บทที่ 150 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (8)
บทที่ 150 - สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ (8)
”
แม้ว่าแต้มโบนัสสเตตัสจะเป็นสิ่งที่น่าคาดหวังอย่างแท้จริง แต่ว่ารางวัลก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ นอกจากนี้ทั้งหมดที่โผล่มาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี
หลังจากคิดดูแล้วฉันก็ได้เลยแหวนเลือดต้องสาป มันเป็นแหวนโลหะสีดำที่มีอัญมณีสีแดงติดอยู่ เพียงแค่ชื่อของมันก็ทำให้เสียวสันหลังแล้ว
[แหวนเลือดต้องสาป (ยูนิค)
ความทนทาน - 120/120
ความต้องการอุปกรณ์ - เลเวล 50+ พลังเวทย์ 100+
ผลเสตตัส - สเตตัสทั้งหมด +5 พลังเวทย์ +10
ทักษะ - เลือดต้องสาป: 1.เมื่อโจมตีมีโอกาส 2% ที่จะดูดมานาของศัตรู 10% มาฟื้นให้กับมานาของคุณ
2.เมื่อโจมตีมีโอกาส 1% ที่จะฉีดเลือดของคุณเข้าไปในตัวศัตรูโดยจะลดเลือดของคุณ 5% ทำให้ศัตรูตกอยู่ในสถาน 'เลือดปนเปื้อน']
เยี่ยม ให้ตายสิ ฉันอาจจะจะต้องหมอบคำนับให้กับไซครอปตัวนี้ที่ตายไป
ฉันได้ถอดถุงมือออกมาครู่หนึ่งและใส่แหวนลงไป แม้ว่ามันจะน่ากลัว แต่ว่ามันก็น่าสนใจ ในขณะที่ฉันกำลังมองไปที่แหวนของฉันอย่างพึงพอใจ ผู้ใช้พลังระดับ S ก็ได้เข้ามาและถามด้วยตาที่เบิกกว้าง
"วะ แหวนนั่นมาจากไหน?"
"ความอยากรู้นั่นมันจะนำอันตรายมาให้เธอนะ"
ในขณะเดียวกันคนอื่นๆก็ยังได้เลือกรางวัลของเขา ฉันก็ต้องการจะรู้เหมือนกันว่าใครกันที่เป็นเลือกตาสีทองของไซคลอปและห้อนเหล็กน้ำเงินไป ในที่สุดแล้วดูเหมือนมันจะถูกเลือกไปโดยฮวาหยาและชูนะตามลำดับ
"ว้าวนี้มันเป็นลูกแก้ว"
"...นั่นคืออะไร?"
เมื่อฉันได้หันไปมองได้มีดวงตาสีทองส่องอยู่บนมือของเธอ
"ฉันคิดว่ามันเป็นวัตถุเวทย์ แต่ดูสิ"
บนฝ่ามือของฮวาหยาบอลดวงตาสีทองได้ทำให้ฉันลังเลที่จะสัมผัสมัน ดูเหมือนว่าฮวาหยาจะสามารถขยับมันได้ตามที่เธอต้องการ
"มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าอาวุธย่อย ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยโชคดีอะไรแบบนี้"
"มันดีที่เธอได้สิ่งที่เธอต้องการ"
"วะ เวรเอ้ย...เจ้าเศษนี้มัน... เดี๋ยวก่อนนะสิ่งนี้เป็นของป้องกันที่่น่าทึ่ง!"
มันดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์จะดูพอใจกับรางวัลที่เขาได้เลือกมา
"สุมิเระเธอก็ยังคงรอก่อนจะเลือกรางวัลของเธอใช่ไหม?"
"ใช่แล้วค่ะ พวกเราจะต้องกู้จะต้องฟื้นคืนพลังของพวกเราก่อนที่จะออกไปเผื่อจะเกิดเหตุการการจู่โจมขึ้น"
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับผู้ใช้พลัง แต่ว่าสำหรับนักสำรวจดันเจี้ยน พวกเราไม่สามารถที่จะออกไปจากดันเจี้ยนได้จนกว่าจะเลือกรางวัล เหตุการการจู่โจมจะเกิดขึ้นเพียงแต่ในช่วงหลังจากนี้เท่านั้น เนื่องจากว่าพวกเธอได้ใช้เวลาในการเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนมาตลอดหนึ่งเดือนดูเหมือนว่าพวกเธอจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้
"มะ มาจากไหน..."
"อะไรนะ!? พลังในการเก็บของมิติ"
"ใช่แล้วมิติพิเศษเป็นพลังของฉัน"
ฮวาหยาได้โกหกมาด้วยรอยยิ้มโดยที่ไม่แม้แต่จะกระพริบตา เธอในปัจจุบันได้รู้สึกกระตือรู้ร้นจากการที่ได้รับอาวุธย่อยมาใหม่ และผู้ใช้พลังคนอื่นๆก็ได้ยินดีเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก เมื่อเห็นคนอื่นๆได้พักผ่อนฉันก็เดินเข้าไปหาศพของลอร์ดไซครอป รูเดียก็เอียงหัวในขณะที่ถามผ่านช่องสนทนากิลด์
[นายจะเอาศพนี่ไว้ในช่องเก็บของงั้นหรอ?]
[อ่า นั้นและ แต่ว่ามันมีสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นอาวุธของฉันได้ตอบสนองต่อเจ้านี่]
[อาวุธ?]
อาวุธทั้งสี่ของไซครอป ในฐานะที่หอกของฉันมันจะไม่กินอาวุธซ้ำที่เคยกินไปแล้วมันจึงกินกระบองลงไปเพียงอันเดียวและหยุดตอบสนองไป แม้ว่าอาวุธของไซครอปจะดูคล้ายๆกัน แต่ว่ามันก็น่าจะต่างกันเล็กน้อย ตั้งแต่ที่ไม่มีใครใช้ไม้กระบองฉันก็ได้รับความยินยอมให้เอาหอกกลืนกินเข้าไปใกล้อาวุธของไซครอป หอกกลืนกินได้กลืนกระบองลงไปในทันที จากนั้นฉันก็ได้นำมันไปใกล้กระบองอันอื่นๆและมันก็ได้กินจริงๆ
"โอ้วววว"
"กรี๊ด"
เมื่อเห็นอาวุธของฉันกินอาวุธอื่นหญิงสาวผู้ใช้พลังคนนั้นก็ได้ร้องออกมาอย่างน่ารำคาญ แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้สนใจเธอและปล่อยให้หอกของฉันกลืนหอกไปอีก 2 อัน หลังจากนั้นในทันทีหอกของฉันก็เปล่งแสงขึ้น ในที่สุด ในที่สุด...
[อัตราการเติบโตของหอกการกลืนกินได้ถึง 99% เพื่อที่จะให้ไปถึง 100% คุณจะต้องใส่มานาทั้งหมดลงไป]
"ฉันไม่สามารถจะทำมันในตอนนี้...! ถ้างั้นทำไมมันถึงส่องแสงล่ะ!?"
ตัวฉันที่เต็มไปด้วยความคาดหวังได้กลายเป็นโกรธจนมากพอจะหักหอกออกครึ่งหนึ่ง ถ้าฉันใส่มานาของฉันลงไปในตอนนี้ ฉันก็จะทำให้ทุกคนรอเป็นเวลานาน จากนั้นฉันจึงเก็บศพของลอร์ดไซครอปไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อยและหันไปหาคนอื่นๆ
"ทุกๆคนพักเสร็จแล้วใช่ไหม?"
"ใช่แล้วล่ะ"
"นะ นั่น! มันก็ยังเก็บช่องเก็บของมิติพิเศษใช่ไหม?ไ
"ใช่แล้ว"
หลังจากที่สุมิเระได้เลือกไอเทมสุดท้ายแล้วข้อความก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของฉัน
[คุณได้เคลียร์เหตุการดันเจี้ยนระดับ S+ เสร็จสิ้น สมาชิกทั้งหมดได้รับแต้มโบนัสสเตตัส 3 แต้ม]
[ในตอนนี้คุณจะถูกส่งกลับไป]
บอสการจู่โจมไม่ได้ปรากฏขึ้น ได้มีบางคนเดาะลิ้นออกมาในขณะที่บางคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่นานหลังจากนั้นเราก็ได้มาอยู่นอกเกต
ในขณะที่เราออกมา พวกเราก็ได้พบว่าถูกล้อมไปด้วยเหล่าผู้พิทักษ์นับไม่ถ้วน สิ่งที่น่าตกใจก็คือพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้พลังอย่างน้อยก็ระดับ S มันไม่ใช่เพียงแค่ผู้พิทักษ์ของเกาหลีเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ ด้านหลังของพวกเขาก็มีทหารติดอาวุธปืนและรถถัง
ชายคนที่ดูเหมือนจะเป็นตัวของผู้พิทักษ์ของเกาหลีได้ยืนอยู่ด้านหน้า หลังจากได้เห็นสายตาของฉันก็พูดขึ้น
"พวกเราเหล่าผู้พิทักษ์และรัฐบาลได้ตัดสินใจว่าไม่อนุญาตให้นายสร้างปัญหาไปมากกว่านี้แล้ว พวกเขาขอให้นายยอมจำนนอย่างสงบ
หา ถ้านายจะทำมันนายก็ควรทำมันก่อนหน้านี้นะ นายไม่ควรทำมันหลังจากที่เราออกมาจากดันเจี้ยนหลังจากเคลียร์ดันเจี้ยนระดับ S+? อย่างแรกฉันได้หันไปหาวู หยงฉาและผู้ใช้พลังระดับ S อีกคนที่ล้มอยู่กับพื้น เมื่อเห็นว่าพ่อกำลังดึงมือกลับไปดูเหมือนว่าพวกเรากำลังจะทำอะไรบางอย่างและถูกพ่อจัดการไป นั่นมันหมายถึงว่า... ฉันได้มองไปที่ผู้ใช้พลังที่เป็นผู้หญิงผู้ที่กระพริบตาด้วยความสับสน
"เธอไม่ได้รู้งั้นหรอ?"
"อะไรล่ะ?"
"ใช่แล้วชิน นั่นมันดูเหมือนจะเป็นแบบนี้"
"ฮ่าห์ ถ้างั้นก็ยังมันอยู่เฉยๆก็พอเข้าใจไหม?"
"อะ โอเค"
เยี่ยมที่ผู้หญิงคนนี้ฟังฉัน จากนั้นฉันก็หันกลับไปแล้วถามขึ้น"
"เอาล่ะก่อนอื่น...อืม พวกนายได้ดูวิดีโอไหม?"
"ฉันได้ดู"
"และนายก็ยังจะใช้กำลัง"
"ใช่แล้ว นายกำลังจะนำอันตรายมาเพราะความมั่นใจที่มากเกินไป ในเข้าไปในดันเจี้ยนระดัย S+ โดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากประเทศในขณะที่ประชาชนยังไม่ได้อพยพไปเลย ถ้าหากว่ามีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ปรากฏออกมาและนายไม่สามารถจัดการมันได้พลเรือนจำนวนนับไม่ถ้วนจะต้องตาย"
"ฮ่ะ? นายหมายความว่าการทำลายดันเจี้ยนระดับต่ำจะไม่เป็นปัญหาใช่ไหม?"
"ตามกฏหมายนิวมูน เกตที่มีระดับ A หรือต่ำกว่าจะอยู่ในเขตอำนาจของผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรี สิ่งที่นายทำนั้นมีแต่จะเป็นการผิดกฏหมาย"
"แล้วถ้างั้นมันก็จะช่วยอะไรไม่ได้เลยถ้าพวกเขาทำให้เกตเปลื่ยนเป็นดันเจี้ยนเพราะว่าพวกเขา 'ขาดความสามารถ' นะหรอ?"
"..."
ฉันได้ถามออกไป
"นาย...จะโอเคกับการที่เกตระดับ S หรือ S+ เปลื่ยนไปเป็นดันเจี้ยนงั้นหรอ? ถ้าสามเกตในเกาหลียังเหลืออยู่ นายก็ควรจะรู้นะว่าเกาหลีจะไม่มีพลังในการต่อต้านพวกมัน"
"แน่นอนว่า พวกเราต้องการที่จะกำจัดเกตอย่างที่นายทำ พวกเราจำเป็นจะต้องมีการคุยกัน ไม่ใช่ด้วยวิธีการที่ขาดแผนและไม่เหมาะสน แต่ว่าด้วยวิธีที่ปลอดภัยต่อเกาหลีและ...."
"ถ้างั้นนายก็ต้องการจะต่อรอง"
พวกเขาต้องการที่จะทำลายเกตระดับ S หรือ S+ แต่ว่าพวกเขาก็ยังต้องการเก็บเหตุการดันเจี้ยนระดับ A หรือต่ำกว่าเอาไว้สำหรับตัวเอง นั่นก็คือสิ่งที่คนๆนั้นพยายามจะพูด
"นายจะต้องสัญญาว่าจะไม่เข้าเกตต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ถ้าหากนายทำแบบนั้นเราจะไม่พยายามขัดหวางนาย แน่นอนว่าเราจะเอาคำพูดของนายไปพิจารณาเกี่ยวกับการจัดการเกต"
พวกเราตระหนักดีว่านายแข็งแกร่งดังนั้นเราเลยจะใส่ปลอกคอให้นายและพานายไปจัดการเกตที่เราต้องการกำจัด
น่าแปลกใจอะไรแบบนี้ คำพูดของเขากำลังถูกแปลโดยอัตโนมัต แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องตลกที่ภาษาเกาหลียังถูกแปล
"มันไม่มีเกตที่เหลือในเกาหลีแล้ว ดังนั้นฉันก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไม.... ไม่สิ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะเข้าใจ มันอาจจะเป็นเพราะหุ้นส่วนที่นายได้รับจากประเทศอื่นๆหรือจากเส้นสายดังกล่าวสินะ ฉันจะทำให้มันสั้นลงเอง
ฉันได้ยกหอกขึ้นและกระแทกลงไป นอกเหนือจากผู้ใช้พลังระดับ S ที่เป็นผู้หญิง ขาของผู้ใช้พลังระดับ S อีกสองคนได้หักลงไป
"เข้ามาหาฉันนี่ไอเวร"
[เจ้ากำลังโกรธ]
[เขาบอกว่าจะไม่ฆ่าพวกนั้น]
[การฆ่าหมายความว่าอะไร?]
[การฆ่าคือ....ใบมีดธาตุ]
อย่างแรกฉันได้ยิงใบมีดธาตุออกไปด้านหลัง ผู้ใช้พลังทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเราได้ถูกส่งกระเด็นออกไป เพราะว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ใช้พลังอย่างน้อยก็ระดับ S ดังนั้นฉันจึงเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ตาย
"ยะ ยิง!"
พวกทหารได้ตื่นตระหนกและเริ่มยิงออกมา แต่ว่าน่าเสียดายที่ในหมู่พวกเราไม่มีใครอ่อนแอพอที่จะถูกปืนและปืนใหญ่ทำร้ายได้ อาวุธที่ไม่มีมานาไม่สามารถที่จะทะลุตัวของเราที่เต็มไปด้วยมานาได้ ในความเป็นจริงแล้วผู้ใช้พลังระดับ S ส่วนใหญ่ก็จะมีภูมิคุ้มกันกับปื้นอยู่แล้ว เนื่องจากว่าพวกเขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว พวกเราก็คาดหวังว่าจะให้พวกเรายอมแพ้หลังจากเห็นจำนวนของพวกเขา....
"ถ้านายไม่หยุดยิงเจ้าสิ่งน่ารำคาญเหล่านี้ ฉันก็จะระเบิดพวกมันซะ เมื่อพวกนายทำ เราก็จะไม่ใช่คนที่จะตายแน่ๆ"
ด้วยคำพูดฮวาหยาการยิงก็ได้หยุดลงไปในทันที พวกเขาได้ลดหางของพวกเขาลงหลังจากถูกคำว่าความตายคุกคาม อาวุธสมัใหม่มันใช้ไม่ได้ดีนักกับฮวาหยา เพียงแค่เธอได้ดีดนิ้ว พวกเราก็อาจจะระเบิดและหายไปได้เลย
ในขณะที่ฮวาหยาลบล้างเหล่าทหารด้วยพลังของเธอ ฉันก็ได้นับจำนวนผู้ใช้พลังผู้ที่ยังคงกันการโจมตีครั้งแรกของฉันได้ แม้แต่วอร์คเกอร์และเยอึนจะปลดอาวุธผู้ใช้พลังมี่ถูกใบมีดธาตุไป ก็ยังคงมีผู้ใช้พลังกว่า 50 คนที่ยังไม่เป็นอะไร เมื่อได้คิดว่าพวกเขาก็สามารถจะรวบรวมผู้ใช้พลังจำนวนมากขนาดนี้ในขณะที่เรากำลังเคลียร์ดันเจี้ยน....ดูเหมือนผู้พิทักษ์ของเกาหลีก็ไม่ได้แย่นัก บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าเราเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
ฉันได้จับหอกของฉันขึ้น
"ฉันนับหัวแล้วนะดังนั้นอย่าได้คิดที่จะหนี ตราบใดที่พวกนายไม่ตายนักบำบัดน่าจะรักษาพวกนายได้ ดังนั้นผ่อนคลายและเข้ามา....ไม่เช่นนั้นฉันจะเข้าไปเอง!"
เพียงแค่ได้ยินเสียงตะโกนของฉันผู้ใช้พลังก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว ผู้ใช้พลังระดับ S ควรที่จะแข็งแกร่งพอที่จะพังตัวอาคารบางส่วนด้วยตัวเองได้ สายฟ้า ไฟ ลูกธนู พลังในการยับยั้ง โลหะ พลังทุกชนิดได้ถูกใช้ออกมา ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ขยายหอกด้วยใบมีดธาตุและเหวี่ยงออกไปในแนวโค้ง
[ฉะ ฉันรู้แล้ว! อว๊ากกกกก!]
[ฉันคิดว่าพวกนั้นคงจะสนุกกันจริงๆกับใบมีดธาตุ]
[วู๊วววววววววววว]
[อ่าลม! นี้ฉันเอง!]
"เจ้าพวกงี่เง่านี่ไปนอนซะไป"
"โอ โลก"
พ่อได้ปล่อยคลื่นกระแทกออกไปรอบๆพื้นที่ ผู้ใช้พลังหลายคนที่พยายามเข้าไปหารูเดียได้ถูกกำแพงดินที่จู่ๆโผล่ขึ้นมาและทำให้พวกเขากระเด็นออกไป พื้นที่นี้ได้กลายเป็นความวุ่นวาน เพียงแค่ 10 นาทีได้ผ่านไปนับตั้งแต่ออกมาจากเหตุการดันเจี้ยน ดินก็ได้ทรุดตัว ต้นไม้ที่หยั่งรากก็เริ่มล้ม อาคารหลายแห่งก็พังทลาย ในเวลาเดียวกันผู้ใช้พลังทั้งหมดก็ได้ล้มลงไป ทหารได้ล่าถอยกลับไปทั้งน้ำตาย
"ในตอนนี้พอใจแล้วสินะ?"
ฉันได้ถามกับคนที่ยื่นข้อเสนอมา เขาได้หนีไปในตอนที่ฉันจัดการผู้ใช้พลังระดับ S ของเกาหลี 2 ทั้งสองคน แต่ว่าในตอนนี้ที่ฉันมองไป เขาได้กลับมาแล้ว
"...ผมพอใจ"
เขาได้ตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ
"ชิ นายไม่จำเป็นจะต้องทำให้มันยากก็ได้นะ"
"ผมขอโทษ แต่ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันไม่ว่าคุณจะพูดอะไร คุณก็ไม่สามารถจะเป็นฝ่ายถูกได้ แม้อย่างนั้นก็ตาม....มีคนที่อยากจะอยู่ฝั่งคุณ เราเพียงแค่ทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้"
"....มันดูเหมือนว่ากลุ่มผู้พิทักษ์จะไม่ได้เน่าไปทั้งหมด"
"ได้โปรดจำเอาไว้ว่ามันเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อปกป้องโลก"
ฉันได้ยิ้มและพูดออกไป
"ถ้านายต้องการอะไรก็บอกฉันมา ฉันจะขายมันในราคาที่ถูก"
"คุณรู้วิธีการค้านี่? ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องการวัสดุจากข้างในเกต ผมไม่รู้เกี่ยวกับประเทศอื่นๆ แต่ว่าผู้ใช้พลังของเกาหลีนั้นขาดแคลนอุปกรณ์มาเสมอ มันจึงเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นอย่างการถูกล่อลวงด้วยความคิดที่ว่าเปลื่ยนเกตให้เป็นดันเจี้ยน"
"ฉันจะติดต่อนายไปต่างหากอีกที นายต้องการจะช่วยฉันเก็บการที่เหลือนี่ไหม?"
"พวกเรามีคนเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว แต่ว่าต้องขอบคุณ คุณสำหรับข้อเสนอนี้ แทนที่จะทำแบบนั้นคุณควรจะทำในสิ่งที่คุณต้องทำ"
"ฉันชักจะชอบนายมากขึ้นแล้วสิ เยี่ยมพวกเราจะทำในสิ่งที่จะต้องทำ"
ฉันได้ยิ้มและหันไป เยอึนได้เอียงหัวงงในขณะที่ถามออกมา
"ชินทำไมนายดูสนิทกับชายคนนั้นล่ะ? มันเกิดอะไรขึ้นหรอ?"
"เธอรู้..."
ฉันได้มองย้อนกลับไปที่พรรคพวกของฉัน มันดูเหมือนว่าวอร์คเกอร์จะเหนื่อยจริงๆเขาได้พิงตัวกับผนังและหลับลงไป ในขณะที่พ่อไปมองไปที่ผู้ใช้พลังระดับ S ที่ล้มลงไปเหมือนกับยังออกกำลังกายไม่พอ ส่วนฮวาหยาได้ลืมเหล่าผู้ใช้พลังไปแล้วและกำลังเล่นลูกบอลทองคำของเธอในขณะที่รูเดียดูคนเจ็บและชูนะก็นำคนที่เป็นลมมารวมกัน สุมิเระก็ช่วยรูเดียอยู่ด้านข้างด้วยเวทย์ฮีลเฉพาะตัวของเธอเอง
หรือก็คือเยอึนเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร อืมม ฉันจะอธิบายยังไงดีนะ
"โดยพื้นฐานแล้วพวกเราได้รับการอนุมัติอย่างไม่เป็นทางการเพื่อให้ทำในทุกสิ่งที่เราต้องการ"
"อะ เอ๋!!!? อะไรล่ะนั่น? นายไปคุยเรื่องนั้นกันตอนไหน!?"
"เอาล่ะถ้าทุกคนพักกันเสร็จแล้วก็ไปต่อกันเถอะ พวกเราจะต้องเสร็จสิ้นการเคลียร์ดันเจี้ยนของเกาหลีก่อนหมดวัน"
"แต่ว่ามันผ่านเที่ยงคืนมาแล้วนะคังชิน"
"นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องรีบไงล่ะ!"
ฉันได้บ่นและตอบกลับไป วอร์คเกอร์ได้พึมพัมและจากนั้นก็จับหัวตัวเองอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง ฉันไม่สามารถจะบอกได้เลยว่าชายคนนี้ฉลาดหรือโง่กันแน่
ในวันนี้ก่อนที่จะเช้า พวกเราจะต้องจัดการเกตอีก 3 แห่งที่เหลืออยู่โดยที่จะไม่มีใครกล้ามารบกวนพวกเรา
คำว่า รีไวเวิร์ล กลายเป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุดในอินเตอร์เน็ต
ในตอนนี้มันถึงเวลาและที่จะออกจากเกาหลีไปสู่เวทีโลก
สามารถติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ที่เพจนี้เลยครับ > กดเลย <