27 ความจริงแล้ว เขาร้ายกาจที่สุด
27 ความจริงแล้ว เขาร้ายกาจที่สุด
น้ำเสียงที่พูดออกมาทั้งแหลมคมและดังแสบแก้วหู ราวกับเสียงร่ำร้องของนกที่ตกเป็นเหยื่อ มันได้ทำลายบรรยากาศภายในโรงยิมที่เพิ่งจะกลับมาดีขึ้น ให้หายวับไปกับตา
นักเรียนภายในโรงยิมเพิ่งจะหายจากอาการตกใจไปได้ไม่นาน แล้วพวกเขาก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้ง
ไม่มีใครคาดคิดว่า คนที่ดุร้ายและร้ายกาจยิ่งกว่าอสูรเหล็ก จะเข้ามาภายในนี้ หลังจากที่อสูรเหล็กเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน จ้าวเหลียงคือนักเรียนของคลาสพิเศษ ที่มีอัตราการตื่นของรากวิญญาณถึง 60 % และเขาก็คือหนึ่งในนักเรียนชั้นยอด เมื่อนำนักเรียนจากคลาสพิเศษและคลาสสามัญมาเทียบกันแล้ว เขาก็เหมือนกับอยู่โลกอีกใบหนึ่ง
“หลี่เย้าได้ไปหาเรื่องใครมากันแน่? ถึงได้ทำให้เว่ยเถียกับจ้าวเหลียงมาคุกคามเขาถึงที่นี่ได้?”
“เราไม่รู้ว่าเมื่อกี้นี้ เขาใช้วิธีอะไรถึงได้ทำให้เว่ยเถียกลับไปได้ แล้วคราวนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเหลียง?”
“พวกนายคงไม่รู้กันล่ะสิ ว่าเมื่อวาน หลี่เย้าเพิ่งจะไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเลี่ยมา!”
“อะไรนะ? เขาคือคนโชคร้ายที่ไปหาเรื่องเฮ่อเหลียนเลี่ยเหรอเนี่ย? ถ้าอย่างนั้นเขาก็จบเห่แล้วล่ะ!”
เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้น ราวกับเกลียวคลื่นที่ซัดซาดใส่ทุกคน ทุกคนต่างมองดูหลี่เย้าด้วยสายตาที่แสดงความสงสารออกมา ราวกับว่า เขาเป็นคนไข้ที่ร่างกายถูกผ้าพันแผนพันเอาไว้ที่เต็มตัว
ในขณะที่เหล่านักเรียนต่างแสดงน้ำเสียงไว้อาลัยออกมา หลี่เย้าก็ค่อยๆเดินออกมา เขาเดินออกมาด้วยท่าทีลังเล ในบางครั้งเขาก็เอามือไปจับอุปกรณ์ออกกำลังกาย เพื่อประคองตัว มันดูคล้ายกับว่า เขากำลังหวาดกลัวที่จะเดินออกไปข้างหน้า
“แกคือหลี่เย้าสินะ ก็ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหนเลย!” จ้าวเหลียงสำรวจหลี่เย้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่นาน บนใบหน้าที่ร้ายกาจของเขาได้เผยรอยยิ้มที่มาดร้ายออกมา เขาพูดเสียงนุ่ม “ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ ที่ฉันไม่เข้าใจอยู่ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถแลกเปลี่ยนคำชี้แนะกับเพื่อนนักเรียนหลี่เย้าได้ เข้ามา!”
“พวกเขากำลังจะสู้กันตัวต่อตัวสินะ!” พวกเขาเอียงคอและสูดลมหายใจที่เย็นเยียบ
ในปี 40,000 แห่งการบ่มเพาะ สัตว์อสูรดุร้ายป่าเถื่อน เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ทั่วทุกหนแห่ง มนุษยชาติได้สร้างวัฒนธรรมหนึ่งขึ้นมา พวกเขามีหลักการหนึ่งที่ว่า “ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอกลายเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง” ซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ในโรงเรียนเอกชนอย่าง โรงเรียนซื่อเซียวที่สองก็ได้ดำเนินการเรียนการสอนคล้ายกับหลักนี้เช่นกัน และมีเป้าหมายที่จะสร้างอัจฉริยะออกมา พวกเขาจึงไม่ได้ห้ามไม่ให้เกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างนักเรียนด้วยกัน
นอกจากนี้ ภายในโรงเรียนก็ยังมีระบบการแพทย์ที่พรั่งพร้อม ซึ่งมีความสามารถในการรักษาราวกับปาฏิหาริย์ ที่สามารถรักษาคนที่ใกล้ตายให้หายได้ และเหล่านักเรียนก็ได้จะได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตราบใดที่ยังไม่มีใครเสียชีวิตคาที่ พวกเขาก็จะสามารถรักษาให้กลับไปเป็นแบบเดิมได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อเหล่าวัยรุ่นเลือดร้อนที่เต็มไปด้วยพลังงานต้องการมีเรื่องกัน พวกเขาก็มักจะใช้คำพูดว่า “แลกเปลี่ยนคำชี้แนะกัน” เพื่อเป็นการเริ่มต้นการต่อสู้ของพวกเขา
แต่โดยปกติแล้ว การต่อสู้ระหว่างนักเรียนมักจะเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนที่มีพละกำลังพอๆกัน ดังนั้น การต่อสู้ระหว่างจ้าวเหลียง ที่เป็นนักเรียนคลาสพิเศษ กับหลี่เย้า ที่เป็นนักเรียนคลาสสามัญ ถือเป็นการเสียหน้าอย่างใหญ่หลวงสำหรับจ้าวเหลียง
ถ้าไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนเลี่ยที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จ้าวเหลียงก็คงจะไม่มาทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของตัวเองแบบนี้ เฮ่อเปลียนเลี่ยต้องการที่จะได้เห็นหลี่เย้าถูกซัดจนฟกช้ำดำเขียวภายในวันนี้ และเว่ยเถียก็ดันถอนตัวไป
ดังนั้น หลี่เย้าจึงได้แสดงท่าทีอย่างสุภาพ และพูดออกไปว่า “นายเป็นถึงนักเรียนชั้นยอดของคลาสพิเศษ ฉันคงไม่คู่ควรกับนายหรอก ฉันขอยอมแพ้!” คำพูดเหล่านี้ ต่างเป็นสิ่งที่นักเรียนในคลาสสามัญและจ้าวเหลียงคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว และมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หลี่เย้าจะพูดออกมาแบบนี้ คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
นักเรียนของคลาสสามัญที่อยู่ภายใต้การหาเรื่องจากนักเรียนคลาสพิเศษ ก็คงจะสามารถทำได้เพียงแค่ยอมแพ้และร้องขอการให้อภัยเท่านั้น มันจะมีทางเลือกอื่นได้อย่างไร?
จ้าวเหลียงหาวออกมาและพูดออกมาอย่างหมดความอดทน “นายก็ดูเหมือนจะฉลาดดีนี่ ฉันไม่ได้อยากจะจัดการกับขยะแบบแกเลยสักนิด งั้นแกก็ทำตัวดีดี คุกเข่า แล้วยอมให้ฉันหักกระดูกแก 10 ท่อนซะ จากนั้น เรื่องนี้ก็จะ...”
คำว่า “จะ” ถูกพูดออกมาได้แค่ครึ่งคำเท่านั้น เมื่อจ้าวเหลียงรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง และเย็นขึ้นไปถึงหนังหัว สิ่งที่เขารู้สึกได้ มีเพียงลมแรงที่พุ่งเข้าใส่ เขาจึงยกมือขึ้นมาป้องกันและได้ยินเสียงดัง “ปัง” เกิดเป็นหมอกควันสีขาวระเบิดขึ้นตรงหน้าเขา เศษผงจำนวนมากได้ทิ่มแทงเข้าใสดวงตาของเขา ภาพตรงหน้าขาวกลายเป็นหิมะสีขาวขึ้นมาในทันที เกิดเป็นความเจ็บปวดขึ้นที่นัยน์ตาของเขา เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย!
“อ๊า!!!” นักเรียนคลาสสามัญต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ พวกเขาไม่กล้าเชื่อภาพที่พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นไปเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นตอนที่หลี่เย้ากำลังก้มศีรษะลงเพื่อขอโทษ อยู่ๆเขาก็เหวี่ยงมือขวาออกไป และในมือของเขาก็ยังมีถุงใส่ผงชอล์ก ที่ใช้ในยิมเพื่อลดการเสียดสีในระหว่างการออกกำลัง ซึ่งหลี่เย้าได้เอามาถือไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ได้ และในตอนนี้ ผงชอล์กเหล่านั้นก็เข้าไปอยู่ในดวงตาของจ้าวเหลียง!
จ้าวเหลียงได้สูญเสียการมองเห็นไปในทันที
หลี่เย้าได้ใช้โอกาสนี้ยกดัมเบลล์ที่หนัก 15 กิโลกรัมขึ้นมาด้วยเท้าของเขา จากนั้น เขาก็ฟาดดัมเบลล์ลงไปบนศีรษะของจ้าวเหลียง
“บูม!”
จ้าวเหลียงนั้นสมกับเป็นนักเรียนชั้นยอด ที่มีอัตราการตื่นของรากวิญญาณอยู่ที่ 60% เมื่อผงชอล์กสาดเข้าใส่ลูกตาและสูญเสียการมองเห็นไป แต่เขาก็ยังมีความระมัดระวังตัวสูงอยู่ เขารับการโจมตีของหลี่เย้าด้วยการฟังเสียงของลม และใช้แขนทั้งสองข้างป้องกันการโจมตีด้วยดัมเบลล์ไว้ได้อย่างมั่นคง!
แต่เขาก็ไม่คิดว่า หลี่เย้าจะมีความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวได้ขนาดนี้ และที่มากไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่นึกฝันมาก่อนเลยว่า หลี่เย้าจะน่าไม่อายขนาดนี้และยังใช้ดัมเบลล์โจมตีเขา ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของอีกฝ่าย ทำให้แขนทั้งสองข้างของเขารับไม่ไหวและได้รับบาดเจ็บ พละกำลังที่หลี่เย้าใช้นั้นรุนแรงจนทำให้ร่างกายของจ้าวเหลียงปลิวไปสิบกว่าเมตร!
และเป็นอีกครั้ง ที่นักเรียนคลาสสามัญต้องตกตะลึง มีนักเรียนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของศิลปะการต่อสู้ และสามารถมองออกว่า จ้าวเหลียงได้ใช้ความพยายามมากแค่ไหน ที่จะต้านทานการโจมตีของหลี่เย้า และพยายามกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่ไม่ว่าจ้าวเหลียงตั้งใจจะทำอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะในตอนสุดท้าย หลี่เย้าก็ส่งเขาปลิวไปอยู่ดี แค่การเตะเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้ทุกคนฮือฮาได้!
“ถุย!”
จ้าวเหลียงที่อยู่ไกลออกไปสิบกว่าเมตรได้ถ่มเลือดออกมา ความโกรธเกรี้ยวได้ลุกไหม้อยู่ภายในร่างกายของเขา เขารู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คล้ายกับเรือลำใหญ่ที่ถูกคว่ำด้วยเรือเล็กจ้อย วันนี้ เรื่องควรจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาดไปหมด ในจุดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะล้มเจ้าเด็กนี้ลงได้ เขาก็จะกลายเป็นตัวตลกของนักเรียนในคลาสพิเศษอยู่ดี
แกมันน่ารังเกียจ! แกมันน่าไม่อาย! แกใช้ทั้งผงชอล์ก ทั้งดัมเบลล์! แต่ฉันคิดว่า แกคงจะไม่รู้ว่าอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของฉันไม่ใช่แขน แต่เป็นขาของฉันต่างหาก!”
จ้าวเหลียงหัวเราะออกมาด้วยท่าทางที่น่าหวาดกลัว เขาใช้สองนิ้วทิ่มไปที่ตาทั้งสองข้างของตัวเอง น้ำตาจำนวนมากได้ไหลออกมาจากตา ทำให้ผงชอล์กที่อยู่ในตาของเขาถูกชะล้างออกไป และในที่สุด ดวงตาที่พล่ามัวของเขาก็กลับมาเห็นชัดอีกครั้ง เขามองตรงไปที่หลี่เย้า
“ฉันจะฆ่าแก!”
ขาทั้งสองข้างของจ้าวเหลียงเปลี่ยนรูปคล้ายกับงูสองตัว จนเกิดเป็นเสียงหวีดแหลม เพียงแค่กระโดดครั้งเดียว เขาก็สามารถไปได้ไกลกว่าสิบเมตร ขาซ้ายของเขาย้ำลงพื้นอย่างรุนแรง จนแผ่นไม้ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าแตกละเอียดและเป็นเศษเล็กเศษน้อย และเข่าขวาของเขาก็ราวกับเสือที่ดุร้าย ที่พุ่งตรงมาราวกับสายฟ้าฟาด!
เทคนิคที่ร้ายกาจที่สุดของ 13 เทคนิคสัตว์อสูรสงคราม...ท่าเตะไทเกอร์สไตร์!
มันใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีเท่านั้น ที่เข่าของเขาพุ่งจู่โจมเข้าใส่หลี่เย้า หลี่เย้าจึงไม่สามารถตอบสนองและทำการป้องกันได้ทัน เข่าของจ้าวเหลียงพุ่งตรงเข้าใส่กลางอกของหลี่เย้าในทันที
“อา!”
นักเรียนหญิงบางคนได้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ และเผลอยกมือขึ้นมาปิดตา พวกเขาไม่สามารถทนเห็นภาพนองเลือดที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
...ในตอนที่จ้าวเหลียงกำลังกรีดร้องเพราะผงชอล์กเข้าตาไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว หลี่เย้าก็ได้หยิบแผ่นเหล็กหนัก 15 กิโลและใส่เอาไว้ในเสื้อของเขาเพื่อป้องกันส่วนหน้าอกของเขาเอาไว้ และทุกคนก็เห็นสิ่งที่เขาทำอย่างชัดเจน
“เคร้ง!”
เสียงที่คล้ายกับระฆังวัดดังออกมาจากหน้าอกของหลี่เย้า
จ้าวเหลียงรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทงตรงกระดูกสะบ้าของเขา
ถึงแม้ว่ากระดูกสะบ้าของจ้าวเหลียงจะแข็งมาก แต่มันก็ไม่สามารถเทียบกับเหล็กได้ เขาได้ใส่แรงทั้งหมดลงไปที่ท่าเข่าของเขา และนั่นก็ทำให้เข่าขวาของเขาได้รับความเสียหายไปเต็มๆ! จนกระดูกแหลกละเอียด!
นายทหารที่แข็งแกร่งและประสบการณ์สูง อาจจะสามารถยืนหยัดอดทนกับความเจ็บปวดอยู่ได้ ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บที่เข่า และยังสามารถต่อสู้ต่อได้ แต่ไม่ว่าจ้าวเหลียงจะเก่งกาจและดุดันมากแค่ไหน เขาก็ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยมคนหนึ่งเท่านั้น การที่หัวเข่าของเขาได้รับบาดเจ็บ อาจจะทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทั้งหมดไป
จ้าวเหลียงกรีดร้องออกมาอย่างทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า เขาล้มลงไปกับพื้นด้วยความตกตะลึง ความเจ็บปวดได้ทำให้ร่างกายของเขาชักกระตุกขึ้นมา
หลี่เย้าเปิดเสื้อยูนิฟอร์มของโรงเรียนเพื่อนำแผ่นเหล็กออกมา แล้วจึงพบว่า มีรอยแตกเล็กๆอยู่ตรงกลางแผ่นเหล็กด้วย เห็นได้ชัดว่า ถ้าเขาไม่นำเอาแผ่นเหล็กใส่เอาไว้ที่หน้าอก กระดูกส่วนหน้าอกของเขาก็คงจะแตกร้าวไปแล้ว
“ท่าเตะไทเกอร์สไตร์ทรงพลังมากจริงๆ!” หลี่เย้ายกคิ้วและชื่นชมฝ่ายตรงข้าม เขาสำรวจดูคู่ต่อสู้ของเขา จากนั้น เขาก็เดินไปยังแท่งเหล็ก
หลี่เย้าใส่มือซ้ายไว้ที่กระเป๋ากางเกง ส่วนมือขวาของเขาได้หยิบแผ่นเหล็กขึ้นมา และใส่มันเข้าไปในแท่งเหล็กแต่ละข้าง ในตอนนี้ ที่ยกน้ำหนักมีน้ำหนักอยู่ห้าสิบกว่ากิโล เขาพยายามแกว่งที่ยกน้ำหนักดูเล็กน้อย “วูซ วูซ” จนเสียงวาดผ่านอากาศขึ้น ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกขนหัวลุก
หลี่เย้าเดินตรงไปยังจ้าวเหลียงพร้อมกับถือแท่งยกน้ำหนักไปด้วย
ความร้ายกาจที่มักจะอยู่บนในหน้าของจ้าวเหลียงเสมอได้หายไปกว่าครึ่ง และมีความหวาดกลัวระบายอยู่แทนที่ เสียงกรีดร้องได้หยุดชะงักไป และกลายเป็นเสียงวิงวินขอร้องแทน “แก แกคิดจะทำอะไร? อย่าเข้ามาใกล้นะ!”
“เสี่ยว เสี่ยวเย้า ใจเย็นหน่อยเถอะ! มันไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้เลยนะ!” ทุกคนต่างตกตะลึงและพูดไม่ออก มีแค่เพียงเพื่อนสนิทของเขา เมิ่งเจียงเท่านั้นที่หลุดออกจากอาการตกตะลึง และได้พยายามโน้มน้าวใจหลี่เย้า
หลี่เย้าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็หมุนตัวและนำแท่งยกน้ำหนักกลับไปวางไว้ที่เดิม “โอเค ถึงยังไงเราทุกคนก็เป็นเพื่อนนักเรียนกัน ฉันก็ไม่อยากจะทำรุนแรง...”
“นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว...แก! แกคิดจะทำอะไรน่ะ!” จ้าวเหลียงที่เพิ่งจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่แล้ว เขาก็เห็นหลี่เย้าเดินไปหยิบแท่งยกน้ำหนักที่มีความเบากว่า แต่ก็ยังหนักไม่ต่ำกว่า 40 กิโล ปากที่เพิ่งจะหุบไปของจ้าวเหลียง ก็เบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
และหลี่เย้าก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาพูดด้วย เขาเดินไปยังด้านซ้ายของจ้าวเหลียงและชูแท่งยกน้ำหนักขึ้นสูง โดยตั้งใจที่จะสร้างความเสียหายให้กับเข่าซ้ายของจ้าวเหลียง
“แก—แกไม่รู้หรือไง!? ว่าคุณชายเฮ่อเหลียนเลี่ยเป็นคนส่งฉันมาที่นี่น่ะ!” จ้าวเหลียงกรัดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ดูราวกับกุ้งยักษ์ที่กำลังจะตาย
“แล้วมันจะทำไม?” หลี่เย้าถาม
แท่งยกน้ำหนักถูกฟาดลงไปอย่างรุนแรง จะเกิดเสียงหวีดหวิวของลม
“เปรี้ยง!”
ขาทั้งสองข้างของจ้าวเหลียงบิดเบี้ยวจนผิดรูปทรง เขาเจ็บปวดจนน้ำลายฟูมปากและตาเหลือกจนเหลือแต่ตาขาว เขาได้ช็อกไปแล้วเรียบร้อย