ตอนที่แล้วตอนที่ 20: แผนละเอียด แบ่งผลประโยชน์ [ฟรี 03 พ.ค. 63]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22: ดาบหยกภักดี หลบเลี่ยง! กำราบ! [ฟรี 10 พ.ค. 63]

ตอนที่ 21: ตำนานเป็นได้แค่ตำนาน [ฟรี 09 พ.ค. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 21: ตำนานเป็นได้แค่ตำนาน

“ข้าจนคำพูดจริง ๆ” น้ำเสียงสับสนดังมาจากด้านหลัง

ยวินหยางยังคงเงียบกับคำเตือนของนาง

“เจ้าอาจจะทิ้งความรู้สึกของตัวเองไปแล้วหรือเปล่า?” จี้หลิงถอนหายใจยาวขณะยืนอยู่ด้านหลังยวินหยาง “ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนโง่แค่ไหน เขาไม่คิดจะทำแบบที่เจ้าเพิ่งทำในวันนี้หรอก”

ยวินหยางยังคงยิ้มแต่ไม่คิดจะปกป้องตัวเอง

“ทรัพยากรการฝึกฝนเหล่านี้ที่เจ้าเพิ่งขายไปสามารถพัฒนาคนธรรมดาให้ไปสู่ระดับที่สามขั้นสูงสุดได้ ทั้งหมดนั่น กลับกลายเป็นของไร้ประโยชน์อย่างทอง!” จี้หลิงจ้องมองเขาราวกับกำลังมองเด็กเอื่อยเฉื่อย “เจ้าไม่รู้หรือว่าทำอะไรลงไป?” ด้วยความไม่รู้ น้ำเสียงของนางเจือด้วยความสับสน ความสงสัย ความโกรธและความเอาชนะ ความรู้สึกจากความสูญเสียและความผิดหวัง

“แน่นอนว่าข้ารู้” ยวินหยางไม่หันมาขณะกล่าวต่อว่า “เจ้าและข้ามาจากสองโลกที่แตกต่างกันนัก” น้ำเสียงของเขาเหินห่างขณะพูด

จี้หลิงไม่สามารถหักห้ามความโกรธได้อีกต่อไปก่อนกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงมีมุมมองคับแคบเช่นนี้! เจ้าจะเอาทองมากขนาดนั้นไปเพื่ออะไร? ต่อให้เจ้าสามารถมีทองทั้งหมดบนโลกได้ เจ้าจะเอาไปทำอะไร? หินวิเศษหนึ่งก้อนมีค่ายิ่งกว่าทองทั้งหมดบนโลกสำหรับผู้ฝึกยุทธลมปราณวิเศษเสียอีก! มันสามารถส่งเสริมพละกำลังและอายุขัยของเขาได้ ทองไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้แน่นอน!”

จี้หลิงหายใจอย่างหนักหลังจากด่าจบ นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ พยายามกลับมามีสติ “ข้าไม่ควรเสียใจ นี่ไม่เกี่ยวกับข้าอยู่แล้ว” ถึงอย่างนั้น จี้หลิงไม่สามารถสงบสติลงได้จนสุดท้ายก็รักษามันเอาไว้ไม่ได้

ยวินหยางหันศีรษะอย่างสงบขณะมองดวงตาร้อนแรงของจี้หลิง หลังจากผ่านช่วงไม่สบายใจไปสักพัก ในที่สุดเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกและเคร่งขรึมว่า “จะพูดเรื่องนี้ไปทำไมในเมื่อพวกเรามาจากสองโลกที่แตกต่างกัน?”

จี้หลิงฉลาดพอที่จะไม่พูดเพื่อรอให้เขากล่าวต่อ

“ทองอาจจะไร้ค่าสำหรับเจ้า เจ้าถึงได้เห็นค่าแค่หินวิเศษกับคริสตัลวิเศษเท่านั้น” สายตาสงบของยวินหยางเหินห่างขณะมองมาที่นาง “แต่สำหรับข้า… ค่าของทองมากยิ่งกว่าหินวิเศษ ทองสามารถซื้อข้าว อาหารและของอื่น ๆ ที่สามารถบรรเทาความหิวได้ ข้ายังสามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย เจ้าไม่สามารถทำแบบเดียวกันนี้ด้วยหินวิเศษได้ นั่นแหละคือความแตกต่างทางความคิดของพวกเรา”

ยวินหยางพยายามสรุปข้อขัดแย้ง “พวกเราอย่าเถียงเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้เลย มันดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” จากนั้นเขาหันหลังจากไป

จี้หลิงชำเลืองมองเขา “งั้นทำไมเจ้าไม่ขายหินวิเศษและคริสตัลวิเศษทั้งหมดเลยล่ะ? ทำไมเจ้าขายพวกมันแค่ครึ่งเดียว? เจ้าจะไม่ได้ทองมากขึ้นอีกหรือหากขายพวกมันทั้งหมด?”

ในใจของเขา ยวินหยางหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขัน

ข้าอยากขายเหมือนกัน… ถ้าไม่ได้ถูกลุ่ยลุ่ยดูดไปเสียก่อน! หินวิเศษจะต้องถูกใช้เพื่อทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้แน่ แต่ทองสามารถเลี้ยงครอบครัวและพี่น้องผู้ล่วงลับของข้าได้! นี่สำคัญกว่าสำหรับข้าที่ขาดทรัพยากรหรือแม้กระทั่งตอนที่ข้ากลับมามีพลังแล้วก็ตาม…

จี้หลิงกลับห้องเพื่อนอนอย่างขุ่นเคือง ประโยคดังกล่าวดังก้องในศีรษะขณะล้มตัวนอน

“ผู้คนจากสองโลกที่แตกต่างกัน!”

“ใช่ พวกเรามาจากสองโลกแตกต่างกันมาก” จี้หลิงไม่พอใจ “มุมมองและค่าของพวกเราล้วนแตกต่างกัน… เขาอาจจะพูดถูก จะโต้เถียงไปทำไมถ้าพวกเรารู้อยู่แล้วว่าความเห็นไม่ลงรอยกัน? เฮ้อ…”

ในช่วงกลางดึกนั้นเองมีกลุ่มชายหลายสิบคนในชุดดำเดินมาพบยวินหยางอย่างเงียบงัน

“เปลี่ยนทองทั้งหมดนี้ให้เป็นเงิน” ยวินหยางสั่งด้วยน้ำเสียงต่ำ อารมณ์ของเขาดุร้าย สายตาเย็นเยือกและลึกล้ำ ไม่มีใครสามารถอ่านความคิดหรือความรู้สึกของเขาได้ “แปดร้อยครอบครัว… หนึ่งพันตำลึงเงินต่อหนึ่งครอบครัว แจกจ่ายทั้งหมดในคืนนี้” เขากล่าวต่อ

“ทราบแล้ว นายน้อย”

“จากนั้น ครอบครัวของนักรบและทหารผ่านศึกทั้งหมดในเมืองเทียนถัง… หนึ่งร้อยตำลึงเงินต่อครอบครัว” ยวินหยางสั่งให้แบ่งต่ออย่างมีเหตุมีผล

“ทราบแล้ว นายน้อย”

“ข้าคงไม่ต้องทวนคำสั่งซ้ำใช่หรือ?” ยวินหยางมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาราวกับห้ามปฏิเสธ

“พวกข้าจำคำสั่งของนายน้อยได้ขึ้นใจ ไม่ผิดพลาด ไม่โต้แย้ง ไม่ฉกฉวย!” ผู้นำสวมหน้ากากของชายชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงก้องกังวาลยิ่ง

“เช่นนั้นก็ไปได้” จากนั้นยวินหยางกล่าวว่า “เรื่องสุดท้าย ทำตามทุกอย่างที่ข้าสั่ง หากพบใครที่ก่อความรุนแรงหรือเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำเตือนของข้า รายงานให้ทราบทันที”

“ทราบแล้ว!”

ชายกลุ่มนั้นดูเหมือนเงาขยับได้ขณะเคลื่อนไปหน้าหลังเพื่อเก็บแท่งทองหนัก ใช้เวลาสักพักก่อนจะหาทางขนย้ายทองเก้าส่วนออกไปได้ จากประมาณการ ทองเก้าส่วนนี้มากเพียงพอต่อคำสั่งของยวินหยาง

ยวินหยางทิ้งสมบัติที่เหลืออยู่นี้กองไว้ในลานบ้านก่อนกลับเข้าห้อง

ภายใต้แสงจันทร์สงบและเย็นเยือก ลานบ้านของที่พักยวินทอประกายอบอุ่นด้วยแสงสะท้อนของทอง

ราตรีผ่านไปโดยไม่มีเรื่องเกิดขึ้น เช้าวันต่อมา จี้หลิงกลับมามีสติขณะอยู่ในห้องเพื่อฝึกหมาป่าสวรรค์จันทร์เงิน ไม่คิดเสี่ยงออกมาเผชิญหน้ากับยวินหยาง ส่วนยวินหยางผู้ยินดีกับการพบเส้นทางใหม่ไปตรวจสอบคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนทำการฝึกฝนและซ้อมกระบี่ เขาต้องหว่านเมล็ดแห่งความสับสนอลหม่านจนทำให้เกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ

ยวินหยางตั้งใจเตรียมการให้เรื่องนั้นมาถึง

จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันเพิ่งเข้าร่วมการประชุมกับราชสำนักเสร็จขณะกลับที่พักด้วยหัวใจหนักอึ้ง

การประชุมราชสำนักเต็มไปด้วยข่าวของศัตรู จักรวรรดิตงเสวียนและจักรวรรดิต้าหยวนล้วนเตรียมเคลื่อนไหวแล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือจักรวรรดิยวี่ถัง รางวัลใหญ่ที่สุดในสายตาสงบนิ่งของทุกจักรวรรดิ

ความคาดหวังในสงครามคุกรุ่นมานานหลายปีและไม่เคยสูญสิ้นความร้อนไป ถ้าถ่านลุกเป็นไฟ มันย่อมไม่ใช่ความคาดหวังที่ดีต่อจักรวรรดิยวี่ถังแน่นอน…

จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันถอนหายใจขณะหันหน้ามองทองฟ้า

“จอมพล มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นเมื่อคืนอีกแล้ว”

กุนซือในที่พัก รวมถึงสหายคนสนิทของจอมพลเฒ่า ท่านหวัง เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าสงบและอ่อนโยน “เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องอะไร?”

จอมพลเฒ่าชิวถอนหายใจ “อีกนิดเดียวข้าจะอารมณ์เดือดแท้ ๆ เจ้ายังมีอารมณ์มาเล่นเกมทายคำถามอีกหรือ?”

“เรื่องอะไรล่ะ?”

ท่านหวังบอกได้ว่าจอมพลเฒ่าไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจดีในวันนี้ เขาปรับท่วงท่าให้จริงจังก่อนอธิบายว่า “ทั่วทั้งเมืองเทียนถังประสบกับราตรีที่มีทองตกลงมาอีกครั้งแล้ว..”

ดวงตาของจอมพลเฒ่าชิวทอประกายด้วยความสงสัย “หืม?”

“ครอบครัวของนักรบแปดร้อยครอบครัวผู้ติดตามเก้าใหญ่ในสงรามเมื่อปีที่แล้ว พวกเขามากกว่าครึ่งได้รับเงินจำนวนมากเมื่อไปถึงบ้าน พวกมันอยู่ที่นั่นตอนพวกเขาตื่นขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน” ท่านหวังอธิบายช้า ๆ

“เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว…” ดวงตาของจอมพลเฒ่าเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

“ไม่ได้หมดแค่นั้น ครอบครัวของนักรบและทหารผ่านศึกจำนวนหนึ่งยังพบเงินในบ้านราวกับมีผู้บริจาคใจกว้างยกพวกมันให้…” ท่านหวังดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด

ดวงตาของจอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันทอประกายสดใสมากขึ้น “พี่หวัง จากที่เห็นมานี่… หรือว่า… ใครบางคนจากเก้าใหญ่ยังมีชีวิตอยู่?”

ท่านหวังครุ่นคิดสักพักก่อนตอบว่า “นี่พิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่าคนจากเก้าใหญ่ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ถึงกระนั้น ความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบนั้นก็มีมาก”

ครึ่งแรกของการสรุปทำให้สายตาของจอมพลเฒ่าคลุมเครือ แต่เปลวเพลิงในดวงตาลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินครึ่งหลัง

“ทว่า เห็นได้ชัดว่าคนใจบุญสุนทานผู้นี้ไม่ประสงค์จะออกตัว” ท่านหวังกล่าวอย่างมีนัย

จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันถอนหายใจแล้วตอบว่า “ความตายของเก้าใหญ่คือการสมคบคิดครั้งมหึมา การสืบสวนของพวกเรายังไม่คืบหน้าแม้จะข้องเกี่ยวกับทั้งชาติก็ตาม ถ้าคนคนนี้คือหนึ่งในเก้าใหญ่หรือเป็นผู้ข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายจริง พวกเขาจะกล้าเปิดเผยตัวเองได้อย่างไร?”

เขาโบกมืออย่างเหนื่อยล้า “พวกเราทำเหมือนอย่างทุกทีนั่นแหละ หลับตาข้างหนึ่งแล้วอย่าถามอะไรอีก เมื่อสถานการณ์อำนวย ลบร่องรอยของเหตุการณ์นี้ทิ้งให้หมด!”

ท่านหวังพยักหน้า “เห็นด้วย!”

“ปล่อยให้ร่องรอยจบลงแค่ตรงนี้” จอมพลเฒ่าถอนหายใจ น้ำเสียงหมดหวังแต่เด็ดเดี่ยว

ท่านหวังตอบว่า “ข้าออกคำสั่งไปแล้วล่ะ”

“ยอดเยี่ยม”

จอมพลเฒ่าชิวหลับตาด้วยความเศร้าโศกขณะกล่าวเสียงอ่อนว่า “หนึ่งในพวกท่านทั้งเก้ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ? ต่อให้กำลังซ่อนตัวอยู่ ข้าก็หวังว่าท่านจะออกมาสนทนากับข้า…”

“ชายชราคนนี้คิดถึงท่านนะ…”

จอมพลเฒ่าชิวหลับตาแน่น แต่ร่องรอยของหยาดน้ำตายังอาบใบหน้า

ท่านหวังลอบถอนหายใจก่อนจากไปอย่างไร้สุ้มเสียง เมื่อมาถึงประตู เขาพลันนึกบางสิ่งออกก่อนหันกลับมา “จอมพล เกี่ยวกับการแข่งขันสัตว์ร้ายวิเศษที่จัดขึ้นในเมืองเทียนถังจากครอบครัวมีอิทธิพล…”

ด้วยดวงตาที่หลับอยู่ ชิวเจี้ยนหันโบกมืออย่างไม่พอใจแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าว่า “ปล่อยให้พวกเขาจัดไป”

ท่านหวังรู้ดีว่าจอมพลเฒ่าชิวไม่เต็มใจที่จะพูดอีก แต่เขาอดที่จะเสริมไม่ได้ว่า “มีข่าวลือว่าเมื่อวาน นายน้อยของขุนนางชั้นสูงยวิน ยวินหยาง มีเรื่องกับสมาชิกของครอบครังซีเหมินในตลาดสัตว์ร้ายวิเศษ มีคนบอกว่าเขาเกือบเอาทุกสิ่งจากนายน้อยของครอบครัวซีเหมินไปได้จากการเดิมพัน…”

จอมพลเฒ่าชิวเจี้ยนหันครางครั้งหนึ่ง “เรื่องนี้ก็ด้วย… ปล่อยให้พวกเขาทำไป นายน้อยของขุนนางชั้นสูงยวินเพิ่งมาปรากฏตัวในเมืองเทียนถังในช่วงหลายปีมานี้เพื่ออะไร? ให้ขุนนางชั้นสูงยวินจัดการเองเถอะ”

ท่านหวังครุ่นคิดและอยากออกความเห็นว่าเรื่องนี้แปลกประหลาด แต่เมื่อมองสภาพเหนื่อยล้าของจอมพลเฒ่า เขาเก็บความเห็นเอาไว้แล้วจากไป

หลังจากวันนี้ไป เขาจะไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้อีก คนช่างจ้อและมั่งคั่งของเมืองเทียนถังกับคนช่างจ้อและมั่งคั่งของครอบครัวซีเหมิน… พวกเขาจะทำให้เกิดปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว?

ลมหายใจหนักอึ้งดังมาจากห้องทางฝั่งตะวันออกของที่พัก เป็นชายผู้ได้รับบาดเจ็บที่กำลังควบคุมลมหายใจและการไหลของลมปราณวิเศษเพื่อพยายามรักษาตัวเอง

ยวินหยางไม่ประหลาดใจกับเรื่องนี้และยังคงไม่ขยับไปไหน

ประตูอีกบานเปิดออก เหล่าเหมยเดินเข้ามาในก้าวเดียว

“เจ้าหาทางเลื่อนขั้นได้หรือยัง?”

“ยังเลย แต่ผ่านไปได้ครึ่งก้าวแล้ว” เหล่าเหมยตื่นเต้น “ข้าน่าจะสามารถทำสำเร็จภายในครึ่งเดือน! ข้าอยากสั่งสมการซ้อมให้มากกว่านี้เพื่อที่เมื่อก้าวข้ามสำเร็จจะสามารถผลักดันตัวเองได้ไกลขึ้น”

ยวินหยางพยักหน้า

การผ่านจุดตันคือการต่อสู้ครึ่งทาง ทันทีที่ความรู้สึกอยู่ตรงจุดนั้น การเลื่อนขั้นจะไม่ใช่เรื่องยากเย็น ส่วนสำคัญคือการเตรียมเร่งความเร็วการพัฒนาในรากฐานการฝึกฝนทันทีที่เลื่อนขั้นสำเร็จแล้วต่างหาก

โดยเฉพาะการเร่งความเร็วการพัฒนาจะต้องพึ่งพาการซ้อมที่สั่งสมเอาไว้ขณะที่ยวินหยางไม่มียาวิญญาณที่สามารถเสริมสร้างรากฐานและเพิ่มพลังงานให้ได้ ทำแบบนั้นแล้วจะทำให้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

“นายน้อย ชายที่ได้รับบาดเจ็บ… ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาอะไรสินะ” เหล่าเหมยพูดโดยจงใจกดเสียงให้ต่ำ

“ไม่ใช่หรอก” ยวินหยางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“นายน้อย ท่านกำลังจะสร้าง… พันธมิตรหรือ?” เหล่าเหมยครุ่นคิด “หรือท่านอยาก… ควบคุมเขา?”

ยวินหยางยิ้มเย็นชา “พันธมิตรนี้ที่เจ้าพูดเป็นนัยจะไม่มีวันถูกหล่อหลอมขึ้นมาหรอก”

เหล่าเหมยสับสนกับเรื่องนี้ “ท่านว่าอะไรนะ?”

ยวินหยางส่ายหน้า ชายคนนี้เอาชีวิตแขวนบนเส้นด้ายแล้วเสี่ยงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สัตว์ร้ายวิเศษทารกระดับที่เก้าสี่ตัว แต่ตอนนี้พวกมันอยู่ในการครอบครองของยวินหยางแล้ว เขาจะเต็มใจสร้างพันธมิตรด้วยเจตนาดีได้อย่างไร? เมื่อชายคนนี้ฟื้นคืนความสามารถ เขาอาจจะแก้แค้นแล้วฝืนพยายามแย่งสมบัติของเขาคืน

“ข้าเพียงอยากควบคุมเขาเพื่อให้จัดการบางอย่าง” ยวินหยางพูดตามตรง “ตอนนี้ข้าขาดกำลังคน”

จากนั้นเหล่าเหมยถามว่า “แล้วถ้าเขาไม่ยอมสวามิภักดิ์จะทำยังไงล่ะ?”

ยวินหยางมองเหล่าเหมย ดวงตามองไปมาอย่างเริงร่าขณะถามช้า ๆ “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”

เหล่าเหมยรู้สึกได้ถึงร่องรอยความหวาดกลัวเล็กน้อยจากทั่วร่างกายราวกับสายลมเย็นเยือกดุจหิมะพัดผ่านเขาเข้ามา ความเย็นเยือกดังกล่าวส่งไปถึงกระดูก

“ถ้านายน้อยอยากควบคุมเขา…” เหล่าเหมยแนะนำ “ตอนนี้เป็นเวลาดีที่สุด ยิ่งตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไร้ความสามารถที่จะต่อกร”

ยวินหยางส่ายหน้า พูดอย่างมั่นใจว่า “กลนี้ไม่เหมาะจะใช้กับยอดฝีมือ ข้าต้องใช้วิธีที่ซับซ้อนกว่านี้”

ยวินหยางลอบหัวเราะ “ยอดฝีมือผู้สามารถเดินทางเข้าออกป่าสัตว์ร้ายวิเศษเพียงลำพังได้ ยอดฝีมือผู้สามารถต่อสู้และอาจจะเอาชนะสัตว์ร้ายวิเศษระดับที่เก้าได้… เขาจะยอมสวามิภักดิ์ต่อคำขอเล็กน้อยนี้ได้ยังไง?”

“แผนที่ซับซ้อนมากขึ้นงั้นหรือ?” เหล่าเหมยสับสน

ยวินหยางยิ้มกว้าง “ความคิดเรื่องจำยอมคือรางวัลสำหรับการช่วยชีวิต… เหล่าเหมย เรื่องราวเช่นนั้นมีแต่ในตำนานเท่านั้น เอาอย่างเจ้าเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน เจ้าเกือบตายเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครบางคนช่วยเจ้าเอาไว้ เจ้าจะยอมเป็นทาสที่บ้านของเขาเพื่อตอบแทนหรือเปล่าล่ะ?”

“ดังนั้น ตำนานเป็นได้แค่ตำนาน เรื่องราวเป็นได้แค่เรื่องราว พวกเราไม่ควรอ่อนหัดจนเชื่อกับเรื่องพรรค์นี้”

สีหน้าของยวินหยางถ่ายทอดความหมายหลายอย่างขณะยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด