บทที่ 108 ดาบสองคม
ภายในอาณาจักรเสินหวู่มีตระกูลใหญ่อยู่เจ็ดตระกูล พวกเขาทั้งหมดต่างก็ดำรงอยู่มานานกว่าหมื่นปี ยังมีบางตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าอาณาจักรเสินหวู่เสียอีก
ทำไมอัครมเหสีขององค์จักรพรรดิและชายาขององค์รัชทายาทต่างก็มาจากตระกูลจ่างซุน? มันก็เป็นเพราะว่าตระกูลจ่างซุนนั้นน่ากลัวเกินไป หากราชวงศ์ต้องการที่จะปกครองอาณาจักรด้วยความสงบสุข พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจ่างซุน
ตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ดตั้งรกรากอยู่ในทวีปนี้มานานกว่าหมื่นปี พวกเขาแทรกซึมอยู่ทั่วทั้งอาณาจักรเสินหวู่และยังส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวอยู่ในองค์กรต่างๆ
นี่มันชัดเจนมาก!
อาจารย์เซียวและอาจารย์อีกสองคนเป็นสายลับจากตระกูลจ่างซุน จ่างซุนอู๋จี้ได้ออกคำสั่งให้พวกเขากำจัดเจียงอี้ให้ได้แม้ว่าจะต้องเปิดเผยตัวตนออกมาก็ตาม!
มารดาของเจียงนี่หลิวมีศักดิ์เป็นป้าของจ่างซุนอู๋จี้ ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะสมนักที่เจียงนี่หลิวจะลงมือด้วยตัวเอง คงจะเป็นการดีกว่าหากให้จ่างซุนอู๋จี้จัดการแทน มิฉะนั้นหากจอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกบังเอิญรู้เรื่องนี้เข้า ผลลัพธ์ที่ตามมาจะไม่อาจจินตนาการได้
อาจารย์ทั้งสามไม่หวั่นเกรงว่าสถานะของพวกเขาจะถูกเปิดโปงอีกต่อไป พวกเขากลัวแต่เพียงว่าจะไม่สามารถสังหารเจียงอี้ได้แม้ว่าตัวตนของพวกเขาจะถูกเปิดเผยแล้ว
ความแข็งแกร่งของซูรั่วเสวี่ยเองก็ไม่สามารถประมาทได้อีกทั้งนางยังเคยสังหารปีศาจน้ำแข็งมาแล้ว มันคือเหตุผลที่พวกเขาบังเกิดความกังวลก่อนหน้านี้ แต่ในเมื่อนักฆ่าทั้งสองมาถึงแล้ว พวกเขาจะพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ตาย!”
อาจารย์เซียวกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือ จิตสังหารของเขาพวยพุ่งออกมาและกระโจนเข้าหาเจียงอี้ราวกับสัตว์ร้าย ในอีกหนึ่งด้าน นักฆ่าก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังไปที่กำปั้นพร้อมกับเหวี่ยงใส่ร่างของเจียงอี้
การโจมตีสองประสาน!
อีกทั้งยังเป็นการโจมตีของผู้ที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่ห้า!
เจียงอี้ถอยร่นไปด้านหลังพร้อมทั้งใช้ดาบสั้นสีนวลปลดปล่อยเพลงดาบพิรุณโปรยปรายเข้าขัดขวางไม่ให้ศัตรูทั้งสองเข้ามาใกล้ แต่เห็นได้ชัดว่าความเร็วของเขาเชื่องช้าเกินไป อาจารย์เซียวและนักฆ่ากำลังจะเข้าถึงตัวเขาในไม่ช้า
ด้วยการโจมตีอันทรงพลังทั้งสองสายทำให้เจียงอี้ถูกบังคับให้ต้องจนมุมและหมดทางหนี!
“เจียงอี้ระวังตัวด้วย… อัก!”
ขณะที่ซูรั่วเสวี่ยเห็นเจียงอี้ตกอยู่ในอันตราย นางก็ตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่ในขณะที่เสียสมาธินั้น แขนของนางก็ถูกกระบี่ของอาจารย์ผู้หนึ่งเฉือนใส่ โลหิตสีแดงสดอาบไปทั่วทั้งแขน ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว
“อาจารย์ซู!!!”
เจียงอี้คำราม เขาใช้หน้าไม้ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยิงไปที่หน้าอกของอาจารย์เซียวในจังหวะชุลมุน
“เหอะ! ข้ากำลังรออยู่เลย!”
เหตุผลที่อาจารย์เซียวไม่ได้ลงมือเต็มที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะว่าเจียงอี้เพิ่งจะสังหารนักฆ่าทั้งสองที่เป็นจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ไป เขากำลังรอให้เจียงอี้แสดงไพ่ตายที่ใช้สังหารคนเหล่านั้นออกมาและหลบไปด้านข้าง
“เป็นอย่างนั้นรึ?”
เจียงอี้แสยะยิ้มด้วยความเย็นชาขณะที่เพิกเฉยต่อการโจมตีของนักฆ่า เขาใช้ขายันไปที่ผาหินด้านหลังและพุ่งเข้าหาอาจารย์เซียวด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็ปลดปล่อยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้โจมตีไปที่อีกฝ่าย
ปังงง!
เสียงระเบิดสองสายดังขึ้นพร้อมกัน ร่างของอาจารย์เซียวและเจียงอี้ถูกซัดกระเด็นไปคนละทาง ร่างของอาจารย์เซียวถูกกระแทกโดยฝ่ามือของเจียงอี้ในขณะที่ตัวของเจียงอี้เองก็รับการโจมตีของนักฆ่าไปเต็มๆ
ร่างของเจียงอี้ไถลไปตามพื้นก่อนที่จะตั้งหลักได้และกระอักเลือดออกมา ดูเหมือนว่าอาจารย์เซียวจะไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ส่วนทางด้านอาจารย์ซูเองก็ได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง
ทันใดนั้นเองรัศมีแห่งความชั่วร้ายก็บังเกิดขึ้นในใจของเจียงอี้ จิตสังหารอันเข้มข้นได้ก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขาจนเปลี่ยนมันเป็นสีแดงฉานคล้ายกับสีของโลหิต!
“เจตจำนงแห่งการสังหาร!”
ม่านตาของซูรั่วเสวี่ยหดแคบลง เดิมทีนางตั้งใจที่จะเผยศาสตร์ลับออกมา แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็นการป้องกันแทน นางต้องการที่จะเห็นว่าแท้จริงแล้วเจตจำนงสังหารของเจียงอี้จะทรงพลังขนาดไหน!
“หืม?!”
ภายในใจของทุกคนสัมผัสได้ถึงความเหน็บหนาว จิตสังหารที่เจียงอี้ปลดปล่อยออกมาเปรียบเสมือนกับภูเขายักษ์ที่กดทับลงบนหน้าอกของพวกเขาจนทำให้หายใจแทบไม่ออก
“ตาย! พวก-เจ้า-ทุก-คน-ต้อง-ตาย!”
แม้ว่าเจียงอี้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ทะยานไปข้างหน้าราวกับดาวตก นักฆ่าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ได้กลายเป็นปีศาจและยังเป็นตัวตนที่เขาไม่อาจเอาชนะได้!
เดิมทีนักฆ่าต้องการที่จะวิ่งเข้าหาเจียงอี้เพื่อสังหารอีกฝ่าย แต่ร่างของเขาก็ต้องหยุดชะงักเพราะไม่อาจต่อกรกับเจตจำนงของเจียงอี้ได้และยังทำได้เพียงแค่มองอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาด้วยร่างที่สั่นเทา
“อ๊ะ?!”
แต่ในเสี้ยววินาทีที่ความตายคืบคลานเข้ามา ในที่สุดนักฆ่าก็ตื่นจากภวังค์และปรารถนาที่จะหลบหนี อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อสัมผัสได้ว่าขาของเขารู้สึกอ่อนปวกเปียก
เมื่อนักฆ่าเห็นว่าดาบสั้นสีนวลกำลังเข้ามาใกล้ เขาก็รีบยกแขนขึ้นมาป้องกัน แต่ก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อพบว่าแม้แต่แขนก็ไร้เรี่ยวแรงและไม่อาจยกขึ้นได้
ฟับบ!
วินาทีนั้นดาบสั้นสีนวลของเจียงอี้ก็แทงเข้าไปในศีรษะของนักฆ่า อาจารย์เซียวและคนอื่นๆตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทำไมเขาถึงไม่ป้องกันและยอมให้ไอ้เด็กเวรนั่นฆ่า?
แต่ในไม่ช้า อาจารย์เซียวก็รู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มองเห็นหน้าของเจียงอี้ชัดเจนนัก แต่เมื่อเขาสบตากับอีกฝ่ายและมองเห็นดวงตาสีแดงโลหิตคู่นั้น หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ ราวกับสุนัขที่เผชิญหน้ากับพญามังกรที่แท้จริง
อาจารย์เซียวไม่หลงเหลือพลังต่อต้านใดๆ จิตวิญญาณและร่างกายคล้ายกับโดนแช่แข็ง
ฟับบ!
ดาบสั้นสีนวลทะลวงผ่านอากาศและปักเข้าที่ศีรษะของอาจารย์เซียว ด้วยพลังที่รุนแรงของมันทำให้ศีรษะของเขาแยกออกในทันที!
เจตจำนงแห่งการสังหาร!
อาจารย์ทั้งสองและนักฆ่าต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ ภายในห้วงความคิดของพวกเขาได้ปรากฏนามของคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นยอดคนตั้งแต่ยุคหมื่นปีก่อน คนผู้นั้นเป็นจอมราชันที่เพียงแค่ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาก็สามารถสยบกองทัพนับล้านอย่างง่ายดาย
อาจารย์ทั้งสองต่างก็รำลึกขึ้นมาได้ทันทีว่าเจียงอี้เคยข้ามผ่านข้อจำกัดของโถงจารึกเทพและสัมผัสกับเจตจำนงแห่งเต๋าของราชันสวรรค์สังหารมาแล้ว!
หนี!
พวกเขาทั้งสามไม่ลังเลเลยที่จะหลบหนี แม้ว่าจะถูกแรงกดดันกดทับหน้าอกเอาไว้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าหากไม่หนีเสียตอนนี้ ก็คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่!
อย่างไรก็ตามคนทั้งสามก็ตระหนักได้ว่าเมื่อพยายามที่จะหลบหนี พลังของพวกเขาก็ถูกบางอย่างขัดขวางเอาไว้ทำให้ความเร็วของพวกเขาเชื่องช้าราวกับหอยทาก ตรงกันข้ามกับเจียงอี้ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาราวกับหมาป่าผู้หิวโหย เขากวัดแกว่งดาบสั้นสีนวลในมือและพรากชีวิตของคนทั้งสามไปราวกับเก็บเกี่ยวข้าว
“ตาย! ตาย!”
เมื่อมีคนตายเพิ่มขึ้น แสงสีแดงในดวงตาของเจียงอี้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน เขามองไปรอบๆและสบตากับศิษย์สตรีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้รถม้า พริบตาเดียวเขาก็กระโจนเข้าหาอีกฝ่ายในทันที
ฟิ้ววว!
ซูรั่วเสวี่ยที่ยังไม่ได้ขยับไปไหนเลยตั้งแต่ต้น จู่ๆดวงตาของนางก็กลายเป็นสีม่วงพร้อมทั้งยิงลำแสงที่เป็นสีเดียวกันออกมาและทะลวงเข้าไปในจิตใจของเจียงอี้ จากนั้นไม่นานจิตสำนึกของเขาก็เลือนลานและหมดสติไป
“เจ้าพักผ่อนเสียและลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้หมด”
ซูรั่วเสวี่ยเดินตรงไปยังศิษย์สตรีที่เกือบจะเสียสติเพราะความกลัว นางใช้ฝ่ามือสับไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจนสลบไป จากนั้นนางก็เดินไปหาเจียงอี้และหยิบเม็ดยาฟื้นฟูมาป้อนเขา
“เจตจำนงแห่งการสังหารน่ากลัวเกินไป เมื่อเจียงอี้ปลดปล่อยมันออกมา คงมีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูดสุดเท่านั้นที่จะต้านทานได้”
“หลังจากที่ใช้ความพยายามมาเป็นเวลาหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่สามารถควบคุมเจตจำนงแห่งการสังหารได้ พลังนี้คงเปรียบเสมือนดาบสองคม หากไม่มีข้าอยู่ เกรงว่าเขาอาจจะตายจากการถูกพลังกลืนกิน”
“จิ๊บ! จิ๊บ!”
เสียงนกร้องดังขึ้น คิ้วของซูรั่วเสวี่ยขมวดเข้าหากัน ทำไมนกธรรมดาถึงกล้าบินผ่านหลังจากที่เจียงอี้ได้ปลดปล่อยเจตจำนงอันแสนน่ากลัวออกไปแล้ว?
ฟึ่บบ!
แต่ในไม่ช้านางก็เข้าใจ ร่างเงานับไม่ถ้วนได้ทะยานเข้ามาใกล้ เสียงดังสนั่นของฝ่ามือระเบิดแก่นแท้และเจตจำนงสังหารที่ถูกปลดปล่อยออกไปได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนโดยรอบ หลังจากที่สังหารหนูทะลวงภูผาไปแล้ว ทั้งอาจารย์และผู้คุ้มกันที่เหลือต่างก็รีบมาสมทบโดยเร็ว