บทที่ 105 หนูทะลวงภูผา
"ฟึ่บ!"
เจียงอี้เคลื่อนตัวผ่านหุบเขาด้วยความเร็ว พื้นที่ทั้งหมดแทบมืดสนิท แต่สิ่งแรกที่เจียงอี้ทำคือการส่งแก่นแท้พลังสีดำเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ของเขา ในตอนนี้หุบเขาที่มืดสนิทนั้นไม่มีความแตกต่างไปจากตอนกลางวันในสายตาของเจียงอี้เลย
ในขณะที่เขากำลังพุ่งออกมา ผมของเขามัดหลวมและสวมหน้ากากที่เฉียนว่านก้วนให้กับเขาไว้ ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
จิตใจของเขากำลังคิดอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของเขาดูเฉยๆและเหมือนไม่มีอะไรเลย เขาใช้เวลาสักครู่เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญทั้งหมดและตอนนี้เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
เห็นได้ชัดว่าศัตรูนั้นเตรียมการณ์และคำนวณมาอย่างดี หุบเขาแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นจุดลอบสังหารล่วงหน้า ฝ่ายศัตรูใช้สัตว์อสูรสามตัวเพื่อล่อให้รองเจ้าสำนักสามคนออกไปในขณะที่สร้างความแตกตื่นให้ผู้อื่น เมื่อเหล่ารองเจ้าสำนักเข้าไปอยู่ในแผนการเตรียมการณ์ครั้งนี้แล้ว พวกเขาจะส่งนักฆ่าออกไปเพื่อฆ่าเขาภายใต้ความโกลาหลวุ่นวาย
เนื่องจากศัตรูได้วางอุบายไว้จำนวนมาก แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พยายามเริ่มการต่อสู้อย่างโจ่งแจ้ง นอกจากนี้ยังหมายถึงจำนวนนักฆ่าที่ลอบเข้ามาคงมีอยู่จำกัด และพวกเขาคงจะไม่ใช่ขอบเขตเสินโหยว ถ้าไม่อย่างนั้น ทุกอย่างจะดูชัดเจนเกินไปและการเสียชีวิตของเจียงอี้จะดึงดูดความสนใจและความสงสัยให้กับผู้อื่นมากเกินไป มันอาจจะจบลงด้วยการไปถึงหูของจอมพลกองทัพทหารตะวันตกได้
เนื่องจากไม่มีนักฆ่าจำนวนมาก อัตราการรอดชีวิตของเจียงอี้จึงค่อนข้างสูง ด้วยความผิดปกติในตอนนี้ เขาหนีจากการโจมตีระลอกแรกและแม้แต่สวมหน้ากากหนังมนุษย์ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ลอบสังหารจะตามหาเขาเจอภายในระยะเวลาอันสั้นนี้?
ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์และผู้คุ้มกันก็อยู่ในบริเวณใกล้เคียงไม่ใช่เหรอ? เมื่อนักฆ่าทำการเคลื่อนไหว พวกเขาจะต้องรู้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาสามารถล่อมันไว้ได้นานพอจนรองเจ้าสำนักทั้งสามจะกลับมา เขาอาจจะสามารถรอดชีวิตได้
เจียงอี้แอบอยู่เงียบๆเพราะรองเจ้าสำนักทั้งสามออกไปนอกหุบเขา หากเขาสามารถเข้าใกล้รองเจ้าสำนักทั้งสามก่อนที่นักฆ่าจะมาถึง เขาก็จะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดปลอดภัยได้มากขึ้น
แต่จินตนาการนั้นเป็นแค่สิ่งเพ้อฝัน ความจริงมักจะโหดร้ายเสมอ!
"ปัง!"
จู่ๆรถม้าด้านหน้าคันหนึ่งในหุบเขาก็พุ่งขึ้นมา เสียงกรีดร้องของศิษย์ที่อยู่ภายในรถม้าถูกแทงทะลุผ่านความเงียบสงบของวงล้อม อาจารย์หลายคนปะทะกับศัตรูในรถม้าขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่มองไปข้างหน้าด้วยความกลัว พวกเขาเห็นฉากที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตอยู่ตรงหน้า
เมื่อใช้แสงไฟสลัวมองออกไป พวกเขาเห็นสัตว์อสูรที่น่าสยดสยองเจาะขึ้นมาจากใต้ดินและกระแทกรถม้าทั้งหมดขึ้นไปกลางอากาศ ปากแหลมๆของมันส่องแสงกลางอากาศอยู่หลายครั้ง ทำให้รถม้าศึกแตกออกเป็นเสี่ยงๆและฉีกศิษย์ที่อยู่ภายในออกเป็นชิ้นๆ เลือดสดถูกสาดพ่นไปทั่วอากาศ ในขณะที่แขนขาที่ขาดวิ่นปลิวไปมา เมื่อศิษย์คนอื่นออกมาที่พื้นดิน ใบหน้าถูกสาดเต็มไปด้วยเลือด และพวกเขาพากันตัวสั่นไม่หยุด พวกเขากลัวจนลืมหนี
"สัตว์อสูรระดับสอง หนูทะลวงภูผา! ศิษย์ทุกคน ถอยไป!"
อาจารย์ชายเป็นกลุ่มแรกที่วิ่งเข้าไปหาสัตว์อสูร อาจารย์คนอื่นๆอีกมากมายก็มุ่งหน้าไปยังสัตว์อสูร แม้แต่กลุ่มผู้คุ้มกันก็พยายามที่จะพุ่งไปที่สถานที่นั้นอย่างบ้าคลั่ง อาจารย์ที่อยู่ใกล้แถบนั้นล้วนอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย ม้าศึกที่ติดอยู่กับรถม้าก็อยู่ในสภาพแย่เช่นกัน พวกมันย่ำกีบเท้าของพวกมันแล้วร้องครวญครางและหนีกระจายไปทุกทิศทุกทาง ศิษย์หญิงส่วนใหญ่กรีดร้องขณะที่ขาของพวกนางอ่อนปวกเปียก คนส่วนใหญ่ต้องการหลบหนีแต่ตระหนักได้ว่าทั้งด้านหน้าและด้านหลังเต็มไปด้วยนักฆ่าและรถม้าทำให้พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในภาวะสับสน
พวกมันอยู่ที่นี่!
เจียงอี้หยุดอยู่ตรงขอบหน้าผา เขาสังเกตทุกอย่างด้วยสายตาที่แหลมคมและมีใบหน้าที่เจ็บปวด สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้และศัตรูก็ชั่วร้ายกว่าที่เขาจินตนาการไว้ด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าหนูทะลวงภูผาถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในความวุ่นวาย หากอาจารย์และผู้คุ้มกันอยู่ในภาวะสับสน พวกเขาจะมีโอกาสค้นหาตัวเจียงอี้และสังหารเขา!
เขาไม่รู้ว่านักฆ่าจะมีระดับความสามารถที่น่ากลัวหรือลึกลับอยู่ในระดับใด เขารู้เพียงว่าเขาต้องหนี เขาต้องหนีไปให้ไกลจากที่นี่และออกจากหุบเขา การทำเช่นนั้นเขาจะทำให้เขามีชีวิตรอดไปได้
"ฟึ่บ!"
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเล เขาไม่สนใจศิษย์ที่แห่กันมาภายหน้า เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเดินหน้าต่อไปแม้ว่าหนูทะลวงภูผานั้นจะแข็งแกร่งอย่างไร เขาไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป
...
หากเจียงอี้เดาถูกต้อง เมื่อหนูทะลวงภูผาปรากฏขึ้นมาแล้ว เงาทั้งสิบใช้ความมืดบดบังและไต่เชือกมาจากด้านข้างของหน้าผา พวกเขาสวมเสื้อคลุมนักรบสีดำทุกคนซึ่งคล้ายกับทหารรักษาพระองค์ เมื่อตัวตนถูกบดบังด้วยความมืด พวกเขาก็ไม่ได้ดูแตกต่างจากสมาชิกของกลุ่มผู้คุ้มกันของสำนัก บุคคลสิบคนนี้เดินทางผ่านหุบเขาด้วยความเร็วสูงสุด ทุกคนมุ่งหน้าไปยังรถม้าที่เจียงอี้ควรจะนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขารู้ว่ารถม้าเจียงอี้นั้นเป็นคันใดตั้งแต่แรกแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน พอพวกเขาบางคนพบรถม้าของเจียงอี้ พวกเขาก็ดึงผ้าม่านเปิดออกและพบว่ามันว่างเปล่า ผู้นำชายแสดงท่าทางด้วยมือของเขา "แยกกันไปและถอยทันทีถ้าเราหาเป้าหมายไม่เจอภายในหนึ่งชั่วโมง จำไว้ว่าเป้าหมายรู้วิธีปลอมตัว แต่มีศิษย์ไม่ถึงยี่สิบคนอยู่ขั้นที่หกของขอบเขตฉูติ่งและอายุพอๆกันกับเป้าหมาย ถ้าจำเป็นมันคงจะดีกว่าถ้าจะฆ่าผิดตัวแทนที่จะปล่อยให้มันรอดไปได้! "
ชายสิบคนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หนึ่งในนั้นมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เจียงอี้วิ่งไป ในขณะนั้นก็มีแต่ความโกลาหลที่อยู่รอบๆ เหล่าผู้คุ้มกันของสำนักก็พากันมุ่งหน้าไปที่หนูทะลวงภูผา ซึ่งทำให้นักฆ่าไม่ได้เป็นที่สนใจของใครเลย
บุคคลเหล่านี้มีความเป็นนักฆ่ามืออาชีพมากพอ พวกเขาไม่ได้รวมกลุ่มและตรวจสอบทุกอย่างช้าๆ มีสี่คนที่วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหลือคนเดียวเท่านั้นที่จะตรวจสอบรายละเอียด พวกเขาจะทิ้งชายอีกคนไว้ข้างหลังเพื่อตรวจสอบส่วนนี้อย่างชัดเจน ในขณะที่อีกสามคนรีบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยแยกจุดกันไป
เจียงอี้ก็ได้มาถึงบริเวณใกล้เคียงหนูทะลวงภูผา มีศิษย์อยู่ที่นี่น้อยกว่าและมีศิษย์หญิงมากกว่าสิบคนที่มีอาการกลัวเป็นอย่างมาก พวกเขานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและพากันอาเจียนออกมา
มันจะไปมีพลังอะไรในเมื่อจิตใจอ่อนแอเช่นนี้?
เจียงอี้ถอนหายใจ เขามองไปรอบๆและโผล่ออกมาจากรถม้าที่เขาซ่อนตัวอยู่ เขากำลังเตรียมตัวที่จะผ่านฝูงชนไป ผ่านอาจารย์และหนูทะลวงภูผา เมื่อเขาผ่านสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไป เขาจะอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยกว่ามาก
"ฟึ่บ!"
มีเสียงคมชัดดังมาจากด้านหลัง เจียงอี้กวาดสายตาของเขาไปข้างหลังและมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีสมาชิกของหน่วยคุ้มกันหลายสิบคน เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ถูกส่งมาจากหัวหน้าหน่วย พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของขอบเขตจื่อฝู่ หุบเขานั้นไม่ค่อยมีแสงสว่างมากนัก แต่พวกนั้นก็เคลื่อนไหวเหมือนสายลม เหยียบบนหน้าผาหรือหลังคารถม้าเพื่อที่จะเหินไปได้ด้วยความเร็วสูง
"หืม?"
เดิมทีเจียงอี้ต้องการติดตามพวกเขาและพุ่งไปข้างหน้า แต่ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หยุดลงเมื่อเขาสังเกตเห็นสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มผู้คุ้มกัน ชายคนนี้ทำการตรวจสอบเป็นครั้งคราว ไม่เว้นศิษย์แม้แต่คนเดียวและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เยือกเย็น
สมาชิกของหน่วยคุ้มกันตรวจสอบศิษย์ทุกคนเพื่ออะไร? ทำไมเขาไม่จดจ่อไปที่การต่อสู้ข้างหน้าหรือจดจ่อกับการอาละวาดของหนูทะลวงภูผา?
นักฆ่า!
ร่างกายของเจียงอี้สั่นและเหงื่อเย็นไหลลงมาที่หน้าผากของเขา หากเขาไม่ได้ใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อปรับปรุงวิสัยทัศน์ของเขา เขาคงไม่สามารถสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆเช่นนี้ภายใต้แสงสลัวๆเช่นนี้ได้ ถ้าเขาจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้เพื่อรีบออกไป เขาอาจจะตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
"เหอะๆ ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีสถานะแบบไหน ตั้งแต่พวกเจ้าต้องการฆ่าข้า พวกเจ้าก็เตรียมตัวที่จะถูกฆ่าแทนด้วยแล้วกัน! "
ปากของเจียงอี้ส่งกลิ่นอายความเยือกเย็นออกมา เขาส่งแก่นแท้พลังสีดำหนึ่งเส้นไปที่หูของเขาอย่างเงียบๆ ดวงตาของเจียงอี้ไม่สนใจชายคนนั้นอีกแล้ว เขากลับมองหาหนูทะลวงภูผาแทน เจียงอี้ซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังของรถม้าอีกคัน ซึ่งเห็นแผ่นหลังของ 'สมาชิก' หน่วยคุ้มกัน
"เอ๊ะ? มีคนที่อยู่ขั้นที่หกของขอบเขตฉูติ่ง ดูเหมือนว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะใกล้เคียงกับเป้าหมายนะ?"
หลังจากใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อเพิ่มความสามารถในการได้ยิน ความสามารถในการได้ยินของเจียงอี้ก็มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างล้นหลาม การได้ยินเสียงนั้นของเขาอยู่ในกลุ่ม 'สมาชิก' ผู้คุ้มกัน เขาจับตามองไปที่เจียงอี้ ทุกสิ่งที่เขาพึมพำ เจียงอี้ได้ยินอย่างชัดเจน
"ฟึ่บ!"
บุคคลนั้นรีบวิ่งมาและจับจ้องไปที่หลังของเจียงอี้ เมื่อเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้ประมาณประมาณสิบกว่าเมตร เขาก็ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมขณะที่เขากระโดดลงจากรถม้า เขารีบย่องไปหาเจียงอี้อย่างเงียบๆ โดยใช้กรงเล็บแหลมคมของเขาที่จะข่วนไปที่หลังของเจียงอี้เหมือนกรงเล็บภูติอเวจี