ตอนที่แล้วตอนที่ 22: ดาบหยกภักดี หลบเลี่ยง! กำราบ! [ฟรี 10 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24: ข้าไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน [ฟรี 17 พ.ค. 63]

ตอนที่ 23: สี่นายน้อยชั้นสูง [ฟรี 16 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 23: สี่นายน้อยชั้นสูง

ฟางโม่เฟยจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ลมหายใจติดขัดมากขึ้น ความตกตะลึงมากเกินกว่าที่ชายผู้เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาได้ไม่นานจะทานทนไหว ก่อนจะรู้ตัว เขาล้มหมดสติลงไปแล้ว เสียงหัวเราะของยวินหยางดังอยู่ในหู

“ทำไมผู้คนมักรู้สึกว่าต้องเหนือกว่าทุกสถานการณ์ด้วย?” ยวินหยางพึมพำกับตัวเอง ฟางโม่เฟยต้องพยายามคุกคามเขาด้วยการใช้ปัญญาอ่อนหัดเพื่ออนุมานตัวตนของยวินหยางแม้ว่าจะนอนซมอยู่บนเตียงก็ตาม ยวินหยางกลับพลิกสถานการณ์ ใช้พลังแห่งการสังเกตที่เหนือกว่าเพื่อชิงความได้เปรียบ

ในที่สุดจี้หลิงนำหมาป่าสวรรค์จันทร์เงินออกจากห้องมาที่ลานบ้าน ร่างหมาป่าขนาดเล็กสีขาวหิมะมันเงาเดินตามหลังนางอย่างนึกสนุก เป็นการยืนยันว่ามีความไว้วางใจต่ออีกฝ่ายแล้ว

“เด็กคนนี้ที่มาจากครอบครัวมีอิทธิพลต้องหาทางจัดการพวกมันได้อย่างแน่นอน” ยวินหยางมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ “ความพยายามเพียงคืนเดียวกลับทำให้หมาป่าสวรรค์จันทร์เงินผู้กระด้างกระเดื่องและยากจะเข้าใกล้ก่อเกิดความรู้สึกเกี่ยวดองกับนางได้”

“ยวินหยาง!” จี้หลิงคำรามจากลานบ้าน “เกิดอะไรขึ้นกับลูกแมวของเจ้า?”

ยวินหยางมองไปที่ลานบ้านแล้วเห็นว่าหมาป่าสวรรค์จันทร์เงินผู้ขลาดกลัวหยุดนิ่ง ปฏิเสธที่จะขยับเขยื้อนเมื่อเห็นเสือดำคราสสี่ตัวกำลังนอนอยู่ด้านข้างอย่างสงบ มุมปากของพวกมันยกขึ้นอย่างนึกสนุก ยวินหยางออกไปดู ขณะมองจี้หลิงผู้คล้ายกลับมาเป็นตัวตนเดิม รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น เขาสามารถสัมผัสความแตกต่างได้ สัมผัสเลือนลางอันเหินห่างจากท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง

พวกเขาย่อมมาจากสองโลกที่แตกต่างกันมาก

ยวินหยางลอบยิ้ม แต่ยังคงมีใบหน้าซื่อตรงขณะเดินเข้ามาถามว่า “มีอะไรหรือ?”

“ทำไมหมาป่าของข้าไม่กล้าเข้าไป?” จี้หลิงถาม

“หมาป่าคือสัตว์ที่อยู่เป็นฝูง พวกมันจะเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มใหญ่ เจ้าตัวนี้ยังหนุ่มและไม่มีสหาย ยังไม่ผ่านการต่อสู้ แถมตอนนี้เผชิญหน้ากับแมวห้าตัวพร้อมกัน พวกมันมีขนาดไม่ต่างกันนัก ข้าคงประหลาดใจถ้าหากมันถึงกับกล้าเข้ามา” ยวินหยางกลอกตา

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าช่วยบอกแผนการเพื่อให้ได้รับชัยชนะจะได้หรือเปล่า?” จี้หลิงถามด้วยความตกตะลึง

“ตอนนี้ข้ายังต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ก่อน” ยวินหยางกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าสามารถรับปากได้ว่าเจ้าจะชนะ ข้าเพียงขอให้เจ้ารักษาคำพูดจนถึงท้ายที่สุดก็พอ”

จี้หลิงกลอกตาด้วยความโกรธเคืองเช่นกัน “เป็นชายผู้ใจแคบอะไรอย่างนี้! แน่นอน ข้าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้!”

ยวินหยางมองหมาป่าสวรรค์จันทร์เงินหนุ่มก่อนนั่งขัดสมาธิแล้วโบกมือไปมา “ไง สหายตัวน้อย มานี่ซิ”

“พยายามได้ดี แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” จี้หลิงหัวเราะ “เมื่อวานข้าใช้ความพยายามอย่างหนักมากเลยนะ…”

ก่อนนางจะทันได้กล่าวจบ หมาป่าสวรรค์จันทร์เงินตัวเล็กยืนขึ้นแล้วกระดิกหางราวลูกสุนัข หลังจากชำเลืองมองยวินหยางด้วยความซื่อตรงดุจลูกธนู มันส่งเสียงหอนอย่างกระตือรือร้นไปตลอดทาง

ขากรรไกรของจี้หลิงหุบลงด้วยความไม่อยากเชื่อ

น่าหงุดหงิดอะไรอย่างนี้!

ด้วยความพยายามเพื่อทำให้หมาป่าทารกคุ้นเคยกับตัวตน นางต้องใช้ยาวิญญาณล้ำค่า

หมอนี่เก่ง! เพียงแค่ขยับนิ้วนิดเดียว สหายตัวน้อยนี้ก็วิ่งไปหาอย่างยินดีราวกับเห็นแม่บังเกิดเกล้าแล้ว

ไม่มีตรรกะหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป

ยวินหยางลูบหมาป่าสวรรค์จันทร์เงินก่อนตบหลังด้วยมือขวา ฉันพลัน เขาพลิกร่างกายขนาดเล็ก จับเพียงอุ้งเท้าหน้าข้างซ้าย ปล่อยให้ส่วนที่เหลือของร่างกายห้อยกลางอากาศ ขณะถือทั้งอย่างนั้น ยวินหยางสลัดไปมาอย่างกระตือรือร้น

“เจ้ากำลังทำบ้าอะไรน่ะ?” จี้หลิงกรีดร้องขณะรวบชุด เตรียมจะพุ่งเข้ามาจัดการชายใจดำคนนี้

เจ้าปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยแบบนี้ได้อย่างไร? ถ้าเจ้าไม่รู้พละกำลังตัวเอง เดี๋ยวมันก็ได้ตายหรอก!

น่าแปลก หมาป่าสวรรค์จันทร์เงินหนุ่มกำลังหอนอย่างยินดี หางกระดิกอย่างมีชีวิตชีวาต่อให้ถูกอุ้มด้วยอุ้งเท้าเดียว จากนั้นยวินหยางโยนมันขึ้นตรงในอากาศคล้ายกับบอลไหมพรม ด้วยการสะบัดมือขวาอย่างรวดเร็ว เขาจับอุ้งเท้าหน้าข้างขวาของหมาป่าเอาไว้ก่อนแกว่งไปมารอบ ๆ

จี้หลิงแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัวกับภาพที่เห็นเต็มสองตา

จากนั้นหมาป่าลอยในอากาศอีกครั้ง ครั้งนี้ถูกเหวี่ยงด้วยอุ้งเท้าหลังข้างซ้ายตามด้วยอุ้งเท้าหลังข้างขวา ท้ายที่สุดจบที่ผิวหนังบนคอ

จี้หลิงแทบจะประสาทหลอน นี่คือหมาป่านะ ไม่ใช่แมว! เจ้าพยายามจะทำอะไรถึงได้จับคอของมันแบบนั้นน่ะ? นางแทบมั่นใจว่าได้ยินเสียงกระดูกเปราะบางแตกร้าวจากร่างกายของทารกตัวน้อย

“หมาป่าทารกของข้า!” ดวงตาของจี้หลิงแดงก่ำด้วยความทุกข์

ในที่สุด นางมองขณะยวินหยางโยนทารกขึ้นในอากาศอีกครั้ง เขาถึงกับคว้าหางแล้วหมุนไปมา แทนที่จะร้องด้วยความเจ็บปวด หมาป่าถึงกับหอนด้วยความตื่นเต้นขณะร่ายรำอย่างกระตือรือร้นด้วยอุ้งเท้าทั้งสี่ข้างที่โบกไปมา

เป็นไปไม่ได้!

“ยวินหยาง!” จี้หลิงทนไม่ไหวอีกแล้ว “ตอนนี้ทารกของข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงละครสัตว์ปาหี่งั้นหรือ?”

ยวินหยางหันมาแล้วยิ้มที่เป็นรอยยิ้มจากใจจริง “เจ้าไม่เห็นหรือว่าสหายตัวน้อยนี้ยินดีจนคลั่งมากแค่ไหน?”

ยิ่งอยากปฏิเสธมากเท่าไหร่ จี้หลิงยิ่งไม่มีเหตุผลจะมาหักล้างมากเท่านั้น กลับกัน นางยังคงเงียบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“เอาล่ะ” ยวินหยางกล่าว “ที่ขอทั้งหมดคือให้เจ้าฝากทารกตัวนี้ไว้อยู่ในการดูแลของข้าสองวัน จากนั้นเจ้าสามารถพามันไปแข่งขันได้ ถ้าไม่ชนะ ข้าจะตามที่เจ้าต้องการทุกอย่าง แน่นอน ถ้าชนะ เจ้าจะต้องรักษาสัญญาเหมือนที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้”

จี้หลิงอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ “เงื่อนไขอีกแล้ว เจ้ารู้จักแต่การพูดแบบนี้หรือไง?”

ยวินหยางตอบด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “มันใช้ได้ผลเสมอนั่นแหละ”

จี้หลิงจมอยู่กับความตรึกตรองขณะพาลิงพันมายากลับห้อง ยวินหยางได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าของหมาป่าทารกชั่วคราวขณะอุ้มมันกลับห้องด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาตบศีรษะของทารกแล้วกล่าวว่า “ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าเข้าใจในสิ่งที่พูดไปเมื่อครู่ ถ้าเจ้าชนะการแข่งเพื่อเจ้าของได้ ข้าจะอุ้มเจ้าเหมือนที่ทำแบบเมื่อครู่เป็นรางวัล เข้าใจหรือเปล่า?”

ทารกส่งสายตามองยวินหยางเป็นประกาย มันกระดิกหางอย่างกระตือรือร้น

“เจ้าเข้าใจสินะ?”

ใบหน้าของยวินหยางมืดมนขณะจับหลังคอของทารกแล้วยกขึ้นราวตุ๊กตาเก่า “เจ้าเข้าใจหรือเปล่า? ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะยกเจ้าอีก ตกลงไหม?”

ดวงตาเป็นประกายของทารกกะพริบสองครั้งก่อนพลันยกอุ้งเท้าหน้าขึ้น ขาหลังเหยียดตรง จากนั้นหันมาชี้ที่ยวินหยาง หางตั้งสูง แขนขาและหางกดต่ำลงอีกคราก่อนกระโดดสองครั้งเป็นสัญญาณว่าอยากให้ยกขึ้นอีกจนสั่นสะท้าน ขณะมองยวินหยาง ดวงตาเจิดจ้าคล้ายกับถามว่าการตอบรับความต้องการเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่

“ใช่ แบบนั้นแหละ!” ยวินหยางโกรธเคืองและยินดีไปพร้อมกัน

“บรู๊วว!” ทารกหอนอย่างมีความสุขแม้เสียงจะไม่ชัดนัก

ข้อตกลงถูกสร้างขึ้นแล้ว ยวินหยางถอนหายใจหนักด้วยความโล่งอก สัตว์ร้ายวิเศษเหล่านี้คือสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา ถึงอย่างนั้น หมาป่าสวรรค์จันทร์เงินหาทางตอบรับความคาดหวังให้ยวินหยางได้อย่างเกิดคาด ขณะจ้องมองดวงตาเป็นประกายที่เด่นเป็นสง่าของสหายตัวน้อย เขาพึมพำใต้จมูกว่า “หรือว่านี่จะเป็นทารกสายตรงของราชาหมาป่า? ไม่หรอก ผู้หญิงคนนี้คงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก!”

“นายน้อยยวินอยู่หรือไม่?” เสียงบาริโทนดังมาจากเหนือประตู

เหล่าเหมยตอบทันทีว่า “ใครน่ะ?”

เสียงดังกล่าวตอบว่า “โปรดแจ้งนายน้อยยวินว่าซีเหมินวั่นไต้จากครอบครัวซีเหมิน ตงฟางหมิงเทียนจากครอบครัวตงฟาง หนานกงปู้ไป้จากครอบครัวหนานกงและเป่ยเหยี่ยชิงกงจากครอบครัวเป่ยเหยี่ยมาเยี่ยมเยียน”

ขณะได้ยินชื่อที่ถูกกล่าวขึ้นมา สีหน้าของเหล่าเหมยเผยความกังวลยิ่งออกมา

ซีเหมินวั่นไต้ ตงฟางหมิงเทียน หนานกงปู้ไป้ เป่ยเหยี่ยชิงกง

ตะวันออก ใต้ ตะวันตกและเหนือ

ด้วยตัวตนของพวกเขาสี่คนนี้ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้กังวลมากนัก ขณะเหล่าเหมยไม่เคยได้ยินชื่ออีกฝ่าย แต่น้ำหนักของสายเลือดที่พวกเขาครอบครองกลับจับต้องได้ ผู้เรียงแถวอยู่ด้านหน้าที่พักยวินคือสมาชิกจากสี่ในแปดครอบครัวยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ! คนที่เดิมพันกับนายน้อยยวินคือซีเหมินวั่นไต้ เขาคือนายน้อยจากครอบครัวซีเหมิน จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่จะคาดเดาว่าตงฟางหมิงเทียน หนานกงปู้ไป้ เป่ยเหยี่ยชิงกงคือนายน้อยจากสามครอบครัวที่เหลือเช่นกัน ขณะเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกหลานสายตรงของครอบครัวชั้นสูงเหล่านี้ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหัวกะทิ ควรแค่แก่การสนใจยิ่ง

ยวินหยางโบกมือขณะลูกแมวห้าตัววิ่งอุตลุดเข้าห้องฝั่งตะวันออกอย่างเชื่อฟัง

“เชิญนายน้อยสี่คนเข้ามา” ยวินหยางมองเหล่าเหมย “พวกเราควรเตรียมชาที่ทุ่งดอกไม้” ทุ่งดอกไม้คือศาลาใต้กันสาดดอกไม้ในลานบ้านของยวินหยาง มีดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของพวกมันอบอวลในอากาศจนทำให้เกิดคววามสงบสุขยิ่ง

ยวินหยางพูดด้วยท่วงท่าสง่าบริสุทธิ์ขณะถือหม้อชาด้วยมือข้างเดียว “เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้เป็นเจ้าบ้านกับสี่นายน้อยในวันนี้ นี่คือชาใบไม้ผลิ ข้าเพิ่งได้มาเมื่อปีนี้ มันเติบโตแค่บนยอดเขาหิมะที่มีพายุหนาวเหน็บที่สุด นี่คือหน่อของหวายขจี ต้องเก็บตอนที่มันถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง ทำให้แห้งด้วยความเย็น เป็นอากาศแห้งจากขุนเขา จากนั้นอบภายใต้ร่มเงาอันเย็นเยือก หลังจากนึ่งและอบแห้งสามรอบ เก็บมันไว้ในถ้ำน้ำแข็งสูงบนขุนเขาเพื่อดูดซับพลังวิญญาณที่วนเวียนในอากาศเย็นเยือกก่อนอบแห้งภายใต้ความร้อนยิ่ง นี่จึงกลายมาเป็นชาที่กักเก็บรสชาติเอาไว้ ชาไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน อยู่ได้เพียงหนึ่งเดือน ถ้าเอาออกมาไว้กลางแจ้ง มันจะดูดซับความชื้นในอากาศจนไร้ค่ายิ่งภายในหนึ่งวัน!”

ชามรกตที่ถูกรินออกจากหม้อชาคือมรกตเงาวับก่อนกลายเป็นของเหลว ก่อตัวเป็นผิวพลอยสีม่วงใสกระจ่างยิ่ง กลุ่มไอลอยเหนือถ้วยทำให้ดูลึกลับไร้ตัวตน

“ชานี้มีชื่อว่าหิมะวุ่นวายจากขุนเขาเย็นเยือก” ยวินหยางยิ้มขณะยกถ้วยชาขึ้น “เชิญดื่มได้เลย”

