ตอนที่แล้วตอนที่ 13 ฆาตกรสามแบบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 รางวัลคือตด!

ตอนที่ 14 เจ้าแกะน่ารักมาก ทำไมถึงอยากกินมันล่ะ?


ถังโม่มองบัตรยืนยันตัวตนในมือหลัวเฟิงเฉิงด้วยความประหลาดใจ

เป็นบัตรโลหะสีเงินมีรูปติด ชิปอิเล็กทรอนิกส์ฝังอยู่ที่มุมบนขวา ท้ายซ้ายมีตัวอักษรสามแถวสลักไว้

[ชื่อ: หลัวเฟิงเฉิง]

[หน่วย: เซี่ยงไฮ้ กลุ่ม A]

[ตำแหน่ง: หัวหน้าทีม]

ถังโม่อ่านแล้วส่งต่อให้คนอื่นๆ จนครบแล้วถึงได้คืนหลัวเฟิงเฉิง

“ทำไมถึงโกหกว่าเป็นนักออกแบบเกมล่ะ?” หลี่ปินถาม

หลัวเฟิงเฉิงเก็บบัตรเข้าที่ แล้วพูดเบาๆ “ทุกคนก็ต่างมีความลับของตัวเองกันทั้งนั้น คุณซ่อนความสามารถของคุณเพราะมันสำคัญแล้วก็พิเศษ ตัวตนของผมเองก็ออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย ผมไม่อยากจะเปิดเผยมันตั้งแต่เริ่ม ไม่เข้าใจเหรอ?”

หลัวเฟิงเฉิงมองไปรอบๆ “ไม่ต้องสงสัยความถูกต้องของตัวตนของผมหรอก อย่างที่รู้ เกมโจมตีหอคอยเริ่มขึ้นเร็วเกินไป มีเวลาแค่สามนาทีหลังจากประกาศนั่น ผมไม่มีเวลาจงใจทำการ์ดขึ้นมาเพื่อปลอมเป็นนักวิจัยหอคอยดำหรอก”

หลินเฉียวเหมือนจะคิดแบบเดียวกัน เธอกำลังจะอ้าปากพูด แต่หลัวเฟิงเฉิงมอง แล้วขัดเธอก่อน “ผมไม่มีความสามารถที่จะทำการ์ดนี้ได้ในเวลาสั้นๆ ด้วย แต่ถ้ามีความสามารถจริงๆ ผมก็คงทำการ์ดของนักออกแบบเกมแทนที่จะเป็นนักวิจัยหอคอยดำแล้วหรือเปล่า? ถ้าทำอย่างนั้นพวกคุณก็คงไม่สงสัย แล้วก็เชื่อใจผมมากกว่านี้ด้วย”

ประโยคนี้หยุดทุกข้อถกเถียง

สุดท้ายเขาก็หันมามองถังโม่ที่สีหน้าไม่เปลี่ยนตอนกำลังมองหลัวเฟิงเฉิง แต่มีอะไรบางอย่างอยู่ในนัยน์ตาคู่นั้น

“ไม่ต้องสงสัยว่าผมเป็นนักวิจัยของหอคอยดำไหมหรอก หอคอยโผล่มาตั้งครึ่งปีแล้ว ทุกคนน่าจะรู้ว่าตัวตนของนักวิจัยจะถูกปกปิด และไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับโลกภายนอก ผมศึกษาหอคอยดำในเซี่ยงไฮ้ตลอดสามวันนั้น โดยที่ไม่มีโอกาสหรือความจำเป็นที่จะต้องฆ่าใคร ที่สำคัญ...” หลัวเฟิงเฉิงสอดมือเข้ากระเป๋าเสื้อ “ถ้าผมอยากจะฆ่าใครจริงๆ ถ้ามีเหตุผลมากพอ ผมก็ไม่จำเป็นจะต้องทำมันด้วยตัวเองสักหน่อย มีคนมากมายพร้อมอาสาแก้ปัญหาให้ ไม่ว่าจะกรณีไหนๆ ผมมีความสำคัญมากพอให้ทุกคนปกป้อง ไม่มีโอกาสไปฆ่าใครหรอก”

