ตอนที่แล้วตอนที่ 14 เจ้าแกะน่ารักมาก ทำไมถึงอยากกินมันล่ะ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 อะไรคือโมโม่? ว่าแต่คุณมีค่าBในหัวใจไหม?

ตอนที่ 15 รางวัลคือตด!


“อย่างแรกที่เธอพูดคือ ‘หนูก็ไม่ใช่ผู้ลักลอบแน่ๆ’ ประโยคนี้หมายความว่า ‘ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้ลักลอบเหมือนคนก่อนหน้า’” เด็กหญิงเริ่มร้องไห้ เธอส่ายหน้ารัวๆ “ในสถานการณ์แบบนี้ คงไม่ต้องสงสัยว่าคนที่มีโอกาสเป็นผู้ลักลอบน้อยที่สุดคือผม ตามด้วยเขาแล้วก็เขา” ถังโม่ชี้ไปที่หลี่ปินกับหลัวเฟิงเฉิง

เขาเงยหน้า “แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางมั่นใจได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ลักลอบ แต่คำพูดแรกของเธอสื่อว่าเธอรู้ดีว่าคนก่อนหน้าเธอไม่ใช่ผู้ลักลอบ ในสถานการณ์แบบนี้ อะไรทำให้เธอแน่ใจว่าเขาไม่ได้เป็นล่ะ? คำตอบก็เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองนั่นแหล่ะที่เป็น”

เด็กหญิงตัวสั่นและเช็ดน้ำตา แต่คราวนี้ไม่มีใครมาปลอบเธอแล้ว

แม้จะดูอ่อนแอสักแค่ไหน เธอก็เป็นฆาตกรอยู่ดี

หลี่ปินพยักหน้า “ใช่ ฉันเองก็รู้สึกว่าคำพูดเธอมันแปลกๆ ทุกอย่างที่ทำในสามวันนั้น เธอจำมันได้แม่นที่สุดในหมู่พวกเรา จำได้กระทั่งเวลาที่ถูกต้อง เธอคงจะสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อจะได้โกหกได้ลื่นไหล”

ข้อนี้ชัดเจนมาก พอหลี่ปินพูดขึ้นมา คนทั้งสามที่ยังมึนอยู่ก็กระจ่างทันที

“อาจริงด้วย! เธอคือผู้ลักลอบจริงๆ!”

เด็กหญิงพยายามจะเถียง “หนูไม่ได้…” ร้องออกมาได้เท่านั้นเธอก็รู้ว่าคงไม่มีทางที่จะมีคนเชื่อเธอแล้ว เธอเลยยอมแพ้ เลิกพูดแล้วเอาแต่ร้องไห้แทน

ถังโม่มองเมินการถอนหายใจของพ่อครัว “คุณหลัว คิดว่าการคาดเดานี้ถูกต้องไหมครับ?”

หลัวเฟิงเฉิงเอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้พูดอะไร แต่จู่ๆ ถังโม่ก็ผลักประเด็นมาทางเขา “ยังต้องสงสัยอะไรอีกเหรอ? โยนหลักฐานอื่นๆ ทิ้งไป แค่สองข้อนี้ก็มากพอจะชี้ได้แล้วว่าใครคือผู้ลักลอบ ผมก็แค่สงสัย…เธอฆ่าใครน่ะ?”

ทั้งกลุ่มหันไปมองเด็กหญิง

น้ำตายังคงร่วงหล่น แต่ความกลัวในใจของทุกคนก็ไม่ได้หายไปไหน

ในหัวมุมหนึ่ง เจ้าตุ่นยังขุดดินอยู่ มันดึงเนื้อเปื้อนเลือดขึ้นมาจากที่ไหนสักที่แล้วเคี้ยวเงียบๆ ขณะเฝ้ามองคนทั้งเจ็ด เด็กหญิงตัวสั่นด้วยความกลัว เช็ดน้ำตาเองไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอหันไปมองหลินเฉียวอย่างขอความช่วยเหลือ นักศึกษาหญิงแอบใจอ่อน เลยเลือกจะหันหนีเพื่อจะได้ไม่ต้องมอง

ผ่านไปนาน กว่าจะมีเสียงแหบๆ ดังขึ้น

“พวกคุณคิดว่าหนูเป็นผู้ลักลอบเหรอ? ใช่ หนูฆ่าเขา แต่หนูไม่ใช่ฆาตกรนะ!” เด็กหญิงกดหัวตัวเองลง ไม่มีใครคิดว่าเธอร้องไห้อีกแล้ว เสียงเธอเย็นเยียบ แล้วจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมา “มันจะเป็นการฆาตกรรมได้ยังไง? ในเมื่อหนูเป็นคนให้ชีวิตเขาเอง ทั้งๆ ที่เขาไม่ควรจะรอดมาเลย ไม่ควรเลย!”

เสียงโหยหวนของเธอดังก้องไปหมด

ตอนนี้เหมือนหลายคนจะเริ่มได้สติ ถึงเธอจะผอมและตัวเล็ก แต่เธอก็อายุ15แล้ว แล้วพวกเขาจะยังมาคิดว่าเธอใสซื่อเพราะว่าเธอตัวเล็กอยู่น่ะเหรอ เธอแทบจะโตเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วนะ

ถังโม่ขมวดคิ้ว คำตอบอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปหน่อย แต่หลัวเฟิงเฉิงก็ชิงถามก่อนเขาแล้ว “เธอไม่ได้ฆ่าพ่อแม่เธอเหรอ?”

เธอแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา  “หนูจะฆ่าพ่อกับแม่ได้ยังไง? พวกท่านแสนดีกับหนูขนาดนี้ หนูก็แค่ฆ่าไอ้เวรที่ไม่ควรจะเกิดมา!”

คำตอบชัดเจนจนกระทั่งพ่อครัวที่ไม่ได้หลักแหลมนักยังเข้าใจ

เด็กหญิงพูดเสียงเย็น “คุณบอกว่าหนูโกหก ความจริงแล้วหนูไม่ได้โกหกเลย หนูจะสร้างเรื่องพวกนั้นขึ้นมาทำไม ในเมื่อหนูใช้ชีวิตอย่างนั้นมาตั้งสามเดือน หนูมันโง่ที่ไปเจอเพื่อนที่อู่ฮั่น ดูสิว่าเป็นยังไง หนูก็ท้องโตไง แล้วเขาก็ไม่ต้องการหนู หนูเลยได้แต่กลับบ้าน มันนานจนเราทำลายมันทิ้งไม่ได้แล้ว หมอบอกว่ามันเกินเจ็ดเดือนแล้ว เลยเอาเด็กออกไม่ได้ ขืนทำหลังจากนี้คงมีลูกไม่ได้อีก แล้วชีวิตหนูก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย หนูไม่อยากเก็บมันไว้แต่แม่ไม่อยากให้หนูเสียใจทีหลัง หนูเองก็ไม่อยากเสี่ยง พ่อกับแม่เลยจะเลี้ยงเด็กนั่นเอง หนูแค่ต้องให้กำเนิดมันขึ้นมา”

เด็กหญิงเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้น

“หนูไม่ได้ฉลาดอย่างคุณแถมยังไร้ประโยชน์ หนูแค่อยากจะมีชีวิตที่ดี หนูถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อสามวันก่อน แล้วคืนถัดมา หนูก็ให้กำเนิด ‘ไอ้สิ่งนั้น’ ขึ้นมา”

เหมือนสายฟ้าผ่าลงกลางสมองถังโม่

ความจริงแล้วมีช่องโหว่สองข้อใหญ่ๆ ในคำพูดของเด็กหญิง

ตอนหนึ่งเธอพูดว่าแม่เธอไม่สนใจเรื่องหอคอยดำ แล้วก็คอยสอนการบ้านเธอ ถ้าแม่ของเธอไม่สนใจเรื่องนั้นแล้วก็มีอารมณ์มาห่วงเรื่องการเรียนของลูกสาวจริงๆ ทำไมเธอถึงพูดว่า ‘ไม่ต้องกลัว’ ในคืนถัดมาล่ะ? หอคอยดำไม่ควรจะน่ากลัวอะไรในสายตาเธอไม่ใช่เหรอ? นี่คือความย้อนแย้งอย่างที่หนึ่ง

ตอนแรกถังโม่คิดว่าเด็กหญิงปั้นเรื่องขึ้นมา แต่เหมือนว่า ‘ไม่ต้องกลัว’ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องคลอดลูกมากกว่า 'ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ต้องกลัวไป ตราบที่ลูกเป็นเด็กดี แม่ก็จะโอเค’ ในฐานะแม่ เธอคงพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปกป้องลูกสาวไม่ให้ต้องตกอยู่ในความสิ้นหวัง

ถึงสีหน้าเธอจะดูโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังมีร่องรอยของความเสียใจอยู่ในดวงตา “เขาร้องไห้ทั้งคืน หนูนอนไม่หลับ แล้วก็ทนไม่ไหว… หนูเลยปิดปากเขาด้วยหมอน แล้วเขาก็ค่อยๆ หยุดร้อง หนูฆ่าเขา แต่นั่นเรียกว่าฆ่าเหรอ? เขาเป็นลูกหนู หนูให้กำเนิดเขา ทำไมหนูจะเอาชีวิตเขาไม่ได้ล่ะ? เขาไม่ควรจะมีตัวตนด้วยซ้ำ!”

หลินเฉียวอดพูดไม่ได้ “เธอให้ชีวิตเขา เป็นความผิดของเธอที่มีเขา… ทั้งเธอทั้งพ่อเด็กนั่นแหล่ะ เด็กคนนั้นผิดตรงไหนน่ะ ไม่ว่าเธอจะว่ายังไงเขาก็สมควรจะมีชีวิตไม่ใช่รึไง เธอฆ่าเขานะ!”

“แต่เขาจะพังชีวิตหนู หนูเพิ่งอายุ15เองนะ!” ตาเธอแดงและเปี่ยมด้วยความเศร้า

ถังโม่พูดเบาๆ “แต่เขาเพิ่งเกิดเองนะ”

เด็กหญิงอึ้งไป ค่อยๆ ก้มหน้า และไม่พูดอะไรอีก

ความจริงไม่ใช่อย่างที่ถังโม่คิดไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าเด็กหญิงคงพลั้งมือฆ่าพ่อแม่ของเธอเข้า แต่ด้วยอายุและความไร้เดียงสา เธอก็เลยไม่รู้สึกผิด ทั้งหมดที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องโกหก แต่ในความเป็นจริงกลายเป็นเด็กหญิงจงใจฆ่าลูกตัวเอง เธอเกลียดเด็กคนนั้น และอยากให้เขาตาย ถึงจะถูกเปิดเผยเธอก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

พ่อครัวบีบมือตัวเอง “งั้นเราก็เจอผู้ลักลอบแล้ว? เราไม่ต้องตายใช่ไหม? เจ้าตุ่นอยากได้เธอไม่ใช่เรานี่”

คำพูดนั้นค่อนข้างโหดร้าย หลี่ปินอดขมวดคิ้วไม่ได้ “อา ก็เธอยอมรับเองนี่นะว่าตัวเองเป็นผู้ลักลอบ”

ถังโม่ถาม “ความสามารถของเธอคืออะไรน่ะ?” ผู้ลักลอบเองก็มีความสามารถเหมือนผู้เล่นอย่างเป็นทางการ เด็กหญิงโดนเจ้าตุ่นจับ เกือบจะถูกกินไปแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้แสดงพลังอะไรออกมา “ไฟฉายนั่นเหรอ?”

เด็กหญิงปาดน้ำตา “อยากรู้เรื่องพลังของหนูเหรอ?”

ไม่ใช่แค่ถังโม่ หลัวเฟิงเฉิงเองก็เข้ามาร่วมวง “น่าจะเกี่ยวกับไฟฉายนั่น”

เด็กหญิงบีบมือแล้ว แล้งก็ส่งเสียงหัวเราะแปลกๅ “ใช่ หนูเป็นผู้ลักลอบ แล้วตอนนี้คุณก็จะส่งหนูให้ตุ่นยักษ์นั่น แม่หนูตายแล้ว พ่อหนูตายแล้ว ตอนนี้หนูก็กำลังจะตามพวกท่านไป… งั้นก็ไปตายกันหมดนี่นั่นแหล่ะ!”

พริบตาเดียวไม้ขีดไฟยักษ์ก็ปรากฏขึ้นมือของเด็กหญิง

บางทีอาจเพราะเธอยังเด็กอยู่ ถึงความสามารถจะพัฒนาร่างกายเธอแล้ว แต่เธอก็ยังตัวเล็กและผอมอยู่ ไม้ขีดไฟนั่นยาวเกือบครึ่งตัวเธอ เธอชูมันแล้ววิ่งเข้าใส่คนที่เหลือ คนแรกที่เธอพุ่งไปหาคือพ่อครัวที่เพิ่งพูดว่าจะส่งเธอไปตาย

“หนูจะฆ่า จะฆ่าให้หมด ถ้าหนูต้องตายงั้นก็อย่าหวังว่าจะมีใครรอดไปได้!”

ทุกคนเห็นพลังของไม้ขีดไฟนั่นมาก่อนแล้ว

พอเห็นเด็กหญิงดึงไม้ขีดไฟยักษ์ออกมาจากอากาศ ทุกคนก็แตกตื่นทันที ถังโม่ตกใจจนคิดอะไรไม่ออกไปแวบหนึ่ง ไม้ขีดไฟอันนี้หน้าตาเหมือนของถังโม่เปี๊ยบ ถ้ามันเป็นไม้ขีดไฟแบบเดียวกับของถังโม่ มันก็พลังมากพอจะผลักเจ้าตุ่นให้ถอยหลังได้ด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่พวกเขาจะสู้กับความแข็งแกร่งระดับนั้นได้

พ่อครัวที่สงบอยู่ตลอดไม่รู้ว่าไม้ขีดไฟอันนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ตอนที่เขาเห็นเด็กหญิงพุ่งมาหา เขาเลยตั้งใจจะจับมันไว้ด้วยมือ แล้วต่อยเข้าที่ท้องของเธอ  แต่มือเขายังไม่ทันแต่เสื้อผ้าเธอด้วยซ้ำตอนที่ไม้ขีดนั่นกระแทกเข้ากับศีรษะ

ปัง!

พ่อครัวถูกฟาดเข้าที่หัว เลือดไหลซึม

ภาพนี้คุ้นตาเหลือเกิน ถังโม่เองก็เคยใช้วิธีนี้ฆ่าเฉียนซานคุนเหมือนกัน

แต่พ่อครัวไม่ได้ตายในทันที เขาล้มลงด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าอาบเลือด ร่างเขาสั่นสะท้านตอนเด็กหญิงเตรียมเหวี่ยงไม้ขีดไฟเพื่อฟาดเขาซ้ำ

กรงเล็บของเจ้าตุ่นคว้าไม้ขีดไฟนั้นไว้ด้วยความตื่นเต้น “ไม้ขีดไฟของโมเสก? ไก่งวงแสนอร่อย? อา หอคอยดำ ทำไมถึงเมตตาฉันขนาดนี้นะ? ส่งมาให้ตั้งสอ…”

แกร๊ก

กรงเล็บที่กำเข้าหากันของเจ้าตุ่นหักไม้ขีดไฟเป็นสองท่อน เศษไม้ขีดไฟหล่นลงพื้น

เจ้าตุ่นนิ่งไป มันจ้องไม้ขีดไฟนั้นเหมือนกดปุ่มหยุดในการ์ตูนของอเมริกาเมื่อศตวรรษที่แล้ว

“ไม่! ไม้ขีดไฟของโมเสกจะหักง่ายขนาดนี้ได้ยังไง? นี่ไม่ใช่ไม้ขีดไฟของโมเสก! แกโกหกฉัน!”

เจ้าตุ่นนัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธ มันหันไปหาเด็กหญิง เธอหน้าซีด ตอนที่เจ้าตุ่นคำรามแล้วพุ่งเข้าหา กระแทกกรงเล็บใส่ศีรษะของเธอ เนื้อสมองสาดกระเซ็น เจ้าตุ่นจับเด็กหญิงคนนั้นไว้ ยื่นหน้าไปกัดใบหน้าของเธอ ฉีกเนื้อชุ่มเลือดออกมา

“อ๊า!”

นักศึกษาหญิงกลัวจนร่วงลงไปอยู่ที่พื้นแล้วหันหน้าหนี

พ่อครัวนอนจมกองเลือดอยู่ที่อีกฝั่ง

หลี่เหวินกับหลี่ปินไม่ได้มองไปที่ภาพเปื้อนเลือดนั้น แต่หลัวเฟิงเฉิงมองเจ้าตุ่นกินเด็กหญิงตาไม่กระพริบ เขาขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรมากมาย

กลิ่นเลือดเข้มข้นฉุนไปทั้งถ้ำ พอเสียงเคี้ยวจบลงถังโม่ก็หันกลับไปมอง มีกองเลือดและกระดูกอยู่ตรงนั้น กระดูกนั่นยังชุ่มเลือดอยู่เลยตอนที่เจ้าตุ่นหยิบกระดูกซี่โครงของเด็กหญิงไปใช้แคะฟัน แล้วหันมามองคนที่เหลือ

หลี่เหวิน หลินเฉียวและหลี่ปินวิ่งไปที่อีกฟากหนึ่งแล้วเริ่มอาเจียน

ถังโม่ระงับความคลื่นเหียนแล้วไปดูร่างพ่อครัว เขาเงียบไปครูหนึ่ง “เขาตายแล้ว”

สีหน้าทั้งสามคนเปลี่ยน

พวกเขาไม่คิดว่าพ่อครัวจะถูกเด็กหญิงคนนั้นฆ่าเลย

เจ้าตุ่นแสนจะรังเกียจ “ไม้ขีดไฟปลอมนั่นห่วยแตกสิ้นดี ถ้าเป็นของจริงไอ้หมอนั่นคงตายตั้งแต่โดนตีแล้ว เจ้าขี้โกหกคัดลอกพลังได้แค่ 20% เท่านั้น แต่ความสามารถน่าสนใจมากเลยนะ สามารถคัดลอกไอเทมชิ้นไหนก็ได้ที่เห็นใน 24 ชั่วโมง ใช้ได้สองครั้งต่อวัน น่าเสียดาย ระดับความสามารถต่ำมาก ก็เลยคัดลอกได้แต่ของไร้ประโยชน์ คัดลอกไม้ขีดไฟของโมเสกไม่ได้”

ถังโม่ถาม “คุณรู้ความสามารถของเธอได้ยังไง?”

เจ้าตุ่นอธิบายว่า “ก็กินเข้าไปแล้วไง หอคอยก็เลยอธิบายความสามารถของเธอให้ฟัง ถ้าเธอคัดลอกไม้ขีดไฟของโมเสกได้ล่ะก็ฉันก็คงจะพิจารณาไว้ชีวิตแล้วแท้ๆ จากนั้นก็จะขอไม้ขีดไฟเธอวันละอัน!”

หลังเฟิงเฉิงสันนิษฐาน "ถ้าความสามารถเธอเป็นอย่างนั้น งั้นไฟฉายนั่นก็เข้าใจได้ พอเธอต้องมาอยู่ในที่มืดๆ ความคิดแรกคงจะเป็นว่าเธอต้องการแสงไฟ เธอเห็นไฟฉายใน24ชั่วโมงที่ผ่านมา แล้วก็คัดลอกมัน”

ถังโม่พยักหน้า

ถังโม่สงสัยเด็กหญิงคนนั้นที่สุดมาตั้งแต่ต้น

พวกเขาโดนหอคอยดึงเข้ามาในช่วงเวลากลางวัน มีเหตุผลอะไรที่เด็กหญิงคนนึงจะถือไฟฉายไว้ในมือ? ต่อให้เธอถือมันอยู่จริงๆ เธอก็หล่นลงมาตามท่อยาวขนาดนั้น กระทั่งถังโม่ยังมึนงงเพราะแรงกระแทก แต่เด็กคนนั้นก็ยังกำไฟฉายไว้แน่นไม่ปล่อย?

นั่นไม่เมคเซ้นส์จริงๆ

“ดิ๊งด่อง! ภารกิจเสริมที่สอง ‘ตามหาเจ้าผู้ลักลอบน่ารังเกียจนั่น’ เสร็จสิ้นแล้ว!”

ถังโม่แอบรู้สึกว่าเสียงนั้นแฝงความดีใจอยู่หน่อยๆ เป็นเพราะผู้ลักลอบตายแล้วงั้นเหรอ?

ถังโม่ไม่ได้อิ่มเอมกับชัยชนะสักเท่าไหร่ เขามองบ่อเลือดสองบ่อ ศพของพ่อครัวน่าจะเย็นจนแข็งไปแล้ว ส่วนของเด็กหญิงเหลือกระดูกอยู่แค่ไม่กี่ชิ้น เจ้าตุ่นเองก็ถือกระดูกซี่โครงเธอใช้แคะฟันอยู่

หลี่เหวินกับหลินเฉียวยังอาเจียนไม่หยุด

ถังโม่มองบ่อเลือดนั้นเงียบๆ แล้วเงยหน้าขึ้น “ที่คุณบอกเรื่องไม้ขีดไฟของโมเสก มันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”

เจ้าตุ่นยิ้มกว้าง “มันแข็งมากเลย แล้วก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำไก่งวงแสนอร่อย… อืม…” มันเพิ่งจะกินทั้งไก่งวงทั้งผู้ลักลอบเข้าไป ดูอารมณ์ดีเอามากๆ “อาใช่ ฉันเพิ่งเอาไม้ขีดไฟของแกไปย่างไก่งวงนี่นา… งั้นจะยกไข่ไก่งวงให้นะ”

เจ้าตุ่นเริ่มขุดดิ่นอีกแล้ว มันทำหลุมสองสามหลุมใหญ่ เผยให้เห็นไข่ไก่งวงนับไม่ถ้วน

“มนุษย์อย่างแกฟักไก่งวงไม่ได้ แต่ไข่ไก่งวงอร่อยมากๆ เลยนะ ฉันไม่เต็มใจแต่ว่า…” เจ้าตุ่นหยิบไข่สีขาวธรรมดาขึ้นมาฟองหนึ่งจากไข่นับพันแล้วส่งให้ถังโม่ “นี่ กินไข่นี่สิ อย่าบอกว่าฉันขี้งกล่ะ ลุงตุ่นน่ะใจดีแล้วก็น่ารักที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมดในนครใต้ดินเลย”

ถังโม่ “…”

“ดิ๊งด่อง! ได้รับรางวัลภารกิจ: ไข่ไก่งวงยักษ์!”

ถังโม่มองไข่ไก่งวงนั้น แล้วก็รู้สึกเหมือนเห็นขนของเจ้าตุ่นเปล่งประกายแถมยังดูเหมือนจะตัวใหญ่ขึ้นนิดหน่อย

กินผู้ลักลอบทำให้แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ เหรอ?

เหมือนมีหมอกดำอยู่ข้างๆ หัวของเจ้าตุ่น แต่พริบตาถัดมามันก็หายไป บางทีเขาอาจจะตาฝาด

หลี่เหวินถาม "นี่ เราไม่ได้ไข่ไก่งวงนะ เราอาจจะไม่ได้ย่างไก่งวงให้… แต่เราก็ช่วยหาผู้ลักลอบนะ? ไม่มีรางวัลให้เหรอ?”

เจ้าตุ่นยักษ์ยิ้มน่าขนลุกให้หลี่เหวิน “รางวัล? แน่สิว่ามีให้”

เจ้าตุ่นบิดตัว ก้นลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วมันปล่อยตดที่เหม็นจนน่าขยะแขยงออกมา

“รางวัลคือตด!”

ทุกคน “…”

ถังโม่ที่โดนผลกระทบไปด้วย “…”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด