ตอนที่ 5 ผู้รอดชีวิต (ตอนสุดท้าย)
ถังหยูค่อยๆเดินอย่างระมัดระวังไปตามทางขึ้นเขา เส้นทางนี้มันอยู่นอกเหนืออาณาเขตที่สามารถตรวจเช็คได้จากคริสตัลบอล เขาเห็นปิศาจบินขึ้นเป็นครั้งคราว แต่มันก็ถูกหุ่นหมายเลขหนึ่งเข้าโจมตีใส่จนกลายเป็นเพียงเศษเนื้อ
หลังจากมาถึงหน้าโรงแรมที่ดูว่างเปล่า ที่ๆเมื่อก่อนเคยเป็นคฤหาสน์และมีสิ่งก่อสร้างมากมายอยู่เต็มจตุรัส แต่ตอนนี้ดูเหมือนสถานที่เหล่านั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว
หมายเลขหนึ่งใช้เสียงล่อเหล่าปิศาจสังหารพวกมัน ในขณะที่ถังหยูตัดหัวของศพพวกมันอยู่ด้านหลัง เขาอยากรู้ว่าศพพวกนี้จะมีคริสตัลต้นกำเนิดอยู่ข้างในหรือไม่
เวลาผ่านไปสักพัก คริสตัลต้นกำเนิดก็ได้แสดงออกมาให้เห็น มันส่องแสงเลือนรางอยู่บนฝ่ามือของเขา
“ทำไมฉันรู้สึกว่าการสังหารพวกปิศาจเพื่อหาคริสตัลต้นกำเนิดมันคุ้มค่ากว่าการไปค้นหาในที่ๆพวกปลุกพลังเคยอาศัยมากนัก?” ถังหยูยังคงไม่เข้าใจถึงความจนของเหล่าผู้ปลุกพลัง การใช้คริสตัลต้นกำเนิดไปถึง 100 หน่วยที่ได้มาจากที่อยู่อาศัยทั้งหมดของพวกปลุกพลังมันดูมากมายเพราะมันหาได้ยากเหลือเกิน
หลังจากที่เคลียเหล่าปิศาจในพื้นที่รอบๆเสร็จ ถังหยูสั่งให้หมายเลขหนึ่งเดินเข้าไปที่โรงแรมโดยเขาเดินตามหลังมาติดๆ
ทันใดนั้น เขาเห็นเงามืดอยู่ที่เพดาน ก่อนที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้น มันคือเสียงที่รวมกับเป็นคลื่นเสียงที่ทรงพลัง ฝุ่นดินรอบๆลอยขึ้นมารวมตัวกัน สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือร่างของปิศาจ เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดถึงรูปร่างของมันเพราะมันเป็นเหมือนเศษเนื้อ
ถังหยูกลืนน้ำลาย
เขาไม่รู้ว่าเขาตื่นกลัวอะไรมากกว่ากันระหว่างปิศาจกับหมายเลขหนึ่ง เพราะหุ่นตัวนี้แข็งแกร่งมาก คงไม่น่าประหลาดใจถ้ามันจะทำลายตึกได้ทั้งตึก
ระหว่างที่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ หมายเลขหนึ่งกำหอกยาวแน่นด้วยสองมือ หันปลายหอกลง เล็งไปที่สิ่งๆหนึ่งที่อยู่ในระยะ
ถังหยูตื่นตัวมากขึ้น
นี่คือรูปแบบของหมายเลขหนึ่งเมื่อมันอยู่ในสถานการณ์อันตราย การที่มันใช้รูปแบบโจมตีนี้หมายความว่ามันพร้อมที่จะโจมตีแบบเต็มกำลัง มันคือสัญญาณเตือนของอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้ เห็นได้ชัดว่าปิศาจที่หมายเลขหนึ่งได้เจอก่อนหน้านี้ มันกำจัดได้สบายๆ
แต่มองจากทิศทางที่หมายเลขหนึ่งกำลังเล็งไป เขาถึงกับต้องเพ่งตามอง
ภายในห้องเย็น
ผู้รอดชีวิตพยายามอ้าปากหายใจหลังจากที่รอดมาจากความเจ็บปวด
“ฮ่า...เราได้รับการช่วยเหลือแล้ว?”
“เยี่ยมเลย!”
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“แต่ถ้าพวกปิศาจมันยังอยู่ข้างนอก--”
บูมมม!
มีเสียงดังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้คลื่นเสียงดูรุ่นแรงกว่าเดิม มันกับว่ามีระเบิดเกิดขึ้นที่ชั้นบน ผู้รอดชีวิตบางคนกระเด็นลงมาที่พื้น
เสียงดังกึกก้องนี้เพิ่งจะเริ่มต้น หลังจากนั้นเสียงร้องคำรามก็ดังขึ้นต่อเนื่องไปทั่วพื้นที่ ผู้รอดชีวิตเริ่มมีสีหน้าซีดลงเพราะพวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดิน ที่ทำให้โรงแรมพังทลายลงมาได้
เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?
เกิดอะไรขึ้น?
พวกเราควรจะทำยังไงดี?
ผู้รอดชีวิตไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอก
เฉินไฮปิงแสดงออกด้วยความเคร่งขรึม ในหัวเขาคิดทบทวนบางสิ่ง แต่มันก็ยากที่จะเชื่อ
แรงสั่นสะเทือนนั้นดูเบาลง
ผู้รอดชีวิตหลายคนมองหน้ากันเอง ก่อนหน้านั้นพวกเขาบอกว่าอยากจะออกไปจากที่นี่ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น มีแต่ความกลัวที่จะถูกสังหารจากพวกปิศาจ
ในขณะนี้ มันมีการเคลื่อนไหวมาจากหน้าประตูที่ถูกพัง เหล่าผู้รอดชีวิตกลั้นหายใจ มองจ้องไปที่ประตูด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง
ที่สนามรบด้านนอก
มีแสงสีฟ้าและสีแดงรวมถึงเงาตัดกันไปมา ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน กำแพงก็พังทลายลงมาอยู่บนพื้น
ถังหยูเริ่มกังวล เขาเตรียมพร้อมที่จะสั่งให้หุ่นหมายเลขสองมาช่วยเหลือ ทันใดนั้นเขาเห็นแสงสีฟ้าบนพื้นรวมกันเป็นฝ่ามือ ถึงแม้ว่าจะมองเห็นการเคลื่อนไหวได้ไม่ชัดด้วยตาของเขา แต่ลอยเลือดบนพื้นแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าปิศาจมันถูกโจมตี
มันคือหุ่นรบระดับสูง สัญชาตญาณการต่อสู้ของหุ่นหมายเลขหนึ่งสูงมาก มันคว้าทุกโอกาสที่มันเห็นเพื่อโจมตี หมุนควงด้วยหอกยาวอาวุธคู่กาย การหมุนตัวไปพร้อมกับหอกยาวนั้นทำให้อากาศรอบๆควบแน่นไปด้วยลมที่พัดเศษดินขึ้นมาคล้ายกับพายุทอร์นาโดขนาดย่อมๆ
ผ่านไปสักพัก ลมนั้นได้หยุดลง
หมายเลขหนึ่งชักหอกยาวไปด้านหลัง ปิศาจสีชาดนอนจมอยู่บนพื้น สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงรูขนาดใหญ่บนหน้าผากที่โชกโชนไปด้วยเลือดสีแดงเข้มของมัน
“การต่อสู้จบลงแล้ว”
ถังหยูโล่งใจที่ได้เห็นว่าโรงแรมนั้นยังไม่พังลงมา มันเต็มไปด้วยรูพรุนและอยู่ในสภาพที่พร้อมจะถล่มลงมาตลอดเวลา
ปิศาจสีชาดตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา เขายังโชคดีที่หุ่นหมายเลขหนึ่งนั้นฉลาดและแข็งแกร่ง ถังหยูรู้สึกได้เลยว่าความเร็วและพลังของปิศาจสีชาดตัวนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมายเลขหนึ่งมากมาย แต่หมายเลขหนึ่งนั้นเป็นหุ่นที่มีพลังป้องกันและความทนทานสูงมาก เห็นได้ชัดว่าสองสิ่งนี้เป็นจุดที่ทำให้หมายเลขหนึ่งได้เปรียบและสังหารปิศาจสีชาดตัวนี้ลงได้
โถงใหญ่ ถังหยูลงมาที่ห้องเย็นชั้นใต้ดิน ที่ๆเคยเป็นพื้นที่สำหรับเก็บสำรองอาหารในตอนช่วงที่พื้นที่นี้ยังเป็นฐานที่มั่นอยู่
ในตอนนี้ ประตูของห้องเย็นได้ถูกทำลาย มันมีเศษซากกองอยู่หลังประตู มันดูเหมือนกองขยะจากเศษชิ้นส่วนที่อยู่รอบๆ
ภายใต้แสงไฟสลัว ถังหยูได้ยืนเสียงหายใจ
มีผู้รอดชีวิต!
ทันใดนั้น ถังหยูถึงกับงง
…………
“พวกเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ปิศาจ”
เหล่าผู้รอดชีวิตหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นว่าผู้ที่มาเยือนเป็นมนุษย์
เมื่อพวกเขามาถึง เฉินไฮปิงตรวจสอบพวกเขาด้วยความละเอียด คนแรกเป็นเด็กหนุ่มใส่ชุดลำลองดูสะอาดสะอ้าน ส่วนอีกคนหนึ่งถูกหุ้มไปด้วยชุดเกราะ ทำให้มองเห็นหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก มีเพียงคนที่อยู่ในชุดเกราะที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด
จากการเคลื่อนไหวรุนแรงด้านบน ในหัวของเขาคิดเพียงแต่ว่ามีคนกำลังต่อสู้อยู่กับพวกปิศาจ แต่เมื่อได้เห็นผู้ชายสองคนนี้ ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวเขาคือปิศาจร้ายถูกกำจัดลงแล้ว แม้ว่ามันยากที่จะเชื่อเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้จากที่นี่ และการสังหารปิศาจที่ดูน่ากลัวนั้นจะต้องใช้เพียงอาวุธหนักที่มีอาณุภาพสูงเท่านั้น แต่สถานการณ์ที่เขาได้เห็นในตอนนี้ มันดูจะเป็นจริงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เจอสองคนนี้ เฉินไฮปิงยังคงสั่นกลัวกับสิ่งที่เขาคิด
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มที่ดูสะอาดสะอ้านหรือนักรบที่เกราะโชกไปด้วยเลือด เขาไม่รู้สึกถึงออร่าของผู้ปลุกพลังจากชายสองคนนี้แม้แต่น้อย ถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ปลุกพลังหรือไม่ได้ใช้อาวุธที่มีอาณุภาพสูง ไม่ว่าเขาจะคิดเท่าไหร่ คนสองคนนี้ก็ไม่มีทางกำจัดปิศาจที่น่ากลัวนั้นได้
“หรืออาจจะเป็นเพราะปิศาจมันแค่ออกไปจากที่นี่โดยที่ไม่ได้จู่โจมพวกคุณสองคน?”
เขาได้เอ่ยถามสิ่งที่เขาสงสัย
ถึงหยูขมวดคิ้วกับคำพูดของชายคนนั้นและตอบว่า “ปิศาจที่น่ากลัว? คุณหมายถึงตัวที่อยู่ข้างนอกนั่นใช่ไหม? แน่นอน มันตายไปแล้วหล่ะ”
ตายแล้ว?
ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆหายใจเข้าลึกด้วยอากาศที่เย็นเฉียบ ตามมาด้วยเสียงตะโกนด้วยความดีใจ
เฉินไฮปิงวิ่งออกจากห้องเย็นขึ้นไปชั้นบนดิน เขาระมัดระวังในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้มาถึงห้องโถงของชั้นหนึ่ง เขาได้เห็นปิศาจสีชาดปกคลุมไปด้วยรอยแผลฉกรรจ์ ไม่มีสัญญาณของการมีชีวิต
ตาเขากลมโต ไม่รู้จะพูดอะไรดี
คิดย้อนกลับไปที่นักรบในชุดเกราะที่ดูลึกลับอีกครั้ง ชายผู้ที่ถือหอกไว้ด้านหลัง หอกของเขาชุ่มไปด้วยเลือด รอยแผลฉกรรจ์บนหน้าผากของปิศาจมันตรงกันไม่ใช่หรือไง!?
“พวกเขาฆ่ามันจริงๆเหรอ?”
ดูจากสภาพที่ยับเยิน ทุกตารางนิ้วบนพื้นของห้องโถงมีรอยแตกร้าว กำแพงที่ดูเหมือนกำลังจะพังลงมา ถ้ามันไม่ใช่เพราะเสาขนาดใหญ่ที่ค้ำเอาไว้ เขาคงกังวลว่าโรงแรมนี้จะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
ไม่แปลกใจที่คลื่นเสียงมันดูรุนแรงมาก เพียงแค่ดูจากภาพที่เห็น เฉินไฮปิงก็ได้รู้ความแข็งแกร่งของปิศาจสีชาดมันมากเกินกว่าจินตนาการของเขามาก แต่ความแข็งแกร่งของสองคนนี้ที่สามารถตัดหัวของปิศาจสีชาดลงมาได้ มันช่างน่ากลัวกว่านัก
เขาไม่คิดว่าถังหยูจะเป็นเพียงคนธรรมดาอีกต่อไป คนธรรมดาที่ไหนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ !
เฉินไฮปิงเข้าใจเกี่ยวกับระดับชั้นความแข็งแกร่งของผู้ปลุกพลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขารู้ว่าผู้ปลุกพลังดูดซับและขัดเกลาพลังแห่งจิตวิญญาณเพื่อพัฒนาไปถึงจุดสูงสุดเพื่อนที่จะก้าวข้ามขีดจำกัด หลังจากข้ามขีดจำกัดแล้ว พลังทางกายภาพของพวกเขาจะถูกพัฒนาอย่างมาก เช่นเดียวกับเขา ในฐานที่มั่นก่อนหน้านี้ เขาได้รับการปลุกพลังอยู่ในระดับกลาง แต่เขาก็ถูกจัดให้เป็นผู้ปลุกพลังขั้นหนึ่งเท่านั้น
นั่นหมายความว่าถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะสูงกว่าผู้ปลุกพลังทั่วๆไป เขาก็ยังไม่อยู่ในขั้นที่จะข้ามขีดจำกัด แต่เขาได้รู้มาว่าผู้ปลุกพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานที่มั่นที่แล้วได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปถึงสองขั้น จนกลายเป็นผู้ปลุกพลังขั้นสาม
ในฐานที่มั่นหรือแม้แต่ในหมู่ผู้ปลุกพลังทั้งหมด ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่เขาเคยได้ยินว่าได้ข้ามขีดจำกัดขั้นหนึ่งไปถึงขั้นสาม เขาได้ถูกสังหารไปตอนที่ฝูงปิศาจได้บุกเข้ามา เฉินไฮปิงเคยเห็นเขาในการต่อสู้ ซึ่งพลังการทำลายล้างของเขาไม่สามารถเทียบเท่ากับสองคนนี้ได้เลย
หมายความว่าจริงๆแล้วสองคนนี้แข็งแกร่งกว่าผู้ปลุกพลังอย่างนั้นหรือ?
เฉินไฮปิงรู้สึกหวาดผวาจากความคิดของเขา แต่นี่คือความเป็นไปได้อย่างเดียวที่ดูสมเหตุสมผล ดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างพลังของเขากับสองคนนี้มันมากเกินไป เขาจึงไม่สามารถสัมผัสออร่าของผู้ปลุกพลังจากสองคนนี้ได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเข้าใจผิดว่าสองคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดา
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ทำไมเสื้อผ้าของเด็กหนุ่มคนนี้ยังดูสะอาดอยู่? มีเพียงคนที่แข็งแกร่งสุดๆเท่านั้นที่สามารถผ่านความป่าเถื่อนโดยไม่มีแม้แต่ฝุ่นมาจับ
นี่คือคำอธิบายที่สมเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!