ทุกคนปิดปากเงียบ ถังโม่จ้องหลัวเฟิงเฉิงอยู่สักพัก เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ตั้งแต่โลกออนไลน์ก็มีบทความมากมายบนอินเทอร์เน็ตที่ถกเถียงเรื่องพวกนักวิจัยชุดขาวของหอคอยดำ พวกนักวิจัยเก่งๆ ที่รัฐบาลให้การคุ้มครอง คอยเก็บข้อมูลจากแนวหน้าแล้วไปทำวิจัยในพื้นที่ส่วนตัว

ตัดหุบเหวลึก ป่าที่อายุมากๆ และมหาสมุทรกว้างใหญ่ ถ้าหอคอยปรากฏขึ้นที่เมืองไหนก็ตาม มันก็จะโผล่ขึ้นที่ใจกลางเมืองทั้งหมด ถ้าตั้งสถาบันวิจัยขึ้นข้างๆ หอคอยดำก็คงไม่ต่างอะไรกับการชี้เป้าตัวเอง ป่าวประกาศว่าฐานทัพของพวกเขาอยู่ที่ไหน

ถึงพวกข้อถกเถียงออนไลน์แบบนี้จะไม่เคยได้รับการยืนยัน แต่หลายๆ คนก็เชื่อว่ามันคือเรื่องจริง

ถังโม่เชื่อว่าหลัวเฟิงเฉิงเป็นนักวิจัยของหอคอยดำจริงๆ เขาแอบลองใช้แรงนิดหน่อยเพื่อหักการ์ดนั้น ไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัสดุอะไรแต่มันไม่ใกล้เคียงกับคำว่าหักเลย อย่าลืมว่าถังโม่แข็งแรงพอจะยกรถขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้ว ถ้าเขาหักการ์ดนั่นไม่ได้ก็หมายความว่ามันจะต้องพิเศษจริงๆ

ถ้าตามที่หลัวเฟิงเฉิงพูด มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสร้างอะไรแบบนี้ด้วยความสามารถพิเศษ ตัวตนของนักวิจัยหอคอยดำดึงดูดสายตาเกินไป ผู้ลักลอบน่าจะพยายามปกปิดตัวตน ไม่ดึงดูดความสนใจมากกว่า

พ่อครัวกับเด็กหญิงมัธยมมีสีหน้าว่างเปล่า แต่ไม่มีใครสงสัยในตัวตนของหลัวเฟิงเฉิงแล้ว

ถ้าคนระดับนั้นต้องการฆ่าใคร เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง แทบจะไม่มีโอกาสที่หลัวเฟิงเฉิงจะเป็นผู้ลักลอบ

ทุกคนต้องพูดถึงเรื่องของตัวเองตลอดสามวันนั้น ตัดถังโม่กับหลี่ปินไป ตอนนี้เป็นตาหลินเฉียว

“จำได้ว่าตอนหอคอยดำประกาศเรื่องโลกออนไลน์แล้ว ฉันกำลังนั่งอยู่ในคลาส เรียนอะไรอยู่นะ? อา วันที่ 15 เป็นวันพุธ สองคาบแรกเป็นคณิตศาสตร์ระดับสูง ตอนที่มันประกาศยังไม่หมดคาบเรียนเลย แต่ทุกคนก็รีบกลับหอพัก สักพักก็มีประกาศไม่ให้เราแตกตื่น และรอฟังประกาศที่จะตามมาให้ดี”

หลินเฉียวตั้งใจนึก “จริงๆ แล้วฉันไม่ได้อะไรกับหอคอยดำมากนะ ฉันชอบเล่นเกมเอาชีวิตรอด ก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมันมาก พอกลับมาที่หอฉันก็คุยกับรูมเมทเรื่องหอคอยอยู่นานเลย น่าจะจนถึงค่ำได้? แต่ว่าคลาสทั้งหมดถูกยกเลิกในช่วงสามวันนั้น ฉันก็เลยเอาแต่นั่งอยู่ในหอ โรงอาหารก็ปิดตลอด ฉันเลยไปซื้ออาหารแบบห่อกลับบ้านแล้วก็หมกตัวอยู่ในห้อง”

หลี่ปินถาม “แค่นั้นน่ะเหรอ?”

หลินเฉียวคิดต่ออีกครูหนึ่งแล้วส่ายหน้า “มีสี่คนในหอที่เป็นคนเซี่ยงไฮ้ แต่พ่อฉันเสียไปแล้ว แม่ฉันก็ไปทำธุระที่หนานจิง พอเกิดเรื่องหอคอยรูมเมทของฉันก็กลับบ้านตอนเช้าวันถัดมา ฉันอยู่คนเดียวที่หอ เช้าวันถัดมาก็เลยเหลือฉันอยู่คนเดียว วันนั้นตื่นมาก็ได้ประกาศจากหอคอยมาอีกอัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ พอไปเช็คกับคนอื่นในหอ... ทุกคนก็หายไปหมดแล้ว”

นักศึกษาหญิงที่ทำตัวกล้าหาญมาตลอดแสดงความหวาดกลัวออกมา เธอกลืนน้ำลาย พยายามทำตัวเองให้มีสติ "สามวันนั้นฉันเอาแต่เล่นเกม ไม่ได้ไปฆ่าใครเลยนะ ฉันไม่ใช่ผู้ลักลอบจริงๆ พอเกิดเรื่องฉันก็อยากจะไปหาแม่ที่หนานจิง ไม่คิดว่าจะโดนดึงมาเล่นเกมนี้ก่อนจะได้ออกจากเซี่ยงไฮ้ด้วยซ้ำ เชื่อเถอะว่าฉันไม่ใช่ผู้ลักลอบ!"

หลี่ปินพยักหน้า แล้วหันไปมองถังโม่กับหลัวเฟิงเฉิง

ทั้งสองไม่ปฏิเสธอะไร หลี่ปินจึงไปที่คนถัดไป

เจ้าลูกคนรวยหลี่เหวินมองถังโม่แล้วสูดหายใจเข้าลึก “วันแรกของสามวันนั้น ผมไปหาเพื่อนเล่นที่หนานจิง วันต่อมาก็ยังเล่นกันอยู่ ส่วนใหญ่เราก็อยู่กันแต่ในคลับ พอคืนถัดมาคุณพ่อก็โทรมาเรียกผมให้กลับบ้าน แต่เพราะว่าเมาเกินไป ผมเลยเลือกจะนอนพักก่อนคืนนึง พอวันถัดมาตอนที่กำลังขับรถอยู่บนทางหลวง ผมก็ประสบอุบติเหตุ ตอนตื่นมาก็เห็นถังโม่แล้ว ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับหอคอยนั่น ถังโม่บอกว่าผมถูกชนท้ายเพราะคนขับรถคันอื่นจู่ๆ ก็หายไป ผมไม่ใช่ผู้ลักลอบนะ ไม่ได้ฆ่าใครเลย”

ทุกคนหันมามองถังโม่แทน

“ตอนผมเจอเขา รถเขาถูกชนท้าย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่”

หลี่ปินถอนหายใจ “ทำไมพูดอะไรง่ายๆ แบบนั้นล่ะ? ลงรายละเอียดหน่อยสิ”

หลี่เหวินทำหน้าขมขื่น “ผมก็พยายามคิดแล้ว แต่สามวันนั้นผมก็เล่นกับเพื่อนแทบตลอด ดื่ม แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีประโยชน์ที่จะบอกว่าเราเล่นอะไรกันหรอก ก็แค่เล่นกันปกติน่ะ ไม่มีอะไรนอกจาก...ดื่ม? เล่นกัน? ก็เพื่อนผมพาผู้หญิงสองสามคนมาเล่นด้วยกั...”

ทุกคนเลิกฟังหลี่เหวิน ขณะที่หลินเฉียวมองเขาอย่างรังเกียจ

หลี่เหวินแก้ตัวอย่างไร้เดียงสา “เดี๋ยว ขอผมแก้ตัวหน่อย ไอ้ที่เล่นกันน่ะ...”

ตอนที่หลี่เหวินกำลังพล่ามหลินเฉียวก็หันไปอธิบายสถานการณ์ให้พ่อครัวฟัง พ่อครัวคนนั้นดูกังวลอยู่ไม่น้อย เขาปาดเหงื่อครั้งหนึ่ง แล้วทุกสายตาก็ไปหยุดที่เขา “ฉัน... ฉันเป็นพ่อครัว แต่เพราะบอสปอดแหกของฉันหนีไปตอนครึ่งปีก่อนจนฉันตกงาน ฉันเลยย้ายไปทำงานส่งอาหาร ช่วงสามวันนั้นฉันก็ไปส่งอาหารตามปกติ แต่เพราะเกิดเรื่องหอคอยขึ้น งานฉันก็เลยน้อยลง แล้วก็... ไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่ไปส่งอาหาร เช้าวันที่สามฉันเองก็ยังไปส่งอยู่ แล้วฉันก็เห็นคนเริ่มหายไป... ตอนนั้นกลัวมาก ฉันก็เลยขับรถกลับบ้าน”

หลี่ปินถาม “ขอละเอียดกว่านี้ได้ไหม?”

พ่อครัวปาดเหงื่ออย่างกังวล “ฉัน... อา ใช่ จำได้ว่าไปส่งของให้สองบ้านแถววัดจิงอัน แล้วพวกการ์ดก็ไม่ยอมให้เอาจักรยานเข้าไป ฉันเลยต้องเดินไปส่งของ ที่เหลือ... อา ฉันต้องพูดอะไรเหรอ? พวกนายอยากให้ฉันพูดอะไรกันล่ะ? ฉันจะบอกทั้งหมดเลย ฉันไม่ได้ฆ่าใครจริงๆ นะ! ฉันไม่ได้เป็นผู้ลักลอบ!”

พ่อครัวมองพวกเขาอย่างกังวล ถังโม่ใช้ความคิดขณะมองเขา แล้วหันไปหาเด็กหญิงแทน

เผิงยู่เหวินยืนอยู่ข้างๆ หลินเฉียว ลอบมองคนอื่นอย่างระแวดระวัง

หลินเฉียวปลอบเธอ “ไม่ต้องกลัวนะเหวินเหวิน แค่พูดว่าเธอทำอะไรบ้างตลอดสามวันนั้น ผู้ลักลอบตัวจริงซ่อนหางตัวเองได้อีกไม่นานหรอก” หลินเฉียวมองสับไปมาระหว่างหลี่ปินกับหลี่เหวิน “พูดเถอะ”

เด็กหญิงพยักหน้า แล้วพูดเสียงเบา “หนูก็ไม่ใช่ผู้ลักลอบแน่ๆ หนูไม่ได้ฆ่าใครเลยนะ ก็เหมือนพี่สาว โรงเรียนประกาศหยุด พ่อกับแม่มารับหนูกลับไปที่บ้าน พ่อหนูออกไปทำงาน ส่วนบริษัทของแม่บอกว่าไม่ต้องไป แม่ก็เลยอยู่กับหนูที่บ้าน แม่กลัวว่าหนูจะเรียนไม่รู้เรื่องเลยบอกให้หนูตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งแต่เจ็ดโมงถึง สิบเอ็ดโมงหนูจะเรียนภาษากับคณิตศาสตร์ พอนอนกลางวันเสร็จก็จะไปเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่บ่ายสอง พอหกโมงเย็นแม่ก็จะช่วยหนูทำการบ้าน แล้วจากนั้น..”

เด็กหญิงตาแดงก่ำ “แล้วแม่หนูก็หายไปในวันที่สาม หนูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เธอก็หายไป”

หลินเฉียวกุมมือเด็กหญิงเพื่อปลอบโยนเธอ

เด็กหญิงสะอื้นอยู่พักหนึ่ง หน้าเธอซีด เสียงก็แหบ “ก่อนแม่จะหายไป คืนนั้นเธอบอกว่าหนูไม่ต้องกลัวอะไรเลย ตราบที่หนูเป็นเด็กดี แม่ก็จะโอเค แม่... แม่หนูหายไปแล้ว”

เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว

ผู้หญิงสองคนกอดกันกลม หลินเฉียวรีบปลอบเด็กหญิงเสียยกใหญ่

หลี่ปินมองทั้งสองแล้วถอนหายใจ เขาเปิดปากแต่ไม่ได้พูดอะไร ถังโม่เลยพูดแทน “หลี่ปิน ตาคุณแล้ว”

หลี่ปินพยักหน้าแล้วเริ่มพูดเรื่องตัวอง “ฉันทำงานอยู่ในบริษัท PR รับผิดชอบงานการตลาดแล้วก็วางแผน ถึงจะเกิดเรื่องหอคอยบริษัทฉันก็ไม่ได้หยุด ไปทำงานกันปกติ แตทฉันรู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้เลยอยากจะขอลา แต่ตอนนั้นมีโปรเจ็คใหญ่มาพอดี หัวหน้าเองก็ไม่ยอมให้หยุด ฉันเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากไปทำงาน แล้ววันถัดมาฉันก็โดนดึงเข้าไปในเกมของหอคอย…” หลี่ปินหยุดไปนาน สีหน้าดูไม่อยากจะพูดถึงมันเท่าไหร่ “เกมชื่อว่า ‘เจ้าแกะน่ารักมาก ทำไมถึงอยากกินมันล่ะ?'”

ทุกคน “…”

หลี่ปินมองถังโม่ “นายน่าจะเข้าใจนะ จู่ๆ ก็โดนดึงเข้าไปในที่แปลกๆ ยังไม่ทันได้ทำอะไรหอคอยก็ประกาศเริ่มเกม แล้วก็บอกกฎแปลกๆ ให้เราฟัง ฉันโดนดึงเข้าไปพร้อมกับคนแปลกหน้าอีกสามคน พอพวกเราเข้าไป จู่ๆ ก็ใส่ชุดเแกะกันหมด หอคอยบอกว่าเกมที่เราเล่นคือเกมเล่นซ่อนหาในเขาวงกตกับหมาป่า ถ้าเราโดนจับก็จะถูกหมาป่ากิน เราต้องตามหาไข่ที่ทางออกของเขาวงกตให้ทันก่อนจะโดนกิน เป็นทางเดียวที่ชนะหมาป่าแล้วจบเกมนี้ได้”

เกมนี้ฟังดูเด็กน้อยเหลือเกิน หลี่ปินก้มหน้า “เราสี่คนตัดสินใจแยกกัน เพราะมีหมาป่าตัวเดียว ถ้าแยกกันไปน่าจะมีโอกาสรอดมากกว่า แล้วสักพักฉันก็ได้ยินเสียงของคนสองคนกรีดร้อง คงจะโดนหมาป่ากินไปแล้ว ฉันรีบวิ่งแต่วิ่งเท่าไหร่ก็หาทางออกไม่เจอ สักพักก็รู้สึกว่าหมาป่ากำลังวิ่งมาหา มันใกล้เข้ามาจนเกือบจะจับฉันได้อยู่แล้ว แต่หอคอยก็ประกาศจบเกมก่อน เพื่อนร่วมทีมอีกคนหาไข่นั่นเจอ ฉันก็เลยชนะแล้วก็กลับไปที่บริษัท… อยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง แต่ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงพูดอะไรเกี่ยวกับเกมไม่ได้สักอย่าง คนในบริษัทคิดว่าฉันตื่นสายเลยมาทำงานช้าแต่ฉันก็อธิบายไม่ได้ ฉันกลัวเกินกว่าจะไปทำงานแล้ว ตั้งใจจะขับรถกลับบ้านเกิดวันถัดมา แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทุกคนก็หายไปก่อน”

หลี่ปินมองถังโม่ “นายก็เป็นแบบนี้หรือเปล่า? พูดเรื่องเกมกับใครไม่ได้เลยน่ะ”

ถังโม่ส่ายหน้า “ตอนที่เกมที่ผมเล่นจบลง ทุกคนก็เริ่มหายไปพอดี”

หลี่ปินย้ำอีกหน “ฉันเป็นผู้เล่นอย่างเป็นทางการจริงๆ”

หลัวเฟิงเฉิงพูดเสียงนิ่ง “ความจริงแล้วมีประโยคนึงที่ผมไม่ได้พูดก่อนหน้า ไม่ได้มีแค่คนที่ฆ่าเพราะอุบัติเหตุที่จะแสดงปฏิกิริยาถ้าการกระทำของพวกเขาถูกเปิดเผย ไม่ว่าฆาตกรคนไหนที่สมคบคิดกันฆ่าคนอื่น ก็จะมีปฏิกิริยาเวลาที่การฆ่านั้นถูกพูดถึง”

หลี่ปินหน้าเปลี่ยนสี “เดี๋ยวสิ ฉันเป็นผู้เล่นอย่างเป็นทางการจริงๆ นะ ไม่ใช่ผู้ลักลอบ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผู้ลักลอบน่ะคือ…”

“เขาไม่ได้หมายถึงคุณ” คราวนี้ถังโม่เป็นฝ่ายพูดแทรก

หลัวเฟิงเฉิงเหลือบมองถังโม่ “ฆาตกรทุกคนจะมีสีหน้าเปลี่ยนไปแน่ตอนที่เจ้าตุ่นพูดถึงคำจำกัดความของผู้ลักลอบ กรณียกเว้นสองกรณีคือ หนึ่ง ฆาตกรต่อต้านสังคม พวกเขาไม่คิดว่าการฆ่ามันผิด อีกพวกคือฆาตกรที่ใสซื่อ พวกเขาอาจจะยังเด็กเกินไปเลยไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ดังนั้นต่อให้พวกเขาถูกเปิดโปงก็ยังไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี”

ถังโม่พยักหน้านิดๆ “ความจริงก่อนที่เธอจะพูดประโยคแรก ผมก็สงสัยอยู่แล้ว แต่ใจผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเธอเลย”

เด็กหนุ่มตัวสูงเดินไปหยุดที่หน้าเด็กสาวทั้งสอง แล้วก้มลงมองคนที่เด็กกว่า

“ประโยคแรกเปิดเผยตัวของเธอหมดแล้ว แต่เธออายุแค่ 15 ใครกันนะที่เธอฆ่าไป? แล้วทำไมกันเธอฆ่าล่ะ?”

หลี่ปินตะโกนมา “ใช่แล้ว เธอคือผู้ลักลอบ! ทำไมฉันถึงเพิ่งเข้าใจนะ”

หลินเฉียวปล่อยมือเด็กหญิง แล้วรีบถอยตัวออกห่าง

เด็กหญิงเบิกตากว้าง น้ำตาหยดแหมะ เธอก้าวถอยหลัง “ไม่ ไม่ใช่หนู...หนูไม่ได้ฆ่า...หนู...หนู”

“เธอคือผู้ลักลอบ” ถังโม่ประกาศอย่างใจเย็น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด