจรรย์ แม้แต่ดาบเหล็กนี้ถึงจะออกแรงเต็มที่ก็สามารถทำให้เกราะนี้เป็นรอยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น... นี่คือความแตกต่างของการใช้วัตถุดิบขั้นสูงในการผลิต ตรงกันข้ามดาบยาวธรรมดาใช้เพียงแค่เหล็กธรรมดาเท่านั้น
ถังหยูส่องกระจกตรวจเช็คตัวเองอยู่ในปราสาท เขารู้สึกพอใจมากกับตัวเองในชุดเกราะนี้
“ฉันรู้สึกชอบชุดเกราะนี้นะ มันดูดีทีเดียว”
.....
ผู้รอดชีวิตทุกคนตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อลิ้มรสความหอมหวานจากการใช้แรงงานของพวกเขา พวกขาจะได้รับอาหารเป็นรางวัลจากการทำงานอย่างเต็มที่ คนเหล่านี้มีความสุขเช่นกันกับการจัดการแบบนี้ เมื่อวานนี้พวกเขาได้เนื้อหนึ่งชิ้นและอาหารกระป๋องอีกสองกระป๋องเป็นรางวัล สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้ถึงกับร้องไห้ด้วยความปิติยินดี พวกเขาจำไม่ได้แล้วว่ามันนานแค่ไหนที่เขาได้ลิ้มรสชาติของเนื้อ
“นั่นผู้นำถัง!”
บางคนถึงกับร้องไห้และรีบเช็ดน้ำตา
มีสามลักษณะที่ดูคุ้นเคยเดินตรงเข้ามาหา ถังหยูตรงหน้า ติดตามด้วยท่านที่อยู่ในชุดเกราะและเด็กสาวที่เห็นเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาแทบจะจำผู้นำถังและเด็กสาวที่ยิงหอกน้ำแข็งไม่ได้ยกเว้นท่านที่อยู่ในชุดเกราะ!
ผู้นำถังใส่ชุดเกราะสีดำที่คาดด้วยสีแดงกับดาบยาวที่เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ติดอยู่ที่เอว
ด้านหลังของผู้นำถังคือท่านที่อยู่ในชุดเกราะเหมือนจะเป็นคนอารักขาที่ซื่อสัตย์และแทบจะอุทิศชีวิตให้กับท่านผู้นำ มีหอกยาวเป็นอาวุธ เดินตามมาเงียบๆ
อีกด้านหนึ่ง อีไลน์แต่งตัวเช่นเดิม ชุดสีดำกับผ้าคลุมนักเวทย์สีแดง ฮู้ดแทบจะปิดบังใบหน้าของเธอทั้งหมดขณะที่ผ้าคลุมปกคลุมร่างกายที่บอบบางของเธอเอาไว้ มีมือขาวๆยื่นออกมา อีไลน์กำก้านไม้ที่คดเคี้ยว ส่วนบนกว้างและลู่เล็กลงมาที่ปลายเอาไว้แน่น มันคือคทา
สามคนนี้เดินไปอย่างช้าๆ
รอบๆตัวของพวกเขาคือซากศพของปิศาจ รอยเลือดที่แห้งเหือดและบ้านที่ถูกทำลาย ที่ๆยังไม่ได้ทำการเก็บกวาด
แสงของดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากข้างบนราวกับมันขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขา
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งโลกกลายเป็นสีเทา มีเพียงสามคนนื้ที่กำลังเดินอย่างช้าๆเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของเหล่าผู้รอดชีวิต
“อึก!”
บางคนถึงกับกลืนน้ำลาย
ชุดเกราะลักษณะนี้มันดูเหมือนเป็นงานแสดงคอสเพลย์จากการ์ตูนหรือตัวละครจากนิยาย ในช่วงวันโลกาวินาศ มันดูฉูดฉาดเกินไปและคงไม่เหมาะที่จะใส่เท่าไหร่ แต่เมื่อสองคนนี้กับผู้นำถังใส่มัน ทุกคนรู้สึกว่าชุดพวกนี้มันดูเข้ากันอย่างสิ้นเชิงเหมือนกับว่าทุกๆอย่างมันก็ควรจะเป็นแบบนี้
สองคนที่มาพร้อมกับผู้นำถัง มันดูเหมือนกับทหารที่กลับจากสงครามพร้อมกับชัยชนะอันทรงเกียรติหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับทะเลสีเลือดหรือกองศพเป็นภูเขา
.....
แม้ว่าพวกเขาจะตกตะลึงไปกับอุปกรณ์ที่ดูดี แต่เหล่าผู้รอดชีวิตก็ต้องกลับไปใส่ใจกับสิ่งที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ พวกเขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะถามและเมื่อไหร่ที่ไม่ควรจะถาม ไม่นานพวกเขาก็กลับไปเริ่มงานของพวกเขา
คนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเฉินไฮปิงผู้ที่อยู่หลังสุด
แม้ว่าการทำงานเป็นคนขนของจะได้ค่าจ้างที่สูง เฉินไฮปิงก็ไม่อยากให้มันปนกันกับความต้องการของเขา เขาไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ เพียงแค่รอเวลาตาย
เขากลายเป็นผู้ปลุกพลังในตอนท้าย แต่ทีละก้าว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระเขาขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆของเหล่าผู้ปลุกพลัง ถึงกระนั้น ด้วยฝูงปิศาจที่ถาโถมเข้ามาโจมตีและพังทลายฐานที่มั่นลง มันทำให้เขาเข้าใจในความตายที่เขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในการเผชิญหน้ากับหายนะนั้น
หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของผู้นำถังและท่านอื่นๆ เฉินไฮปิงก็ยิ่งรู้สึกกระหายที่จะแข็งแกร่งขึ้น
เขาต้องการที่จะล่าสังหารเหล่าปิศาจ!
เขายังคงหวังว่าเขาจะสามารถเป็นส่วนช่วยในการก่อตั้งฐานที่มั่นนี้!
เขาหวังว่าฐานที่มั่นจะสร้างเสร็จเร็วๆนี้ๆ แต่เขารู้ดีว่าฐานที่มั่นนั้นไม่สามารถพึ่งพาเพียงผู้แข็งแกร่งจำนวนเพียงน้อยนิด ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาอาจจะไม่มากมาย แต่ในฐานะทหาร อย่างน้อยการอุทิศตนของเขาก็สามรถเป็นได้มากกว่าการลากก้อนหินไปมา
เฉินไฮปิงได้กล่าวออกไปและรอคอยคำตอบจากผู้นำถังอย่างเงียบๆ
ถังหยูค่อยๆคิดแบบถี่ถ้วน
ในตอนต้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก หลายวันก่อนเขาก็เป็นเพียงผู้รอดชีวิตระดับล่างๆที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดจากหายนะ หลังจากที่ได้ซิสเทมมา ปราสาทถูกสร้างขึ้นมาเพียงปกป้องชีวิตของเขา ถึงอย่างนั้น ถ้าเขาต้องการที่จะพัฒนาอาณาเขตของเขาจริงๆ เขาจำเป็นต้องมีแผนการที่ละเอียด แม้แต่กับตัวช่วยของซิสเทม มันไม่ใช่แค่เลือกและซื้อตึกก่อสร้างที่จะช่วยให้เขาสร้างอาณาเขตได้สำเร็จ
แม้แต่แผนที่ของอาณาเขตก็สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าถ้าหากมีปิศาจกำลังเข้าโจมตี เฉินไฮปิงพูดมีเหตุผล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาแค่หมายเลขหนึ่งกับสองและผู้ติดตามของเขา ปัญหามันเพิ่มมากขึ้นทุกเวลา ผู้นำควรจะเป็นไพ่ตายของอาณาเขตตามวิธีของกองกำลังทั่วๆไป ถังหยูชอบที่ผู้ติดตามในอนาคตของเขาจะใช้เวลาส่วนมากในการพัฒนาสักยภาพแทนที่จะเดินตรวจตราอาณาเขต
ที่มากกว่านั้นคือ ถ้าเขาต้องการที่จะพัฒนาอาณาเขตของเขา มันไม่สามารถทำได้หากไม่มีความร่วมมือของเหล่าผู้รอดชีวิต เมื่อจำนวนของผู้รอดชีวิตเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการป้องกันหรือการบริหาร เขาก็ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้มาทำแทนที่เขา
อาณาเขตมันควรจะมีหน่วยตรวจตราประจำการ
หลังจากที่ได้สังเกตมาเป็นเวลาสองวันนี้ เขาก็เข้าใจเฉินไฮปิงมากขึ้น คนๆนี้ทำหน้าที่เป็นทหาร ความสามารถในการยิงปืนและการต่อสู้ก็ค่อนข้างสูง เขามีมาตรฐานในความคิดของเขา แต่การลงมือทำไม่เข้มงวด ในแง่มุมที่สำคัญที่สุดก็คือบนแผนที่อาณาเขต การที่แผนที่แสดงจุดของเฉินไฮปิงเป็นสีเขียว เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
“ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่นายขอ แต่ตอนนี้การก่อสร้างฐานที่มั่นยังไม่เสร็จดี มันจึงยังไม่มีตำแหน่งงานที่แน่นอนสำหรับนาย พวกเราคอยลาดตระเวณอาณาเขตอยู่อย่างสม่ำเสมอซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มความแข็งแกร่งของนายที่ดีกว่าของป้องกันการโจมตีของพวกปิศาจ ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งของผู้ปลุกพลังขั้นต้นก็ทำได้เพียงแค่ต่อกรกับปิศาจธรรมดาทั่วไปเท่านั้น”
เฉินไฮปิงยิ้มเจื่อนๆ เขาไม่สามารถปฎิเสธได้จริงๆ จากนั้นเขาได้หยิงผู้นำถังพูดว่า “ฉันจะหาผู้เชี่ยวชาญให้เร็วๆนี้ นายจะได้เรียนรู้ทักษะจากเขาเอาไว้ต่อกรกับพวกปิศาจ”
ผู้เชี่ยวชาญ?
เขาสงสัยว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้นใช่ท่านที่อยู่ในชุดเกราะหรือเปล่า ถ้าเขาสามารถเรียนรู้จากท่านผู้นั้น ความแข็งแกร่งของเขาคงจะพัฒนาได้รวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย
ผ่านไปชั่วครู่ เขาเห็นคนที่รูปร่างเหมือนป้อมปราการเดินเข้ามา