ขณะพวกเขานั่งลงอย่างเงียบงัน นายน้อยทั้งสี่คนถูกนำมาสู่โลกอันน่าพิศวงของชา อีกด้าน ยวินหยางปั้นแต่งเรื่องราวและบทกวีชวนให้ตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ขณะลิ้มรสเครื่องดื่มร้อน พวกเขาสัมผัสได้ถึงรสชาติมากมายที่ไหลผ่านลิ้น

จี้หลิงมองภาพดังกล่าวจากหน้าต่างห้องทางตะวันตกแล้วถอนหายใจ ยวินหยางผู้มีอันดับและสถานะต่ำที่สุดทำตัวเป็นขุนนางใหญ่ยิ่งกว่าสี่นายน้อยที่เหลือผู้นั่งอยู่ด้วยกัน ทั้งการประพฤติตัว การวางตัวและความสำรวมต่อเพื่อนร่วมชาติ นี่อาจจะทำให้แม้แต่ลูกหลานสายตรงของครอบครัวยิ่งใหญ่ที่สุดยังต้องละอาย! พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าได้รับความยิ่งใหญ่จากการที่ยวินหยางแสดงในตอนนี้ จี้หลิงคาดเดาว่ามันต้องมาจากความสงบที่หลับลึกอยู่ภายในกระดูกเป็นแน่

“นายน้อยยวินมีการประพฤติตัวที่งามสง่านัก อีกทั้งนิสัยยังอ่อนโยนอีก” ตงฟางหมิงเทียนจิบชาจนไม่สงสัยในรสชาติก่อนยิ้มเล็กน้อย “ไม่สงสัยเลยว่าพี่ซีเหมินถึงพ่ายแพ้ได้”

ประกายขุ่นเคืองวูบไหวผ่านดวงตาของซีเหมินวั่นไต้ มันเร็วเกินกว่าจะสังเกตเห็น จากนั้นเขายิ้มเล็กน้อยแล้วตอบว่า “เรื่องแค่นั้นเอง มันก็แค่การเล่นกัน มันอยู่ภายในขอบเขตที่นายน้อยยวินจะชนะได้ แน่นอน ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”

ยวินหยางยิ้มอย่างเป็นกันเอง “นายน้อยซีเหมินสุภาพเกินไปแล้ว โชคลาภอยู่ข้างข้ายามเดิมพัน อีกอย่าง ข้าประทับใจยิ่งต่อความเอื้ออาทรและธรรมชาติที่ปราศจากความคับแคบของนายน้อยซีเหมิน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาข้าเฝ้ารอคอยที่จะได้พบนายน้อยซีเหมินเพื่อสร้างไมตรีจิตต่อกัน”

ขณะพูด ใบหน้าที่ตึงของซีเหมินวั่นไต้ผ่อนคลายลง

“แน่นอน ข้าอยากหล่อหลอมมิตรภาพกับสามนายน้อยที่เหลือด้วย ไม่ใช่แค่นายน้อยซีเหมินคนเดียว” ยวินหยางพูดจากใจจริงไม่มีเล่ห์เหลี่ยม

นายน้อยยังรักษาบรรยากาศแห่งการหยามเหยียดเอาไว้ แต่บรรยากาศตึงเครียดคลายลงไป ความเกลียดชังมีแต่จะลดลงเมื่อได้ฟังคำพูดของยวินหยาง อาจจะมีแค่จี้หลิงผู้กำลังแอบฟังจากหน้าต่างที่เข้าใจความนัยที่แท้จริงจากคำพูดของยวินหยางที่บอกกับคนเหล่านี้ “ข้าอยากเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าเหลือเกิน จะได้โกงถนัดหน่อย!” ขณะมองใบหน้าที่ปั้นแต่งให้ซื่อตรงยิ่งของยวินหยางกับนายน้อยผู้หลงใหลในเสน่ห์ดังกล่าว จี้หลิงแทบจะหลุดหัวเราะเสียงดังออกมา

นางมั่นใจมากขึ้นว่านายน้อยเหล่านี้จากครอบครัวใหญ่ไม่สามารถเทียบกับลูกชายขุนนางชั้นสูงธรรมดาได้อย่างแน่นอน! หัวกะทิเหล่านี้ผู้ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางทั้งการพูดและวัฒนธรรมมาตั้งแต่เกิดจะไปตามความคิดที่สงบนิ่งแต่เปี่ยมด้วยเล่ห์เหลี่ยมของยวินหยางทันได้อย่างไร!

แปลกพิลึกดีแท้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด