ตอนที่ 1 : ระบบที่ห่วยแตก
ในสถานที่ที่มีแสงไฟสลัวๆ ถังหยูลืมตาขึ้นช้าๆ ในขณะที่จิตใจและร่างกายมีความเจ็บปวดรวดร้าว
เขาพยุงตัวเองขึ้นด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเศษหิน
“ตัวเรา .. ยังมีชีวิตอยู่หรอเนี่ย?”
ในความทรงจำของเขา ฝูงสัตว์ป่าได้บุกทลายฐานที่มั่นแนวรับสุดท้ายมาแล้ว มีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วนนอนเกลื่อนกลาด ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและเลือดนองอยู่ทั่วทุกทิศทาง
มันคือวันโลกาวินาศ! ที่เกิดขึ้นบนโลกเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ในตอนนั้น เขาใกล้จะจบการศึกษาและถูกรับเข้าทำงานที่เขาคาดหวัง รอเพียงแค่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น … ความโชคร้ายได้โหมเข้าใส่
ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดง มันไม่ใช่สัตว์ป่า..มันคือปีศาจร้าย พวกมันคลืบคลานออกมาจากรอยแยกอเวจีที่เกิดขึ้นมากมายเหนือพื้นดิน มันเข่นฆ่ามนุษย์ที่ถูกพวกมันพบเจอทุกคนด้วยความโหดเหี้ยม
รอยแยกอเวจีเหล่านี้ถูกตราว่าเป็นการเกิดขึ้นของวันโลกาวินาศ
ในขณะที่ถังหยูอยู่ในโรงเรียนในวันนั้น เขาเห็นรอยแยกของพื้นดินเปิดขึ้นและกลืนกินไปทั้งตึก ทั้งครูและนักเรียนต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความกลัว ทีละคน.. ถูกเหล่าปิศาจฉีกเป็นชิ้นๆ ในตอนนั้นถังหยูยังอยู่ไกลออกไปจากรอยแยกอเวจีนั้นและหลบหนีการนองเลือดออกมาได้ ในความโชคร้ายยังมีโชคดี เขาได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ได้หนีออกมาจากพื้นที่นั่น ด้วยความลำบากตรากตรำ ในที่สุดเขาก็มาถึง .. ฐานที่มั่นเล็กๆที่หนึ่ง
จำนวนของปิศาจเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด แม้แต่กำลังของกองทัพก็ไม่สามารถต่อกรกับปิศาจเหล่านี้ได้ มนุษยชาติกำลังถูกบดขยี้และถูกกลืนกิน มนุษยชาติยังคงสูญเสียดินแดนอย่างต่อเนื่องและต้องทำได้เพียงรักษาจุดพื้นที่หลักๆไว้เท่านั้น
ฐานที่มั่นนี้คือเกราะป้องกันด่านสุดท้ายของมนุษยชาติ
ฐานที่มั่นขนาดเล็กนี้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ของรีสอร์ต มีที่พักอาศัยให้ผู้รอดชีวิตนับพันคน มันคือที่ๆปลอดภัยที่สุดในบริเวณ 20 ไมล์ ถึงแม้จะไม่ปลอดภัยเท่าที่มั่นขนาดใหญ่ที่ได้รับการป้องกันจากกองกำลังทหาร ที่มีทั้งปืนและกระสุนหรือแม้กระทั่งชายฉกรรจ์ ที่ๆถูกสร้างขึ้นห่างไกลจากเหวนรก และถึงแม้จะมีปีศาจบุกโจมตีเป็นบางครั้ง พวกมันก็ถูกกำจัดในชั่วพริบตา
เขาเชื่อมาเสมอว่ามันปลอดภัย ถึงแม้ว่าเหล่าปีศาจจะเพ่นพล่านอยู่ด้านหน้า แต่ในที่สุด ที่มั่นแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยฝูงปีศาจ ท้ายที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าที่มั่นแห่งนี้ยังคงบอบบางเกินกว่าจะรับมือกับการบุกทลายของฝูงปีศาจ
ถังหยูมองไปรอบๆ
ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านที่พังทลาย แต่แทนที่จะหลบซ่อนตัว เขากลับลุกขึ้นเสี่ยงตายเพื่อหนีออกจากที่นี่ เมื่อเขาคว้าบางสิ่งได้ เขาได้สังเกตุเห็นว่ามือเขาเต็มไปด้วยสีแดง และมันไม่ใช่เลือดเขาเอง อีกด้านหนึ่งมีศพของชายผู้โชคร้ายถูกท่อเหล็กแทงเข้าทะลุปอด เลือดไหลนอง ย้อมพื้นดินเป็นสีแดง
และเขาไม่ได้เห็นแค่คนเดียว
รอยแตกของกำแพงทำให้ถังหยูมองเห็นร่างไร้วิญญาณของผู้รอดชีวิตนอนอยู่กระจัดกระจาย ความตายของผู้คนเหล่านี้ดูน่าสยดสยองกว่าชายที่ถูกเหล็กแทงที่ปอดเป็นเท่าตัว
มีความเศร้าสลดในใจลึกๆของถังหยูที่ได้เห็นภาพเหล่านี้
ถึงแม้ว่าเขารอดมาเพราะโชคดี แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีอาวุธหรือพลังใดๆ เพียงแค่ปีศาจที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถฉีกเขาได้เป็นชิ้นๆ
“เพียงแค่ฉันมีพลัง..”
ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จะได้รับการปลุกพลังโดยธรรมชาติตั้งแต่วินาทีที่วันโลกาวินาศได้เริ่มต้น ส่วนคนที่มีคุณสมบัติขั้นต่ำจะได้รับการปลุกพลังภายใต้ความกดดันของภัยพิบัติและทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น
มีคนมากมายที่ไม่มีคุณสมบัติมากพอในการปลุกพลังด้วยตัวเอง จึงต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือพิเศษในการปลุกพลัง แต่ถึงอย่างนั้น ถังหยูก็ทำใจแทบไม่ได้เมื่อได้รับการทดสอบคุณสมบัติ เขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติแย่ที่สุดและไม่ถึงขั้นที่จะสามารถปลุกพลังได้ด้วยซ้ำ
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เป็นเหมือนเขา และเมื่อได้เจอกับอันตรายก็เหมือนได้ถูกพิพากษาให้ตายไปแล้ว
“ฉันทำได้เพียงแค่รอความตายที่ทุกข์ทรมาน แค่นั้นหรอ?” ถังหยูพึมพำกับตัวเอง รู้สึกถึงความดื้อรั้นในใจ แต่ก็เหมือนจะทำได้เพียงยอมแพ้ในโชคชะตา
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียง
“ติ๊ง! เดอะหลอดออฟดิเอนด์ซิสเทม ถูกเปิดใช้งาน กรุณาก่อตั้งปราสาทและสร้างอาณาเขตให้เร็วที่สุด”
“มันคือเสียงอะไร !?”
“เมื่อกี้นี้เสียงอะไร? นี่พวกปิศาจมันเจอฉันแล้วเหรอ หรือเพราะประสาทหลอนไปเอง”
“ติ๊ง! กรุณาก่อตั้งปราสาทและสร้างอาณาเขตให้เร็วที่สุด”
เสียงนั้นดังมาจากความคิดของเขา ครั้งนี้ถังหยูเชื่อว่าเสียงลึกลับนี้มีอยู่จริง
มันเป็นเหมือนเสียงของหุ่นยนต์ อีกทั้งยังพูดแบบเดิมซ้ำๆ เขาไม่สามารถหยุดการได้ยินเสียงนั้นได้เลย แต่เขาสามารถถามคำถามจากเสียงนั้นได้ ถึงแม้ว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็ได้รู้ว่า มันคืออะไร
เสียงจากระบบ !
ถังหยูจำได้แล้วว่าชื่อของมันคือ “หลอดออฟดิเอนด์” มันคือเกมส์ที่เขาเคยเล่นก่อนวันโลกาวินาศ มันทำให้เขาตื่นเต้น เพราะเขาคุ้นเคยกับระบบนี้ดี เขาสามารถดึงหนังสือเป็นร้อยเล่มด้วยระบบจากความคิดของเขา
ทันใดนั้น เขาคิดถึงเนื้อเรื่องของหนังสือต่างๆ ปรัชญา ชีวิต แล้วก็ได้คิดเกี่ยวกับเกม
เดอะ หลอดออฟดิเอนด์ เป็นเกมวางแผนที่มีพื้นฐานจากวันโลกาวินาศแฟนตาซีตะวันตก เนื้อเรื่องดำเนินไปจนถึงจุดจบของโลก การเกือบจะสูญพันธุ์ของมนุษยชาติและปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้เล่นที่ยังคงเหลือรอด ผู้เล่นเหล่านี้จะต้อง …
ถังหยูส่ายหัวทันที ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย เขายังเอาแต่คิดถึงพื้นภูมิของเกมนี้
“ซิสเทม ไหนๆก็เป็นผู้ช่วยฉัน คุณน่าจะปลุกพลังให้ฉันได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้”
“คุณช่วยส่งบอดี้การ์ดหรือเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาให้ฉันได้ไหม”
“ไม่ได้”
ถังหยู “...”
