บทที่ 159 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (2) [17-04-2020]
บทที่ 159 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (2)
”
[พวกเiาผู้ใช้พลังระดับ SS นั้นมีความไม่มั่นคงทางจิตใจอยู่เสมอ ก่อนที่เขาจะเข้าไปในเกตเขาได้ก่อเหตุร้ายขึ้นเขาได้สังหารบุคคลสำคัญทั้งหมดของรัฐบาลและสมาชิกของผู้พิทักษ์ก่อนที่จะเข้าไปในเกต]
[เขาอาจจะคิดว่าเขาสามารถจะหลบหนีพวกเราอยู่ในเกตไปได้ตลอดการ มันได้แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาไม่มั่นคงเลย]
[ทีมที่พวกเราสร้างขึ้นไม่ได้ประกอบไปด้วยผู้ใช้พลังระดับ SS 2 คนและผู้ใช้พลังระดับ S 50 คนอย่างที่คุณได้ยินมา แต่ว่ามีเพียงแค่ผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศส 1 คน กับผู้ใช้พลังระดับ S 50 คนเท่านั้น หรือก็คือเขาคนนั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา]
[ไม่ว่าผู้ใช้พลังระดับ SS จะสำคัญแค่ไหน พวกเราก็ไม่สามาารถจะทนความบ้าคลั่งขอเขาได้อีกต่อไป เขาเป็นพวกโรคจิตและฆาตกร ผมขอร้องให้คุณจัดการเขาที พวกเราจะจัดการในส่วนที่เหลือเอง]
ฉันพูดไปว่าฉันทำไม่ได้และปฏิเสธไป แต่ยังไงก็ตามก่อนที่ฉันจะออกจากห้องรับแขก ฉันก็ได้บอกกับว่าฉันจะทำตามที่สถานการณ์มันเหมาะสม เมื่อฉันได้กลับมารวมกับพรรคพวกของฉันและบอกในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ารัฐบาลได้ขอให้ฉันฆ่าผู้ใช้พลัง พวกเขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
"เขาได้ฆ่าคนสำคัญของรัฐบาล แต่ว่านายกยังมีชีวิตอยู่หรอ?"
"มันมีกลิ่นแปลกๆอยู่นะ แม้ว่าถ้าสิ่งที่เขาบอกมันเป็นเรื่องจริง แต่ว่ามันก็น่ารำคาญ ถ้ายิ่งเขาไม่ได้พูดจริงมันก็จะยิ่งน่ารำคาญมากไปอีก
"คนที่ไม่มีความมั่นคงทางจิตใจ.. ทำไมคนแบบนั้นถึงมีพลังแบบนี้..."
ถ้านายกได้พูดความจริงและผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียยังมีชีวิตอยู่ พวกเราอาจจะต้องต่อสู้กับมนุษย์แทนที่จะเป็นมอนสเตอร์ เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่ผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศาและผู้ใช้พลังระดับ S อีก 50 คนไม่สามารถจะเคลียร์ดันเจี้ยนได้เพราะผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียมันได้ทำให้ฉันต้องรู้สึกหนาวสั่น ยังไงก็ตามฮวาหยาและพ่อได้ให้ข้อสรุปง่ายๆมา
"มันไม่มีปัญหาหรอก พวกเราก็คิดเพียงแค่ว่ามีผู้ใช้พลังระดับ SS คนหนึ่งเป็นศัตรู"
"เธอพูดถูกเจ้าลูกชาย ไม่ว่าจะมีใครปรากฏออกมาก็ไม่มีทางจะแข็งแกร่งไปกว่าพ่อได้นี่นา? ไม่ต้องกังวลนักหรอกน่า"
"ไม่พ่อสิ่งทีผมกังวลก็คือ....ชั่งเถอะ"
ฉันไม่สามารถจะบอกในสิ่งที่ทำให้บรรยากาศเสียได้เมื่อทุกคงได้พูดอย่างมันใจได้ นอกจากนี้ฉันก็เคยฆ่ามนุษย์มาก่อนแล้ว ฉันไม่สามารถจะถามได้ว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามนุษย์ได้หรือไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูก็ตามที
ก่อนที่พวกเราจะเข้าไปในดันเจี้ยน พวกเราได้ตรวจสอบอุปกรณ์และสภาพของทุกๆคน หลังจากเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ได้มุ่งหน้าไปสู่ภูเขาน้ำแข็งที่ๆมีดันเจี้ยนอยู่ นายกรัฐมนตรีก็ยังคงมากับพวกเร คนๆนี้....ไม่มีอะไรที่จะทำอีกแล้วหรือไงนะ?
เมื่อพวกเรากำลังจะเข้าไปในดันเจี้ยน รูเดียก็ได้ถามออกมา
"ชินไวเวิร์นไปไหนแล้วล่ะ"
"โอ้ล็อทเต้หรอ เธอออกไปฝึกนะ"
"....นายล้อเล่นใช่ไหม"
"ฉันเหมือนคนที่กำลังล้อเล่นหรอ?"
ล็อทเต้ดูเหมือนจะกังวลมากที่ไม่สามารถจะเข้าไปในเหตุการดันเจี้ยนระดับ SS กับฉันในอเมริกาได้ เธอเลยได้ขออนุญาตฉันและออกไปฝึก ฉันต้องการที่จะถามเธอว่าาเธอกำลังจะทำอะไร แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ทำ เนื่่องจากว่าเธอแน่วแน่มากฉันจึงปล่อยให้เธอทำตามใจ ฉันได้อนุญาตให้เธอไปในขณะที่บอกเธอว่าอย่าหักโหม
ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร ฉันเพียงแค่หวังว่าเธอจะไม่กลับมาเหมือนกับปีกแห่งโชคชะตาทมิฬ... ไม่ว่ายังไงก็ตามการไม่มีล็อทเต้ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยน ดังนั้นพวกเราจึงเข้าไปด้วยกันเพียงแค่นี้
[คุณได้เข้าสู่เหตุการดันเจี้ยนระดับ SS ปราสาทน้ำแข็ง]
ในวินาทีที่ฉันได้ก้าวเข้าไปในดันเจี้ยนลมหนาวที่หนาวไปถึงกระดูกก็ได้พัดผ่านมา แน่นอนว่าด้วยพันธะสัญญากับริยูและผลจากผ้าคลุมมังกรแดงทำให้ฉันรู้สึกเหมือนลมเย็นเท่านั้น ยังไงก็ตามมันดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่กับพรรคพวกของฉัน
"นะ นะ นะ นะ หนาวววว"
"พ่อ ผมคิดว่าพ่อเป็นอันเดตซะอีกนะ"
"ฉะ ฉะ ฉะ ฉัน นะ นะ หนาว มะ เหมือนกันนะ"
ด้วยแบบนี้เยอึนจึงได้กระโดดเข้ามากอดฉัน จากนั้นเธอก็ส่งเสียงออกมา
"ผ้าคลุมของชินร้อน"
"มันทำมาจากหนังของมังกรแดงนะ"
ในช่วงเวลาที่เยอึนตะโกน คนอื่นๆอีกหลายคนก็เข้ามาเกาะติดอยู่กับผ้าคลุมของฉัน ฉันได้ผลักพวกเขาออกไปในขณะที่ตะโกนออกมา
"ไม่ใช่ว่าพวกนายซื้อเสียกันหนาวในดันเจี้ยนหรอ? ใส่มันแทนซะสิ"
"แต่มันยากที่จะต่อสู้ทั้งแบบนั้น"
"ถ้าเธอเกาะติดฉันแบบนี้มันไม่ใช่ว่าพวกเราทั้งคู่จะไม่สามารถต่อสู้ได้เลยไม่ใช่หรอ?"
ในตอนท้ายทุกๆคนนอกจากฉันและฮวาหยาก็ได้สวมใส่ชุดกันหนาวหนาๆกัน แม้ว่าฉันจะไม่เป็นเพราะผ้าคลุม แต่มันก็ดูเหมือนว่าฮวาหยาก็สามารถจะป้องกันตัวเองได้ด้วยพลังไฟของเธอ
"แล้วเราอยู่ที่ไหนละนี่?"
"มันดูเหมือนจะเป็นทางเดินใต้ดินของปราสาท ทุกอย่างที่นี่ทำจากน้ำแข็ง"
ฉันได้มองไปรอบๆทางเดินที่เราอยู่มันกว้างประมาณ 5 ม. และสูง 10 ม. ตามผนังไม่มีหน้าต่างแม้แต่นิดเดียว มันเป็นเส้นทางเดินใต้ดินที่สมบูรณ์แบบที่คุณอาจจะคิดว่าจะได้ยินเสียงร้องของอาชญากรที่ถูกจับตัวได้ นอกจากนี้ทุกๆอย่างได้ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำแข็ง พื้น ผนัง ฝ้า เพดาน ทุกๆอย่างเลย
แม้ว่าพวกเราจะเข้าไปในดันเจี้ยนทุกรูปแบบ แต่ว่าสภาพแวดล้อมมันก็มีความกว้างขวางและเหมาะให้พวกเราสำรวจ ยังไงก็ตามสถานที่ๆเราอยู่แม้มันจะกว้างพอสมควร แต่มันก็มีข้อจำกัดอย่างชัดเจน เนื่องจากว่าเราได้ถูกขังไว้ ซึ่งพลังงานเยือกแข็งได้ไหลเข้ามาเรื่อยๆราวกับเป็นการลงโทษที่เราจะต้องทนกับมัน แถมยังไม่มีแสงให้เราเห็นแม้แต่นิด
พวกเราได้ให้ฮวาหยาและรูเดียที่อ่อนแอสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดอยู่ตรงกลางและเดินไปตามทางอย่างรวดเร็ว หากเหตุการดันเจี้ยนที่พวกเรามามันเป็นแบบนี้ก็น่าจะมีมอนสเตอร์มาโจมตีเราในทันทีที่ฝั่งตรงข้าม แม้ว่าหลังจากผ่านไปนาน 30 นาที พวกเราก็ไม่ได้เจอกับมอนสเตอร์ใดๆเลย"
"ฮัดชิ้วๆ"
"รูเดียมานี่"
"อือ"
หลังจากที่พวกเราได้เดินในอากาศที่หนาวเย็นมาพักหนึ่ง รูเดียซึ่งมีร่างกายที่อ่อนแอที่สุดก็ได้จามออกมา แม้ว่าพวกเราจะได้เตรียมตัวกับสภาพอากาศแบบนี้มาแล้ว แต่ว่าเมื่อพวกเราได้มาประสบกับมันด้วยตัวเองก็ดูเหมือนจะยังไม่พอ
ฉันรู้สึกขอโทษเลยให้รูเดียมาอยู่ข้างๆฉัน แนไม่สามารถให้ผ้าคลุมกับเธอไปได้เพราะมันผูกมัดอยู่กับฉัน แต่เธอก็สามารถได้รับความอบอุ่นได้เพียงแค่มาอยู่ข้างๆฉัน หลังจากที่รูเดียจับชายผ้าคลุมของฉัน เธอก็หยุดจาม แต่ว่าแก้มของเยอึนและฮวาหยาก็ได้พองขึ้น
"ฉันหนาวเหมือนกันนะ... ฉันก็อิจฉา"
"นายลำเอียงเกินไปแล้ว ฉันไม่ชอบมันเลย"
เยอึนสภาพของเธอดีกว่ารูเดียมากเลยนะ ฮวาหยาเธอนะอบอุ่นยิ่งกว่าใครทุกคนที่นี่อีกนะ ฉันอยากจะเถียงออกไปแต่เนื่องจากว่ามันอาจกลายเป็นเรื่องยุ่งฉันเลยไม่ทำ ฉันได้เมินพวกเธอและเดินต่อไปอย่างมั่นคง
ยังไงก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็ได้หยุดทุกคนเพราะฉันได้พบกับเลือดบนกำแพง
"มีการต่อสู้ที่นี่"
"มันแข็งตัวไปแล้วด้วย"
ฉันได้มองไปรอยๆ แต่ว่าไม่มีสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากรอยเลือดบนกำแพง ฉันได้บอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมเอาไว้และเดินหน้าต่อ และฉันก็ได้ใช้มานาตรวจหาออกไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีฉันก็รู้สึกถึงบางอย่างข้างหน้าฉัน มันมาพร้อมกับความหนาวเย็นมากๆ
"รูเดีย ถอยหลัง"
ฉันได้ผลักรูเดียถอยไปและดึงหอกออกมาพร้อมเรียกออร่า ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้เรียกริยูและไพก้าออกมา ในขณะนั้นพวกเธอก็ลอยขึ้นมาบนไหล่ของฉันและปล่อยพลังธาตุออกมา ในไม่ช้าศัตรูก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันโกเลมสูงประมาณ 7 เมตรที่ทำมาจากน้ำแข็งที่เหมือนก้อนหิน ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจว่าทำไมเพดานถึงได้สูงมากๆ
[ก๊าาาาาา]
เมื่อโกเลมเห็นเราก็คำรามและพุ่งตรงเข้ามาหาเรา ยังไงก็ตามมันเลือกศัตรูได้ผิดมาก
[อย่าได้แตะต้องชินนะ]
[ก๊าาาา...าาา!?]
เพียงแค่สามคำหลังจากนั้นริยูก็ได้ทำให้โกเลมถูกแช่แข็งกับที่ คริสตัลน้ำแข็งหลายอันก็ยังโผล่ขึ้นมาและโจมตีเจ้าโกเลม สถานที่แห่งนี้คือเวทีที่ริยูจะส่องแสงที่สุดสินะ
ยังไงก็ตามโกเลมก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไรแม้ว่าจะโดนการโจมตีที่น่ากลัวของริยู
[ก๊าซซซซซซ]
"โอ้ เข้าใจแล้ว"
ข้อบกพร่องของริยูก็คือเธอไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงให้กับโกเลมได้เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็มีธาตุน้ำแข็งแบบเดียวกัน ริยูที่กำลังภูมิใจได้สลดลงไปอย่างรวดเร็ว
[อูววว ฉันจะต้องปกป้องชิน]
"นั่นก็เพียงพอแล้ว เน้นไปที่การป้องกันการเคลื่อนไหวของโกเลมนะ ฮวาหยา"
"อือ"
ฮวาหยาได้โยนเพลิงสีขาวไปที่โกเลม แม้ว่าหลังจากที่มันปะทะกับน้ำแข็งแล้วมันก็ยังคงไม่ดับลงและเผาไปจนกลืนกินโกเลม
[ก๊าซซซซซซ]
ในท้ายที่สุดโกเลมก็ได้ละลายไปกลายเป็นบ่อน้ำในขณะที่ฮวาหยายืดอกอย่างภูมิใจ
"หุหุ นายเห็นไหมล่ะ"
"ใช่แล้วทำได้ดีมาก"
'สำหรับคนที่เป็นล้มเพียงแค่เห็นแมลงน่ะนะ....'
ดูเหมือนว่าเธอจะลืมทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นในอเมริกาไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ตามด้วยฮวาหยาทำให้เราเอาชนะโกเลมได้ง่ายขึ้น ฉันได้ชมฮวาหยาและสำรวจสภาพแวดล้อมด้วยการตรวจจับของมานาอีกครั้งหนึ่ง
"อ่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับไป"
"มันดูเหมือนว่าพวกเราจะวิ่งเข้าไปเจอมอนสเตอร์แล้วในตอนนี้ อยู่ติดกับฉันไว้นะรูเดีย"
"อย่ามาเรียกฉันว่ารูเดีย! ฉันจะอยู่กับชิน"
"มานี่สิ ข้างๆฉันมันก็อุ่นเหมือนกันนะ ใช่ไหมล่ะ"
"...ยัยแม่มดหน้าอกใหญ่ขี้อิจฉา"
"...อึ่ม มันก็ดีการแม่มดหน้าอกเล็กขี้อิจฉาละกันน่า"
"ฉะ ฉันยังอยู่ในช่วงเติบโต มันสามารถเปลื่ยนแปลงไปได้อีก"
ขอร้องละอย่าได้พูดอะไรแบบนี้เลยนะ....
หลังจากนั้นเราก็ได้ต่อสู้กับค้างคาวยักษ์ และโกเลมที่ทำด้วยน้ำแข็ง ริยูก็ได้ตรึงพวกมันเอาไว้และให้ฮวาหยาใช้ไฟที่ร้อนแรงละลายพวกมันไป
โชคร้ายที่เพราะว่ามอนสเตอร์พวกนี้ทำมาจากน้ำแข็ง พวกมันจึงไม่ได้ทิ้งศพใดๆไว้เลย ยังไงก็ตามพวกเราก็มีความสุขมากเพราะมานาสโตนนั้นมีดอกาสดรอปลงมาที่สูงขึ้น
พวกเราน่าจะอยู่ใต้ดินเพราะว่าหลังจากเดินมานานก็ไม่มีหน้าต่างใดๆให้เห็นได้เลยซึ่งมันเป็นข้อพิสูจน์อย่างดี ห้องที่อยู่ตามทางเดินทั้งหมดเป็นห้องเก็บอาวุธ ห้องเก็บอาหาร และก็คุก ซึ่งห้องทุกๆห้องข้างต้นในตอนนี้นั้นต่างก็มีแต่โกเลม
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมงเราก็ได้สำรวจทางเดินใต้ดินทั้งหมด มันดูเหมือนว่าเราจะอยู่ที่ชั้นที่ต่ำที่สุด พวกเราได้พบกับบันไดขึ้นไป ซึ่งมันทำให้ฉันไม่สามารถจะซ่อนความตื่นเต้นได้เลยเพราะมันคือสิ่งที่เหมือนกับเกม RPG
"ก่อนอื่นมากินอาหารก่อนที่จะไปต่อกันเถอะ"
"ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะพูดแบบนั้น"
เพราะว่าทุกคนนอกเหนือไปจากฮวาหยาและฉันต่างก็เกือบจะถูกแช่แข็งไปแล้ว พวกเราทั้งหมดได้ยอมรับและกินอาหารเพื่อให้ร่างกายอุ่นขึ้น ฉันได้ำราเมนโดยใช้ไอเทมพิเศษจากร้านขายของประจำชั้น 'เผาสู่เถ้าสีขาว...' ด้วยมันฉันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกลัวปราสาทน้ำแข็งซึ่งทำให้ไฟของฮวาหยาดับลงในไม่กี่นาที หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างแม้ว่าจะไม่มีไฟ ไอเทมนี้ก็สามารถจะทำให้ร้อนขึ้นมาได้ตามอุณหภูมิที่ต้องการได้ตามระยะเวลา
ยังไงก็ตามมันไม่ได้เป็นไปในแบบที่ฉันหวัง
"โอ้ ไม่นะ น้ำมันไม่เดือด"
"เวรเอ้ย....ถึงแม้ว่าหม้อจะร้อน แต่น้ำมันไม่เดือดเพราะด้านนอกมันเย็นเกินไป
เป็นสภาพแวดล้อมที่ไร้สาระอะไรแบบนี้ แม้ว่าในขณะที่ฉันกำลังสับสนกับสถานการณ์ที่ไร้เหตุผลนี้ ฉันก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ถ้าข้างนอกมันเย็นเกินไปฉันก็จะต้องทำให้มันอุ่นฉันจะต้องจัดการทำให้พื้นที่รอบๆหมอและรอบๆนี้อยู่ภายใต้เพลิงโกลาหล เพลิงโกลาหลมันจะไม่ดับลงเว้นแต่ว่าฉันจะต้องการมัน และมันก็ไม่ใชแค่ความร้อนเท่านั้น มันยังเป็นการกรัดกร่อน เมื่อมองไปที่น้ำที่เดือด ฉันก็รู้สึกพึงพอใจ
"นายใช้เพลิงที่ฆ่าบอสระดับ SS มาต้มน้ำ..."
"นายไม่ควรพูดแบบนั้นนะวอร์คเกอร์ในเมื่อนายใช้ไฟในการอุ่นร่างกายอยู่นะ"
ด้วยการฝึกอบรบทั้งหมดที่ฉันได้ไปกับพ่อ ฉันได้กลายเป็นเสาหนักแห่งการทำราเมน แม้ว่าในขณะทำให้มันเดือดทั้ง 10 แพ๊ค ฉันก็ยังสามารถคงสภาพผิวของเส้นบะหมี่ไว้ได้ ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นความสามารถที่ยิ่งใหญ่มากๆ ครั้งหนึ่งพววกเราได้มารวมตัวกันที่ทางเดินใต้ดินปราสาทน้ำแข็งและกินราเมน....
พวกเราสัมผัสได้ว่ามีคนอื่นอยู่อีก
"นาย...กำลังกินสิ่งนั้น?"
ฮวาหยาและฉันได้หันไปมองในขณะที่เส้นมาม่าอยู่ในปาก
ตรงนั่นพวกเราได้เห็นแม่มดน้ำแข็งสีเงิน