GE410 สามการทดสอบ [ฟรี]
อสูรยักษ์เปล่งเสียงคำรามลั่น ฝูงอสูรจำนวนมหาศาลกรูกันเข้าจู่โจมหงยี่และหนิงฝานราวกับคลื่นยักษ์ถาโถม!
อสูรอัสนีดวงจิตแรกเริ่ม 10,000 ตน ตัดวิญญาณ 100 ตน และไร้ดัดแปลงขั้นต้นอีก 4 ตน
หงยี่แผ่แรงกดดัน เจตนาสังหารแปรเปลี่ยนเป็นอัสนีฟาดผ่าปิดกั้นอสูรดวงจิตแรกเริ่มและตัดวิญญาณทั้งหมด
นางปรากฏกายเบื้องหน้าอสูรยักษ์ตนหนึ่ง มือขยับเคลื่อนไหว อัสนีที่รุนแรงและรวดเร็วฟาดผ่าร่างของมันโดยไม่อาจเลี่ยง
เพียงชั่วพริบตา... อสูรตนนั้นล่วงหล่นจากท้องนภา ร่างไหม้เกรียมจากการถูกอัสนีฟาดผ่า แต่มันยังไม่ตาย
*โฮก!*
อสูรร่างยักษ์อีก 3 ตนที่เหลือเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น เพราะนางคือศัตรูที่เป็นภัยคุกคามที่สุด
อสูรเหล่านั้นมีร่างกายสูงใหญ่นับหมื่นจ้าง พวกมันอ้าปากอ้าพ่นอัสนีสีดำ ที่แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่อัสนีนับแสนตรงเข้าหมายสังหารหงยี่
กระบี่แต่ละเล่มที่ปรากฏ ทรงพลังเทียบเท่าอาวุธระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นยังยากที่จะรับมือกับจำนวนที่มากขนาดนี้
แต่นางกลับยกยิ้มเย้ยหยันพลางกล่าวอย่างเรียบเฉย
“วิชาอัสนี ‘ฝ่ามืออัสนีห้ากษัตริย์’!”
นางปะทุพลังอัสนีที่ทรงพลังราวกับจะถล่มท้องนภา จนทำให้กระบี่อัสนีนับแสนที่ตรงเข้ามาสั่นไหวราวกับหวาดกลัว
นางซัดฝ่ามือไปเบื้องหน้า อัสนีที่ทรงพลังก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ เข้าบดขยี้การจู่โจมผสานของสามอสูรจนสิ้นซาก
สำหรับนางแล้ว อสูรไร้ดัดแปลงเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวก แค่ฝ่ามือเดียวนางก็สังหารพวกมันได้
นางหันมองหนิงฝานพลางกล่าวอย่างเรียบเฉย “ให้ทาสของเจ้าจัดการอสูรตนนั้น ส่วนเจ้าไปจัดการกองทัพอสูรที่เหลือ!” นางสั่งหนิงฝาน
“ท่านดูแคลนข้า...” หนิงฝานกล่าวด้วยความไม่พอใจ สำหรับนางแล้วทาสไร้ดัดแปลงที่ไม่สมบูรณ์ของเขาไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
อีกอย่าง หนิงฝานที่ยังไม่บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง นางไม่มีทางยอมรับในความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
“บุตรสาวแห่งกษัตริย์อัสนีทรงพลัง เย่อหยิ่งเย็นชา… เห็นทาสของข้าเป็นเพียงขยะ ข้าจะทำให้รู้ว่าการดูแคลนข้าเป็นสิ่งผิด!” หนิงฝานกล่าวในใจ เพราะต่อให้พูดอะไรออกไปก็ทำให้นางยอมรับไม่ได้
หนิงฝานควบคุมทาสทั้งสามมุ่งทะยานเข้าหาอสูรไร้ดัดแปลงที่บาดเจ็บ ระดมหมัดเข้าใส่มันอย่างรุนแรง แต่น่าเสียดายที่ทาสเหล่านั้นไม่มีวิชาที่ทรงพลังพอจะสังหารอสูรตนนั้นได้ แม้จะทำให้มันบาดเจ็บได้ แต่ก็ยังไม่พอที่จะสังหารมัน
หากเทียบกับนางแล้ว นางจู่โจมเพียงครั้งเดียวก็ทำให้อสูรตนนั้นบาดเจ็บ แต่ทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนของหนิงฝาน รุมทุบตีอย่างหนักแน่น ก็ยังไม่อาจปลิดชีวิตมันได้
นับว่าไม่ผิดที่นางจะดูแคลนทาสเหล่านั้น แต่นางผิดที่ดูแคลนหนิงฝาน
ยามนี้ อสูรอีกนับหมื่นวิ่งกรูกันเข้ามา ตรงเข้าหาหนิงฝานราวกับคลื่นทะเลถาโถม
หนิงฝานโคจรสัมผัสกระบี่ แผ่สัมผัสกระบี่จู่โจมสังหารอสูรดวงจิตแรกเริ่มทั้งหมดในพริบตา เหลือเพียงอสูรตัดวิญญาณ 100 ตน
ความเร็วในการสังหารอสูรดวงจิตแรกเริ่มทำให้หงยี่ประหลาดใจ “โอ้! สัมผัสกระบี่ของเด็กนั่นไม่ธรรมดา กระทั่งสังหารอสูรดวงจิตแรกเริ่มได้ในพริบตา… แต่ยังไงซะก็คงยังสังหารอสูรตัดวิญญาณพวกนั้นไม่ได้ง่ายๆ เพราะมันยังเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญกึ่งไร้ดัดแปลง”
แต่ทันทีที่นางกล่าวจบ ดวงตานางกลับเบิกกว้าง
หนิงเผชิญหน้ากับอสูรตัดวิญญาณนับร้อยโดยไม่หวาดกลัว เขายื่นมือไปเบื้องหน้าคว้าจับอากาศ พลังงานจากพื้นดินจำนวนมหาศาลถูกดึงออกมา ผสานเข้าไปในร่างของเขา
กลิ่นอายของหนิงฝานยกระดับเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นในพริบตา!
วิชาดึงวิญญาณของหนิงฝานไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณหรือไร้ดัดแปลงจะทำได้
“วิชาดึงวิญญาณ! คาดไม่ถึงว่าเด็กนี่จะทำได้ ดูเหมือนข้าจะดูแคลนเขาเกินไป”
ระดับที่เพิ่มขึ้นในฉับพลันทำให้หนิงฝานทรงพลังมากขึ้น เขายืนเผชิญหน้ากับอสูรเหล่านั้นอย่างไม่หวั่นเกรง แส้อัสนีปรากฏในมือ หวดเฆี่ยนออกไปอย่างไม่ปราณี
1 แส้… 10 แส้… 100 แส้!
แส้ถูกหวดออกไปร้อยครั้งในคราวเดียว อัสนีโลหิตนับร้อยสาย กระหน้ำเข้าใส่ร่างอสูรตัดวิญญาณเหล่านั้น
เสียงแส้ปนเสียงอัสนีฟาดผ่าดังสนั่น ในหมู่พวกมัน อสูรตัดวิญญาณ 21 ถูกทำลายแก่นอสูร ที่เหลือแก่นอสูรได้รับความเสียหาย ระดับพลังลดลงเหลือของเขตดวงจิตแรกเริ่ม
พวกมันบาดเจ็บร้ายแรงแม้จะยังไม่ถูกสังหาร แววตาที่พวกมันมองหนิงฝานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว
พวกมันไม่หวาดกลัวผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกัน แต่หนิงฝานทรงพลังยิ่งกว่า ทั้งแววตาที่จ้องมองพวกมันยังเย็นชา ราวกับจะถูกแช่แข็ง
ในสายตาของพวกมันตอนนี้ หนิงฝานไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสูรปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว!
หนิงฝานก้มมองแส้อัสนีของตนอย่างพึงพอใจ หงยี่ยกระดับมันกระทั่งทรงพลังขึ้นมาก เพียงชั่วพริบตาหนิงฝานก็ทำลายดวงจิตของอสูรเหล่านั้นได้หลายตน
*โฮก!*
เหล่าอสูรคำราม แม้พวกมันจะหวาดกลัว แต่ก็ยังมุ่งเข้าจู่โจมหนิงฝานสุดกำลัง
พวกมันเปล่งพลังจู่โจมผสาน อานุภาพของมันแม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นก็ยากจะต้านรับ
แต่หนิงฝานไม่หวั่นเกรง หวดเฆี่ยนแส้สังหารเหล่าอสูรไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกับรับการจู่โจมของพวกมัน
การจู่โจมผสานที่ทรงพลังของพวกมันนั้น ต่อให้เป็นขอบเขตกระดูกหยกที่ 4 ก็ไม่อาจต้านรับ แต่หนิงฝานมีดาราแก่นชีวิต 99 ดวง ผสานกับวิชาดาราทมิฬ เร่งการรักษาร่างกายในระดับที่การจู่โจมของพวกมันไม่อาจสร้างความเสียหายได้ทัน
“วิชาดารารักษา!” หงยี่ตกตะลึง นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะมีวิชาที่เลื่องชื่อในแดนสวรรค์
หากเป็นวิชาดึงวิญญาณ นางแค่ประหลาดใจ เพราะนางก็ทำได้... แต่วิชาดารารักษา เป็นวิชาที่ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก หรือกระทั่งเซียนก็ไม่อาจบรรลุได้!
ดังนั้นวิชาของหนิงฝานจึงทำให้นางตกตะลึง
“ข้าดูแคลนเขาเกินไปจริงๆ… ดาราแก่นชีวิต 99 ดวง บางทีเด็กคนนี้อาจสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงได้จริง และคงไม่มีผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นต้นคนใดที่สังหารเขาได้!” นางจ้องมองหนิงฝานไม่วางตา
ยามนี้ หนิงฝานจ้องมองอสูรที่เหลืออยู่ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
*โฮก*
เหล่าอสูรเปล่งเสียงคำรามที่แฝงด้วยความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้น พวกมันไม่เข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานถึงไม่ได้รับความเสียหายจากการจู่โจมผสานของพวกมัน แต่พวกมันย่อมไม่มีทางเข้าใจได้!
“เหลืออสูรตัดวิญญาณแค่ 40 ตน...”
หนิงฝานหันมองอสูรไร้ดัดแปลงที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการรุมจู่โจมของทาสไร้ดัดแปลงทั้งสาม แต่เหล่าทาสเองก็ได้รับความเสียหายจากการโต้กลับเช่นกัน
หนิงฝานรู้ว่าหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทาสของเขาอาจถูกอสูรตนนั้นทำลาย
หนิงฝานเก็บแส้อัสนี สองมือขยับเป็นท่าทาง
“วิชาป้ายหลุมศพมังกรสมุทร!”
ป้ายหลุมศพห้าธาตุปรากฏเหนือท้องนภา แต่ละป้ายอัดแน่นไปด้วยพลังของธาตุต่างๆที่รุนแรง
อสูรเหล่านี้ก่อกำเนิดมาจากธาตุอัสนี ป้ายหลุมศพเหล่านี้ย่อมสยบพวกมันได้
“ประทับ!” หนิงฝานชี้นิ้วไปยังเหล่าอสูรตัดวิญญาณที่เหลือ ป้ายหลุมศพทั้งห้าดิ่งเข้าประทับร่างของพวกมันอย่างรวดเร็ว
ร่างของพวกมันทั้งหมดถูกบดขยี้แหลกเละ โลหิตไหลนองราวกับสายน้ำ
หนิงฝานเก็บเอาแก่นอสูรที่ยังเหลืออยู่ไป พร้อมกับนำโอสถเสริมปราณ 5 เม็ดออกมากินแล้วเร่งดูดซับ ก่อนทะยานเข้าหาอสูรไร้ดัดแปลง
หนิงฝานปรากฏตัวเบื้องหน้าอสูรไร้ดัดแปลง พร้อมกับชกหมัดเข้าใส่อย่างเต็มแรง
แม้ยามนี้อสูรตนนี้จะกำลังเผาโลหิตของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง จนแข็งแกร่งเทียบเท่าอสูรไร้ดัดแปลงขั้นกลางในเวลาสั้นๆ แต่เมื่อมันถูกหมัดหนิงฝานชกใส่ บาดแผลทั่วร่างของมันกลับปริแตก โลหิตไหลนองอีกครั้ง
หนิงฝานร่วมมือกับทาสทั้งสามจู่โจมใส่อสูรไร้ดัดแปลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก อสูรตนนั้นก็ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
หนิงฝานปิดฉากการจู่โจมสุดท้ายด้วยดรรชนีหมอกเมฆาม่วง
ฝุ่นทรายสีม่วงทองปกคลุมท้องนภา ก่อตัวเป็นพายุพัดโหมเข้าใส่อสูรไร้ดัดแปลง กัดกร่อนร่างของมันจนสลายเป็นธุลี!
หนิงฝานไม่ได้ใช้เพลงกระบี่อนันต์ ไม่ได้ใช้ธนูดับราดาเพราะยังไม่จำเป็น
เขาเลือกใช้วิชาดรรชนีหมอกเมฆาม่วง เพื่อแสดงให้หงยี่เห็นถึงอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวของมัน นางจะได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของมันมากขึ้น
เมื่อหนิงฝานสังหารและเก็บแก่นอสูรไป น้ำเสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น
“แข็งแกร่งมาก… เจ้าเป็นผู้เยาว์ขอบเขตตัดวิญญาณคนแรกที่ทำให้ข้านับถือได้” หงยี่กล่าว
หนิงฝานสังหารอสูรดวงจิตแรกเริ่ม 10,000 ตน ตัดวิญญาณ 100 ตน และไร้ดัดแปลงอีก 1 ตน
“ขอบคุณที่ชม แต่ข้าต้องร่วมมือกับทาสไร้ดัดแปลง 3 ตน ถึงจะเอาชนะอสูรไร้ดัดแปลงตนเดียวได้ แต่ท่านเพียงคนเดียวกลับเอาชนะอสูรไร้ดัดแปลง 3 ตนได้อย่างง่ายดาย… เป็นข้าที่ต้องนับถือท่านมากกว่า” หนิงฝานยอมรับว่านางทรงพลัง ซ้ำยังทรงพลังยิ่งกว่าเยว่หลิงคงมาก
“ฮึ่ม!” นางแค่นเสียงเย็นชา แต่ไม่ได้แฝงไปด้วยความโกรธเหมือนก่อน และดูเหมือนนางจะไม่ชอบให้ใครมายกยอ
นางโยนแก่นอสูรไร้ดัดแปลงทั้งสามให้หนิงฝาน
“ท่านให้ข้าเหรอ?” หนิงฝานประหลาดใจ เพราะแก่นอสูรไร้ดัดแปลงนับว่าล้ำค่า เหตุใดนางถึงให้
“เจ้าทำงานให้ข้า ข้าย่อมตอบแทน… อีกอย่าง แก่นอสูรพวกนี้เป็นเพียงขยะ ข้าไม่ต้องการ” นางกล่าวราวกับไม่เห็นค่าของแก่นอสูรแม้แต่น้อย
ในโลกพิรุณ แก่นอสูรไร้ดัดแปลงนั้นล้ำค่ามาก แต่นางกลับมองมันเพียงขยะ
หนิงฝานพูดไม่ออกกับนิสัยของนาง ไม่ว่าสิ่งใดนางก็มองเป็นขยะ บางทีนางอาจจะหัวสูงเกินไป
หนิงฝานพยักหน้าและรับแก่นอสูรทั้งหมดไว้
นางนำผ้าผืนหนึ่งออกมาเช็ดคราบโลหิตอสูรที่มือพลางกล่าว “แต่เจ้าไม่ใช่ขยะ...” ดูเหมือนนางก็กล่าวชมกับเขาเป็นด้วย
เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ ทั้งสองก็มุ่งขึ้นไปยังยอดของต้นไผ่
ที่ยอดไผ่มีอัสนีที่ทรงพลังฟาดผ่า นางทำหน้าที่ป้องกันอัสนีให้หนิงฝาน ส่วนเขาเองก็ตรวจสอบข่ายอาคมเคลื่อนย้ายอย่างละเอียด ว่ามันจะพาขึ้นไปข้างบนได้จริงหรือเปล่า
เมื่อสำรวจดูแล้วเขาพบว่านางไม่ได้หลอกเขา ข่ายอาคมนี้พาขึ้นไปข้างบนจริงๆ
ข่ายอาคมนี้คือข่ายอาคมระดับไร้ดัดแปลงขั้นสูงสุด ในโลกพิรุณใบนี้มีเพียงไม่กี่คนที่มองออก แต่หงยี่มองไม่ออก นั่นหมายความว่าเต๋าแห่งข่ายอาคมของนางด้อยกว่าหนิงฝาน
“เจ้าเข้าใจมันเหรอ?”
“ก็พอเข้าใจ”
“ฮึ่ม! ถ่อมตัวซะจริง... ข้ารู้ว่าเจ้ามองออก”
“ข้าขอเตือนเจ้าไว้ ก่อนจะเข้าหอคอยเพื่อเก็บใบไผ่ จะมีการทดสอบอยู่ 3 การทดสอบ เจ้าจะได้เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดในใจเจ้า เจ้าต้องระวังให้ดี” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“การทดสอบนั้นไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ก็อยากให้เจ้าตั้งใจและระวัง จงจำไว้ว่าข้าต้องการใบไผ่อัสนีทองคำดำ 7 ใบ… หากเจ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่าเจ้ายังไม่ถึงขั้น”
“อืม… ดูท่าท่านคงอยากจะได้ใบไผ่มาก...”
หนิงฝานใช้เวลาครึ่งวันในการฟื้นฟูพลัง จากนั้นจึงขึ้นไปยืนบนข่ายอาคมเคลื่อนย้าย
นางเร่งขยับมือเป็นท่าทาง กระตุ้นข่ายอาคมส่งร่างหนิงฝานให้ขึ้นเหนือเมฆเหล่านั้น
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก หนิงฝานปรากฏตัวยังสถานที่แห่งหนึ่ง เบื้องหน้าไกลออกไปมีหอคอยสีดำขนาดใหญ่
หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพสำรวจรอบๆ เขาสำผัสได้ถึงอสูรนับหมื่น แต่ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เพียงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ไร้ซึ่งอสูรไร้ดัดแปลงและตัดวิญญาณ
หนิงฝานแผ่แรงกดดัน จนทำให้อสูรที่สัมผัสได้ถอยห่างด้วยความหวาดกลัว
แต่จู่ๆหนิงฝานกลับขมวดคิ้วและหันมองไปยังหอคอยที่เห็นเมื่อครู่ เขาใช้เนตรฟู่ลี่จ้องมองและเห็นถึงความจริง
“หอคอยตรงนั้นเป็นของปลอม หอคอยที่แท้จริงอยู่ทางตะวันตก… วิชาลวงตาแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
หนิงฝานเปล่งเสียงคำรามพร้อมกับแรงกดดันที่ทรงพลัง ทุกสิ่งรอบข้างถูกแรงกดดันสั่นไหว
เสียงไม่พอใจดังออกมาจากสถานที่แห่งหนึ่ง ราวกับมีคนที่กำลังอำพรางกาย และได้รับบาดเจ็บจากแรงกดดันของหนิงฝาน
เงาภาพของหอคอยตะวันทางตะวันตกหายไปกลายเป็นทะเลเมฆ อัสนีจำนวนมหาศาลเข้าล้อมหนิงฝานราวกับคุก แล้วค่อยๆก่อตัวเป็นวังสีดำทมึน ภายในนั้นมีตัวอักษรสลักไว้
‘การทดสอบที่ 1 ภาพลวงตา’
ดูเหมือนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงกดดันของหนิงฝาน จะเกี่ยวข้องกับการทดสอบ!
“ข้าคือดวงจิตอัสนีของโลกใบนี้ มดปลวกชั้นต่ำอย่างเจ้าถึงกับกล้าทำร้ายข้า ข้าจะสั่งสอนเจ้าด้วยภาพลวงตาเอง!” เสียงที่โกรธเคืองดังมา แรงกดดันของเสียงนั้นอยู่ในขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้น มันหวังใช้แรงกดดันจู่โจมหนิงฝานกลับ แต่หนิงฝานเพียงโบกมือ แรงกดดันของมันก็ถูกทำลาย
“คิดว่าทำได้เหรอ?” หนิงฝานเย้ยหยัน
“เดี๋ยวก็รู้!” เจ้าของเสียงกล่าวด้วยความเดือดดาล พลางกระตุ้นใช้วิชาภาพลวงตาที่ทรงพลัง
เบื้องหน้าของหนิงฝานปรากฏเงาร่างของสตรีสองนาง
“สังหารหนึ่งในพวกนาง หากสังหารผิดเจ้าจะติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล แต่หากสังหารถูกเจ้าก็ผ่านการทดสอบ” เจ้าของเสียงหัวเราะพลางกล่าว
“ตลกนักหรือไง!” หนิงฝานกล่าวอย่างเย็นชา
เงาร่างของสตรีที่ปรากฏตรงหน้าหนิงฝานคือจื่อเฮ่อ เมื่อเพ่งมองดีๆ แม้จะเห็นว่าพวกนางเป็นเพียงภาพลวงตา แต่พวกนางก็ดูราวกับจะมีชีวิตอยู่จริง
บางทีอีกฝ่ายอาจใช้วิชาผูกชะตาของภาพลวงตาเข้ากับจื่อเฮ่อ หากหนิงฝานสังหารผิดตัว จื่อเฮ่อตัวจริงก็จะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
ส่วนผู้ที่ผูกติดกับอีกเงาร่างของจื่อเฮ่อ สมควรเป็นผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง
แต่ยังไงซะ หนิงฝานก็ไม่ได้คิดจะสังหารพวกนางแม้แต่น้อย
“เลิกยุ่งกับดวงชะตาของภรรยาข้าซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเสียใจ!” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าเดิม พลางปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรง
“เสียใจ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงจะทำให้ข้าเสียใจได้!” เจ้าของเสียงหัวเราะ น้ำเสียงที่มันกล่าวแฝงด้วยความเย้ยหยัน
“ข้าจะฆ่าเจ้า...” หนิงฝานหลับตา
วังแห่งนี้คือสถานที่ทดสอบแรกก่อนที่จะขึ้นไปยังหอคอยเพื่อเก็บใบไผ่...
ใต้เมฆหนาลงมาบนยอดไผ่ยักษ์ หงยี่ยืนอยู่หน้าข่ายอาคมเคลื่อนย้าย คิ้วขมวดมุ่น “ไอ้ปีศาจบ้านั่นกลับตื่นขึ้นมาพอดี! ถ้ามีมันอยู่ สามการทดสอบของเด็กนั่นจะอันตรายเป็นอย่างมาก!”
“เพราะจะผ่านการทดสอบ คงต้องสังหารมันเท่านั้น!”
“ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง… จะสังหารมันและผ่านการทดสอบได้หรือเปล่า?”
“ภาพลวง… เซียนและมนุษย์… เต๋าแห่งชีวิต… สามการทดสอบนี้เชื่อมโยงกับเต๋าแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ แต่ด้วยการตื่นขึ้นของดวงจิตชั่วร้าย เด็กนั่นจะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ยากลำบาก บางทีคนสนิทของเขาอาจถูกดึงมาพัวพัน…”
“ซัวหมิง! ถึงเจ้าจะเป็นเพียงผู้เยาว์ แต่เจ้าก็ทำให้ข้าประหลาดใจและนับถือได้หนหนึ่ง!” หงยี่กล่าว...