ตอนที่ 12 เซี่ยซูหรง
พอหลี่ชางอวี๋เห็นว่านักดาบเผ่ามนุษย์ตกลงไปในทะเลสาบ เขาก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้ต้องเป็นเซี่ยซูหรงแน่ๆ และอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
บังเอิญจริงๆที่เพื่อนเก่าได้มาเจอกันในเซิฟเวอร์ใหม่!
ในจังหวะที่เจอสามต่อหก หลี่ชางอวี๋ไม่ได้พูดอะไรออกไปด้วยซ้ำ แต่นักดาบก็ใช้สกิลโจมตีหมู่เพื่อลดเลือดฝ่ายศัตรูและร่วมมือกับซัมมอนเนอร์เผ่าเอลฟ์ หลี่ชางอวี๋รีบใช้สกิลโจมตีหมู่ของภูติสายฟ้าทันที การร่วมมือของสองคนนี้ทำให้กลุ่มของกิลด์วินคัลเลอร์พ่ายแพ้ไปในเวลาแค่ 20 วินาที
มันยากที่จะปกปิดปฏิกิริยาตอบสนองในช่วงเวลาวิกฤตของผู้เล่นมืออาชีพ ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยซูหรงยังเป็นนักดาบที่ไวที่สุดในลีกมิราเคิลประเทศจีนด้วย มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเลียนแบบสกิล “แสงและเงาหมุนวน” ของเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เล่นดีมากในการโจมตีครั้งสุดท้าย แต่หลี่ชางอวี๋ก็จำเขาได้
แต่เซี่ยซูหรงออกจากมิราเคิลไปหลายปีแล้ว ทำไมเขาถึงกลับมาอีกครั้งล่ะ?
หลี่ชางอวี๋สับสน และพิมพ์ถามขายหนุ่มในช่องแชททีม “อาซู ฉันโอลด์แคทจากทีมเอฟทีดีนะ นายจำได้ไหม?” (**คนจีนมักจะใช้คำว่า อา นำหน้าเพื่อแสดงถึงความสนิทสนม)
ต้นไม้ที่เบ่งบาน […]
ไป๋เซวียนพิมพ์ [อย่ากดมาแค่จุดได้ไหม พิมพ์มาสิ!]
ต้นไม้ที่เบ่งบาน [...]
ไป๋เซวียนมองหลี่ชางอวี๋พร้อมกับพูดอย่างดูถูกว่า “ดูสิ นายทำเขากลัวจนไอคิวร่วงหมดแล้ว”
หลี่ชางอวี๋หัวเราะ “เขาคงช็อคอยู่ นายอย่าไปกดดันเขานักเลย”
นิสัยของไป๋เซวียนมักจะอ่อนโยน และใจดีกับคนอื่นเสมอ แต่เซี่ยซูหรงเป็นกรณีพิเศษสุดๆ ทุกครั้งที่ไป๋เซวียนเห็นไอดีของชายหนุ่ม เขาจะโกรธจัดจนหมั่นเขี้ยวอยากจะกัดเซี่ยซูหรงขึ้นมาทันที
ในตอนนั้น เซี่ยซูหรงใช้ข้อได้เปรียบของนักดาบที่ว่องไว รวมถึงสกิลของนักดาบเผ่ามนุษย์ทำให้เชี่ยวชาญในการไล่ฆ่าฮีลเลอร์มาก ทุกครั้งที่ทีมเอฟทีดีสู้กับทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์ เซี่ยซูหรงจะเข้าประชิดตัวไป๋เซวียน และพยายามก่อกวนทุกอย่างเพื่อไม่ให้ไป๋เซวียนได้ใช้สกิล
ถูกฆ่าหนึ่งครั้ง...โอเค การฆ่าฮีลเลอร์มันเป็นความคิดที่ถูกต้องอยู่แล้ว
ถูกฆ่าสองครั้ง...ชายหนุ่มโทษตัวเองที่เล่นผิดพลาด
ถูกฆ่าสามครั้ง...ไป๋เซวียนเริ่มหดหู่
เซี่ยซูหรงไล่ล่าพรีสตัวเล็กๆคนนี้ และฆ่าเขามากถึง10ครั้ง! ฉันไปฆ่าพ่อของนายรึยังไงกัน?
แน่นอนว่าทีมเอฟทีดีแพ้ฟลายอิ้งเฟเธอร์ยับเยิน หลังจากจบเกม เซี่ยซูหรงวิ่งไปยืนหน้าไป๋เซวียนพร้อมกับรอยยิ้ม และยื่นมือออกไปหา แต่ไป๋เซวียนที่มักจะทำตัวดีอยู่เสมอกลับไม่จับมือชายหนุ่มเสียนี่ เขาเก็บคีย์บอร์ดของตัวเองและเดินออกไปเลย
เซี่ยซูหรงทำหน้างง ก่อนที่หลี่ชางอวี๋จะตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ “เสี่ยวไป๋ไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่นะ แต่ถ้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ตายแน่ บางทีเขาอาจจะไม่พูดกับนายไปตลอดเลยก็ได้”
เซี่ยซูหรง “...”
ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนในลีกมืออาชีพของมิราเคิลก็รู้กันดีว่าเซี่ยซูหรงไปทำให้รองกัปตันไป๋โกรธจนรองกัปตันผู้แสนดีคนนั้นถึงกับไม่จับมือด้วย...
โชคร้ายที่ทีมเอฟทีดีถูกยุบไปหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานนัก หลี่ชางอวี๋และไป๋เซวียนก็ย้ายไปเล่นอู๋หลินพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมไม่กี่คน เซี่ยซูหรงเองก็ออกจาฟลายอิ้งเฟเธอร์ด้วยเหตุผลบางอย่าง และก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย
เรื่องพวกนี้ยังคงแจ่มชัดอยู่ในสมอง แต่เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งในลีกปัจจุบัน เรื่องราวพวกนี้ถือว่าเป็นตำนานไปแล้ว
***
ทั้งสามคนยังคงสะเทือนอารมณ์จากการนึกถึงเรื่องในอดีต
เซี่ยซูหรงพิมพ์ถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบกันมาเป็นเวลานาน [แคทก็อด รองกัปตันไป๋ ทำไมพวกคุณถึงอยู่ที่เซิฟเวอร์ใหม่ของมิราเคิลล่ะ? ผมได้ยินมาว่าคุณย้ายไปเล่นอู๋หลินด้วยกันแล้วนี่?]
ไป๋เซวียนตอบกลับ [ผลงานทีมไม่ค่อยดี ตอนนี้ถูกยุบไปแล้ว]
เซี่ยซูหรงแตะจมูกตัวเอง พร้อมกับพิมพ์ต่อว่า [รองกัปตันไป๋ คุณยังโกรธผมอยู่รึเปล่า?]
ไป๋เซวียนรีบปฏิเสธทันที [ไม่!]
เขาปฏิเสธอย่างไวพร้อมด้วยเครื่องหมายตกใจต่อท้าย ดูก็รู้แล้วว่ายังโกรธอยู่นี่นา?
เซี่ยซูหรงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็แค่ทำตามแทคติคของกัปตันที่ให้ “ฆ่าฮีลเลอร์ก่อน แล้วค่อยฆ่าแคทก็อด” เขาฆ่าไป๋เซวียนได้มากถึง10ครั้งก็เพราะว่าสมาชิกของทีมเอฟทีดีไม่ปกป้องไป๋เซวียนเลยแม้แต่น้อย และมักจะปล่อยให้ไป๋เซวียนตายใต้คมดาบของเขาทุกครั้งไป
ในสนามการต่อสู้ไม่มีใครอยากจะปล่อยฮีลเลอร์ของทีมอื่นไปง่ายๆหรอก
บางที ในสายตาของไป๋เซวียนอาจจะมองว่าเซี่ยซูหรงคิดว่าทีมเอฟทีดีอ่อนแอ ก็เลยกลั่นแกล้งล่ะมั้ง?
เซี่ยซูหรงไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
เขาอาจจะยังเด็ก และยังเล่นแบบไม่จริงจังมากนักในตอนนั้น แต่ผู้เล่นเกือบทุกคนในลีกล้วนเห็นตรงกันในเรื่องมาตรฐานของแคทก็อดและรองกัปตันไป๋ เซี่ยซูหรงเป็นผู้เล่นที่เพิ่งจะเปิดตัว ดังนั้นเขาไม่อาจดูถูกผู้เล่นที่เล่นมิราเคิลมานานแล้วได้
อันที่จริง เขารู้สึกผิดกับแคทก็อด และรองกัปตันไป๋มาก เขาคิดเสมอว่าเทพทั้งสองคนดีเกินกว่าที่จะเสียเวลาอยู่ในทีมเอฟทีดี
แต่สถานการณ์ในตอนนั้นก็ใช่ว่าจะอธิบายได้ง่ายๆ แม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้วแต่ดูเหมือนไป๋เซวียนจะยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องคับข้องใจในเกมอยู่ดี เซี่ยซูหรงทิ้งหัวข้อสนทนาอันเก่า และพิมพ์ถามขึ้นว่า [ทั้งสองคนอยู่ที่เซิฟเวอร์ใหม่แบบนี้ หรือว่าพวกคุณคิดจะกลับมาที่ลีก?]
หลี่ชางอวี๋ตอบไปตามตรง [ก็คิดไว้อย่างนั้น]
เซี่ยซูหรงส่งนิ้วโป้งมาให้ด้วยความชื่นชม [ดีมาก]
นี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณอันดื้อดึง!
ทีมถูกยุบไปแล้วสองครั้ง แต่เขายังคงกล้าที่จะลองใหม่ นี่สิถึงสมกับเป็นแคทก็อด!
หลี่ชางอวี๋ถามต่อ [แล้วนายล่ะ? มาทำอะไรที่เซิฟเวอร์ใหม่?]
เซี่ยซูหรงตอบ [ผมก็แค่เบื่อ ก็เลยมาเล่นเฉยๆ]
ไป๋เซวียนส่งไอค่อนเสียดสีไป [เบื่อก็เลยมาเล่นเฉยๆ? ข้ออ้างนี้ใช้ได้กับเด็กสามขวบเท่านั้นแหล่ะ!!!]
เครื่องหมายตกใจตั้งสามตัว เห็นได้ชัดว่ารองกัปตันไป๋ยังคงมีอคติกับเขาอยู่
เซี่ยซูหรงพยายามจินตนาการถึงชายมารยาทดีกำลังทำหน้าโกรธ และพบว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เขาคิดว่ารองกัปตันไป๋คงหยอกล้อเขาเฉยๆ [โอเค รองกัปตันไป๋ อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ขอให้ผมอธิบายก่อนได้ไหม?]
ไป๋เซวียนยิ้ม [รีบสารภาพมาเดี๋ยวนี้เลย!]
เซี่ยซูหรงรีบพิมพ์อธิบายทันที [อันที่จริง หลังจากที่ผมออกจากทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์แล้ว ผมก็เข้าร่วมทีมไอซ์ของประเทศสหรัฐฯ แล้วก็เล่นอยู่กับทีมนั้นประมาณสองปีครึ่ง แต่ตอนนี้มิราเคิลกำลังจะเปิดการแข่งขันระดับโลกขึ้น และผมก็มีสัญชาติจีนอยู่ด้วย ดังนั้นมันคงไม่ดีถ้าผมจะยังใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าผมจะกลับบ้านหลังจากที่สัญญาจบลง และดูว่ามีทีมไหนต้องการรับผมเข้าทีมบ้างไหม เห็นประเทศจีนมีเซิฟเวอร์ใหม่ ผมก็เลยมาฝึกกับบัญชีสำรอง ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอพวกคุณสองคน]
หลี่ชางอวี๋จับใจความสำคัญในคำอธิบายของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว [สัญญาคุณจะหมดเมื่อไหร่?]
[สิ้นปีนี้]
[คุณมีแผนจะกลับไปที่ฟลายอิ้งเฟเธอร์ไหม?]
[ผมไม่กลับไปที่นั่นแล้ว] คำตอบของเซี่ยซูหรงแน่วแน่มาก
หลี่ชางอวี๋ยิ้ม [ถ้างั้นทำไมคุณไม่มาอยู่กับเราล่ะ?]
เซี่ยซูหรงประหลาดใจ [คุณจะทำทีมใหม่เหรอ?]
[ใช่ ตอนนี้ฉันยังมีสมาชิกในทีมไม่ครบ ถ้านายเข้าทีม ฉันจะได้มั่นใจเรื่องเอาชนะได้อีกนิด] หลี่ชางอวี๋พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
[...] เซี่ยซูหรงพูดไม่ออกกับความมั่นใจของแคทก็อด [แคทก็อด อย่าพูดเล่นอย่างนั้นสิ มีทีมฝีมือดีตั้งมากมายในประเทศจีน ทั้งฟลายอิ้งเฟเธอร์ ไทม์ วินคัลเลอร์ โกสต์สปิริต เพียวเคลนซิ่ง...คุณมั่นใจว่าจะจัดการทีมเก่งๆเหล่านั้นได้งั้นเหรอ?]
[ฉันไม่ได้พูดเล่น] หลี่ชางอวี๋พูดอย่างมั่นใจ [ถึงแม้ว่าจะมีทีมแข็งแกร่งมากมาย แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ และมุนษย์ก็มีจุดที่อ่อนแอ และแพ้เป็น ฉันไม่คิดว่าฉันจะแย่ไปกว่าพวกเขา]
[...] เซี่ยซูหรงยิ้ม และไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจนัก
มั่นใจในตัวเองมันก็ดี แต่คนที่มั่นใจมากก็ไม่จำเป็นว่าจะสำเร็จ
จากมุมมองของเขา ความสามารถในเชิงตัวบุคคลของหลี่ชางอวี๋อยู่ในแนวหน้าจริง แต่มิราเคิลเป็นการแข่งขันแบบทีม ทีมเอฟทีดีอ่อนแอเกินไปถึงได้ถูกยุบไปอย่างช่วยไม่ได้ มันยากที่จะจินตนาการว่าหลี่ชางอวี๋ กัปตันจากทีมที่อ่อนแอจะสามารถนำทีมที่สร้างใหม่เอาชนะถ้วยรางวัลได้
จำนวนนักกีฬาที่มีฝีมือในประเทศจีนก็เยอะพอๆกับก้อนเมฆเลย ไม่ต้องพูดถึงกัปตันหลิงเสวียเฟิงที่เอาชนะโคตรยากของทีมวินคัลเลอร์เลยด้วยซ้ำ มีทั้งนักดาบฝีมือดีจากทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์ แอสซาซินจากโกสต์สปิริต ความสามารถในการโจมตีไปหนีไปจากทีมไทม์...ผลงานของทีมที่แข็งแกร่งเหล่านี้มั่นคงมาก และพวกเขาก็มีรูปแบบการเล่นของตัวเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะพวกเขาทุกคนได้ด้วยรูปแบบการเล่นเดียวอย่างเดียว
หลี่ชางอวี๋รู้ถึงข้อสงสัยของชายหนุ่มดี เขาจึงพูดออกมาหน้าด้านๆว่า [ฉันเซ็นสัญญากับคลับดราก้อนซองแล้ว พวกเขาจะจัดหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ ในฐานะสมาชิกทีมแล้ว นายคงไม่ปฏิเสธความสามารถในการฮีลของรองกัปตันไป๋หรอกใช่ไหม? เรามีไนท์ฝืมือเป็นแนวหน้าแล้ว ถ้านายเข้าร่วมด้วย แนวหน้าของทีมเราทั้งนักดาบเผ่ามนุษย์กับพาลาดินเผ่าสัตว์ป่าจะยิ่งมั่นคงขึ้น]
[...] เซี่ยซูหรงไม่คิดว่าแคทก็อดจะจริงจังขนาดนี้ เขาจึงได้แต่เงียบ และอ่านอย่างระมัดระวัง
[ในทีมมีทั้งแนวหน้าที่ทำหน้าที่ป้องกัน และแนวหลังที่ทำหน้าทีรักษาแล้ว ที่เหลือก็หาตัวทำดาเมจ] หลี่ชางอวี๋ถามต่อ [นายคิดว่าฝีมือการโจมตีของฉันเป็นยังไงบ้าง?]
[...] เซี่ยซูหรงเคยถูกแคทก็อดแกล้งมาก่อนในตอนที่อยู่ในอารีน่า จึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบว่ายังไงดี
[อาซู ฉันจะไม่ถามว่าทำไมนายถึงออกจากฟลายอิ้งเฟเธอร์นะ แต่ม้าพันธุ์ดีไม่ควรกินแต่หญ้า ทีมฟลายอิ้งเฟเธอร์มีนักดาบมากเกินไป และมันไม่มีที่สำหรับนายหรอก นักกีฬาที่มีฝีมือมีมากกว่าก้อนเมฑ ส่วนนายเป็นแค่คนในอดีต นายอาจจะไม่ได้ลงเล่นในทีมหลักด้วยซ้ำ ดังนั้นควรเริ่มต้นใหม่กับตัวเองจะดีกว่านะ] หลี่ชางอวี๋พิมพ์อย่างรวดเร็ว [ฉันจะดีใจมากถ้านายมาเข้าทีมของฉัน นายคิดยังไงบ้างล่ะ?]
[...] เซี่ยซูหรงเงียบไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตอบกลับมาว่า [ผมจะลองไปคิดดู แล้วค่อยให้คำตอบอีกครั้ง]
ไป๋เซวียนเห็นหลี่ชางอวี๋พิมพ์อย่างเร็วเพื่อโน้มน้าวเซี่ยซูหรงให้มาเข้าทีม หลังจากที่พิมพ์จบ เขาก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “นายไม่ถามฉันก่อนจะพิมพ์หน่อยเหรอ? ฉันตอบตกลงยอมเป็นรองกัปตันให้นายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นายก็เป็นรองกัปตันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?” หลี่ชางอวี๋หันกลับมามอง “ฉันคิดไปแล้วว่านายคือรองกัปตัน”
“...นายมันชอบคิดไปเอง!” ไป๋เซวียนจ้องอีกฝ่ายอย่างทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่เงียบไปแปบนึง เขาก็ถามต่ออย่างเคร่งเครียด “ดีแล้วใช่ไหมที่จะให้เซี่ยซูหรงเข้าร่วมด้วยน่ะ?”
“ฉันคิดว่าเขาเหมาะสมนะ” หลี่ชางอวี๋มองไป๋เซวียนอย่างจริงจัง “นายก็รู้ระดับฝีมือของเซี่ยซูหรงนี่ ในประเทศจีนเขาต้องเป็นผู้เล่นชั้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ในฐานะที่เขาเคยเป็นหนึ่งในสามนักดาบของลีก ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของเขาอีกแล้ว นายน่าจะเข้าใจได้นะหลังจากที่ถูกเขาฆ่าหลายต่อหลายครั้ง แล้วเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้กับคลับใหญ่ของต่างชาติอีก เขาอาจจะทำให้ฉันได้แนวคิดใหม่ๆสำหรับแทคติกการเล่นก็ได้”
หลี่ชางอวี๋เห็นว่าไป๋เซวียนยังคงสับสน เขาเลยตบบ่าชายหนุ่มเบาๆ “นายไม่ชอบเขาเพราะว่าเซี่ยซูหรงเคยฆ่านายที่อารีน่าไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาเข้าทีมเราจริงๆ นายจะได้แกล้งเขาทุกวันเลยนะ ในฐานะรองกัปตันทีมไง”
ไป๋เซวียน “...”
แกล้งเขาทุกวัน?
ไป๋เซวียนยิ้มให้กับความคิดนี้
เมื่อเขาคิดว่าเจ้าคนที่เคยไล่ฆ่าเขา ในที่สุดก็ตกมาอยู่เงื้อมมือของตัวเองแล้ว มันรู้สึก...ดีมาก!
จู่ๆเซี่ยซูหรงที่นั่งอยู่ด้านหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็จามออกมาเสียงดัง