ตอนที่แล้วบทที่ 157 - หอกโกลาหลสีชาด (7) [13-04-2020]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 159 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (2) [17-04-2020]

บทที่ 158 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (1) [15-04-2020]


บทที่ 158 - การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (1)

หลังจากที่เหตุการการจู่โจมจบลง ฉันก็ต้องการเพียงแค่ล้มตัวลงนอนไปจากความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นมาจากการทำลายนดันเจี้ยนอย่างต่อเนื่อง และคำพูดของราชินีตั๊กแตนก็ไม่ได้ออกไปจากใจของฉัน

โลกและผู้รุกราน ความสัมพันธ์นี้ฉันได้คิดว่ามันไม่ได้เรียบง่ายแบบเดิมอีกแล้ว มันดูเหมือนว่ามอนสเตอร์จะไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง มันมีการดำรงอยู่ที่ควบคุมพวกเขาจากเบื้องหลัง มันได้สร้างความสับสนเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้มันมีสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อน

"รีบๆเลือกรางวัลของนายได้แล้ว"

"เดี๋ยวก่อน ให้ฉันจัดการเจ้าปัจจัยเสี่ยงนี่ก่อน"

ฉันได้วางมือลงไปบนศพของตั๊กแตนและเก็บมันลงไปในช่องเก็บของ เป็ปเปอร์ที่มอมาได้พึมพำขึ้น

"TK เฟรมเดรกที่เราสู้ก่อนหน้านี้...."

"เอาล่ะ มาเลือกรางวัลของพวกเราและไปกินอาหารกันเถอะ"

ฉันได้เปลื่ยนเรื่องอย่างเปิดเผยและหันเหความสนใจไปที่ลิสรางวัล จากนั้นฉันก็รู้สึกทึ่งเมื่อคิดได้ว่ามันมีทักษะท่องมิติและย้อนกลับปรากฏออกมาแบบนี้ ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันมีไม่กี่วิธีเท่านั้นที่จะได้รับมัน ซึ่งเหตุการการจู่โจมก็เป็นหนึ่งในนัน

"มันทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าเหตุการการจู่โจมระดับ SS มันหายาก...."

สมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลทุกคนรู้เรื่องของทหารรับจ้างต่างมิติจากคำอธิบายของฉัน

ตั้งแต่ที่เยอึนต้องการความสำเร็จที่มากขึ้นและได้รับฉายาของพระเจ้า เธอก็อาจจะไม่สนใจในสิ่งเหล่านี้ คนที่น่าจะสนใจก็คงจะเป็น....

อย่างแรกฉันได้เลือกรางวัลของฉัน แม้ว่าทักษะจิตวิญญาณระบำแห่งเนื้อจะได้กระตุ้นจิตวิญญานนักสักสมของฉัน แต่ว่าวิญญาณแห่งดาบการศึกนั่นน่าจะดียิ่งกว่า หลังจากลังเลเล็กน้อยฉันก็ได้เลือกดาบ

"อืมมม?"

น่าแปลกที่มันเป็นลูกทรงกลมสีเงินขนาดเล็ก นอกจากนี้มันก็ยังดูคุ้นเคยมากๆ ใช่แล้วไม่ต้องสงสัยเลยมันมีรูปร่างที่คล้ายกับอิลิกเซอร์ที่ฉันได้รับมาจากชั้นที่ 5 ไปจนถึงชั้นที่ 50 ฉันได้ตรวจสอบคำอธิบายไอเทมในกรณีนี้และมันเป็นไอเทมบริโภคจริงๆ ฉันได้รู้สึกสงสัยเล็กน้อยในขณะกลืนมันลงไป

[ความแข็งแรงและความคล่องแคล่วของคุณเพิ่มขึ้น 10 คุณได้เรียนรู้ทักษะ 'ดาบพุ่งจู่โจมระดับต่ำ' เมื่อใช้งานทักษะและพุ่งออกไปข้างหน้าจะสร้างใบมีดคมออกมาจากร่างกายโดยใช้มานา เมื่อถึงเป้าหมายใบมีดทั้งหมดจะถูกยิงไปทางเป้าหมาย ความแข็งแรง ความคล่องแคล่ว และเลเวลของทักษะจะเพิ่มดาเมจให้กับทักษะนี้]

ฉันค่อนข้างจะตกใจกับการที่เพิ่มสเตตัสความแข็งแรงและความคล่องแคล่ว 10 อยู่แล้ว แต่มันแม้แต่ให้ทักษะกับฉัน แถมมันก็ยังเป็นทักษะประเภทพุ่ง! หากเส้นทางวายุเป็นทักษะในการจัดการเป้าหมายที่ละหลายตัว ทักษะนี้ก็เหมือนกับเป็นทักษะจัดการเป้าหมายเดี่ยว ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับทักษะเส้นทางวายุที่มันจะต้องใช้เวลาในการเพิ่มพลังมันจนถึงขีเสุด ด้วยทักษะนี้ฉันจึงสามารถจะนำมาใช้ในตอนเจอกับเป้าหมายเดี่ยวๆได้ทันที

"หืมมม....โอเค ย้อนกลับ"

ในขณะที่ฉันตรวจสอบไอเทมและผลของมันดูเหมือนว่าคนอื่นๆก็จะเลือกรางวัลกันเสร็จแล้ว ท่องมิติและย้อนกลับเป็นพ่อและฮวาหยาที่เอาไป พ่อได้บอกว่าพ่อเลือกท่องมิติเพราะดูเหมือนมันจะได้รับยากกว่า ในขณะที่ฮวาหยาได้วางแผนที่จะเลือกย้อนกลับเป็นการเริ่มต้น เมื่อฉันได้ถามเธอ เธอจึงตอบกลับมา

"ฉันได้รับข้อมูลที่ชัดเจนมาแล้ว เมื่อฉันได้เคลียร์ชั้นที่ 80 เพียงลำพัง ฉันก็สามารถจะเลือกย้อนกลับมาที่เลเวล 50 และเริ่มใหม่บนชั้นที่ 50 ของดันเจี้ยนแรกได้ กิลด์ผู้ดูแลได้บอกกับฉันแบบนั้น ดังนั้นฉันจึงแน่ใจ"

"เลเวล 50? ถ้าเธอลดลง 20 เลเวล เธอก็จะสูญเสียสเตตัส พลังชีวิต มานา จำนวนมากเลยนะ"

"ฉันมั่นใจมากขึ้นในช่วงที่ฉันวิ่งวุ่นกับเหตุการดันเจี้ยนทั้งหมด มันมากกว่าที่ฉันคาดคิดเอาไว้แล้วด้วย"

"อ่า"

เธอพูดถูก เธอได้เริ่มเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนหน้าฉัน เธอได้รับโบนัสแต้มสเตตัส 250 แต้มแล้ว หากไม่รวมกับพลังชีวิตและมานามันก็มีมูลค่าเท่ากับประมาณ 50 เลเวล

แม้ว่ามันควรจะสูงกว่านี้อีก แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีขีดจำกัดที่เหตุการดันเจี้ยนจะสามารถมอบให้กับพวกเราได้ หลังจากเคลียร์เหตุการดันเจี้ยน 200 แห่งที่ต่ำกว่าระดับ S แล้ว ฮวาหยาก็ไม่สามารถที่จะได้รับแต้มสเตตัสจากดันเจี้ยนเหล่านั้นอีก เธอสามารถได้รับโบนัสแต้มสเตตัสเพียงแค่ดันเจี้ยนที่มีระดับสูงกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนโบนัสสเตตัสที่เธอได้ก็ยังลดลง

ฉันรู้สึกประหลาดใจที่เธอได้เคลียร์เหตุการดันเจี้ยนไปแล้วมากกว่า 200 แห่ง แต่ว่าฉันเองก็ใกล้เคียงกับจำนวนนั้นแล้วจึงไม่สามารถจะพูดอะไรได้

เนื่องจากว่าพวกเราได้พบว่าแต้มโบนัสสเตตัสที่มีจำนวนจำกัดนี้ ดังนั้นการเป็นทหารรับจ้างต่างมิติจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า ตั้งแต่ที่ฮวาหยาต้องการจะปรับปรุงตัวเองฉันจึงต้องการอยากให้เธอได้กลายเป็นทหารรับจ้างต่างมิติในสักวันหนึ่งฉันจึงบอกกับเธอ แต่ว่าเธอก็ยังคงไม่สามารถจะยอมแพ้เกี่ยวกับการเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนทีหนึ่งได้ เพราะนั่นก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

แน่นอนว่ามันก็จะยังเป็นความจริงที่ว่าเธอจะอ่อนแอลง แต่ว่าเธอสามารถเข้ามาในดันเจี้ยนที่หนึ่งด้วยสเตตัสที่สูงและเธอก็สามารถที่จะได้รับหนังสือทักษะท่องมิติได้จากการเคลียร์ดันเจี้ยนชั้นที่ 50 เพียงลำพังได้อีกด้ว เพราะว่าการที่เธอลดเลเวลลงมา 30 เธอก็น่าจะจัดการมันได้ด้วยประสบการณ์ของเธอ

ในตอนนี้ฉันก็ได้คิดเกี่ยวกับการเคลียดันเจี้ยนทั้ง 200 แห่งและระดับในแต้มสเตตัสที่ควรจะเป็นไปได้สำหรับนักสำรวจในยุคแรกๆเหมือนกับพวกเรา ในโลกอื่นๆก็อาจจะมีคนที่เหมือนกับพวกเราที่ล่าแต้มสเตตัสเมื่อมอนสเตอร์เริ่มปรากฏออกมา หรือก็คือหนึ่งในช่วงเวลาที่โลกตกอยู่ในอันตรายที่สุดมันก็ยังคงเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นกัน แม้ว่าโลกจะอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แต่ว่ามันก็ไม่ควรจะต่างกันมากนัก

"ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าทุกๆคนเสร็จธุระแล้วสินะ"

"โอ้ อ่า ใช่แล้ว"

ฉันพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนอยู่ที่นี่ผู้ที่ไม่สามารถจะมีความสุขกับรางวัลได้ เนื่องจากเป็ปเปอร์กำลังมองมาที่ฉันด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัย ฉันจึงตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่เป็นอย่างแรก ครู่หนึ่งเรื่องราวของเกตระดับ SS ที่หายไปก็ถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและสิ่งต่างๆที่น่าเบื่อหน่ายก็จะเกิดขึ้นหากสื่อจับตัวเราได้

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมานั้นเป็ปเปอร์ก็ได้กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่สองที่อยู่ภายใต้สุมิเระ ด้วยการใช้พันธะสัญญาวิญญาณพวกเราได้ให้เขาสัญญาว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อได้มีผู้ใช้พลังระดับ SS คนอื่นๆปรากฏขึ้นในอเมริกาเข้าก็จะเข้าร่วมกับรีไวเวิร์ลและเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนอย่างโจ่งแจ้งที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้หากเขาเลเวลอัพแล้วมีสิทธิที่จะรับนักสำรวจคนอื่น เขาก็จะต้องได้รับการยินยอมจากสมาชิกของรีไวเวิร์ลเป็นส่วนใหญ่ก่อนที่เขาจะทำให้ใครเป็นนักสำรวจ เรื่องนี้ไม่ได้ใช้แค่กับเป็ปเปอร์แต่เป็นกับพวกเราทุกคน

ใช่แล้วมันดูเหมือนว่าฮวาหยาจะไม่พอใจบ้างเล็กน้อยที่ฉันได้ทำให้เยอึนกลายมาเป็นนักสำรวจด้วยตัวเอง ฮวาหยาและฉันค่อนข้างจะสนิทกันดังนั้นเธอจึงไม่พอใจที่ฉันไม่ขอความคิดเห็นเธอเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะแบบนั้นฉันจึงรู้สึกผิดเล็กน้อยและเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำให้คนอื่นๆใช้พันธะวิญญาณ แต่เรารู้ดีว่าคงจะไม่มีใครปฏิเสธคำสัญญานี้

"ถ้างั้นก็คือนายได้ซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่นี้เอาไว้หรอ TK"

เมื่อเป็ปเปอร์ได้เข้าไปในดันเจี้ยนและกลับมาเขาก็ไม่สามารถจะปกปิดความตกใจไว้ได้ เขาได้ตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสและเปิดช่องเก็บข้องในขณะที่เขาได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไปอย่างจกใจ ฉันได้บอกกับเขาไปด้วยรอยยิ้ม

"ด้วยพลังของนาย นายก็ควรจะสามารถที่จะปีนขึ้นไปชั้นสูงๆได้อย่างรวดเร็ว นายจะแข็งแกร่งมากขึ้นในขณะที่เลเวลอัพขึ้นไป"

"พระเจ้า TK...."

"นายสามารถจะเรียกฉันว่าชินได้เลย ชื่อจริงๆของฉันก็คือคังชิน"

"ชิน...ดีล่ะ ถ้างั้นเพื่อน นายก็เรียกฉันว่าลีออนได้เลย นับแต่นี้พวกเราเป็นเพื่อนที่มีชะตาตรงกันแล้วนะ"

"ชะ ใช่แล้ว"

เป็ปเปอร์...ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากเกินไป แม้ว่าไม่มีเพลงใดๆแต่เขาก็ได้เต้นไปเรื่อยๆ

"ฮ่าๆๆๆๆ เยี่ยม มอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ในที่ไหนสักแห่ง ฉันอดใจรอไม่ไหวแล้ว"

นอกจากฉันดูเหมือนว่านักสำรวจดันเจี้ยนทุกคนจะมีความแปลกประหลาด.... ฉันได้ยิ้มขมขึ้น

หลังจากได้สร้างพันธมิตรกับอเมริกาพวกเราก็ได้ออกไปเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนที่เหล่าผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีจัดการไม่ได้ ในตอนท้ายของวันที่ 58 นับตั้งแต่ที่เหตุการดันเจี้ยนปรากฏออกมามันมีเหตุการดันเจี้ยนเหลืออยู่เพียงแค่เดียวบนโลกในตอนนี้เท่านั้น มันก็คือเหตุการดันเจี้ยนระดับ SS ในเขาหิมะของรัสเซีย

เหตุผลเดียวที่ดันเจี้ยนนี้ยังเหลืออยู่ก็ง่ายมาก มันเป็นเพราะว่าทั้งผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีที่ถูกส่งเข้าไปต่างก็ไม่เคยกลับมา

เมื่อรีไวเวิร์ลได้เริ่มเดินทางรอลโลกเพื่อเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนและได้รับการตอบรับในทางพวกอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้พิทักษ์ก็รู้สึกร้อนใจ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่ากลุ่มเล็กๆที่มีคนไม่ถึง 10 คนจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งกลุ่ม

มันมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่พวกเขาจะกู้ชื่อเสียงคืนมาได้ มันก็คือการพิชิตเหตุการดันเจี้ยนระดับ SS ก่อนพวกเขา ด้วยผลลัพนี้ผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซีย ผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศส และผู้ใช้พลังระดับ S มากกว่า 50 ชีวิตได้เข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนระดับ SS ของรัสเซีย

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ได้รับรู้โดยสาธารณะ เหตุผลที่พวกเราไม่สามารถจะเห็นผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศสได้ในตอนที่ไปถึงฝรั่งเศสก็เพราะว่าเขาได้ไปรัสเซียแล้ว พวกเราได้รู้เรื่องนี้หลังจากที่ได้ไปทีอเมริกา

ตามที่ฉันได้กล่าวมาผลลัพธ์มันก็คือภัยพิบัติ หลังจากที่เข้าไปในเกตแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาอีกเลย เมื่อผู้ใช้พลังระดับ SS ของประเทศอื่นได้ยินการหายตัวไปนานกว่า 3 สัปดาห์นี้พวกเขาก็ได้ปฏิเสธที่จะเข้าไปในเกตนี้ เหตุผลก็ชัดเจนมากแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังระดับ SS แต่ว่าดันเจี้ยนมันไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้และพวกเขาก็จะไม่ได้อะไรนอกจากความตายหากเข้าไปมั่วๆ นอกจากนี้นี้ก็ยังเป็นเกตของประเทศอื่น ผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศสนั้นกลายเป็นอาสาสมัครที่โง่เง่า

จากนั้นพวกเราก็ได้เคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้้ยนระดับ SS ของอเมริกาและแม้แต่จัดการเหตุการการจู่โจมได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความตั้งใจของรีไวเวิร์ล ผู้พิทักษ์ และปีกแห่งเสรี แต่ว่าความนิยมของรีไวเวิร์ลก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างกับติดจรวด บางคนถึงกับเรียกพวกเราว่าความหวังสุดท้ายของมนุษยชาต มันเป็นสิ่งที่ฉันได้ยินแล้วฉันเกลียดมัน

[รัญบาลของเราขอร้องรีไวเวิร์ลอย่างเป็นทางการ ได้โปรดช่วยรัสเซียให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ พวกเราจะยอมรับข้อเรียกร้องของคุณ]

สถานการณ์ในตอนนี้ของรัสเซียได้แย่ลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งนายกรัฐมนตรีของรัสเซียได้ยื่นคำร้องขอมาให้พวกเราอย่างเป็นทางการ ฉันจินตนาการได้เลยเกี่ยวกับการพูดคุยแลกเปลื่ยนนี้ แต่ว่าสิ่งสำคัญก็ความอัปยศของรัสเซียที่ทำเหมือนกับเหล่าผู้พิทักษ์ได้ยอมจำนนต่อเรา นับตั้งแต่ที่พวกเราได้ปะทะกับผู้พิทักษ์ในเกาหลี พวกเขาก็ไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงเรา พวกเขาได้ทำราวกับว่าเราไร้ตัวต้น แต่ว่าตอนนี้พวกเขาได้ยื่นมือเข้ามาหาเรา

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความตั้งใจของเรา แต่ยังไงก็ตามพวกเราก็ได้วางแผนที่จะไปรัสเซียเป็นที่สุดท้ายอยู่แล้ว พวกเขาอาจจะคิดว่าพวกเราคงไม่คิดจะจัดการเกตระดับ SS ในรัสเซียก็ได้มั้งนะ ฉันสามารถจะจินตนาการใบหน้าของพวกเขาในตอนที่ความจริงถูกเปิดเผยได้เลย

ไม่ว่ายังไงก็ตามรัสเซียได้ให้สัญญากับพวกเราแล้ว พวกเราก็ยินดีจะทำให้ ในขณะที่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเราสามารถจะร้องขอจากรัสเซีย พวกเราก็ได้บินไปทางรัสเซียด้วยเครื่องบินของฮวาหยา

"ผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียและฝรั่งเศส...เธอคิดว่าเขาจะตายไหม?"

"พวกเขาก็ยังคงเป็นระดับ SS ดังนั้นพวกเขาก็ไม่น่จะมีชีวิตอยู่หรอ? แม้อย่างนั้นฉันก็ไม่เคยพบกับพวกเรา ดังนั้นฉันก็ไม่แน่ใจนัก"

ฮวาหยาได้ตอบกลับมาในขณะที่ขัดเล็บของเธอ ฉันรู้สึกตกใจมากเพราะฉันไม่คิดว่าเธอจะไม่สนใจกับความตายของผู้ใช้พลังประเทศอื่นๆ มันเกือบจะราวกับว่าเธออ่านใจของฉันได้ เธอได้ยิ้มออกมา

"ในตอนนี้มันไม่ใช่เวลามากังวลอะไรชิน การมองโลกในแง่ลบมันจะส่งผลเสียต่อนาย เพื่อน และโลกของนายนะ"

"ดังนั้นเธอก็เลยขัดเล็บแทน"

"แน่นอนฉันจะต้องดูดีเสมอ! ใครก็ตามที่มองมาที่ฉันจะต้องมีความสุข นั่นเป็นเหตุผลที่ดีเลยใช่ไหมล่ะ"

ในขณะที่ฮวาหยาได้ยิ้มออกมาอย่างสดใส ฉันก็ได้จบลงด้วยการหัวเราะเช่นกัน หลังจากที่ขัดเล็บของเธอแล้ว เธอก็เริ่มตัดขนตา ฉันสงสัยว่านี่มันเป็นสิ่งที่เธอควรทำต่อหน้าคนอื่นงั้นหรอ แต่ฉันก็ยอมรับเลยว่าเธอดูสววยงาม ฉันได้ตอบกลับไป

"เธอนี่เต็มไปด้วยความมั่นใจจริงๆ"

"ทำไม ฉันพูดอะไรผิดไปหรอ?"

"ไม่หรอ ฉันตอนนี้ก็ยังมีความสุข"

"...นายนี่เพียงแค่ซื่อสัตย์เสมอเลยนะ"

แม้ว่าน่นจะเป็นสิ่งที่ฮวาหยาพึมำพ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ต้องการคำตอบ ขณะนั้นเธอก็ฮำเพลงและดัดขนตาต่อไป ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในอารมณ์ที่ดีมากๆ

ฉันได้ละสายตามาจากเธอและมองไปที่รูเดียที่กำลังเอนกายอยู่บนแขนของฉันและหลับลงไป เธอดูสวยงามเหมือนกับนางฟ้า เมื่อมองไปที่เธอฉันรู้สึกหลงรักเธอลงไปอย่างมากจากหัวใจ

"....ฟู่"

"ชิน แม่ของแกบอกว่าโชคดีมันจะหายไปนะเมื่อแกถอนหายใจ"

"ผมไม่สามารถจะถอนหายใจได้แม้แต่ตอนนี้หรอ!!!!?"

หลังจากพวกเราได้มาถึงรัสเซียทุกๆสิ่งก็ได้รับการจัดการอย่างงายดาย คนที่เราได้เห็นเฉพาะในทีวีก็ได้โค้งคำนับและจับมือของพวกเรา เราได้พักอยู่ในโรงแรมหรูระดับสูงที่สุดและกินอาหารในร้านที่ดีที่สุด ในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีความหมายอะไรกับฉันคนที่ไม่มีปัญหาอะไรกับการนอนและกินเลย

แม้กระทั่งในตอนดึกคนมากมายจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยังทักทายเขา สิ่งที่น่าตกใจก็คือพวกเขาได้แสดงแค่ใบหน้าของพวกเขา จากนั้นก็บอกว่าพวกเราควรกินอาหารและพักผ่อนจากการเดินทาง ฉันคิดว่าพวกเขาจะขอให้เราเข้าเกตในทันทีซะอีก แต่มันดูเหมือนว่าพวกเราจะมีชื่อเสียงมากแล้วจริงๆ

ในวันต่อมานายกรัฐมนตรีได้มาขอเจอฉันเพียงลำพัง ฉันรู้ว่าฉันได้รับชื่อเสียงมาอย่างมาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่านายกของรัสเซียจะมาของพบฉันเป็นการส่วนตัว ฉันรู้สึกต่อนเต้นเล็กน้อยและบอกกับคนอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะนั่งรถลีมูซีนกับเลขาของนายก

[ชิน ระวังตัวได้]

[ไม่มีปัญหา ฉันน่าจะรอดชีวิตได้แม้แต่จะโดนระเบิดนิวเคลียร์ได้เหมือนกันนะ]

เรื่องนี้ฉันไม่ได้ล้อเล่น ด้วยมานาของฉัน ฉันสามารถที่จะป้องกันรังสีหรือระเบิดได้เลย ฉันสามารถจะกลั้นลมหายใจไว้ได้เป็นเวลา 10 นาที นอกจากนี้ถ้ามาตกลงมาจริงๆฉันก็ยังหนีเข้าดันเจี้ยนได้

ฉันมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่นายกน่าจะพูด มันอาจจะเป็นคำอธิบายการกระทำของผู้พิทักษ์ที่มีมาจนถึงตอนนี้และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของรัสเซียในอนาคต เขาอาจจะขอให้รีไวเวิร์ลเข้าร่วมกับรัสเซีย นอกเหนือไปจากนั้น... เขาอาจจะคุยเรื่องซื้อศพของมอนสเตจอร์ด้วยยก็ได้

แต่ว่าเมื่อฉันได้ไปถึงห้องรับแขก นายกก็ได้เอาใจใส่ฉันในทุกรูปแบบทั้งการเยินยอ เช่นว่าเขาได้รู้สึกขอบคุณฉันมากแค่ไหนหรือความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของฉัน จากนั้นเองเขาก็ได้พูดสิ่งหนึ่ง

"ถ้าผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียยังมีชีวิตอยู่....ได้โปรดฆ่าเขา"

มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินมาก่อนเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด