บทที่ 107 รับความเสี่ยง
“ฟึ่บ!”
ธนูหน้าไม้พุ่งเข้าชนบั้นท้ายของนักฆ่า ด้วยพลังอันรุนแรงของหน้าไม้ที่ถูกยิงออกมาในระยะเผาขน มันเจาะทะลุผ่านไปทั่วทั้งร่างกายและเสียบเข้าไปในสมองและตายทันที!
“เหล่าซาน?”
นักฆ่าอีกคนพยายามหลบเศษหิน เขารู้สึกตกใจเมื่อได้ยินอะไรบางอย่างที่ทะลุผ่านอากาศมาและรู้สึกถึงคลื่นของแก่นแท้พลัง เขามองไปที่ฆาตกรที่อยู่ข้างๆเขาและเห็นดวงตาของสหายของเขาเบิกกว้างขณะที่เลือดไหลออกมาจากปาก ร่างกายก็อ่อนยวบและล้มลงไปกับพื้น
"ปัง!"
พื้นดินสั่นสะเทือน ดาบสั้นได้แทงทะลุเข้าไปภายใน เปลี่ยนร่างนักฆ่าที่ตายแล้วให้กลายเป็นเนื้อสับ ร่างที่เปียกโชกไปด้วยเลือดพุ่งออกมาจากตัวนักฆ่าคนนั้นราวกับสายฝน!
ใบหน้าของเจียงอี้นั้นเต็มไปด้วยเลือดสดและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างเลือดเย็น ราวกับว่าเขาเป็นปีศาจจากนรก เมื่อนักฆ่าเห็นเจียงอี้ ร่างกายของเขาก็สั่นเทา
"ตาย!"
เจียงอี้อาจปรากฏตัวออกมาจากที่ใดก็ได้ และนักฆ่าอาจตกตะลึงเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเหตุการณ์ก่อนนี้ อย่างไรก็ตาม เขารวบรวมแก่นแท้พลังไว้ที่ฝ่ามือของเขาขณะที่พุ่งไปที่หัวของเจียงอี้ เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการต่อสู้ของนักฆ่าจากองค์กรยมทูตนั้นเป็นอย่างไร
“หน้าไม้สังหารเทพ!”
เจียงอี้คำรามและยกมือซ้ายขึ้นทันใด หน้าไม้สังหารเทพปล่อยแสงสีดำออกมาในขณะที่นักฆ่าดึงฝ่ามือของเขากลับมาแล้วถอยกลับอย่างกระเสือกกระสน!
“เจ้าถูกหลอกแล้ว ไอ้หมูโง่!”
เจียงอี้หัวเราะเบาๆ ดาบสั้นสีนวลพุ่งออกมามากมาย ดาบนั้นเปลี่ยนเป็นใบมีดที่บินพุ่งตรงเข้าไปหานักฆ่า มันเป็นท่าทีที่สามของเพลงดาบพิรุณโปรยปราย...เพลงดาบพิรุณสารท!
ในระหว่างการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการควบคุม! ไม่เพียงแต่จะต้องควบคุมศัตรูแต่ยังรวมถึงตัวเองด้วย นักฆ่าคนนี้สับสนกับการเปลี่ยนแปลงไปมาของเจียงอี้ ทำให้สภาพจิตใจของเขาวุ่นวาย เขาไม่กล้าโต้กลับ แต่เขากลับตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวต่างๆแทน
ท่าที่สามของเพลงดาบพิรุณโปรยปราย...เพลงดาบพิรุณสารทคือการปลดปล่อยของฤดูใบไม้ร่วง เป็นกระบวนท่าที่มีความหมายมาก มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างหรือไม่ก็อาจไม่ได้อะไรเลยก็ได้ การใช้แก่นแท้พลังในการหมุนรอบอาวุธและใช้ความแข็งแกร่งและความเร็วที่มากที่สุดในการยิงมันออกมา หากการเคลื่อนไหวนี้ไม่สามารถทำร้ายศัตรูได้ การสูญเสียอาวุธจะเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่
เมื่อนักฆ่าเห็นเจียงอี้ยิงอาวุธของเขาออกมา เขาก็ไม่ตกใจ แต่กลับดีใจแทน แขนของเขาพุ่งเข้าไปและต้องการที่จะเบี่ยงดาบสั้นสีนวล แต่…เขาไม่รู้ว่าท่าไม้ตายของเจียงอี้ไม่ใช่ท่านี้ แต่มันคือฝ่ามือระเบิดแก่นแท้!
ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาได้อัดแน่นไว้ที่ฝ่ามือแล้ว ร่างกายของเจียงอี้พุ่งออกมาพร้อมกับดาบของเขา แก่นแท้พลังสีน้ำเงินและสีดำก็กระแทกกับนักฆ่า
"บูมมม!"
การระเบิดที่รุนแรงดังก้อง และระเบิดนักฆ่าในทันที เนื่องจากที่ไม่ได้ใช้พลังป้องกันไว้ ร่างกายของเขาจะทนต่อการระเบิดที่รุนแรงเช่นนี้ได้อย่างไร เจียงอี้อยู่ในขั้นที่เจ็ดของขอบเขตฉูติ่ง เมื่อรวมเข้ากับแก่นแท้พลังสีดำและฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ในปัจจุบันของเขา เทียบได้กับจอมยุทธขั้นที่สามของขอบเขตจื่อฝู่
หากครั้งอื่นๆ นักฆ่าไม่กลัวการจู่โจมจากใครบางคนจากขั้นที่สามของขอบเขตจื่อฝู่และคงสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากถูกปราบโดยเจียงอี้ เขาจะหลบการจู่โจมเช่นนี้ได้อย่างไร?
"อ๊ากกกก"
ในขณะที่นักฆ่าปล่อยเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชออกมา เสียงกรีดร้องแหลมสูงนั้นมาจากนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่ตรงรถม้า เจียงอี้เดินไปข้างหน้าภายในหมอกเลือดและเตะดาบสั้นสีนวลของเขาขึ้นมา เขาจับดาบสั้นสีนวลได้อย่างง่ายดายและวิ่งไปข้างหน้าเหมือนปีศาจ ก่อนที่นักฆ่าจะตอบสนอง เจียงอี้ก็ได้ใช้ดาบสั้นสีนวลแทงไปที่หัวใจของเขา!
“หืม?”
การระเบิดครั้งใหญ่ส่งสัญญาณเตือนให้อาจารย์และสมาชิกของกลุ่มผู้คุ้มกัน แต่เนื่องจากระยะทางพวกเขาเห็นเพียงร่างสองร่างที่คลุมเครือ หนึ่งในอาจารย์มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีในการแสดงออกและเขาตะโกนว่า “ข้าจะไปดูเอง! พวกเจ้าไปสังหารหนูทะลวงภูผาซะ!”
หนูทะลวงภูผานั้นอยู่เกือบสุดทาง แต่มันก็ยังเป็นสัตว์อสูรระดับสองขั้นสูง มีคำกล่าวว่าลาที่หิวโหยนั้นแข็งแกร่งกว่าม้า และเหล่าอาจารย์ก็ไม่กล้าที่จะอุ่นใจในขณะที่ยังคงโจมตีอย่างเต็มกำลัง
“อาจารย์เซียว เราจะไปกับเจ้าด้วย!”
อาจารย์ชายอีกสองคนตะโกนออกมาและอาจารย์เซียวก็กระพริบตาขณะที่พยักหน้าไปด้วย พวกเขาทั้งสามรีบไปหาเจียงอี้ด้วยความเร็วสูง
“ข้าจะไปด้วย”
เสียงที่ชัดเจนดังกึกก้องในฐานะอาจารย์หญิงที่งดงาม อาจารย์เซียวและอาจารย์อีกสองคนมองตากันและกัน คิ้วของพวกเขาขมวดขึ้นและอาจารย์เซียวพูดด้วยความลังเลว่า “ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ซู ตรงนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมายเลย”
ซูรั่วเสวี่ยแต่งตัวด้วยชุดขาว นางวิ่งเข้าไปทางเจียงอี้โดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ อาจารย์เซียวและอาจารย์อีกสองคนก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อพวกเขาทั้งสี่มาถึงที่ที่เจียงอี้อยู่ อาจารย์เซียวก็เหลียวมองและตะโกนอย่างเยือกเย็น อาจารย์อีกสองคนจับตามองเจียงอี้ผู้ซึ่งเปียกโชกไปด้วยเลือด
“ฆาตกร! เขาสังหารสมาชิกของผู้คุ้มกัน!” ศิษย์หญิงที่ยังซ่อนตัวอยู่ในรถชี้ไปที่เจียงอี้และกรีดร้องด้วยความสยองขวัญ
เจียงอี้หมดแรงและนั่งลงบนพื้นหลังจากกินเม็ดยาฟื้นฟูกำลังเข้าไป เมื่อเขาเห็นซูรั่วเสวี่ยและอาจารย์คนอื่นๆเดินมา เขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากมุมหนึ่ง เขาฉีกหน้ากากผิวมนุษย์ของเขาและพูดอย่างไม่แยแสว่า “ข้าคือเจียงอี้ ศิษย์นอกสำนัก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก ไอ้สองคนนั้นพยายามฆ่าข้าและพวกมันถูกข้าฆ่า”
“เจ้าหาญกล้าจริงๆ! เจ้าฆ่าผู้คุ้มกันจริงๆหรือ? เจ้าตายซะ!”
อาจารย์เซียวลุกขึ้นและกำลังจะรีบไปหาเจียงอี้ อาจารย์อีกสองคนที่อยู่ด้านข้างก็แผ่จิตสังหารออกมา ในขณะที่อาวุธในมือของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแก่นแท้พลัง ทันใดนั้นซูรั่วเสวี่ยก็พูดอย่างเย็นชาว่า “อาจารย์เซียว เจ้าต้องการที่จะเลิกใช้ชีวิตของเจ้าแล้วหรือ? เจ้าใช้อำนาจมากเกินไปและฆ่าศิษย์? หรือเจ้าตั้งใจที่จะปิดปากข้าเช่นกัน?”
อาจารย์เซียวหยุดกลางคันและเปิดเผยใบหน้าประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เขาหันไปมองซูรั่วเสวี่ย “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร อาจารย์ซู? ศิษย์คนนี้บ้าชัดๆและกล้าที่จะฆ่าผู้คุ้มกัน? มันก็เหมาะสมแล้วไม่ใช่หรอ?”
“แม้ว่าเจ้าต้องการประหารเขา เจ้าก็ต้องรอรองเจ้าสำนักฉีให้กลับมาก่อน ใช่ไหม?”
ดวงตาของซูรั่วเสวี่ยนั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย นางพูดอย่างเฉยเมยว่า “ให้ข้าบอกอะไรเจ้าหน่อย ถ้าเจ้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะสามารถทำให้ข้าเงียบได้เช่นกันเจ้าก็ไม่ควรทำอะไรเลย ถ้าไม่เช่นนั้น...คงมีแต่ความตายที่รอเจ้าอยู่”
เจียงอี้หัวเราะเหมือนกัน “ไม่ต้องกังวล ให้พวกเขาฆ่าข้าเถอะ ตั้งแต่ข้า เจียงอี้ ฆ่าผู้คุ้มกันขอบเขตจื่อฝู่ไปสามคนอย่างต่อเนื่องกันแล้ว ข้าไม่กลัวที่จะต้องฆ่าอาจารย์อีกสามคน! ถ้าเจ้าไม่กลัวความตาย เข้ามาสิ อาจารย์ที่รักของข้าทั้งสามคน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าได้รับตำลึงทองมามากมาย แต่พวกเจ้าจะมีชีวิตที่จะใช้หรือไม่กันนะ?”
“หืม?”
อาจารย์เซียวและอาจารย์อีกสองคนมีการเปลี่ยนแปลงท่าที พวกเขาลังเลเมื่อมองไปที่ศพบนพื้นและเห็นว่าหนึ่งในนั้นได้กลายเป็นเนื้อสับไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่มีความมั่นใจเลยว่าพวกเขาจะกันซูรั่วเสวี่ยออกไปได้
เมื่อทั้งสามคนยังลังเลอยู่ ร่างสองร่างก็บินมาทันที พวกเขาทั้งคู่สวมเสื้อคลุมนักรบเหมือนผู้คุ้มกัน เมื่อดวงตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เจียงอี้ มันไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตสังหาร
เวรแล้ว!
เจียงอี้และซูรั่วเสวี่ยมองตากันและกัน คราวนี้มันเปลี่ยนไป กองหนุนของศัตรูมาถึงแล้วและอาจารย์ทั้งสามคนนี้อาจเสี่ยงได้
อย่างที่คาดไว้!
อาจารย์สองคนที่อยู่ข้างๆซูรั่วเสวี่ยก็กวัดแกว่งดาบของพวกเขาและโจมตีซูรั่วเสวี่ย ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง อาจารย์เซียวก็พุ่งเข้าหาเจียงอี้และตะโกนว่า "เจียงอี้! เจ้าฆ่ากลุ่มของผู้คุ้มกันอย่างเลินเล่อ ข้า ในฐานะอาจารย์ จะลงทัณฑ์เจ้าเดี๋ยวนี้!"
“ฆ่า!”
นักฆ่าสองคนที่มาจากระยะไกลไม่ได้เห็นภาพที่ชัดเจน แต่เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสามนี้จะต้องเป็นสายลับที่ถูกพูดถึง พวกเขาแยกกันทันที หนึ่งในนั้นไปช่วยอาจารย์เซียวฆ่าเจียงอี้ ในขณะที่อีกคนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังซูรั่วเสวี่ย
“ฆาตกร ฆาตกร ...”
ศิษย์หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในรถม้าไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของนางสั่นขณะที่นางกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าที่หวาดกลัวนั้นซีดเผือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอยู่ภายใต้แสงของดวงจันทร์