ตอนที่แล้วบทที่ 117 ปีศาจจากนรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 119 สุสานราชันสวรรค์ที่แท้จริง

บทที่ 118 รอข้าอยู่บนถนนสู่ปรภพ


“ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้!”

เมื่อไม่มีดาบสั้นสีนวลและไม่มีเวลามากพอที่จะบรรจุลูกศรใส่หน้าไม้สังหารเทพ ภายใต้การต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ เจียงอี้ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้เข้าห้ำหั่นกับกระบี่ยาวโดยตรง

ตู้มมมม!

แรงระเบิดที่น่าตกตะลึงส่งผลให้กระบี่ยาวเสียหาย ร่างของพวกเขาทั้งคู่ถูกแรงกระแทกจากพลังของระเบิดทำให้กระเด็นออกไป ครึ่งร่างของเจียงอี้บาดเจ็บสาหัสและเปียกโชกไปด้วยเลือด

“ตายซะเถอะไอ้หนู!”

เสื้อผ้าของผู้บัญชาการฉีกขาดทำให้แลดูน่าเวทนา แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาคว้ากระบี่ยาวที่ถูกทำให้เสียหายก่อนหน้านี้และทะยานเข้าหาเจียงอี้โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้หยุดพัก

“ฆ่า!!”

หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลิ่นอายสังหารของเจียงอี้ก็เบาบางลง อย่างไรก็ตามเหล่าจอมยุทธระดับหัวหน้าต่างก็รู้สึกหนักอึ้งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผู้นี้ พวกเขาจ้องมองไปยังร่างอันเด็ดเดี่ยวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว

“แม้ว่าข้าจะตาย แต่ก็ไม่ขอตายภายใต้คมกระบี่ของพวกเจ้า!”

เจียงอี้ใช้มือเพียงข้างเดียวยันพื้นเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มยันเย็นชาออกมา จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองซูรั่วเสวี่ยที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลด้วยสายตาอันเศร้าสร้อยและวิ่งเข้าหากับดักมรณะด้วยตัวเอง

ทางฝั่งของกองทัพทหารตะวันตกต่างก็รู้อยู่นานแล้วว่ามันคือกับดักมรณะ เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้วิ่งเข้าหากับดักเพื่อรับความตาย พวกเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดยั้งอีกฝ่ายและทำเพียงแค่จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาผสมกับความเย้ยหยัน

ด้านของซูรั่วเสวี่ยเองก็เหมือนว่าจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติ นางหันมามองเจียงอี้ที่พุ่งเข้าหากับดักมรณะและหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง

มีกับดักอยู่สองประเภทในสุสานราชันสวรรค์ หนึ่งคือกับดักเคลื่อนย้ายซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายคนไปยังอีกสถานที่หนึ่งได้ ส่วนอย่างที่สองเป็นกับดักมรณะ พลังทำลายของมันทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลี

ครื้นนนน!

เจียงอี้ทะยานเข้ามาในเขตของกับดักมรณะ ทันใดนั้นกับดักก็เริ่มทำงานและปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา ในขณะเดียวกันพลังทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวก็โอบล้อมร่างกายของเจียงอี้และพยายามที่จะทำให้ร่างของเขาสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน

ฟุบบบ!

แต่ในขณะนั้นเอง เหตุการณ์อันไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น!

จู่ๆแก่นแท้พลังสีดำที่หลงเหลืออยู่เพียงสองเส้นก็พุ่งออกมาจากตันเทียนของเจียงอี้และห่อหุ้มร่างของเขาไว้ การลงมืออย่างกะทันหันของแก่นแท้พลังสีดำทำให้กับดักมรณะเกิดความผิดปกติ… พริบตาเดียวร่างของเจียงอี้ก็หายไป

“หืม?”

“อะไรน่ะ?”

เมื่อแสงสีขาวจางหายไปในเสี้ยววิ ดวงตาของทุกคนก็ส่อให้เห็นถึงความสับสน แม้แต่กู้ซานเหอและผู้บัญชาการขอบเขตจื่อฝู่ต่างก็มองหน้ากัน

เห็นได้ชัดว่ากับดักแห่งนี้เป็นกับดักมรณะ! แต่ทำไม… พวกเขาถึงรู้สึกว่าเจียงอี้ไม่ได้ถูกสังหารแต่กลับถูกเคลื่อนย้ายเสียมากกว่า?

“จริงสิ!”

ทันใดนั้นกู้ซานเหอก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้จากนั้นก็รีบตะโกน “ใครก็ได้นำแมลงวิญญาณมาให้ข้าที!”

ผู้บัญชาการเองก็ตระหนักได้เช่นกัน เจียงอี้มีกลิ่นน้ำหอมของดอกแก้วติดอยู่บนร่างกาย ตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่และยังอยู่ในสุสานราชันสวรรค์ แมลงวิญญาณเหล่านี้ก็ยังสามารถตามกลิ่นของเขาได้

ทหารนายหนึ่งรีบนำกล่องหยกใบเล็กออกมาและเปิดมัน จากนั้นแมลงที่มีขนาดเพียงเมล็ดข้าวจำนวนมากก็บินออกมาก่อนที่จะบินกลับเข้าไปในกล่องแทบจะทันที

“ฟู่วววว”

กู้ซานเหอและผู้บัญชาการที่ยังมีชีวิตรอดถอนหายใจยาว พวกเขาสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บัญชาการสามคนที่ตกตายไปก่อนหน้านี้ หากพวกเขายังไม่สามารถจัดการกับเจียงอี้ได้ พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะแบกหน้ากลับไปรายงานเจียงนี่หลิวว่าอย่างไรดี

ซูรั่วเสวี่ยส่ายศีรษะ ภายในใจของนางรู้สึกถึงความขัดแย้ง ใจหนึ่งนางก็รู้สึกว่าเจียงอี้ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเป็นไปได้ยาก หากแม้แต่แมลงวิญญาณยังไม่สามารถหาเขาพบ นั่นก็หมายความว่าเขาอาจจะตายไปแล้วจริงๆ

ไม่ต้องเอ่ยถึงเจียงอี้ที่เป็นเพียงแค่จอมยุทธขอบเขตฉูติ่งเท่านั้น แม้แต่จอมยุทธที่อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ก็ไม่มีโอกาสรอดแม้แต่นิดเดียวหากเข้าไปในกับดักมรณะ

“ก็เพียงแค่ตายเท่านั้น! เจียงอี้คงไปรอข้าอยู่บนถนนสู่ปรภพแล้ว”

ไม่นานนักจิตใจของซูรั่วเสวี่ยก็สงบลง นางปิดปากแน่นและพยายามที่จะกัดลิ้นเพื่อฆ่าตัวตาย นางได้ยินสิ่งที่กู้ซานเหอกล่าวก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน เจียงนี่หลิวต้องการที่จะทรมานนางจนตาย นางไม่ต้องการที่จะปล่อยให้ร่างกายของนางมีมลทินและเลือกที่จะจบชีวิตของตนเองในทันที

เพี๊ยะ!

อย่างไรก็ตามในขณะที่ซูรั่วเสวี่ยกำลังจะจบชีวิตของตัวเอง ร่างเงาร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาและตบหน้านางอย่างไรปรานีส่งผลให้ร่างของนางกระเด็นออกไปและกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนหมดสติ

“ฮ่าฮ่า คิดว่าจะฆ่าตัวตายได้ง่ายๆ?”

กู้ซานเหอจ้องมองไปที่ร่างและใบหน้าอันไร้ที่ติของซูรั่วเสวี่ยด้วยดวงตาอันหื่นกระหาย จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง

“นังแพศยา ฝ่าบาทไม่มีทางยอมปล่อยให้เจ้าได้ตายแบบสบายๆหรอก หึหึ… หลังจากที่ฝ่าบาทเล่นกับเจ้าจนเบื่อแล้ว เขาอาจจะมอบเจ้าให้กับข้า แล้วหลังจากนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงความหมายของคำว่าตายทั้งเป็น!”

“ใครก็ได้นำเม็ดยาฟื้นฟูและผงผนึกแก่นแท้มาให้นังแพศยานี่ที!”

กู้ซานเหอออกคำสั่งก่อนที่จะหันไปคุยกับผู้บัญชาการ “ผู้บัญชาการหลิว บอกให้คนของเจ้าทำความสะอาดที่นี่ให้เรียบร้อยและจัดตั้งค่าย จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้กับฝ่าบาท!”

หน่วยองครักษ์เกราะเหล็กโลหิตอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขารีบรวบรวมศพของเหล่าสหายเพื่อทำการเผาและจัดตั้งค่ายพักแรมในเวลาเดียวกัน สีหน้าของผู้บัญชาการหลิวแสดงออกถึงความเคร่งขรึมขณะที่จ้องมองซูรั่วเสวี่ย

หลังจากการปะทะกับเจียงอี้และซูรั่วเสวี่ยทำให้เขาสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมาก เรื่องนี้เองทำให้เขาไม่รู้ว่าจะกลับไปอธิบายกับเจียงหวยว่าอย่างไรดี หากเรื่องนี้ไปถึงหูของจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตก เขาคงไม่แคล้วจะถูกสอบสวนและถูกลงโทษอย่างแน่นอน

……

ในอีกด้านหนึ่งของสุสานราชันสวรรค์ กองทัพในเครื่องแบบกำลังเคลื่อนทัพด้วยความเร็วสูง หากเหลือบมองก็จะเห็นได้ว่าพวกเขามีจำนวนประมาณสามถึงสี่ร้อยคนเลยทีเดียว แม้แต่เหล่านักล่าสมบัติและศิษย์ของสำนักจิตอสูรต่างก็ต้องหลีกทางให้

ภายในกลุ่มนั้นมีรุ่นเยาว์สองคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจุดศูนย์กลาง ในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้มแย้มแต่พวกเขาทั้งสองก็ยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์และเผยให้เห็นความกังวลเป็นครั้งคราว

“แกว๊ก! แกว๊ก!”

บนท้องฟ้าอันห่างไกลปรากฏร่างของนกอินทรีสีดำที่กำลังบินเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยก็อยู่ในระดับเดียวกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว!

“ฝ่าบาท มีข่าวแจ้งมาแล้วขอรับ!”

หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ยเสียงเบา ไม่นานนักนกอินทรีก็ลดความเร็วและลงมาเกาะที่ไหล่ของเขา

ชายผู้นั้นดึงกระดาษออกมาจากขาของนกอินทรี เขาใช้สายตากวาดอ่านมันอย่างรวดเร็วและรีบเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเจียงนี่หลิวเพื่อรายงาน

“ฝ่าบาท กู้ซานเหอส่งข้อความมาว่าเจียงอี้ตายแล้วและซูรั่วเสวี่ยก็ถูกจับตัวไว้! เพียงแต่หน่วยองครักษ์เกราะโลหิตสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมากรวมไปถึงผู้บัญชาการสามนายที่ตายในการต่อสู้”

“ดี!”

เจียงนี่หลิวยิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจ เขาหันไปสบตากับจ่างซุนอู๋จี้ราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งได้ถูกปลดเปลื้อง นอกจากความตายของเจียงอี้แล้ว เรื่องอื่นก็หาได้สำคัญไม่ ถึงแม้จอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกจะทราบเรื่อง แต่เขาจะกล้าสังหารเจียงนี่หลิวที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวเชียวหรือ?

“ส่งข้อความถึงกู้ซานเหอ ให้เขาปกป้องซูรั่วเสวี่ยไว้และอย่าให้อะไรเกิดขึ้นกับนางจนกว่าข้าจะไปถึง… จากนั้นข้าจะสนุกกับร่างกายของนางแล้วค่อยฆ่าทิ้งเสีย!”

เจียงนี่หลิวลดเสียงต่ำลงขณะออกคำสั่ง จากนั้นเขาก็หันไปมองหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งสวมชุดสีเหลืองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่นางทิงยวี่ เรื่องนี้ถือเป็นความดีความชอบของเจ้า หลังจากที่การค้นหาสมบัติจบลง นี่หลิวจะเชิญเจ้าไปยังเมืองเจียงอีในฐานะแขกคนสำคัญเมื่อพวกเรามีโอกาส”

“ฝ่าบาททรงถ่อมตัวเกินไปแล้ว ทิงยวี่เพียงแค่ต้องการจะแบ่งเบาความกังวลใจของฝ่าบาทเท่านั้น” จีทิงยวี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเฉยเมยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่หลังจากที่เจียงนี่หลิวจากไป ใบหน้าของนางก็เศร้าสลดลง นางเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าและคร่ำครวญด้วยเสียงอันเศร้าสร้อย

“เจียงอี้ ข้าขอโทษ… ข้า จีทิงยวี่ มีคำสาบานที่จะกลายเป็นจักรพรรดินีผู้กุมอำนาจสูงสุดและมีเพียงเจียงนี่หลิวเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มความปรารถนานี้ให้กับข้าได้! เจียงอี้ เจ้านั้นดื้อรั้นจนเกินไป ดังนั้นข้าจึงทำได้เพียงแค่ส่งเจ้าไปสู่ปรภพอย่างสงบ แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำตามคำสัญญา ในวันนี้ของปีหน้า ข้าจะเผาเงินเผาทองไปให้เจ้าใช้ในโลกหน้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด