บทที่ 121 บทสวดขั้นที่สองของศาสตร์นิรนาม
เจียงอี้ส่ายหัว และบังคับให้ตัวเองสงบลง เขาไม่ได้มองสมบัติที่ดึงดูดใจเหล่านั้นอีกต่อไป เขากลับไปค้นทั่วทั้งห้องโถงเพื่อหาทางออกใหม่
มันก็เท่านั้น...
ห้องนี้คล้ายกับโถงใหญ่ โถงนี้ไม่มีประตูหรือหน้าต่างใดๆยกเว้นประตูขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง
เจียงอี้ลุกขึ้นไปและออกตระเวนไปตามห้องโถงเล็กๆทั้งหมดอย่างพิถีพิถัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้โชคดีในครั้งนี้ หลังจากค้นหาอีกสองชั่วโมง เขาก็ไม่พบร่องรอยของทางออกเลย
“ราชันสวรรค์หมื่นมังกร?”
เขามองโครงกระดูกที่นั่งอยู่บนเตียงหยก เขาสำรวจห้องโถงทั้งหมดยกเว้นเตียงหยกที่เขายังไม่ได้สำรวจดู
“ท่านผู้อาวุโส ยกโทษให้พฤติกรรมที่หยาบคายของข้าด้วย!”
เจียงอี้ทนความกดดันจากโครงกระดูกและเดินช้าๆไปที่เตียงหยก เขาใช้สายตาเพื่อค้นหาทุกมุมของเตียงหยก
เสื้อคลุมสีเหลืองสดใสนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ ศพนั้นเน่าไปจนเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว แต่เสื้อคลุมไม่มีร่องรอยของการสึกหรอ?
เจียงอี้คิดในใจ เมื่อเขามองไปที่เสื้อคลุมสีเหลืองอร่าม เขาไม่กล้าทำสิ่งที่ดูหมิ่นเหยียดหยามต่อซากศพ ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อคลุมนี้ก็มีลักษณะคล้ายกับเสื้อคลุมราชวงศ์ที่สวมใส่โดยขุนนางของแคว้น เจียงอี้คงไม่กล้าสวมใส่แม้ว่าเขาจะได้เป็นของขวัญให้เขาก็ตาม
“เอ๊ะ?”
ทันใดนั้นดวงตาของเจียงอี้ก็สว่างขึ้น เขาพบขวดหยกขาวและกล่องหยกใต้โครงกระดูก สิ่งของเหล่านี้จะต้องอยู่ในร่างของราชันสวรรค์หมื่นมังกร แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นโครงกระดูก กล่องหยกและขวดหยกก็ถูกวางลงบนเตียงหยก
“เม็ดยาและสมบัติระดับสูงสุด! เมื่อมันอยู่บนร่างของเขา มันคงไม่มีข้อจำกัดอะไรใช่ไหมนะ?”
เจียงอี้ใจสั่นด้วยความกระตือรือร้น เม็ดยาจากข้าวของของราชันที่แท้จริงไม่เพียงแต่จะเป็นเม็ดยาระดับพิภพทั่วไป อย่างน้อยมันจะต้องอยู่ระดับสวรรค์หรือแม้แต่ระดับศักดิ์สิทธิ์ หากสมบัติทั้งหมดของเขาถูกวางไว้ในห้องนอน ยกเว้นกล่องหยกและขวดหยกนี้ สิ่งของทั้งสองนี้จะต้องมีค่าเกินกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
“ข้าจะลองดู!”
เจียงอี้กัดฟันของเขาและยื่นมือออกไปด้วยความเร็วสูงเพื่อคว้าขวดหยกและกล่องหยก ในที่สุดโชคของเขาก็อยู่ที่นี่ ขวดหยกและกล่องหยกไม่มีข้อจำกัดใดๆและได้รับมาอย่างง่ายดาย
“ฟึ่บบ!”
เจียงอี้ถอยกลับไปอย่างเร่งรีบและนั่งอยู่ที่มุมห้องโถงก่อนจะยกกล่องหยกและขวดหยกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นมองดูมันซ้ำๆ
“นี่คือของที่ยอดเยี่ยม! ของที่ยอดเยี่ยมม!”
เจียงอี้ส่งเสียงของเขาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ต้องมองเข้าไปข้างในก็รู้ว่าขวดหยกและกล่องหยกนี้เป็นสมบัติล้ำค่า ขวดหยกนั้นมีประกายและโปร่งแสงเหมือนชิ้นหยกที่ไร้ที่ติ กล่องหยกนั้นถูกแกะสลักด้วยลวดลายลึกลับที่ไม่ได้ตกแต่งใดๆ
“มาดูกันเถอะว่ามีอะไรอยู่ข้างใน...”
เจียงอี้ใช้กำลังของเขาดึงจุกขวดออกจากขวดหยก ทันทีที่เขาดึงจุกขวดออก ทั่วทั้งร่างของเขาก็สั่นเทา น้ำหอมที่ทำให้จิตวิญญาณสดชื่นและจิตวิญญาณกระจายออกมาจากขวด กลิ่นหอมทำให้เจียงอี้รู้สึกสบายตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกราวกับว่าเขากระโดดลงไปแช่อยู่ในน้ำพุร้อนในฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น
“ของดี!”
เจียงอี้มองเข้าไปในขวดอย่างรวดเร็วและเห็นเม็ดยาสีทองอันรุ่งโรจน์สองเม็ด ไม่จำเป็นต้องประเมินสิ่งเหล่านี้ก็รู้ว่าอย่างน้อยพวกมันก็เป็นเม็ดยาระดับสวรรค์อย่างแน่นอน เจียงอี้ครอบครองเม็ดยาพิภพ แต่เขารู้สึกว่ามันอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับเม็ดยาที่อยู่ก้นขวดนี้
“ข้าจะเก็บมันไว้!”
เจียงอี้เก็บมันลงไป เขาไม่กล้าที่จะดูดซับมัน หากผลกระทบจากยานั้นท่วมท้นเกินไป มันอาจทำให้เส้นลมปราณของเขาแตกซ่านได้
“สมบัติล้ำค่า!”
เจียงอี้กลืนน้ำลายก่อนจะมองกล่องหยกในมืออีกข้าง เขาจ้องมองที่กล่องครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดมันอย่างช้าๆ
“มันคืออะไร?”
ผลที่ได้รับนั้นน่าผิดหวังเล็กน้อยสำหรับเจียงอี้ มีสมบัติอยู่ภายในกล่องหยก แต่มันเป็นเพียงไข่มุกสีแดงที่มีขนาดเท่าลิ้นจี่ มันไม่ได้เปล่งประกายแวววาวเหมือนสมบัติอื่นๆภายในห้องนอน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นหินสีแดงทั่วไป
“มันไม่เข้าท่าเลย!”
เจียงอี้กระพริบตาอย่างสงสัย สมบัติทั้งหมดมีแสงส่องแวววาว แม้แต่สิ่งประดิษฐ์ที่ระดับต่ำสุดจะมีแสงที่ส่องออกมาเล็กน้อย เมื่อผู้ใช้รวมแก่นแท้พลังของพวกเขา อาวุธก็จะเปล่งแสงออกมา เช่นสมบัติทั้งหมดในห้องนี้ ซึ่งเปล่งแสงออกมาแม้ไม่มีแก่นแท้พลังใดๆ ราชันสวรรค์หมื่นมังกรคงไม่ถือสิ่งของธรรมดาไว้กับตัวเขาที่ดูเหมือนจะเป็นแค่ไข่มุกสีแดงหรอกใช่ไหม?
เขาหยิบไข่มุกสีแดงขึ้นมาด้วยความสงสัยและเมื่อมือของเขาสัมผัสกับไข่มุก บางสิ่งก็เกิดขึ้น!
แก่นแท้พลังสีดำหลายเส้นที่อยู่ในตันเทียนของเจียงอี้พุ่งออกมาอีกครั้งอย่างไม่สามารถควบคุมได้และเข้าไปในไข่มุกสีแดงทันที
“อ๊ะ?”
เจียงอี้หยุดชั่วขณะก่อนที่จะโยนไข่มุกสีแดงออกไป ... ราวกับว่าเขาเห็นปีศาจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อเขามองไข่มุกที่กลิ้งอยู่บนพื้น เขาปิดตาของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อดูภายในตันเทียนของเขา อย่างที่คาดไว้ แก่นแท้พลังสีดำภายในตันเทียนของเขาหายไปหมดเกลี้ยงเลย
“นี่…ไข่มุกนี่เป็นสิ่งชั่วร้ายหรือเปล่า? มันสามารถดูดซับแก่นแท้พลังสีดำของข้าได้โดยอัตโนมัติจริงๆหรือ?”
เจียงอี้รู้สึกหวาดกลัว ความรู้สึกที่เจอสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมนั้นเป็นความกลัวที่เลวร้ายที่สุด มันดูดซับแก่นแท้พลังสีดำก่อนหน้านี้ มันจะดูดซับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินของเขาต่อหรือไม่? ถ้าหลังจากที่มันกลืนแก่นแท้พลังสีน้ำเงินไปแล้ว มันจะเริ่มดูดซับเลือดของเขาหรือไม่? เขาจะไม่ตายใช่ไหม?
หลังจากดูดซับแก่นแท้พลังสีดำไปเจ็ดหรือแปดเส้น ไข่มุกสีแดงก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ มันตั้งอยู่ที่พื้นเหมือนก้อนหินทั่วไป เจียงอี้นั่งอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ เขาหยิบไข่มุกสีแดงนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงอี้รู้สึกโล่งใจหลังจากพบว่าไข่มุกสีแดงไม่ดูดซับแก่นแท้พลังสีน้ำเงินของเขา รวมทั้งเลือดและเนื้อของเขาด้วย เขาพยายามที่จะห่อหุ้มไข่มุกด้วยแก่นแท้พลังสีน้ำเงินของเขา แต่ไข่มุกนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเหมือนมันเป็นวัตถุที่ตายแล้ว
ข้าควรปล่อยให้มันดูดซับแก่นแท้พลังสีดำมากกว่านี้หรือไม่?
เจียงอี้ไตร่ตรองและมีความคิดที่บ้านบิ่นขึ้น เจียงอี้รู้ว่าไข่มุกนี้จะต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ แต่เขาไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ถ้าเขาจะเลี้ยงไข่มุกให้ดูดซับแก่นแท้พลังสีดำมากขึ้น มันอาจจะสามารถปรับแต่งหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เมื่อเขาคิดเขาก็ทำมัน อย่างไรก็ตาม เมื่อที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์พลังงาน การบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำสิบเส้นนั้นก็คงไม่ได้ใช้เวลานานเกินไป
เจียงอี้นั่งขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะพลัง เมื่อบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำสิบเส้นแล้ว เขาก็หยิบไข่มุกขึ้นมา แก่นแท้พลังสีดำของเขาพุ่งเข้าหาไข่มุกสีแดงอย่างไม่สามารถควบคุมได้และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่หลังจากดูดซับแก่นแท้พลังสีดำอีกสิบเส้นแล้ว ไข่มุกสีแดงนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เจียงอี้รีบบ่มเพาะแก่นแท้พลังสีดำอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการดูว่าไข่มุกนี้สามารถดูดซับได้มากแค่ไหน
สิบเส้น, ยี่สิบเส้น, ห้าสิบเส้น…หนึ่งร้อยเส้น!
“ฮึ่มมม!”
หลังจากดูดซับแก่นแท้พลังสีดำไปหนึ่งร้อยเส้น ไข่มุกสีแดงก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทั่วทั้งไข่มุกปล่อยแสงสีแดงออกมาเล็กน้อย บนพื้นผิวของไข่มุกมีภาพจางๆของลวดลายมังกรสีแดงที่ไหลไปมา มันดูลึกลับมาก!
ณ ตอนนี้ เจียงอี้มองไม่เห็นรูปแบบของมังกร เพราะ…ใจของเขาตอนนี้รู้สึกราวกับว่ามันจะระเบิด วิญญาณของเขารู้สึกเหมือนถูกฉีกขาดออกจากกันและความเจ็บปวดก็เข้าแทรกจนเขาต้องกลิ้งตัวอยู่ตลอดเวลา
การแสดงออกของเขาอาจเต็มด้วยความเจ็บปวด แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความสงสัย ในขณะนี้ความคิดของเขามีถ้อยคำสีดำเกือบร้อยตัวที่ปรากฏออกมาอย่างไม่มีที่มา คำพูดเหล่านี้เหมือนกับลูกอ๊อดที่หมุนเวียนและว่ายอยู่ภายในใจของเขา
“แก่นแท้พลังแห่งเต๋า, ปฐมวิญญาณแห่งวรยุทธ ... วิถีทางที่เหมาะสมและความชอบธรรมของสวรรค์, บัญญัติซึ่งสอดคล้องกับความสงบ...”
เจียงอี้ทนความเจ็บปวดและพูดพึมพำในใจของเขา ในไม่ช้าสายตาของเขาก็สว่างขึ้นขณะที่อุทานออกมาว่า “นี่คือ ... บทสวดขั้นที่สองของศาสตร์นิรนาม?”
กลับไปเมื่อตอนที่เขาอยู่เมืองเทียนอวี่…หลังจากเขาถูกเจียงหยูหู่ทำร้าย เขาก็ถูกปลุกและตื่นขึ้นมาด้วยวรยุทธไร้นาม แต่ตัวอักษรของวรยุทธนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นบทสวดสำหรับขั้นแรก
แต่ตอนนี้ เพราะไข่มุกสีแดงที่ลุกวาวขึ้นมา มีประโยคบางประโยคปรากฎขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง และเห็นได้ชัดว่าประโยคในอดีตและประโยคต่อมานั้นมีความสัมพันธ์กัน และไม่มีคำอธิบายอื่นๆที่จะสามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรยกเว้นเสียแต่ว่ามันคือบทสวดขั้นที่สอง