บทที่ 119 สุสานราชันสวรรค์ที่แท้จริง
"นี่ข้าตายแล้วหรือ? ที่นี่คือปรโลก? ทำไมปรโลกช่างสว่างเช่นนี้?"
เจียงอี้ตื่นขึ้นมาและไม่สามารถลืมตาได้เนื่องจากแสงจ้าเกินไป เขาส่ายหัวอย่างงุนงงและรู้สึกว่าคอแห้งผิดปกติ เขากลืนน้ำลายและเลียริมฝีปากของเขา เขาสามารถเปิดตาของเขาหลังจากนั้นไม่นาน
"เอ๊ะ?"
ภาพตรงหน้าทำให้เขางุนงง เขานอนอยู่ในห้องโถงใหญ่และเขาถูกล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์ที่มีงานแกะสลักลึกลับอยู่ เพดานสูงอย่างน้อยสามสิบเมตรและมีภาพแกะสลักที่ซับซ้อนคล้ายกัน มันถูกฝังด้วยหินซึ่งส่องแสงสีขาวทำให้รู้สึกถึงความสง่างาม เรียบง่ายโดยไม่ต้องตกแต่งใดๆ
เขาจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยายามบิดคอและมองไปรอบๆ เขาตระหนักได้ว่าห้องโถงใหญ่แห่งนี้มีกำแพงสีเขียว ไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ไม่ต้องพูดถึงประตู แต่เขาก็ไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เขากลับรู้สึกพิศวงแทน
ในที่สุดดวงตาของเขาก็หยุดที่กำแพงหินข้างหน้า ตรงนั้นมีรูปปั้นขนาดยักษ์ที่กำลังลอยอยู่ซึ่งดูเหมือนชายคนหนึ่ง เป็นชายชราสวมเสื้อคลุมสีดำ
"ชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำผู้นี้ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ มันเป็นเพียงประติมากรรม แต่มันทำให้ข้ารู้สึกหายใจไม่ออก เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับราชันย์สวรรค์?"
เจียงอี้มองเข้าไปในดวงตาของรูปปั้นและทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่นสะเทือนราวกับฟ้าผ่า เขาหลับตาทันทีและไม่กล้ามองอีกต่อไป
เขานึกไปถึงรูปปั้นของราชันสวรรค์สังหารที่อยู่ในโถงจารึกเทพ มันสร้างความหวาดกลัวที่คล้ายกันออกมา
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเขาเข้าไปในกับดักมรณะ มันกำลังจะทำให้เขากลายเป็นฝุ่น ในขณะนั้นเขาเป็นลมจากแรงกดดันบางอย่าง แต่ทำไมเขาไม่ตาย แต่กลับมาติดอยู่ในสถานที่แปลกๆนี้แทน?
"แก่นแท้พลังสีดำ!"
ทันใดนั้นดวงตาของเจียงอี้ก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเขาจำพฤติกรรมแปลกๆจากแก่นแท้พลังสีดำของเขาได้ลางๆก่อนที่เขาจะหมดสติ ข้อมูลจากเฉียนว่านก้วนนั้นถูกต้องแน่ๆ
ใครก็ตามที่แตะกับดักมรณะจะต้องตายอย่างแน่นอน แม้กระทั่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ เจียงอี้ผู้ซึ่งอยู่ในขั้นที่หกของขอบเขตฉูติ่งนั้นก็ควรจะตายด้วยเช่นกัน คำอธิบายเดียวสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ก็คือแก่นแท้พลังสีดำช่วยเขาไว้!
"แก่นแท้พลังสำดำนี่มันคืออะไรกันแน่? มันไม่ได้ลึกลับเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีความสามารถในการผสมผสานกับแก่นแท้พลังอื่นๆ เสริมพลังให้แก่นแท้พลังและเม็ดยาดีขึ้น เสริมสร้างประสาทสัมผัสทั้งหมดของมนุษย์ แถมยังสามารถสื่อสารกับราชันสวรรค์สังหารได้อีก? ในตอนนี้ แก่นแท้พลังสีดำยังช่วยข้าจากกับดักมรณะ ... ด้วยการเปลี่ยนมันให้กลายเป็นกับดักเคลื่อนย้ายและส่งข้ามายังสถานที่แปลกๆนี้? "
เจียงอี้พึมพำด้วยใจที่สับสน เขาคิดว่าศาสตร์นิรนามนี้มาจากไหน? เจียงหยุนไฮ่เคยกล่าวไว้ว่าอาจจะไม่ใช่แม่ของเขาที่เป็นคนทิ้งไว้ ดังนั้น ใครคือผู้ที่มอบศาสตร์นิรนามนี่ให้แก่เขา? และใครกันที่เป็นคนผนึกเขา?
มีข้อสงสัยมากเกินไปและเจียงอี้ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาสลัดความคิดเหล่านั้นทั้งหมดออกไปและพยายามลุกขึ้นนั่ง เขาหยิบเม็ดยามากินเพื่อเริ่มฟื้นฟูและทำสมาธิ
นี่เป็นที่อับอากาศที่ไม่มีทางออก เขาต้องรีบฟื้นร่างกายอย่างรวดเร็วและหาทางออก ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงจะตายจากความอดอยากอยู่ที่นี่
สำหรับ…เรื่องภายนอก เจียงอี้ไม่กล้าคิดเลย เขากลัวว่าเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หัวใจของเขาก็จะปวดร้าว ซูรั่วเสวี่ยเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ถ้านางไปถึงมือของเจียงนี่หลิว ... เจียงอี้ไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ!
"เอ๊ะ?"
เมื่อเจียงอี้เริ่มทำสมาธิ เขาก็รู้สึกแปลกๆ เขาไม่ได้ใช้เม็ดยาระดับพิภพสำหรับการทำสมาธินี้เพราะเขาไม่มีแก่นแท้พลังสีดำเหลืออยู่ในตันเทียนของเขาและไม่มีทางที่จะเพิ่มผลของเม็ดยาได้ แต่ตอนนี้ความเร็วในการฝึกฝนของเขาเร็วขึ้นห้าเท่า!
"ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?"
ห้องบ่มเพาะพลังภายในสำนักจิตอสูรมีความเร็วที่มากกว่าปกติสามเท่าแล้วและเป็นหนึ่งในสามสำนักที่สำคัญของทวีป แต่พลังในห้องโถงใหญ่นี้มีความหนาแน่นสูงกว่าที่ห้องห้องบ่มเพาะพลังในสำนัก เห็นได้ชัดว่าความเข้มข้นของพลังนั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก!
“ช่างมันก่อน การพักฟื้นต้องมาก่อน!”
เจียงอี้หยุดคิดและบ่มเพาะพลังอย่างสงบ เมื่อแก่นแท้พลังสีดำของเขาถูกเติมใหม่ เขาจะเสริมพลังให้กับเม็ดยาและใช้แก่นแท้พลังเพื่อเติมเต็มการฟื้นตัว
อีกสองชั่วโมงต่อมาเจียงอี้ก็ลืมตาขึ้น อาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปกติ แต่เขาไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เขาเตรียมหาทางออก
แต่หลังจากสำรวจทั่วทั้งโถงแล้วและใช้วิสัยทัศน์ที่ได้รับการปรับปรุงด้วยแก่นแท้พลังสีดำของเขาเพื่อมองหากลไก เจียงอี้ก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง เขาค้นหามาสองชั่วโมงและไม่พบอะไรในห้องโถงใหญ่เลย นี่คือสถานที่แห่งความตาย คุกที่ถูกผนึกไว้!
"ไม่มีทางออก ... "
เจียงอี้นั่งอยู่บนพื้นน้ำแข็งด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ในขณะที่เขาจ้องไปที่ห้องโถงว่างเปล่า เขารอดพ้นจากความตายด้วยความยากลำบากอย่างมากและเข้าไปในหลุมศพเอง ทำให้เขามีทั้งความหวังและความสิ้นหวัง
"ข้าสงสัยจังว่าแม่นางซูรั่วเสวี่ยกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้"
จินตนาการของเจียงอี้เริ่มอาละวาด เขาจำฉากที่พร่ามัวในใจของเขาได้และรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกเฉือนด้วยมีด เมื่อเขาคิดว่าร่างของซูรั่วเสวี่ยม้วนอยู่ที่พื้นและใบหน้าอันมีเสน่ห์ของนางกำลังเจ็บปวด
หลังจากผ่านไปสองสามเดือน ซูรั่วเสวี่ยก็ไม่เหมือนอาจารย์สำหรับเจียงอี้อีกต่อไป นางเป็นเหมือนพี่สาวและเหมือนสหายมากขึ้น เจียงอี้ประทับใจมากและไม่รู้ว่าจะชดใช้หนี้คืนได้อย่างไร ซูรั่วเสวี่ยรู้ว่านางจะตายถ้านางเข้ามาในสุสาน แต่นางก็ยังดื้อรั้น
เขาประสบความอัปยศอดสูมาตั้งแต่เด็ก มีเพียงเจียงหยุนไฮ่และเจียงเสี่ยวนู๋ นอกนั้นก็ไม่มีใครปฏิบัติกับเขาอย่างดีมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความใจดีนั้นมาจากเพศตรงข้ามและความงามที่มีสถานะที่น่านับหน้าถือตา ความงามที่สามารถทำให้อาณาจักรล่มสลายลงได้
"ข้าจะยอมแพ้ไม่ได้ แม่นางซูรั่วเสวี่ยยังคงรอให้ข้าไปช่วยนาง ข้าจะยอมรับชะตากรรมของข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"
เจียงอี้ดึงตัวเองให้ยืนขึ้นและเริ่มค้นหากลไกเพื่อออกจากที่นี่ เขาหมุนไปรอบๆห้องโถงใหญ่ด้วยความเร็วสูงและใช้หมัดของเขากระแทกทุกอย่าง พยายามเปิดใช้กลไกทุกสิ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ค้นหาอีกสองชั่วโมง เขาเกือบจะค้นผ่านทุกซอกทุกนิ้วของห้องโถงใหญ่แล้ว แต่เขาไม่สามารถหาอะไรได้เลย
ในที่สุดเขาก็มองไปยังรูปปั้นที่อยู่ข้างหน้า รูปปั้นมนุษย์นี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่กล้าสัมผัส เขากลัวบางอย่างที่อาจจะฆ่าเขาในทันที แต่เขาก็ไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป!
เขายืนห่างจากรูปปั้นหลายเมตรและทนแรงกดดันที่มาจากรูปปั้น ในขณะที่สังเกตรายละเอียด ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับรูปปั้น ดวงตาของรูปปั้นนี้ไม่ได้ทำมาจากหิน แต่ถูกฝังด้วยอัญมณี!
"ข้าจะลองดู!"
เจียงอี้กัดฟันของเขาแล้วกระโดด เขาใช้มือทั้งสองข้างผลักดวงตาของรูปปั้นออก
"ฟุ่บ.."
เมื่อมือของเจียงอี้สัมผัสดวงตา มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น แรงกดดันอันทรงพลังได้ถูกปล่อยออกมาจากรูปปั้น ซึ่งส่งเจียงอี้ปลิวออกไปหลายเมตรและกระแทกเข้าไปที่แท่งสัญลักษณ์หนึ่ง
"อุกก..."
เจียงอี้ลุกกลับขึ้นมาและพ่นเลือดออกมาอึกหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดีและตอนนี้ก็ยิ่งแย่ลงไปอีก เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของเขาและมองตรงไปที่รูปปั้นด้วยการแสดงออกที่น่าผิดหวัง
เขาสัมผัสกับบางสิ่งของรูปปั้นจริงๆ นอกเหนือจากแรงระเบิดที่มองไม่เห็นแล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆภายในห้องโถงใหญ่เลย สถานที่นี้ยังคงเป็นคุกอยู่
เขามองไปรอบๆและยืนยันว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะนั่งลงด้วยความผิดหวังและเริ่มฟื้นตัว เขาใช้พลังของแก่นแท้สีดำและเตรียมพร้อมที่จะใช้เสริมฤทธิ์ของเม็ดยา เมื่อเขากำลังปลดปล่อยแก่นแท้พลังสีดำ ดวงตาของเขาก็เปิดกว้างออก จากนั้นเขาก็อุทานว่า "ใช่แล้ว! แก่นแท้พลังสีดำ! เนื่องจากพลังของแก่นแท้สีดำสามารถเปลี่ยนแปลงกับดักมรณะได้ มันอาจจะสามารถติดต่อกับดวงตาของรูปปั้น?"
"ย๊าาา!"
เจียงอี้ไม่สนใจกับอาการบาดเจ็บและทำตามความคิดของเขาทันที ร่างของเขาพุ่งไปข้างหน้าในขณะที่เขาไหลเวียนแก่นแท้พลังสีดำไว้บนฝ่ามือ จากนั้นเขาก็กระแทกมือของเขาอย่างรุนแรงไปที่ดวงตาของรูปปั้น
"ปัง!"
แรงกดดันอันทรงพลังได้ถูกปล่อยออกมาจากรูปปั้นอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้เจียงอี้ปลิวไปไกล
"โอ๊ย!"
เจียงอี้ร่วงลงไปสองสามรอบก่อนจะยืนขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือมองไปที่รูปปั้นซึ่งนำความปีติยินดีมาสู่ใบหน้าของเขา ดวงตาของรูปปั้นนั้นส่องสว่างขึ้นตามด้วยประติมากรรมทั้งหมด แสงสว่างจ้าที่ทำให้มองไม่เห็นนั้นราวกับดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้เจียงอี้สั่นไหว