ตอนที่แล้ว23 กินไม่เลือก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป25 อสูรเหล็ก พายุกำลังมา

24 การก้าวกระโดด


24 การก้าวกระโดด

โลกตรงหน้าของเขาได้พลิกกลับและถูกอักขระมากมายปกคลุมเอาไว้ทีละชั้นๆ แล้วเปลี่ยนโลกทั้งใบให้กลายเป็นดินแดนแห่งภาพลวงตา ไม่นาน หลี่เย้าก็พบว่าตัวเอง ได้มาอยู่กลางสมรภูมิขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากแท่งหินสีดำ

การทดสอบที่เขากำลังทำอยู่นี้เป็นแบบง่ายๆ ดังนั้น การทดสอบที่กำลังจะมาถึงนี้ไม่ได้เหมือนกับการสอบครั้งใหญ่ในคราวก่อนเลย

สมรภูมิหินดำมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 500 เมตร กำแพงหินสีดำตั้งตระหง่านสูงค้ำฟ้า เมื่อมองไปบนเส้นทางที่ไกลออกไป ก็จะสามารถมองเห็นสีของเลือดอยู่ทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับมีเสียงคำรามเบาๆของสัตย์อสูรที่อยู่ไม่ไกล

ร่างของสัตย์อสูรที่ดุร้ายค่อยๆปรากฏออกมาสู่สายตา

หลี่เย้าวอร์มร่างกายของเขา เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จนทำให้ร่างกายของเขามีเสียงดัง “กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ” ออกมา และมันทำให้เขาคิดกลับไปถึงเมื่อคืนก่อน ที่เขาได้เห็นภาพของชายหน้ากากตัวตลกกำลังวอร์มร่างกายด้วยวิธีการของสหพันธรัฐ

“ดูเหมือนว่าการออกกำลังกายด้วยท่านี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ช่างมันเถอะ อันดับแรก มาเริ่มทดสอบความเร็วของฉันก่อนดีกว่า!” หลี่เย้าไม่ใส่ใจเหล่าสัตย์อสูรหลายสิบตัวที่ตรงเข้ามาหาเขาเลย เขาขอขาข้างหนึ่ง ใช้มือทั้งสองข้างสร้างสมดุลให้ร่างกาย และแอ่นก้นขึ้น เตรียมออกวิ่ง

“อะวู้ววววววววววว!” สัตย์อสูรที่มาพร้อมกับดวงตาแดงก่ำได้กู่ร้องและพุ่งเข้าใส่หลี่เย้า

“วู๊ซซซ!” กล้ามเนื้อทุกมัดที่ส่วนขาของหลี่เย้าได้ระเบิดพลังออกมา เกิดเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นสองรู้บนพื้นหินดำ ภาพของเขากลายเป็นดุดันขึ้น ในขณะที่พุ่งตัวผ่านเหล่าสัตย์อสูรเจ็ดถึงแปดตัว!

หลี่เย้าไม่ได้ให้ความสนใจกับสัตย์อสูรเหล่านั้นเลย ในหัวของเขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือการวิ่ง!

เขาพุ่งตัวออกจากจุกศูนย์กลางของสมรภูมิไปไกลถึง 250 เมตร และห่างจากตัวกำแพงหินดำไปเพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ใสตอนที่เขากำลังจะพุ่งเข้าชนกำแพงนั้น ร่างกายของเขาก็ได้ลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยท่าทางที่ดูแปลกประหลาด แล้วฝ่าเท้าของเขาก็ย้ำลงไปบนกำแพงจนเต็มแรง

“ปัง!”

บนกำแพงหินได้เกิดเป็นรอยราวขึ้น เมื่อหลี่เย้าพุ่งตรงไปยังอีกด้านหนึ่งของสมรภูมิ เขาก็เป็นเหมือนกับลูกศรที่ถูกยิงด้วยคันธนู

ในเวลานี้ สัตย์อสูรหลายสิบตัวแทบไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเส้นผมของเขา!

เขาวิ่งออกไปอีก 500 เมตรด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด หลี่เย้าเปลี่ยนทิศทางไปฝั่งตรงกันข้ามอีกครั้ง แล้วกลับไปยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของสมรภูมิ และในครั้งนี้ เขาก็หยุดฝีเท้าและเงยหน้าขึ้นมองบนอากาศ

“1,000 เมตรใน 1 นาที 32 วินาที! ไม่เลว ฉันเร็วกว่าสถิติของตัวเองก่อนหน้านี้ไป 41 วินาที ต่อไปก็คือการทดสอบขีดจำกำลังของพลังการกระโดดของฉัน!”

หลี่เย้าย่อขาอีกครั้ง เขาพุ่งตัวออกไป แล้วเร่งความเร็ว จากนั้น เขาก็พุ่งตัวออกไปเป็นระยะสั้นๆ ในตอนที่สัตย์อสูรสองตัวเกือบจะฉีกทึ้งเนื้อของเขานั้น เขาก็กระโดดสูงขึ้นไป เขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับดาบบิน!

เขาได้ใช้ท่านี้เพื่อทดสอบความเร็ว ความทนทาน แรงกระโดด แรงต้านทานแรงโน้มถ่วง และขีดจำกัดของความสามารถในการระเบิดพลัง เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันจากสัตย์อสูรที่กำลังพุ่งเข้าหาเขา

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

หลี่เย้าเริ่มเหนื่อยล้า จากการที่เขาใช้แรงออกไป เขานั่งหายใจหอบ อยู่ท่ามกลางซากศพของสัตย์อสูร พร้อมกับใบหน้าที่ถูกระบายเลือดของสัตย์อสูรที่ตายไป

เขาใช้สายตามองผ่านหมอกเลือดขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

เมฆสีดำทะมึนลอยอยู่กลางท้องฟ้า และถูกห่อหุ่มไปด้วยสายฟ้าฟาด ภายในนั้น ได้มีตัวเลขคำนวณปรากฏขึ้นมา ในที่สุด ดินแดนภาพลวงตาก็ได้คำนวนการตื่นขงอรากวิญญาณของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว :

“58%!”

“58%!”

เมื่อหลี่เย้าได้เห็นตัวเลขที่เปล่งประกายออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะชูกำปั้นและคำรามออกมา

สองวันก่อน การตื่นของรากวิญญาณของเขาอยู่ที่ 35% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่หลังจากที่จิตวิญญาณของเขาได้ผ่านการฝึกฝน อยู่ภายในความฝันที่ยาวนานของโอเย่หมิงแล้ว การตื่นของรากวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นไปกว่า 20% เขาเหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถตามพวกนักเรียนคลาสพิเศษได้ทัน

ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่า ร่างกายที่เสมือนกับได้เกิดใหม่ของเขาจะสามารถเกิดขึ้นได้แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังเหลือเวลาอีก 97 วันก่อนที่การสอบจะเริ่มขึ้น ในระยะเวลานี้ เขามีความมั่นใจมากว่า เขาจะสามารถเพิ่มการตื่นของรากวิญญาณได้อีก 10%!

เส้นทางข้างหน้ายังคงอีกยาวไกล แต่ถ้าเขาสามารถฝ่าฟันและพุ่งผ่านอุปสรรคที่ไม่ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหนไปได้ เขาจะต้องสอบผ่านและได้เข้าสู่9 มหาวิทยาลัยชั้นยอดเพื่อก้าวสู่เส้นทางของการบ่มเพาะ กลายเป็นผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ระดับมาสเตอร์!

เมื่อเขาหลุดออกมาจากดินแดนภาพลวงตาและก้าวออกมาจากเครื่องทำการสอบแล้ว หัวใจของเขาก็สั่งระรัวไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขาต้องใช้เวลาอยู่นาน กว่าที่จะสงบตัวเองลงได้

เขารู้สึกคันตามข้อต่อของร่างกาย และรู้สึกได้ว่า ทุกมัดกล้ามของเขากำลังกรีดร้องอยู่ ทุกครั้งที่เขาหายใจ ก็จะมีไอน้ำออกมากับลมหายใจด้วย พลังของเขาได้กระจายทั่วร่างกาย และไม่มีที่ที่สามารถปลดปล่อยมันออกมาได้ มันทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายและเครื่องร้อน

เขาสำรวจรอบๆตัวเขา ทุกคนนั้นกำลังฝึกฝนกันอย่างขยันขันแข็ง เมิ่งเจียงเพื่อสนิทของเขากลับไม่อยู่ หลี่เย้าจึงไม่สามารถแบ่งปันความยินดีของตัวเองให้เขาได้รับรู้

เขากลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ ความรู้สึกกระสั่นกระส่ายได้แล่นผ่านขึ้นมาทางลำคอของเขา หลี่เย้าสูดลมหายใจเข้าลึก และเดินลึกเข้าไปด้านในยิม

เครื่อทดสอบกำลังรุ่นเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมถูกตั้งทิ้งเอาไว้ที่ตรงนี้

ในปัจจุบัน นักเรียนได้เปลี่ยนมาใช้ดินแดนภาพลวงตาในการทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขาแทน พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับอาร์ติเฟ็กซ์เครื่องกลแบบเก่าและเต็มไปด้วยอักขระเครื่องนี้กันแล้ว

ครั้งสุดท้ายที่มีคนใช้เครื่องอาร์ติเฟ็กซ์ทดสอบความแข็งแกร่งรุ่นเก่าเครื่องนี้ ก็เป็นเวลานานมากแล้ว ตัวเครื่องจึงมีแต่ฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด ในสายตาของคนที่รู้จักมัน มันก็ไม่ต่างไปจากสัตย์ประหลาดยักษ์ที่ได้ตายไปนานแล้ว และเหลือแค่เพียงโครงกระดูกสีดำที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้เท่านั้น

หลี่เย้านั้นมีความหลงใหลในเครื่องอาร์ติเฟ็กซ์รุ่นเก่าที่ต่างไปจากเครื่องสร้างดินแดนภาพลวงตาอย่างมาก เขารู้สึกว่า อาร์ติเฟ็กซ์เครื่องนี้ได้ประกอบขึ้นมาจากชิ้นส่วนหลายๆอย่าง รวมไปถึงวงแหวนอักขระ และองค์ประกอบอีกมากมายรวมกันอยู่ มันเป็นเครื่องอาร์ติเฟ็กซ์รุ่นเก่าที่มีความซับซ้อนมาก และนั่นก็คือเสน่ห์ของมันที่ทำให้เขารู้สึกหลงใหลและตื่นเต้น

สำหรับตัวเขาในเวลาปัจจุบันนี้...เขาจำเป็นต้องปลดปล่อยความรู้สึกตื่นเต้นในหัวใจของเขาก่อน

ในขณะที่อยู่ภายในดินแดนภาพลวงตานั้น เขาสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ แต่มันก็เทียบกับโลกความเป็นจริงไม่ได้อยู่ดี มันจะไปเทียบกับความรู้สึกของกำปั้นที่ชกด้วยเลือดเนื้อจริงๆได้ยังไง?

“ปัง!”

หลี่เย้าระเบิดพลังออกไปด้วยการชกกำปั้นธรรมดา มันพุ่งตรงเข้ากลางเป้าของเครื่องทดสอบความแข็งแกร่งอย่างพอดิบพอดี แล้วอยู่ๆ ฝุ่นผงก็ได้กระจายลอยอยู่เต็มอากาศ

เครื่องอาร์ติเฟ็กซ์รุ่นเก่าเครื่องนี้ ก็ไม่ต่างไปจากสัตย์ร้ายที่เพิ่งขึ้นมาจากการหลับไหลอันยาวนาน อักขระที่ลี้ลับเปล่งแสงลุกวาบขึ้นมาทีละตัวๆ เสียงใสของเหล็กกระทบกันดังออกมาจากตัวเครื่อง เสียงของกลไกหมุนและเสียงของพลังวิญญาณไหลเข้าสู่ส่วนของคริสตัล สุดท้าย ตัวเลขชุดหนึ่งได้ปรากฏออกมาบนด้านหน้าเครื่องทดสอบความแข็งแกร่ง

“180 กิโล!”

“หมัดเดียวของฉันชกได้ 180 กิโลเหรอ? ดูเหมือนว่าการชกของฉันจะไม่ได้รุนแรงเท่าไหร่! ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ฉันขาดอะไรบางอย่างไป...ในตอนท้าย มันคืออะไรนะ?” หลี่เย้ากรอกตา แล้วปล่อยให้ฝุ่นผงร่วงโรยลงใส่ร่างกายของเขา เขาจ้องมองกำปั้นของเขา และใช้ความคิดอย่างหนัก

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา และดึงเอาหูฟังออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา

มันคือ “โทรเบล” อาร์ติเฟ็กซ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย “นิกายเมี่ยวยิน” เมื่อใส่หูฟังเข้าไปในหูข้างหนึ่ง แล้วสั่งงานผ่านทางความคิด หูฟังก็เริ่มทำงานและปล่อยเสียงเพลงบรรเลงที่ไพเราะออกมาใส่หูข้างที่ใส่หูฟังเอาไว้

“มองดูเมฆดำที่ไม่อาจจะปกคลุมจักรวาลเอาไว้ได้!”

“ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดจะหายไปด้วยแสงดวงดาวของสรวงสวรรค์ จุดประกายไฟของชีวิตให้ลุกโชติช่วง!”

เสียงร้องด้วยเนื้อหาเพลงที่กระตุ้นจิตใจของผู้ฟังให้มีความเชื่อ ดังเข้าไปในหูของหลี่เย้า!

ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! เมฆสีดำไม่อาจจะปกคลุมทั่วทั้งจักรวาลได้! “ตาย!” งอขาและคำรามออกมา ฝุ่นผงที่เกาะอยู่บนร่างกายของเขาได้กระจายหายไปในพริบตา เกิดเป็นภาพพลังงานสีเทาเปล่งประกายอยู่รอบๆร่างกายของเขา และจากนั้น พลังงานก็ถูกทำให้หายไปด้วยลมจากกำปั้นของหลี่เย้า!

“ปัง!”

“ปังปังปัง!”

“ปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปังปัง!!!!”

ในตอนที่เครื่องทดสอบความแข็งแกร่งแสดงตัวเลขออกมานั้น ก็ได้มีชายร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่งคนหนึ่งได้เดินเข้ามาภายในยิม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด