บทที่ 162 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (5) [23-04-2020]
บทที่ 162 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (5)
”
[เธอมาที่นี่ทำไมเด็กสาวน้ำแข็ง]
"อย่าฆ๋า...คนๆนั้น"
[เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการที่ไม่ต้องทำร้ายมนุษย์ของเธอ ทุกคนที่นี่ต้องตาย]
เด็กชายคนนั้นได้กางแขนออกและอ้อมล้อมสมาชิกในปาตี้รีไวเวิร์ลทั้งหมด น่าแปลกใจแม้ว่าฉันจะคิดว่าเอลลิน่าจะไม่ได้ยินเด็กชาย เธอก็ขมวดคิ้วในทันที
"อย่า... ฆ่าพวกเขา..."
[ฉันรู้แล้ว ฉันคิดว่าเธอแต่ต่างออกไป แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ยังเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่อ่อนแอ มนุษย์ที่ไม่สามารถจะรักษาคำสัญญา มนุษย์ที่โทษคนอื่นเพราะขาดซึ่งพลัง]
"อย่า... ฆ่าพวกเขา!!!"
พร้อมกันกับเสียงตะโกนของเอลลิน่า มหนาวได้พัดเข้ามาในห้อง คนแรกที่ได้รับผลกระทบก็คือซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาหาพวกเรา แม้ว่าพวกมันจะถูกแช่แข็งอยู่แล้ว แต่พวกมันก็ถูกหยุดไว้กับพื้น จากนั้นก็ถูกตัดกลายเป็นเศษคริสตัลเล็กๆอยู่กลางอากาศ พลังของเธอนั่นทรงพลังจริงๆและไม่มีความเสถียร นั่นคือมันก็มีผลต่อเราเช่นกัน
"ริยู"
[อือ]
ในช่วงเวลาที่เด็กนั่นกำลังหวั่นไหวกับพลัง ฉันก็ได้เรียกริยู เธอก็ดูเหมือนจะรู้ได้ในทันทีถึงสิ่งที่ฉันอยากจะให้เธอทำ ในขณะนั่นเธอก็ได้ป้องกันทุกคนด้วยพลังของเธอ
"เธอสามารถจะละลายพวกเขาได้ไหม?"
[มันเป็นเรื่องยาก พวกเราจะต้องทำอะไรบางอย่างกับเจ้านั่นก่อน]
"โอเค... ฉันจัดการเอง"
ในขณะที่พลังธาตุของริยูพุ่งขึ้นมาเพื่อป้องกันทุกคน เด็กผู้ชายผู้ที่กำลังต่อสู้กับเอลลิน่าได้เบิกตากว้างหลังจากได้เห็นริยู
[ผู้ใช้ธาตุ อึก....ถ้างั้นแกก็ได้ยินเสียงฉัน ฉันได้เกลียดแกมากยิ่งขึ้นไปอีกแล้วในตอนนี้ ตายซะ]
เสียงตะโกนของเด็กชายดูเกือบจะเหมือนกับเป็นเสียงกรีดร้อง ในขณะที่ห้องได้สั่นสะเทือน พลังงานเยือกแข็งจากด้านในห้องก็ได้กลายเป็นทรงพลังยิ่งขึ้นปะทะกับพลังของเอลลิน่าและทำให้มันยากสำหรับฉันที่จะมองเห็นอะไร ทั้งพลังของเอลลิน่าและของเด็กชายต่างก็มหาศาล และริยูก็ยุ่งอยู่กับการป้องกันพลังพวกนี้
มันคงยากที่จะกันเอาไว้เป็นเวลานานด้วยเพียงแค่พลังของริยู ถ้าฉันไม่จัดการในตอนนี้มันก็จะสายเกินไป
ฉันได้เริ่มขึ้นในทันที มันง่ายมาก ฉันเพียงแค่จะต้องใช้แต้มทักษะ 3 แต้มในแต่ละทักษะ
[คุณได้เชี่ยวชาญสปิริตออร่าระดับกลาง นอกเหนือจากอาวุธและอุปกรณ์ป้องกัน คุณสามารถจะใส่ธาตุลงไปในร่างกายของคุณเองเพื่อเพิ่มพลังทางกายภาพ]
[คุณได้เรียนรู้สปิริตออร่าระดับสูง ในขณะที่ใช้งานคุณจะสามารถใช้เวทย์ธาตุระดับกลางได้อย่างอิสระ เมื่อทักษะมีเวเวลเพิ่มขึ้น จำนวนมานาที่จำเป็นจะต้องคงสภาพไว้และรักษาธาตุในร่างกายของคุณก็จะลดลงและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น]
ฉันค่อนข้างจะคาดหวังกับมัน แต่ว่าด้วยสปิริตออร่าระดับสูงมันทำให้เป็นไปได้จริงๆที่จะใส่ภูติธาตุเข้าไปในร่างกาย แม้ว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่อาวุธของฉันจะใช้สปิริตออร่า แต่ว่าในตอนนี้ฉันก็สามารถจะใช้ออร่าเพลิงโกลาหลได้แล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นจะต้องใช้สปิริตออร่ากับอาวุธอีก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องดีที่ในตอนนี้ฉันสามารถจะใช้สปิริตออร่ากับร่างกายได้
[คุณได้เชี่ยวชาญควบคุมภูติธาตุระดับกลาง ภูติธาตุที่ไม่ได้อยู่ในพันธะวิญญาณกับคุณจะเชื่อฟังคุณอย่างตั้งใจและจะทำตามคำสั่งคุณหากพวกเขาไม่มีเจ้าของ]
[คุณไดด้เรียนรู้ควบคุมภูติธาตุระดับสูง คุณสามารถจะดึงศักยภาพของภูติธาตุในพันธะสัญญาของคุณได้จนถึงขีดสุดของพวกเขา คุณสามารถที่จะภูติธาตุได้อย่างอิสระราวกับว่าพวกเขาเป็นคุณเอง]
อย่างสุดท้าย
[คุณได้เชี่ยวชาญพันธะสัญญาภูติธาตุระดับกลาง! คุณสามารถจะดึงพลังที่แท้จริงของภูติธาตุในพันธะสัญญาของคุณออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ]
[คุณได้เรียนรู้พันธะสัญญาธาตุระดับสูง! ภูติในพันธะสัญญาของคุณจะถูกปลดจากผนึกระดับสูง และภูติธาตุทั้งหมดจะมีเทคนิคที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล จำนวนภูติธาตุที่คุณสามารถจะทำพันธะสัญญาได้เพิ่มขึ้น 1]
จากนั้นลมที่พัดโหมกระหน่ำข้างในก็หยุดลง เมื่อลมได้หายไปมีเพียงแค่พลังของเอลลิน่าที่ยังคงอยู่ แต่ว่าไม่นานมันก็หยุดลง
เด็กชายได้มองกลับมาที่ฉันด้วยท่าทางผงะ ฉันได้ยิ้มให้กับเขา
[อะ...เอ๊ะ?]
"นายเพิ่งจะสังเกตุเห็นหรอ?"
[นะ...นายเห็นฉัน]
"ใช่สิ"
[ปะ...เป็นไปไม่ได้]
เด็กคนนั้นได้เดินถอยหลังกลับไปหลายก้าว จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่โล่งใจดังออกมาจากด้านหลัง
"วะ ว้าว ฉันยังไม่ตาย"
"ฉันไม่รู้นะว่าลูกทำอะไร แต่ว่าขอบคุณมากเจ้าลูกชาย"
เพื่อนๆของฉันที่ถูกแช่แข็งอย่างช้าๆ ตอนนี้น้ำแข็งได้ถูกละลายไปแล้ว มีใครบางคนสามารถจะทำให้พลังของเอลลิน่าสงบลงและนำมาสู่การเปลื่ยนแปลงนี้... ฉันได้เหลือบไปมองริยู ริยูผู้ที่แสดงรูปธรรมโดยที่ฉันไม่รู้ตัวไม่ได้อยู่ในร่างหมาป่าของเธอ แต่เธออยู่ในรูปร่างของเด็กสาวที่มีหมูและหางของหมาป่า...หืออ?
ใบหน้าที่เล็กและละเอียดอ่อน เธอดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น บางทีมันอาจจะเป็นเพราะร่างดังเดิมของเธอเป็นหมาป่า ผมของเธอจึงมีสีเงินและมีส่วนอื่นๆบางส่วนที่มีเอกลักษณ์ของหมาป่าอย่างหูและหาง ภูติธาตุชนิดที่เป็นสัตว์สามารถจะมีร่างของมนุษย์ได้เมื่อผนึกระดับสูงของพวกเธอโดนปลดออกงั้นหรอ?
โชคดีที่เธอยังได้สวมใส่ชุดเดรสที่ทำมาจากหนัง เมื่อมองเห็นฉันมองไปอย่างงง ริยูก้ได้เบิกตากว้างซึ่งดวงตานั่นมีสีน้ำเงินเหมือนกับตอนที่เธออยู่ในร่างหมาป่า
[ชิน ฉันกลายเป็นคนแปลกหน้าอะ]
"ใช่ ฉันคิดว่าเธอคงจะพูดแบบนั้น เธอเป็นคนที่ละลายน้ำแข็งให้คนอื่นใช่ไหม?"
[ใช่แล้ว อยู่ดีๆฉันก็มีพลังมากขึ้น]
"เยี่ยมมากเลย"
[เฮะๆๆ ชมฉันอีกสิ!]
หูของริยูได้กระดิกอย่างมีความสุขในขณะที่วิ่งเข้ามากอดฉัน ฉันได้กอดเธอเอาไว้และลูบหัวของเธอโดยไม่คิดอะไร จากนั้นเมื่อฉันตระหนักได้ว่าเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ได้กลายเป็นผงะ แม้ว่าฉันจะทำมันโดยที่ไม่คิดอะไรมากในตอนที่เธอเป็นหมาป่า แต่ว่าตอนนี้เธอได้กลายเป็นเด็กผู้หญิง ความนุ่มนวลของร่างกายและการจ้องมองของฉันที่ได้รับมันแตกต่างไปจากเดิมไปอย่างสินเชิง
ฮวาหยา มัสติฟอร์ดเธอกำลังมองมาที่ฉันเหมือนกับว่าฉันเป็นอาชญากร! ฉันเพียงแค่ทำความใกล้ชิดกับภูติธาตุของฉันในฐานะเจ้านายเองนะ
คนที่ตกใจมากที่สุดเลยก็คือเด็กชาย
[เธอ...วิวัฒนาการ]
"ใช่แล้ว ในทางนี้เพื่อสำหรับนายเลย"
[ยะ อย่างที่ฉันคิด แกคือ... แต่ว่า...]
เด็กชายได้ตะโกนออกมา
[ผู้ทำพันธะสัญญาของฉันตายแล้ว]
เวรเอ้ย ฉันรู้แล้ว ถ้ามันไม่ได้เกิดเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่ธาตุจะไปร่วมมือกับมอนสเตอร์ บางที่ผู้ทำพันธะสัญญาของเขา... เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ มีบางอย่างแปลกๆ... อี้ ฉันสามารถจะแก้ไขมันได้ในภายหลัง! นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้
"เพียงแค่เพราะนายสูญเสียผู้ที่ทำพันธะสัญญา นั่นไม่ได้หมายความว่านายจะไม่สามารถทำพันธะสัญญาใหม่ได้"
[เจ้านายของฉันคือเพซิน่า คนอื่นๆนอกเหนือจากเธอไม่มีใครจะสัมผัสฉันได้... นอกจากนี้นายก็คือมนุษย์ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานมนุษย์ไม่เคยเป็นผู้ใช้ธาตุ....]
"ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นผู้ใช้ธาตุอย่างแน่นอนและนายก็สามารถเชื่อมต่อกับฉันได้แน่"
การดำรงอยู่ของฉันทำให้เขาสับสนมากและในเวลาเดียวกัน เสน่ห์ของเขา นั่นมันคือสิ่งที่เชื่อมต่อทางวิญญาณเหมือนกับในตอนริยูคลั่งได้กลับมาเป็นภูติธาตุที่บริสุทธิ์เมื่อตอนที่เราพบกัน ในตอนนี้ธาตุที่เป็นอิสระนี้ได้ตระหนักว่าเขาเชื่อมต่อกับฉัน เขาไม่สามารถจะย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
[ไม่.. ฉันเกลียดนาย!]
"มันจะไม่มีปัญหา ฉันจะฟังในทุกๆสิ่งที่นายต้องการจะพูด"
[ไม่! ออกไปซะ ฉันเกลียดมนุษย์! มนุษย์ผู้ที่พรากเพซิน่าไปจากฉัน ทุกๆคนควรจะตาบด้วยมอนสเตอร์! คนอย่างนายไม่ใช่คนที่จะมาทำพันธะสัญญากับฉัน]
อย่างที่ฉันคิดเอาไว้เลย ได้มีคนที่ชั่วบางคนได้ทำร้ายผู้ทำพันธะสัญญาของเขา ในตอนนี้เองที่เขาได้ทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิด
"เวร เอลลิน่า"
"อ่า!"
ภูติธาตุที่ไม่มีเจ้าของได้พุ่งไปทางเอลลิน่าที่อยู่หน้าประตู เวรเอ้ย เขากำลังพยายามที่จะบังคับยึดร่างของเธอ!? แม้ว่าเอลลิน่าจะไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินของภูติธาตุตนนี้ได้ เมื่อพิจระนาว่าเธอได้สังเกตุเห็นคนอื่นๆอยู่ที่นี่ได้ยังไงในตอนที่เธอเข้ามา มันดูเหมือนว่าเธอจะสัมผัสได้ถงมานา แน่นอนว่านั่นมันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง... ไม่ว่ยังไงก็ตามเธอก็ไม่สามารถจะตรวจพบร่างกายของเขาได้ทำให้มันยากที่จะป้องกัน
ฉันได้เปิดใช้งานความเร็วศักดิ์สิทธิ์ในทันทีและสิ่งออกไป เพราะว่าเพื่อนๆของฉันได้ถูกละลายน้ำแข็งไปแล้วพวกเขาก็น่าจะสามารถป้องกันตัวเองจากซอมบี้ได้ สิ่งที่ฉันจะต้องทำก็คือการป้องกันเอลลิน่าผู้ซึ่งเข้ามาช่วยพวกเรา
[อึก! ฉันจะไม่ทำพันธะสัญญากับมนุษย์! อีกไม่นานฉันจะฆ่านาย คอยดูได้เลย]
"ชิน"
"มะ ไม่"
"ใช่"
เสียงตะโกนมากมายได้เต็มไปทั้งหมด ผลลัพธ์ได้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ฉันได้ไปถึงเอลลิน่าเป็นคนแรกและกอดเธอพร้อมกลิ้งไปกับพื้น ดังนั้นภูติธาตุตนนั้นจึงพุ่งออกไปจากห้องโดยไม่สามารถจะจับเป้าหมายได้ ในขณะเดียวกันซอมบี้ก็ได้ถูกจัดการออกไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงแค่พลังงานน้ำแข็งในตอนนี้ที่หลงเหนืออยู่ในห้อง แน่นอนว่าริยูได้ควบคุมพลังงานนี้อย่างง่ายดายเพื่อป้องกันไม่ให้มันส่งผลกระทบกับทุกๆคนและรูเดียก็ได้รักษะทุกๆคนที่เกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งไป
เอลลิน่าที่อยู่ในอ้อมกอดของฉันได้เบิกต้ากว้าง
ในขณะที่เรากำลันอนเหยียดอยู่บนพื้น ฉันก็ได้รีบลุกขึ้นและปัดฝุ่นออกไป ในขณะเดียวกันเอลลิน่าก็ได้จ้องมองมาที่ฉันอย่างตกใจ
เมื่อฉันปัดฝุ่นให้เธอเสร็จและลุกขึ้นตรง เธอก็ตรวจสอบว่าฉันไม่เป็นไรแล้วจากนั้นเธอก็จิ้มแขนฉันเหมือนกับเธอไม่อาจเชื่อมันได้ ริมฝีปากของเธอได้สั่นไม่หยุด
"คะ คุณไม่ได้ถูกแช่แข็ง..."
"ฉันบอกเธอแล้วนี่"
"คุณไม่ได้ถูกแช่แข็งจริงๆ...?"
"แน่นอนสิ"
มานาของเธอมีขนาดที่มหาศาลจนไม่น่าเชื่อ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าการเข้ามาในดันเจี้ยนเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนมันจะทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้น แต่ว่าเมื่อคำนึงพลังมานาของเธอก็ใกล้เคียงกับของฉันและฮวาหยา เธอนั้นเทียบได้กับฉัน แม้ว่าพวกเราจะได้เคลียร์เหตุการดันเจี้ยนและเหตุการการจู่โจมมาอย่างมากมาย พลังงานของเธอนั่นถูกกระจายออกมานั่นมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้แน่นอน มันเป็นเรื่องยากที่เธอจะใช้ชีวิตตามปกติ
"มันจะไม่เป็นอะไร ถ้าเธออยู่กับฉัน"
"จริงๆนะ...?"
"ชินนายลืมฉันไปแล้วหรอ?"
ฮวาหยาผู้ที่พึ่งจะฟื้นตัวได้เดินตรงมาหาเรา เอลลิน่าได้สะดุ้งและพยายามจะหนีไป แต่ว่าฮวาหยาก็ได้มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วและวางมือลงบนหัวเธอ
"หุหุ หุๆๆๆ ดูสิชิน! ฉันไม่ได้ถูกแช่แข็งเลยสักนิด! มันไม่ใช่แค่นายหรอกนะ!"
"ใช่แล้ว ฉันไม่สามารถจะเอาชนะในการแข่งขันกับเธอได้จริงๆ"
"โทษนะ แต่มันไม่ใช่เพราะการแข่งขัน แต่ว่าฉันต้องการจะลูบหัวเธอในวินาทีที่ฉันได้เห็นเธอ โปรดจำเอาไว้วางคนแรกที่ลูบหัวเธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก...อืมม? ยะ อย่าร้องสิ! ฉันขอโทษ เธอไม่ชอบหรอ?"
"ฮิค ฮิค...."
โอ้ไม่นะ ตาของเอลลิน่ากำลังแดงและน้ำตากำลังจะไหลออกมา ฉันได้รีบพูดติดตลกกับฮวาหยา
"เธอกำลังทำให้เด็กน้อยร้องไห้"
"นะ นาย...!"
"ฮึ ฮือออออ....."
เอลลิน่าได้เริ่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง จากสิ่งนี้ฉันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเธอ เธออาจจะต้องร้องไห้แบบนี้ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าเธอร้องไห้กับตัวเองมาเสมอ นับตั้งแต่วันที่เธอได้สูญเสียครอบครัวไป...
ฉันได้สบตากับฮวาหยา เธอได้ทำท่าทางด้วยคางของเธอ แต่ว่าฉันก็ได้ส่ายหัวและส่งท่าทางด้วยคางขจองฉัน หลังจากทั้งหมดนี้เด็กสาวก็ควรจะดีกว่าเด็กชาย
ฮวาหยาได้ยิ้มออกมาราวกับว่าเธอไม่สามารถจะช่วยอะไรได้และจับเอลลิน่าด้วยมือทั้งสองข้าง
"นี่ นี่"
"ฮืออ... ฮิค..."
"ปล่อยมันออกมาทั้งหมดเลยเอลลิน่า ขอบคุณมากนะที่เธอมาช่วยพวกเรา เธอเป็นเด็กดี"
"ฮืออ...ฮือออออออออ!"
"ดี ดี .."
เยี่ยม เธอพร้อมที่จะเป็นแม่ที่ดี ฮวาหยาทำได้ดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก ฉันได้หันไปตรวจสอบในสิ่งที่คนอืนๆกำลังทำอยู่จากนั้นเอลลิน่าก็ได้มาจับแขนเสื้อฉันเอาไว้ สำหรับคำว่าจับนี้ ฉันเพียงแค่นำมาวางเท่านั้น แน่นอนว่าพลังน้ำแข็งก็ยังออกมาจากมือสู่ไหลของฉันซึ่งเป็นส่วนของเพราะและดึงมัน
"อะ เอลลิน่า...?"
"ฮิค ฮิค"
"เธอถามว่านายกำลังจะหนีไปไหน"
"เธอได้ยินได้ยังไงกันนะ?"
ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปหาเอลลิน่า เอลลิน่าก็ได้เอื้อมมือออกมาข้างหนึ่งและกอดฉันไว้ แม้ว่าฉันจะติดกับร่างกายของฮวาหยาโดยไม่ตั้งใจ มันก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดอะไร แต่ว่าคนที่ดูเราอยู่คิดแน่นอน ฉันได้เมินพวกเรา ในตอนนี้เรื่องของเอลลิน่ามาก่อนเป็นอันดับแรก
ฉันได้เอื้อมมือออกไปและลูบหลังของเอลลิน่า น้ำตาของเธอดูเหมือนจะลดน้อยลงไปแล้วเช่นกัน เพราะว่าการที่เธอร้องไห้ออกมามากทำให้ตาของเธอได้แดงขึ้นไปเรื่อยๆ จากนั้นเธอก็พูดออกมาเบาๆ
"พ่อ"
"หืมม?"
"พ่อ"
"อ่า อืมม... เอลลิน่า? ขอโทษนะ แต่ว่าฉันยังคง...."
ในขณะที่ฉันกำลังทำท่าทางตะลึง เอลลิน่าก็ได้หันไปหาฮวาหยาและพึมพัม
"แม่"
"มะ แม่!? อึก ไม่ อืมมม...!"
"แม่"
"....เธอเรียกเราสองครั้งเพื่อยืนยันตัวเราเองหรอ?"
"พ่อและแม่...."
เอลลิน่าได้พึมพัมออกมาและเอาหน้าของเธอไว้ระหว่างพวกเรา ตาของฉันได้สบกับฮวาหยาและพวกเราก็ได้ยักไหล่และยอมแพ้ไป ฉันสงสัยว่าเราคงจะต้องใช้ชื่อนี้ไปเรื่อยๆ
ในฤดูใบไม้ร่วง ฉันคังชิน อายุ 21 ปี ได้รับลูกสาวที่เป็นชาวต่างชาติคนนี้นี้มาแล้ว