ถ้างั้นอย่างน้อยก็ช่วยบอกวิธีที่จะแก้วิกฤติให้ฉันสิ
“ติ๊ง...ติ๊ง ก่อตั้งปราสาท มันจะช่วยแก้วิกฤติที่ลอร์ดได้พบเจอ หุ่นโบราณจะถูกส่งไปเมื่อสำเร็จ”
“แค่นั้นแหละ ฉันจะสร้างมันทันที”
“ติ๊ง ! การก่อตั้งปราสาท ลอร์ดต้องเลือกสถานที่และชำระ 100 คริสตัลต้นกำเนิด ลอร์ดไม่มีคริสตัลต้นกำเนิดเพียงพอ จึงไม่สามารถสร้างมันได้”
ถังหยู “...”
เขาไม่รู้ว่าวิธีตอบสนองและไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป
ในระบบ ผู้เล่นคนอื่นๆ จะได้รับแพคเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ แต่ซิสเทมห่วยๆนี้สิ ไม่มีอะไรให้เลย แม้แต่ฐานหลักก็ต้องสร้างด้วยตัวเอง แต่เขาจะสร้างฐานโดยไม่มีทรัพยากรได้ยังไง จากที่เขาเล่นมาหลากหลายวิธี หลายปีที่ผ่านมา เขาก็ยังไม่เคยเจอแบบนี้
แล้วในช่วงเวลานี้ เขาจะไปหาคริสตัลต้นกำเนิดจำนวน 100 ชิ้นมาจากที่ไหน
คริสตัลต้นกำเนิด คือทรัพยากรที่มีค่าสูงมาก มันมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่อยู่มีอยู่ในร่างกายของปีศาจ มีคำกล่าวว่ามีแหล่งแร่คริสตัลต้นกำเนิดในป่า แต่ก็ยากที่จะระบุตำแหน่งได้ มีเพียงนักสู้ขั้นสูงและคนที่ได้รับการปลุกพลังเท่านั้นที่จะสามารถหามันเจอ ส่วนถังหยูเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่อยู่ขั้นต่ำสุด ไม่ต้องพูดถึงแหล่งคริสตัลต้นกำเนิด ถึงแม้เขาจะเห็น แต่ก็คงไม่รู้ว่ามันคือคริสตัล เขาไม่เคยเห็นแม้แต่อันเดียว
ในสถานการณ์ปกติ เขาอาจจะไม่อาจหาได้
แต่ตอนนี้
เมื่อถังหยูคิดทบทวน เขาพบว่ามันยังมีความหวังอันริบหรี่ ฐานที่มั่นได้ถูกทำลายและมันอาจจะมีหลงเหลืออยู่ในสถานที่ๆผู้ปลุกพลังเคยอาศัย
เขาไม่อาจรู้ได้ ว่าเขาคิดถูกหรือไม่ และถึงแม่จะถูก ก็ไม่รู้ว่าจะมีครบ 100 ชิ้นหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไร เขาก็มีเพียงตัวเลือกเดียว … ต้องสู้ !
หายใจเข้าลึกๆและคิดทบทวนสิ่งต่างๆ เขาปรับดุลย์อารมณ์และพูดว่า “เหล่าผู้ปลุกพลังกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทุกคนอาศัยอยู่บนภูเขาในรีสอร์ตแห่งนี้ พวกนั้นอาศัยอยู่ที่ใจกลางของฐานที่มั่น ก่อนที่จะวิ่งหนีจากสัตย์ปีศาจในช่วงมันบุกรุกฐานที่มั่น ฉันตัดสินใจว่าต้องวิ่งเข้าด้านใน และตอนนี้ฉันอยู่ไม่ไกลจากใจกลางของที่นี่ และนี่คือโอกาสที่แฝงไปด้วยผลเสีย
ถังหยูยิ้มเจื่อนๆ ร่างกายของเขาอ่อนล้าอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีอาวุธติดตัว มันคือการเริ่มต้นที่เลวร้ายมาก สิ่งเดียวที่เขาจะพึ่งได้ก็คือ ซิสเทม ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้
เขาตบแก้มและในไม่ช้าสายตาหนักแน่น
โชคยังดี ที่เศษซากที่ถล่มลงมายังไม่หนักหนา ถังหยูมองไปรอบๆ สำรวจสถานการณ์ด้านนอก ในที่สุดเขาก็ได้จังหวะและปีนออกจากซากหักพังนี้
ด้านหน้าเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่ซึ่งเคยเป็นจุดตั้งแคมป์จำนวนมาก แน่นอน ตอนนี้กลายเป็นที่โล่งเตียนที่ปกคลุมไปด้วยร่างไร้วิญญาณ มีแต่ชิ้นส่วนของศพตลบอบอวลด้วยกลิ่นเลือด
ศพของปีศาจมีให้เห็นเพียงน้อยนิด ถังหยูรู้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่ที่มั่นถูกโจมตีด้วยกองทัพของปีศาจ การป้องกันจะกลายเป็นแค่กระดาษเท่านั้น
เขากลั้นหายใจ คลำหาทางต่อไปข้างหน้า เขาระมัดระวังและสอดส่องอันตรายในทุกฝีเก้า
แสงอาทิตย์ร้อนระอุ เหงื่อหยดจากปลายจมูกตกลงดินและระเหยไปอย่างรวดเร็ว ถังหยูพยายามลดเสียงหอบจากความเหนื่อยล้า โชคดีที่จำนวนปีศาจน้อยกว่าที่คาด ระหว่างทางเขามองเห็นพวกมันจากระยะไกลเพียงหนึ่งถึงสองตัวเท่านั้น เขาเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากจะรู้ว่าพวกมันกำลังกินอะไร
เขาใช้ทางลัดจากซากหักพังแล้วหลบซ่อนในพงหญ้า ถังหยูทำทุกวิถีทางเพื่อหลบปีศาจ ยังดีที่ซากปรักหักพังช่วยให้เขารอดจากการถูกสังหาร ทำให้กลิ่นเลือดกระจัดกระจายและกลบกลิ่นตัวของเขาได้เป็นอย่างดี ทำให้พวกปีศาจไม่สามารถตามรอยได้และทำให้เครื่องมือการติดตามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใช้งานไม่ได้
เขาเดินไปทีละก้าว มองเห็นใจกลางใกล้แค่เพียงเอื้อมมือ
……
เมื่อเขาก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้น เขาสังเกตุเห็นว่าสภาพมันย่ำแย่กว่าที่ผ่านๆมา บ้านที่พังทลาย เศษซากมีอยู่ทั่วทุกที่
ร่องรอยจากระเบิดและกระสุนปืนที่ฝังอยู่บนซากกำแพงทำให้พอเดาได้ว่าที่นี่ผ่านศึกที่หนักหนาพอสมควรทีเดียว
หลายศพที่ถังหยูเห็น บ้างก็เป็นผู้ปลุกพลัง บ้างก็เป็นศพของปีศาจ ศพพวกเขาผสมกันเหมือนดินแดนแห่งความตาย
เขาก้าวไปด้วยความระมัดระวัง หมอบหน้าศพ ค้นเสื้อผ้า ถึงแม้ว่ากลิ่นเลือดจะแรง ฉุนเตะจมูก ตัวของเขาจะชุ่มเลือดขนาดไหน เขาก็ไม่สนใจ เขาค้นศพเหล่านั้นด้วยความใจเย็น
เขาเจอปืนสั้นหนึ่งกระบอกพร้อมแมกสองแมก กับมีดหนึ่งเล่มที่เขาเจอระหว่างทาง นี่คืออาวุธที่ดีที่สุดที่เขาหาได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีมาก แต่ความเย็นที่เขาสัมผัสได้จากปืนพกมันก็ทำให้เขาอุ่นใจได้ระดับหนึ่ง
ปืนและอาวุธอีกมากมายสามารถมองเห็นได้ในระยะสายตา ถึงแม้ว่ามันจะดูเพียบพร้อม แต่มันอยู่ในที่เปิดโล่ง มันอันตรายเกินไปที่จะเสี่ยงไปเอา เขายังคงมุ่งมั่นกับการหาคริสตัลต้นกำเนิดที่เป็นเป้าหมายแรกของเขา และเขาไม่ต้องการความเสี่ยงที่มันไม่จำเป็น