ตอนที่ 14: นั่นไม่ใช่แมวอสนี [ฟรี 12 เม.ย. 63]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 14: นั่นไม่ใช่แมวอสนี
“คนช่างจ้อ!” จี้หลิงสำลักแล้วเดินจากไปพร้อมเชิดศีรษะ
นายน้อยหม่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะมองยวินหยาง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทึ่ง “พี่ยวิน ข้าต้องบอกเลยว่า… รสนิยมของพวกเรา… อ่ะแฮ่ม แตกต่างกันมาก”
นายน้อยฉินเผยใบหน้าเสียใจออกมา “น่าเสียดาย เสียของอะไรอย่างนี้…”
น่าเสียดายหรือ? ขณะมองดวงตาลามกของนายน้อยฉินอย่างละเอียด ยวินหยางสรุปว่าอีกฝ่ายเสียใจที่ปล่อยให้ร่างเย้ายวนเดินจากไปถึงแม้ใบหน้าจะเรียบง่ายก็ตาม
ยวินหยางพยายามไม่หัวเราะเสียงดัง แต่เลือกลูบมืออย่างประหม่ามาที่สัตว์ร้ายทารกในอ้อมแขนของนายน้อยหม่าแทน “พี่หม่า นี่คืออะไร?”
นายน้อยหม่าหัวเราะร่วน “นี่หรือ? มันก็แค่แมวอสนี ข้าซื้อมาเพราะมันดูตลกดี ตอนแรก ข้าสนใจขนหิมะ มันสวยและเชื่อง เดิมทีแมวอสนีมีราคาราว 1,500 ตำลึงเงิน แต่ข้าต้องจ่าย 2,000 ตำลึงเงินเพื่อตัวนี้ มันเลยแพงกว่าปกติ! ข้าอยากรู้ว่ามันพิเศษยังไง”
ยวินหยางพยักหน้าหนักแน่น สหายผู้เอาแต่ใจถึงกับซื้อแมวเพียงเพราะราคาแพงกว่าปกติ เขาอาจจะไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรแล้วก็ได้ ดูท่าคราวที่แล้วข้าจะขอน้อยเกินไป ยิ่งกว่านั้น เขาบอกว่านี่คือ…
แมวอสนีหรือ?
ความคิดของยวินหยางที่มีต่อคนโง่ผู้ยิ้มกว้างตรงหน้าก่อเกิดอย่างรวดเร็ว
เจ้านี่จะเป็นแมวอสนีได้อย่างไร? แมวอสนีเดิมจัดอยู่ระดับที่สามเมื่อเป็นตัวเต็มวัย แต่ตัวนี้ไปถึงระดับที่สามขณะที่ยังเป็นทารกแล้ว!
“นี่เป็นแมวที่ไม่เลวเลย” ยวินหยางหาทางระงับความตื่นเต้นจากน้ำเสียงเอาไว้
“พี่ยวินถูกใจหรือ?” นายน้อยหม่าถามอย่างปิติ “เช่นนั้นโปรดรับมันไว้เลย ถือเป็นการชมเชยจากข้า” เขายื่นเจ้าขนตัวเล็กให้ยวินหยาง
ยวินหยางจนคำพูดขณะรับสิ่งมีชีวิตมา ขณะเกาศีรษะ มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ นี่ไม่ใช่แมวอสนี มันต้องเป็นสิ่งมีชีวิตวิเศษที่ยังระบุตัวตนไม่ได้… และจะต้องไม่ต่ำกว่าระดับที่ห้าแน่นอน การที่มันไปถึงระดับที่สามก่อนจะอายุครบหนึ่งเดือน มีความเป็นไปได้สูงว่าแมวตัวนี้สามารถไปถึงระดับที่แปดถึงระดับที่เก้าได้เมื่อโตเต็มวัย!
การที่ซื้อมาด้วย 2,000 ตำลึงเงินนับว่าโชคดีมาก แม้กระทั่งสุสานของบรรพบุรุษยังก่อเกิดควัน!
ขณะเดียวกัน คนเจ้าชู้นามว่าหม่าผู้นี้ยังเต็มใจยกมันให้ทั้งอย่างนั้นอีก
“ไม่ ข้าไม่สามารถรับสิ่งนี้เอาไว้ได้” ยวินหยางปฏิเสธ “มัน แบบว่า เป็นมณีล้ำค่าที่สุดของพี่หม่า”
นายน้อยหม่าหัวเราะ “นี่มันไม่มีค่าอะไรเลย! มันก็แค่แมว! กับเจ้า มันอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน ถ้าข้าพากลับบ้าน มันจะลงเอยด้วยการเป็นอาหารของงูเกล็ดทองในหม้อหลงหู่โต้ว…”
หลงหู่โต้ว…
“หากมีคนมอบมังกรตัวเล็กให้ เจ้าก็คิดแต่จะต้มมันอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้อะไรบ้างนอกจากคำว่ากิน?” ยวินหยางถามจี้ใจดำ
“ถ้าเจ้ายืนกรานขนาดนั้น เช่นนั้นข้าขอรับมันเอาไว้” ยวินหยางกล่าวอย่างใจกว้าง “ข้าควรจ่าย 2,000 ตำลึงเงินด้วยหรือเปล่า?”
นายน้อยหม่าโบกมือเพื่อคัดค้านจนดูเกินจริง “นายน้อยยวิน โปรดอย่าพูดอะไรอีกเลย! มันคงเสียมารยาทแน่หากข้ารับเงินเพราะของเล็กน้อยเช่นนี้ พวกเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ? ต่อให้เจ้าต้องการเมียข้า… แน่นอน เจ้าไม่มีวันต้องการเมียข้าหรอก แต่ต่อให้เจ้าต้องการ…”
ยวินหยางตัดบททันที “ข้าเข้าใจแล้ว อย่าพูดให้มากความอีกเลย นายน้อยหม่า ข้าติดหนี้เจ้าแล้ว”
นายน้อยหม่ายิ้มแย้มแจ่มใส
คำขอของนายน้อยยวิน! นั่นหมายความว่า…
เมื่อได้ยินดังนี้ นายน้อยฉินเบิกตากว้างด้วยความทึ่งขณะดันตัวเข้ามา “นายน้อยยวิน ข้าอยู่นี่เหมือนกันนะ!” เขาประกาศเสียงดัง
ยวินหยางเห็นหมีดำขนาดเล็กในอ้อมแขนของอารักขาที่ยืนอยู่หลังนายน้อยฉิน มันกำลังดิ้นอยู่ในอ้อมแขนขณะส่งเสียงร้องเวทนา
“อา สัตว์ร้ายวิเศษระดับที่สาม…”
ยวินหยางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ได้โปรด ข้ารับแมวมาแล้ว หากมากกว่านี้คงน่าอาย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก” นายน้อยฉินดึงลูกหมีดำจากมือของอารักขาแล้วส่งให้ยวินหยาง “อย่าอายไปเลย พวกเราพี่น้องกัน! เจ้าต้องรับสิ่งนี้ไว้ด้วยสิ!”
ยวินหยางรู้สึกถึงสัมผัสจากการกอดลูกหมีดำ
ข้าต้องการแมวเพราะศักยภาพ แต่ลูกหมีตัวนี้จะใช้อย่างไรดี?
“แมว… ตัวนี้… เจ้าหาซื้อจากไหนหรือ?” ยวินหยางถาม “ยังมีเหลืออีกหรือเปล่า?”
“ทำไมหรือ มีสิ มีเยอะด้วย!” คำพูดของนายน้อยหม่าทำให้หัวใจของยวินหยางเต้นรัว สิ่งมีชีวิตวิเศษเช่นนี้หายากยิ่ง แล้วจู่ ๆ มันมีจำนวนมากได้อย่างไร?
น่าประหลาดใจนัก
“ไหนดูซิ อยู่ตรงโน้นไง ร้านที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า… เก้าหรือสิบจากตรงนี้นี่แหละ” นายน้อยหม่านับ “ดูตะกร้าใบใหม่ที่เต็มไปด้วยแมวเหล่านี้”
เมื่อกล่าวจบ เขาเห็นเกลียวเงาพุ่งผ่านไป ยวินหยางหายไปแล้ว
“ชายคนนั้นไปไหนแล้ว?”
นายน้อยหม่าเกาศีรษะ “เขาหายไปไหนแล้วนะ?”
“นั่นสิ” นายน้อยฉินก้มศีรษะด้วยสีหน้าท้อแท้ ยวินหยางหายไปแล้ว แถมยังทิ้งลูกหมีดำเอาไว้อีก เขาถูกปฏิเสธข้อเสนอ! สำหรับนายน้อยฉิน โลกจะปกคลุมไปด้วยสิ่งชั่วร้ายและความอยุติธรรม “ทำไมเจ้ารับแมวของหม่าแต่ไม่รับหมีของข้า? มันใหญ่กว่าแมวของเขาอีกนะ! ต่อให้เอาไปทำเป็นอาหาร คงทำได้แค่ไม่กี่มื้อหรอก…”
นายน้อยหม่าดีใจขณะฮัมเพลงไม่มีชื่อออกมา “มา พี่ฉิน ให้ข้าเลี้ยงสักมื้อก็แล้วกัน!”
“ข้าไม่ว่าง!” นายน้อยฉินชำเลืองมองพวกพ้องด้วยสายตามุ่งร้ายก่อนหันหลังจากไป
…
ฝีเท้าของยวินหยางเกียจคร้านในตอนแรก แต่เขาเริ่มเร่งความเร็วทันที ปกปิดร่องรอยเป็นอย่างดีในพริบตาจนเหลือเชื่อ เขาเคลื่อนตัวราวลมกรด แต่ไม่ลืมที่จะซ่อนแมวเอาไว้ในชุดคลุมอย่างระวัง ถ้ายอดฝีมือใกล้เคียงจับได้ เขาจะไม่สามารถรั้งไว้ได้นาน ขณะฝืนชะลอความเร็ว เขารักษาท่วงท่าการเดินคล่องแคล่วเอาไว้ แขนซ้ายกำลังกอดลูกแมวสีขาว บนไหล่มีลิงสีทองหนุ่มพักผ่อนอยู่ จี้หลิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้เพียงวิ่งตามชายคนนี้มา
ยวินหยางมีเพียงเป้าหมายเดียว เขาจดจำจุดหมายได้ทันทีเมื่อได้เห็น มันกระจ่างชัดดุจกลางวัน ตะกร้าไม้ไผ่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าร้าน ด้านนอกของตะกร้ามีป้ายเขียนว่า “สัตว์ร้ายวิเศษล้ำค่า ลูกแมวอสนี” ข้างในตะกร้า ลูกแมวสีขาวราวหิมะต่อสู้กันอย่างดุเดือดด้วยท่วงท่าน่ารัก
ยวินหยางพุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้นแต่หยุดลงเมื่อใกล้ถึง ที่นั่น ด้านหน้าตะกร้าไม้ไผ่ขนาดใหญ่ มีชายหนุ่มบางส่วนกำลังเล่นกับลูกแมว จี้หลิงเห็นพวกเขาพร้อมกับยวินหยางก่อนหันหลังแล้วหายไปทันที
ชายเหล่านั้นสวมชุดหรูหรา สายตาคมปลาบ พวกเขามีกลิ่นอายมั่งคั่งรอบตัวสุดจะบรรยาย พวกเขาไม่พูด แต่ร่างกายแผ่ความหยิ่งทะนงและความสง่าที่เป็นธรรมชาติดุจดวงอาทิตย์ที่มอบความอบอุ่นออกมา
ถึงพวกเขาไม่คุ้นหน้ายวินหยาง แต่ตัวตนของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว ไม่จำเป็นต้องประกาศชื่อเสียงเรียงนามให้ทราบ นั่นเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่นายน้อยในเมืองเทียนถังที่เขาคุ้นเคย จี้หลิงเคยกล่าวว่านายน้อยและนายหญิงจากครอบครัวมีอิทธิพลขนาดใหญ่จะเข้าร่วมการแข่งขันสัตว์ร้ายวิเศษประจำปี… และปีนี้มันจัดขึ้นที่เมืองเทียนถัง
ชายเหล่านี้ที่ยืนต่อหน้าเขาคือหนึ่งในนายน้อยเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาคล้ายกับรู้ว่ากำลังทำอะไร
ยวินหยางยังคงปกปิดอย่างวิตกขณะเดินออกมาช้า ๆ มีลูกแมวสามตัวที่แตกต่างจากตัวอื่น สีขาวราวหิมะควบคู่กับดวงตาสีน้ำเงินไพลิน ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่พวกมันคล้ายกับไม่ยอมเล่นหรือสังสรรค์กับลูกแมวตัวอื่น
ขณะมองดวงตาหยีอย่างละเอียด เขามองเห็นว่าสามตัวนั้นไม่ใหญ่เท่าตัวที่อยู่ในอ้อมแขน พวกมันไม่ใช่แม้แต่สัตว์ร้ายระดับที่สอง ทว่า มันเป็นสิ่งหายากจริง
นายน้อยสามคนที่เหลือมองอย่างมีนัยเช่นกัน
“ลูกแมวเหล่านี้แปลกประหลาดนัก” คนที่ใส่ชุดน้ำเงินกล่าว
“พวกมันอาจจะถูกบำรุงด้วยอะไรหรือเปล่า?” อีกคนในชุดขาวแนะนำ
“ตัวเล็กแต่ไปถึงระดับที่สอง!” นายน้อยในชุดเขียวเสริม
“น่าเสียดายที่พวกมันเป็นแค่แมวอสนี” ชายในชุดน้ำเงินเสีนดาย “แม่แมวอาจจะกินสมบัติวิเศษเข้าไปจนให้กำเนิดเจ้าพวกนี้ขึ้นมา แต่พวกมันยังเป็นแค่แมวอสนี…”
ยวินหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แค่แมวอสนีหรือ?
เป็นสัญญาณที่ดีว่าชายเหล่านี้ สุดท้ายแล้วยังไม่ช่ำชองเท่าไหร่นัก
ยวินหยางต้องยอมรับว่าเป็นไปตามที่คาด หากวายุยิ่งใหญ่ พี่แปดของเขา ไม่บังคับให้อ่าน ‘สารานุกรมพร้อมภาพประกอบสัตว์ร้ายนานาชนิด’ ยามว่าง เขาย่อมไม่รู้จัก ‘แมว’ เหล่านี้เช่นกัน
“ลูกแมวสีขาวเหล่านี้ไม่เลวเลยจริง ๆ …” ยวินหยางผู้มีลิงทารกทองขดตัวอยู่บนไหล่ขณะเกาลูกแมวที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดคลุม โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ เขาส่งเศษเสี้ยวของวิชาศักดิ์สิทธิ์อนันต์เข้าสู่ร่างกายของลูกแมว ลูกแมวขดตัวนิ่งทันที
จากนั้น เขาส่งพลังงานจากวิชาศักดิ์สิทธิ์อนันต์เข้าสู่ลูกแมวอีกสามตัวในตะกร้า ลูกแมวสามตัวที่เขาต้องการเดินมาหายวินหยางอย่างพึงพอใจ
ไม่สำคัญว่าคนเหล่านี้จะเป็นใคร ยวินหยางวางแผนเอาไว้แล้ว เขาต้องการลูกแมวตัวน้อยเหล่านี้! เขากรีดร้องออกมา “ข้าจะซื้อพวกมัน!”