ตอนที่แล้ว18 ยาเสริมความแข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป20 ออกกำลังกาย

19 กองกำลังพิฆาตหมาป่า


19 กองกำลังพิฆาตหมาป่า

สหพันธรัฐแห่งดวงดาวมีรากฐานมาจากการบ่มเพาะ ผู้ฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นก็จะสามารถขึ้นไปอยู่บนยอดภูเขาสูงได้ และไม่มีข้อยกเว้น คนธรรมดาทั่วไปทุกคน ต่างก็หวังที่จะเดินไปบนเส้นทางสายการบ่มเพาะ และประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

แม้แต่คนที่ไม่สามารถกลายเป็นผู้ฝึกตนได้ พวกเขาก็ยังชอบที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ขัดเกลาร่างกาย และอุทิศตัวให้กับการฝึกฝนร่างกายแทน

ดังนั้น ฟิตเนสจึงสามารถหาเจอได้ตามถนนสายหลักและซอกซอย ซึ่งเป็นทั้งยิมฝึกฝนร่างกายและโรงเรียนสำหรับสอนการต่อสู้ คนส่วนใหญ่ที่มาในสถานที่เหล่านี้นั้น ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัว แต่เป็นเหล่าลูกศิษย์ที่เชื่อฟัง และคนวัยทำงานที่ปฏิบัติตามกฎ

เมื่อหลี่เย้าเห็นป้ายคำว่า “กองกำลังพิฆาตหมาป่า” เขาก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจในที่จะซื้อยามากขึ้น

หลี่เย้าพอจะรู้ว่า คนที่เป็นเจ้าของสถานที่แบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ได้รับความเชื่อถือจากคนอื่นๆ ยาเสริมความแข็งแกร่งที่พวกเขาผลิตออกมา จะถูกนำมาใช้สำหรับตัวพวกเขาเองและสมาชิกภายในยิมเป็นหลัก พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของผลกำไร ดังนั้น มันจึงไม่มีการลดราคาสินค้า ที่ได้รับการันตีคุณภาพเอาไว้อยู่แล้ว

หลี่เย้ารู้สึกได้ถึงลายใยแมงมุมที่ติดอยู่กับใบหน้าของเขา และได้เดินตรงไปด้านใน

ประตูทางเข้าของยิมไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักและเป็นประตูที่จะนำไปสู่โลกอีกใบหนึ่งที่อยู่ด้านในนั้น ภายในห้องขนาด 300-400 ตารางเมตร มีคนหลายสิบคนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและมีเหงื่อไหลท่วมตัว กำลังยกบาร์เบลกันอยู่ แผ่นเหล็กและแกนเหล็กเกิดการกระทบกันจนเกิดเสียงดัง “ปัง ปัง” และมีชายร่างยักษ์คนหนึ่งกำลังชกกระสอบทรายรุนแรงอยู่ที่มุมหนุ่ง

หลี่เย้ามองไปรอบๆ และสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ยกเวทที่หนักมากจนเกินไป และสีหน้าของพวกเขาก็ดูค่อนข้างใจดีและเป็นมิตร ความรู้สึกที่รับรู้ได้จากตัวของพวกเขาไม่ใช่ความน่ากลัวและอันตราย และพวกเขาก็เป็นแค่คนวัยทำงานทั่วๆไป หลี่เย้าจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขาเดินไปที่มุมหนึ่ง และเตรียมที่จะสอบถามกับชายที่กำลังชกกระสอบทรายอยู่ เพราะเขาดูเป็นมิตรมากที่สุดในนี้แล้ว

ชายคนนั้นกำลังเตรียมที่จะชกหมัดออกไป มือที่ถูกดึงข้อศอกไปด้านหลังพุ่งตรงไปด้านหน้า ระเบิดพลังจากทั่วร่างรวมไปอยู่ในหมัดเดียว กระสอบทรายถูกชกและลอยขึ้นไปด้านบน และบังเอิญปะทะเข้ากับใบหน้าของหลี่เย้าดัง “ตูม!”

ชายคนนั้นส่งเสียงร้องออกมาดัง “อ้า!” และถามอย่างเป็นห่วงว่า “นายโอเคอยู่ใช่ไหมเพื่อน?”

หลี่เย้ารู้สึกมึนหัวและรู้สึกเจ็บที่จมูกของเขา เขาขยี้จมูกสองครั้งและส่ายหัว จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ไม่เป็นไร ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่า ฉันจะหาคุณจ้าวที่เป็นเจ้าของยิมเจอได้ที่ไหน?”

...

ภายในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของห้องออกกำลังกายและเป็นห้องที่มีไว้สำหรับดื่มชา มีชายสองคนนั่งตรงกันข้ามกันและนั่งอยู่บนเบาะรองนั่งสีเขียว สิ่งที่วางคั้นกลางระหว่างพวกเขาคือ แก้วสองใบ เบคอน ไก่ย่าง ถั่ว และอาหารอีกหลายอย่าง

คนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายมีอายุไม่ต่ำกว่า 40-50 ปี บนศีรษะล้านเลี่ยน ได้มีรอยสักรูปหมาป่าถูกมีดแทงบนหัวอยู่ แขนซ้ายของเขาหายไป ตั้งแต่ส่วนหัวไหล่ลงไปทั้งหมด และถูกแทนที่ด้วยแขนเทียนพลังงานวิญญาณที่เต็มไปด้วยลวดลายของอักขระได้พันตัว

ส่วนชายที่นั่งทางฝั่งขวา เป็นชายหนุ่มที่อายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี เขาสวมเสื้อคลุมทหารสีเทาราคาถูก ดูเหมือนว่าเขาจะใส่มันมานานหลายปีแล้ว เพราะสีของเสื้อนั้นซีดและจางไปมาก

หากหลี่เย้าได้มาเห็นคนคนนี้ เขาคงจะฉี่ราดและเข่าอ่อนล้มลงไปกับพื้น ชายที่สุดยอดคนนี้ก็คือ ไอดอลของเหล่านักเรียนของโรงเรียนมัธยมซื่อเซียว ผู้ฝึกตนที่มีชื่อเสียงในเมืองฝูเกอ ผู้แข็งแกร่งในระดับรากฐานวิญญาณ ดาบปีศาจเผิงห่าย!

ในเวลานี้ เผิงห่ายไม่ได้ปลดปล่อยพลังฝึกตนของเขาออกมาแม้แต่น้อย เขายกแก้วขึ้นมาและพูดกับชายที่มีรอยสักอยู่บนหัวอย่างโผงผางว่า “อาจารย์ มาเถอะ เพื่อหลายปีของการต่อสู้ที่บ้าระห่ำในดินแดนรกร้างของพวกเรา ชนอีกแก้ว!”

ภายในแก้ว ได้บรรจุเหล้าหมักที่ใสแจ๋วเอาไว้ เผิงห่ายมีเงินทองมากมายและใช้ชีวิตอย่างหรูหราอยู่ในแวดวงสังคมของผู้ฝึกตน แต่ท่าทีของเขา ราวกับคนที่ได้รับน้ำทิพย์มาจากพระเจ้า เขาดื่มเหล้าเข้าไปจนหมดในครั้งเดียว เขาดูดปากเสียงดัง “เหล้าดี! เหล้านี่คือของที่ผู้ชายทุกคนต้องดื่มให้ได้!”

ชายหัวล้านได้ขยับแขนเทียมของเขาด้วยท่าทีที่ดูแข็งทื่อ และจับไปที่แก้วเหล้าขึ้นมา เขาพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มลึกว่า “อาห่าย ฉันรู้ว่านายให้ความสำคัญกับเรื่องของมิตรภาพมาก ถึงแม้นายจะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณแล้ว นายก็ยังไม่เคยลืมความเป็นเพื่อนของพวกเรา นายไม่เคยลืมอาจารย์แก่ๆคนนี้และวันคืนที่เราวิ่งผ่านไฟนรกมาด้วยกัน! แม้แต่ตอนนี้นายก็ยังคิดถึงฉันเสมอ ถ้านายจะมาดื่มกับฉันเป็นบางวันก็ไม่มีปัญหา แต่นายไม่จำเป็นต้องมาฝึกฝนที่ยิมของฉันก็ได้ ยิมของฉันมีแต่พวกมือสมัครเล่นและให้ผลการฝึกที่ต่ำมาก ระดับรากฐานวิญญาณอย่างนาย ไม่ควรจะมาเสียเวลาฝึกที่นี่!”

เผิงห่ายหัวเราะออกมา “อาจารย์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาแค่อธิบายออกมาด้วยคำว่า ‘วิ่งผ่านไฟนรกอย่างกล้าหาญ’มันก็ยังไม่มากพอ คิดย้อนไปถึงปีนั้น ที่พวกเราปฏิบัติภารกิจ ‘เฮยเตา’ ด้วยกัน ในตอนนั้น ถ้าอาจารย์ไม่มาขวางผมไว้ ผมก็คงจะตายไปนานแล้ว จะมาเป็นผู้ฝึกตนระดับรากฐานวิญญาณอย่างวันนี้ได้ยังไง? แล้วอาจารย์น่ะ...”

เขาเหลือบสายตาไปมองร่างกายด้านซ้ายของชายหัวล้าน เผิงห่ายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้งว่า “คุณต้องเสียแขนไปถึงข้างหนึ่ง ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือหัวใจของคุณได้รับความเสียหายกว่า 70% จากระดับกลั่นวิญญาณขั้น 13 ลดลงไปกลายเป็นทหารธรรมดา จนต้องออกจาก’กองกำลังหมาป่า’ไป”

ชายหัวล้านโบกไม้โบกมือและพูดออกมาอย่างสบายใจว่า “เส้นทางของการฝึกตนมีอันตรายอยู่เต็มไปหมด ฉันได้เผชิญกับความตายมาแล้ว แต่ฉันก็ยังรอดมาได้ เมื่อฉันได้ก้าวไปบนเส้นทางที่หันหลังกลับไม่ไปไม่ได้ ฉันก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ว่าฉันอาจจะตายอยู่ที่นั่นได้ตลอดเวลา! นี่มันก็แค่แขนข้างหนึ่งที่ฉันทิ้งไป มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้านายไม่เข้าใจถึงจุดนี้ แล้วนายยังจะฝึกฝนตัวเองต่อไปเพื่ออะไร? มันไม่ดีกว่าเหรอ ถ้านายจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ทำงานและเลิกงานเพื่อจะได้กลับบ้านเร็วๆ และมีครอบครัวไปซะ? นายไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลย เราคือคนที่เลือกเส้นทางสายนี้เอง เมื่อแขนของเราได้รับบาดเจ็บ ขาทั้งสองข้างถูกตัด แขนขาเหล่านั้นก็จะกลับไปยังจุดเดิมผ่านทางความตาย และได้พบกับพระเจ้า มันคือโชคชะตา! ฉันเสียแขนของฉันไป ก็เป็นเพราะโชคชะตาของฉันเอง! มันไปเกี่ยวอะไรกับนายด้วย? ฉันขอพูดอีกครั้งหนึ่งนะ ถ้าฉันไม่สามารถฝึกตนได้ งั้นทำไมฉันไม่ไปสอนคนอื่นแทนล่ะ? ลุงคนนี้ได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงผู้พิการทุกๆเดือน ฉันได้ดื่มเหล้า กินเนื้อย่าง และมีสาวๆมานอนด้วยทุกวัน นายไม่รู้หรอกว่าฉันมีอิสระและชีวิตที่สุขสบายแค่ไหน! ส่วนพวกเพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ในกองทัพ ก็ถูกของนาย บางคนก็กลายเป็นระดับรากฐานไปแล้ว และมีถึงสองคนที่ได้รับตำแหน่งสูงขึ้นไป แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ? นายไม่มีทางบอกได้เลยว่า วันพรุ่งนี้พวกเขาอาจจะกลายเป็นอาหารอยู่ในท้องของสัตย์อสูรโดยไม่รู้ตัวก็ได้! ถ้านายลองคิดดูดีดีแล้ว ฉันก็เหมือนได้หลุดพ้นออกมาจากจุดนั้นแล้ว ฮาฮาฮาฮา!”

เผิงห่ายพูดออกมาอย่างแช่มชื่น “คว้าโอกาสนั้นไว้ และทิ้งความกังวลไปซะ คุณคืออาจารย์ที่อยู่ในความทรงจำของผมเสมอ ร่างกายของคุณก็เหมือนกับเหล็ก! แต่คุณพูดผิดไปนิดนึงนะอาจารย์ ผมไม่ได้เสียเวลาไปกับการมาที่นี่ไปเปล่าๆหรอกนะ ความจริงแล้ว ผมกำลังอยู่ในช่วงของการบ่มเพาะด้วยวิธีพิเศษอยู่ต่างหาก”

ชายหัวล้านพูดออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “บ่มเพาะเหรอ? ในยิมโทรมๆของฉันเนี่ยนะ มันเป็นวิธีการบ่มเพาะแบบไหนกัน?”

เผิงห่ายหัวเราะเบาๆและอธิบายให้เขาฟัง “ในตอนนี้ ระดับของผมขึ้นไปอยู่บนขั้นสูงสุดของระดับรากฐานวิญญาณแล้ว แต่มันยังไม่มั่นคงนัก ในการต่อสู้ในช่วงวิกฤตหลายครั้ง พลังของผมก็จะลดลงไปอยู่ช่วงกลางของระดับรากฐาน และทำให้ผมเกือบตายมาแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะพลังของผมเพิ่มขึ้นเร็วจนเกินไป และผมยังไม่สามารถควบคุมพลังได้ดีพอ ถ้าผมอยากอยู่ในระดับรากฐานวิญญาณขั้นสูงได้อย่างมั่นคง และข้ามขึ้นไปสู่ระดับใหม่ ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ก่อน”

ชายหัวล้านพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าและพูดว่า “นายถือว่าเป็นระดับรากฐานที่อายุน้อยที่สุดในสหพันธรัฐ และไม่มีใครทำเหมือนนายได้ การที่ระดับของนายขึ้นสูงเร็วเกินไป เลยทำให้รากฐานของนายไม่มั่นคงพอ แล้วนายตั้งใจที่จะจัดการกับปัญหานี้ยังไงเหรอ?”

เผิงห่ายหัวเราะและพูดออกมาว่า “เพื่อที่จะควบคุมพลังให้ได้ ทุกครั้งที่ผมมาหาอาจารย์ที่ยิม ผมก็จะกดพลังของผมเอาไว้ให้เหลือแค่ 3% เสมอ แล้วผมก็ฝึกจนเกินขีดจำกัดของผม!”

ในที่สุดชายหัวล้านก็เข้าใจ “สรุปแล้ว ตอนนี้นายกดพลังของนายให้เหลืออยู่แค่ 3% สินะ มิน่าล่ะ ฉันถึงได้ไม่รู้สึกถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของนายสักนิด”

เผองห่ายพยักหน้า “ผมได้กดพลังเอาไว้แบบนี้มาเดือนหนึ่งแล้วล่ะ ด้วยวิธีนี้ เมื่อผมปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ผมก็จะรู้สึกได้ว่าพลังของผมได้เพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่า แล้วความสามารถในการควบคุมพลังก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่งด้วย เป้าหมายของผมก็คือ กดพลังให้เหลือแค่ 1% และยังสามารถฝึกฝนไปเกินขีดจำกัด แล้วระเบิดมันออกมา ถ้าผมทำสำเร็จ ผมก็จะสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของระดับรากฐานได้อย่างรวดเร็ว!”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง และหัวเราะออกมาอย่างไร้ความกังวล “จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของผมก็คือพลังวิญญาณที่ไม่เสถียรพอ ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ ดังนั้น ผมก็เลยมาฝึกที่ยิมเก่าๆนี้ยังไงล่ะ ในเมืองฝูเกอ มีอยู่แค่สองคนเท่านั้นที่ผมเชื่อใจ และอาจารย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่น่าเสียดาย ที่ความแข็งแกร่งของสมาชิกในยิมของคุณอ่อนเกินไป ไม่มีใครรับการโจมตีในโหมด 3% ของผมได้เกินสามนาทีสักคน เมื่อเทียบเรื่องการฝึกฝนกันแล้ว พวกเขายังยืดหยุ่นไม่พอ”

ชายหัวล้านจ้องมองไปที่เผิงห่าย “สมาชิกยิมของฉันเป็นแค่คนทำงานธรรมดาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้เชี่ยวชาญการทหาร มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสู้กับนายไม่ได้ ถึงนายจะกดพลังให้เหลือแค่ 3% นายก็สามารถจัดการพวกเขาได้อยู่ดี! ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว อาจารย์คนนี้จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ฉันรู้ว่านายกำลังมองหาคู่ต่อสู้ที่มีความอดทนสูงอยู่ ฉันก็เลยติดต่อนักสู้เหรียญทองที่จากคนรู้จักมาให้นายแล้ว รออีกเดี๋ยว เขาก็คงจะมาถึงแล้วล่ะ”

เมื่อเผิงห่ายได้ยินสิ่งที่ชายหัวล้านพูด เขาก็เริ่มแสดงความสนใจขึ้นมา “โอ้? แล้วเขาเก่งมากไหม?”

ชายหัวล้านพูด “ฉันติดต่อเขาผ่านทางเพื่อนของฉัน แล้วฉันก็ยังไม่เคยเจอเขามาก่อนเหมือนกัน แต่ถึงยังไง คนคนนี้ก็อยู่ในตลาดมืดนี้มาได้หลายปีแล้ว เขาได้ไปเป็นคู่ต่อสู้ให้กับยิมและโรงเรียนตอนการต่อสู้มาแล้วหลายที่ ดูเหมือนว่าพลังป้องกันและความอดทนของเขาจะสูงมาก และเขายังได้ชื่อเล่นมาว่า ‘เต่าเหล็ก’ อีกด้วย เขาน่าจะทนการโจมตี 3% ของนายได้เกินสามนาทีได้ จริงไหม?”

ห้องดื่มชานั้นมีกระจกใสที่สามารถมองเห็นได้ด้านเดียวตั้งเป็นกำแพงเอาไว้ ซึ่งมีไว้สำหรับมองดูเหตุการณ์ภายนอก และเมื่อนั่งอยู่ภายในห้องดื่มชา ก็จะสามารถมองเห็นคนที่ฝึกอยู่ภายในห้องฝึกได้อย่างชัดเจน

ในตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็เห็นหลี่เย้าที่เดินมา แล้วโดนกระสอบทรายฟาดเข้าหน้า แต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เขามาแล้วล่ะ นายคิดว่ายังไง เขาดีพอสำหรับนายรึเปล่า?” ชายหัวล้านลุกขึ้นยืน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด