ตอนที่แล้วGE410 สามการทดสอบ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE412 ดาราเทพดวงที่ 3 [ฟรี]

GE411 จริงหรือลวงอยู่ที่ความคิด [ฟรี]


เวลาผ่านไปครึ่งวัน หนิงฝานยังคงไม่ผ่านการทดสอบแรก

ที่โลกอัสนีทองคำดำเบื้องล่าง หงยี่นำกระจกบานหนึ่งออกมา กระตุ้นมันด้วยปราณเพื่อสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกอัสนีเบื้องบน

นางเห็นหนิงฝานยืนนิ่งมานานครึ่งวัน และชายชราในชุดคลุมเทากำลังใช้วิชาลวงตาที่ทรงพลังจู่โจมหนิงฝาน

แววตาหงยี่แปรเปลี่ยนเย็นชา หากนางจำไม่ผิด ชายชราคนนั้นคือดวงจิตชั่วร้ายที่ตื่นขึ้น

“ดวงจิตชั่ว กล้าลงมือกับคนของข้า รนหาที่ตาย!” นางมองว่าหนิงฝานเป็นคนของนาง การที่เขาถูกดวงจิตนั้นเล่นงานทำให้นางโกรธ

แต่ถึงอย่างนั้น นางเป็นเพียงร่างดวงจิตจึงไม่กล้าขึ้นไป

ในระหว่างที่นางร้อนใจอยู่นั้น หนิงฝานที่หลับตานานกว่าครึ่งวันก็ลืมตาขึ้น

“ทั้งหมดคือเรื่องเท็จ”

ตาข้างซ้ายของหนิงฝานปรากฏดาราอสูร 2 ดวง ตาขวาปรากฏดาราปีศาจ 2 ดวง กลางหน้าผากปรากฏดาราเทพ 2 ดวง

สีหน้าของเขาในยามนี้ดูผิดหวัง จื่อเฮ่อที่ปรากฏกายตรงหน้าของเขาทั้งสองมีรูปร่าง ใบหน้า และรอยยิ้มที่เหมือนกับจื่อเฮ่อในความทรงจำ

ครึ่งวันที่ผ่านมา หนิงฝานคิดหาวิธีผ่านการทดสอบนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะคิดไม่ออก บางทีอาจเป็นเหมือนที่อีกฝ่ายกล่าว เขาต้องสังหารหนึ่งในสองคนนี้

จื่อเฮ่อหนึ่งจริง อีกหนึ่งลวง หากสังหารผิด จื่อเฮ่อตัวจริงจะเป็นอันตราย

แต่หากสังหารจื่อเฮ่อตัวปลอม แม้เขาจะผ่านการทดสอบ แต่ผู้บริสุทธิ์ก็ต้องรับเคราะห์

แม้เขาจะเคยสังหารศัตรูมากมาย แต่ไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์

ส่วนลึกในใจของเขา ห่วงที่เขาไม่อาจตัดขาดคือจื่อเฮ่อ และเขาก็จะไม่มีวันสังหารนาง

หลังจากหนิงฝานลืมตา สตรีทั้งสองเดินมาหาหนิงฝาน รอยยิ้มบนใบหน้าให้ความรู้สึกราวกับพวกนางมีความสุขที่ได้พบเขา

หนึ่งในพวกนางยิ้มจากใจจริง มือน้อยๆกุมมือหนิงฝานเหมือนอย่างในอดีต

แต่อีกหนึ่งทำสีหน้าไม่พอใจ ตำหนิว่าหนิงฝานจากไปนานไม่ยอมกลับ

“พี่ฝาน… สังหารข้าเถอะท่านจะได้ผ่านการทดสอบ” พวกนางจ้องมองหนิงฝานพลางกล่าวขึ้นพร้อมกัน

หนิงฝานเศร้าใจ แม้เขาจะเผชิญหน้ากับการเข่นฆ่ามามากมาย แต่กับนางเขาทำไม่ลง แม้พวกนางจะเป็นเพียงภาพลวงตา เขาก็ยังทำไม่ลง

ยามนี้ทิวทัศน์ที่หนิงฝานมองเห็นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เกิดเป็นภาพของนิกายเหอฮวน... ภาพของเมืองฉีเหม่ย และ ภาพของเมืองหนิง

ชายชราจ้องมองหนิงฝานพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ

“อ่อนแอ… อ่อนแอเกินไป! เจ้าไม่ยอมสังหารนางแต่อยากผ่านการทดสอบ! คนอ่อนแออย่างเจ้ามาถึงขั้นนี้ได้ยังไง”

“อ่อนแอ?” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา ก่อนจะกลับมาสงบอีกครั้ง

เมื่อภาพของเมืองหนิงจางหายไป ภาพของจื่อเฮ่อที่นั่งอยู่ใต้ต้นองุ่นพูดคุยพร่ำเพร้อเพียงลำพังก็ปรากฏ

“เมื่อไหร่พี่ฝานจะกลับบ้าน… ท่านเก็บบุบผาที่ข้าชอบมาให้ข้าด้วยหรือเปล่า...” จื่อเฮ่อในอาภรณ์ขาวพึมพัม

“บุบผานั่นอยู่ในทะเลไร้สิ้นสุด เมื่อยามที่มันต้องลม มันจะส่งเสียงอันไพเพราะน่าฟัง… หากข้าได้ยินเสียงนั้น ข้าจะรู้ว่าท่านกลับมา...” จื่อเฮ่อกล่าว

หนิงฝานรู้อยู่นานแล้วว่าจื่อเฮ่อคนใดตัวจริง คนใดคือตัวปลอม แต่เขาไม่ได้คิดจะสังหารพวกนางตั้งแต่ต้น

ใครจริงใครลวง...ต่อให้ทราบแล้วยังไง? เขาก็ไม่สังหารพวกนางอยู่ดี!

หนิงฝานยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจ เขายื่นมือสัมผัสใบหน้าของจื่อเฮ่อ ไม่ว่านางจะเป็นภาพลวงหรือตัวจริง เขาจะไม่มีวันทำร้ายนาง

เมื่อดื่มดำกับภาพลวงจนพอ หนิงฝานก็กระตุ้นหัวใจแห่งข่ายอาคม ทำความเข้าใจกับวิชาของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ เขาอยากรู้ว่ามันทำยังไงถึงได้ดึงเอาส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในใจหนิงฝานออกมาได้

วิชาภาพลวงตามีพื้นฐานมาจากวิชาข่ายอาคม ที่ส่งตรงไปยังจิตใจของหนิงฝาน จู่โจมในส่วนที่อ่อนแอที่สุด

“ค้นหาส่วนที่อ่อนแอที่สุดของจิตใจ แล้วสร้างเป็นภาพลวง...”

แววตาหนิงฝานกระจ่างใสราวกับมองกลอุบายของวิชาของอีกฝ่ายออก หนิงฝานยื่นมือไปเบื้องหน้า ปราณกระบี่ปรากฏในมือ ก่อนจะนำปราณกระบี่นั้นแทงเข้ากลางหัวใจของตนอย่างแรง!

แม้กระบี่ทะลวงร่างจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่สีหน้าหนิงฝานไม่สั่นไหว

“ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจข้าซะ!”

หนิงฝานถอนปราณกระบี่ออกจากร่าง โลหิตพุ่งกระฉูดพร้อมกับพลังข่ายอาคมที่ถูกขับออกมา

ชายชราสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ตั้งแต่สถานที่แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้เข้ามาเยือน แต่ยังไม่มีผู้ใดที่ผ่านการก่อกวนการทดสอบของมันได้

เพราะการทดสอบนี้จะนำเอาส่วนที่อ่อนแอที่สุดในใจของแต่ละคนออกมา ไม่มีผู้ใดที่ไร้จุดอ่อน ผู้ที่ยังไม่ตัดความรู้สึก ความรู้สึกจะกลายเป็นจุดอ่อน แต่สำหรับผู้ที่ตัดความรู้สึก การไร้ความรู้สึกก็จะกลายเป็นจุดอ่อนเช่นกัน

ชายชราใช้วิชาข่ายอาคม ค้นหาส่วนที่อ่อนแอที่สุดในใจหนิงฝาน และสิ่งที่ได้พบคือจื่อเฮ่อ

หากผู้ใดไม่อาจมองภาพลวงออกและลงมือสังหารผิดคน คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นคนทำร้ายคนที่ตนรัก

หนิงฝานเป็นคนแรกที่เลือกจะไม่สังหารผู้ใด แต่เลือกที่จะทำลายภาพลวงตาแทน

โลหิตหนิงฝานไหลริน อาภรณ์อาบชุ่มไปด้วยโลหิตแดงฉาน จื่อเฮ่อสองคนที่เห็นต่างน้ำตาไหลริน

ไม่ว่าจะเป็นจื่อเฮ่อตัวจริงหรือภาพลวง พวกนางล้วนรักและเป็นห่วงหนิงฝานจากใจ

หนิงฝานตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น “ข้าไม่จำเป็นต้องแยกแยะพวกนาง เพราะไม่ว่าพวกนางจะเป็นใคร ข้าก็ไม่อาจทำร้ายพวกนางได้ลง”

“ภาพลวงตา… คำว่าลวงตาคือไม่จริง ความจริงนั้นคือสิ่งที่เหล่าเซียนมากมายนับไม่ถ้วนเฝ้าทำความเข้าใจ ตัวข้าไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เพราะระดับพลังของข้ายังด้อยเกินไป… แล้วดวงจิตไร้ดัดแปลงขั้นต้นคิดว่าเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้วเหรอ?”

“แม้ข้าจะไม่เข้าใจในความจริงหรือสิ่งลวง… แต่ข้ารู้วิธีที่จะทำให้พวกมันหายไป เพราะรากฐานของวิชาลวงตา คือพิษที่คอยกัดกร่อนจิตใจ ใช้สิ่งลวงทำลายจิตใจ”

“ไม่ว่าจะจริงหรือลวง ตราบใดที่มันเกิดจากจิตใจข้า มันก็คือความจริง… นั่นคือเต๋าของข้า!”

หนิงฝานโคจรวิชาดาราทมิฬ บาดแผลบนร่างผสานเข้ากันอย่างรวดเร็ว จิตใจของเขากลับมาแข็งแกร่งดุจศิลาอีกครั้ง ไม่ว่าจริงหรือลวงย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้อีก

หนิงฝานหลับตาพลางสูดลมหายใจ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพต่างๆที่เขาเห็นแตกกระจาย แต่จื่อเฮ่อสองคนเบื้องหน้ายังไม่หายไป

หรือพวกนางคือจื่อเฮ่อที่แท้จริงทั้งคู่ เมื่อหนิงฝานคิดเช่นนี้ เงาร่างของพวกนางก็ค่อยๆเลือนหายไป

จริงหรือลวงยังคงไม่แน่ชัด แต่ยามนี้ หนิงฝานนึกย้อนกลับไปยังคราวที่เขาทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ วันที่เขาอยู่ในโลกของพลังแห่งชีวิต วันที่เขายอมรับสื่อเซ่าเป็นอาจารย์เพื่อเรียนรู้ดรรชนีหมอกเมฆาม่วง

เขาได้เห็นจักรพรรดิเซียนสื่อเซ่า ได้เห็นมารดาของตน ได้อยู่ร่วมกับจื่อเฮ่อ ทั้งหมดนั้นคือภาพลวงที่เป็นจริง!

“ตัวเจ้าเข้าสู่ดินแดนล่มสลายจากทะเลไร้สิ้นสุด จิตใจของเจ้าเข้าสู่โลกหมอกเมฆาจากดินแดนล่มสลาย… เต๋าของเจ้าเข้าสู่โลกแห่งภาพลวงจากโลกหมอกเมฆา… โลกใบใดเป็นจริงหรือลวง เจ้าไม่มีวันเข้าใจ แต่เจ้าจงรู้ไว้ว่า… จริงหรือลวงนั้นขึ้นอยู่กับความคิด!” คำกล่าวของจักรพรรดิเซียนสื่อเซ่าดังขึ้น

หนิงฝานได้เข้าใจถึงแก่นของจริงและลวง จะจริงหรือลวงย่อมขึ้นอยู่กับความคิด

บางทีจื่อเฮ่อที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นเพียงภาพลวง แต่เขาคิดว่านางเป็นตัวจริง นางก็จะแปรเปลี่ยนไปตามความคิดของเขา

ความเข้าใจในเต๋าเพิ่มพูน แต่พลังของเขายังอ่อนด้อยเกินไป เขาเพิ่งได้สัมผัสกับคำว่ามิติ ยังไม่คู่ควรที่จะสัมผัสกับคำว่าจริงหรือลวง มีเพียงเหล่าเซียนเท่านั้นที่คู่ควร

ก้าวแรกของผู้ฝึกตนคือการก้าวไปยังชีวิตนิรันดร์

ก้าวที่สองคือการไล่ตามความจริงและคำลวง

“เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่สังหารพวกนาง แต่กลับทำความเข้าใจและต่อต้านวิชาภาพลวงตาของข้า! ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่มีผู้ใดทำเช่นนี้ได้ เจ้าทำได้ยังไง?”

ชายชราตกตะลึงและโกรธแค้น แม้มันจะใช้วิชาภาพลวงจู่โจมหนิงฝานเต็มกำลัง แต่กลับถูกหนิงฝานทำลายในที่สุด ทำให้มันได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

เมื่อภาพลวงถูกทำลาย ประตูอัสนีบานหนึ่งได้เปิดออก พร้อมที่จะนำหนิงฝานไปยังการทดสอบต่อไป

แม้ชายชราอยากจะรั้งหนิงฝานไว้ แต่การที่วิชาลวงตาของมันถูกทำลาย มันย่อมได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นยามนี้มันจึงยังไม่คิดลงมือกับหนิงฝาน

มันเสียใจที่หนิงฝานผ่านการทดสอบได้ สิ่งที่มันทำได้ยามนี้คือแทรกแทรงการทดสอบที่ 2

“การทดสอบที่ 2 คือมนุษย์และเซียน! เจ้าเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีผ่านการทดสอบของ ‘จักรพรรดิเซียนไท่ซู’ ได้แน่”

“จักรพรรดิเซียนไท่ซู?” หนิงฝานขบคิด ภาพลวงตาเมื่อครู่ไม่ธรรมดา ราวกับหยิบยืมเต๋าแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ สมควรไม่ใช่วิชาระดับเซียนทั่วไป

คาดไม่ถึงว่าผู้ที่เตรียมการทดสอบเอาไว้คือจักรพรรดิเซียน

แต่เหตุใดจักรพรรดิเซียนถึงได้สร้างข่ายอาคมเช่นนี้ขึ้นมา? มันดูไม่เหมือนการทดสอบ แต่มันดูเหมือนการประสงค์ร้ายมากกว่า แต่บางทีการประสงค์ร้ายอาจมาจากดวงจิตของชายชราเมื่อครู่ หนิงฝานคิดแบบนั้น

หนิงฝานสูดหายใจลึก สลัดความคิดที่ไม่จำเป็นทิ้ง ก่อนจะเกินตรงไปยังประตูอัสนีด้วยความมั่นใจ

แต่เมื่อหนิงฝานเดินไปใกล้มัน จู่ๆอัสนีสายหนึ่งได้พุ่งออกมาจากประตู ก่อตัวเป็นผลึกอัสนีสีโลหิตแล้วหล่นลงในมือหนิงฝาน

แต่ทันทีที่มันสัมผัสกับมือหนิงฝาน ผลึกก้อนนั้นแปรสภาพเป็นเส้นแสงพุ่งผสานเข้ากลางหน้าผากของหนิงฝาน

กลางหน้าของหนิงฝานมีดาราเทพอยู่ 2 ดวง แต่แสงดาราเมื่อครู่ที่ผสานเข้าไปใหม่นั้น ได้ก่อตัวเป็นดาราเทพดวงที่ 3 ที่ไม่สมบูรณ์

“คาดไม่ถึงว่าผ่านการทดสอบแรก จะทำให้ข้าได้ดาราเทพดวงใหม่”

หนิงฝานขมวดคิ้ว บางทีรางวัลที่ได้จากการทดสอบทั้ง 3 อาจเป็นดาราเทพ!

เมื่อดาราเทพดวงที่ 3 ก่อตัว เสียงของชายชราผู้หนึ่งก็ดังขึ้นในทะเลสติของหนิงฝาน

“ข้าคือจักรพรรดิอัสนีไท่ซู ดาราเทพที่เจ้าได้ คือรางวัลของการผ่านการทดสอบข้า… ดาราเทพที่เจ้าได้รับนั้น คือ ‘ดาราอัสนีไท่ซู’...”

“ดาราอัสนีไท่ซู?” หนิงฝานประหลาดใจ เขาก้มมองมือตน บริเวณที่ผลึกอัสนีสัมผัสเมื่อครู่มีรอยไหม้

แม้ร่างกายของหนิงฝานจะแข็งแกร่ง แต่กลับเกิดรอยไหม้จากผลึกอัสนีที่สัมผัสเพียงชั่วพริบตา!

อัสนีเมื่อครู่ทรงพลังยิ่งกว่าอัสนีโลหิตทัณฑ์สวรรค์ เมื่อคราวที่หนิงฝานดูดซับอัสนีโลหิต มันไม่ได้สร้างบาดแผลให้เขาแม้แต่น้อย แต่อัสนีเมื่อครู่ทรงพลังยิ่งกว่ามาก

ยามนี้ดาราอัสนีไท่ซูก่อตัวได้เพียง 3 ใน 10 ส่วน แม้จะเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่มันก็ทำให้อานุภาพของอัสนีที่หนิงฝานมีทรงพลังขึ้น

ถ้าหากดาราอัสนีไท่ซูสมบูรณ์ เขาจะได้อัสนีที่ทรงพลังมากขนาดไหน?

“ตาเฒ่า… เมื่อไหร่จะเริ่มทดสอบ ข้าอยากได้ดาราอัสนีไท่ซูแล้ว”

หนิงฝานก้าวเดินผ่านประตูอัสนีเข้าไปอย่างมั่นใจ

ในโลกอัสนีเบื้องล่าง หงยี่ที่เฝ้ามองหนิงฝานผ่านกระจกตกตะลึง

หนิงฝานผ่านการทดสอบแรกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังใช้เวลาน้อยกว่านางมาก!

“ในอดีตยามที่ข้าอยู่ในโลกพิรุณ ข้าผ่านได้เพียง 2 บททดสอบ ครอบครองดาราอัสนีไท่ซูได้เพียง 2 ใน 3 ส่วน… แต่เด็กนี่ครอบครองดาราอัสนีไท่ซู 1 ใน 3 ส่วนภายในเวลาไม่นาน… บางทีเขาอาจเป็นผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบ”

“ถ้าเกิดเขาสร้างดาราอัสนีไท่ซูได้ 2 ใน 3 ส่วนเหมือนข้า อีกพันปีข้างหน้า หรือหมื่นปีข้างหน้า เขาจะทำให้โลกพิรุณสั่นสะเทือน ทรงพลัง และไร้ผู้ต้าน”

“แต่หากเขาครอบครองดาราอัสนีไท่ซูที่สมบูรณ์ ในโลกทั้ง 9 ใบนี้จะไม่มีผู้ใดที่ต่อกรเขาได้… แต่เขาไม่น่าจะทำได้ เพราะนอกจากจักรพรรดิเซียนไท่ซูแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้อีก ต่อให้เป็นข้าก็ครอบครองได้แค่ 2 ใน 3 เท่านั้น...”

นางขมวดคิ้วแน่น หวนหนึ่งถึงคำที่หนิงฝานกล่าวในการทดสอบแรก

กุญแจของการทำลายภาพลวงคือความคิด สิ่งใดจริงหรือลวงขึ้นอยู่กับความคิด

นางเริ่มนับถือในตัวหนิงฝาน แม้ระดับพลังของเขาจะอ่อนด้อย แต่ความเข้าใจในเต๋านั้นยังเหนือล้ำกว่านางมาก

“บางทีเขาอาจจะสร้างดาราอัสนีไท่ซูที่สมบูรณ์ได้...” นางกล่าวพลางตั้งใจดูการทดสอบที่หนิงฝานจะต้องเผชิญ

เขาจะทำสำเร็จหรือไม่?...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด