GE400 เผ่าหกปีก [ฟรี]
ภายในทะเลไร้สิ้นสุด ทะเลส่วนนอกมีเกาะทั้งหมด 3,000 แห่ง แต่ทะเลส่วนในด้วยกันทั้งหมด 100,000 แห่ง!
ทะเลส่วนในอันตรายกว่าทะเลส่วนนอกจนเทียบไม่ติด
ทะเลส่วนนอกและในมีผืนสมุทรทับซ้อนกัน น้ำทะเลบริเวณนั้นจะเป็นสีดำสนิท เป็นแหล่งกำเนิดของสมบัติ
บริเวณพื้นที่ทับซ้อนจะมีเกาะที่ไร้ซึ่งผู้คนอยู่แห่งหนึ่ง ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีผู้ใดแวะ แต่วันนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม 13 คนรวมตัวกัน
เกาะแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก บนเกาะมีการวางข่ายอาคม ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มทั้ง 13 คน ผู้ที่แข้งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง
“สหายเต๋าซ่ง ถึงท่านจะบอกว่าวางข่ายอาคมอำพรางที่นี่ไว้ดีแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี” ผู้เยาว์ผอมแห้งคนหนึ่งกล่าว
“ข้าวางข่ายอาคมสุดความสามารถแล้ว สหายเต๋าหลูยังไม่วางใจอีกเหรอ?” ชายชราคนหนึ่งกล่าว มันเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
เมื่อเห็นชายชราไม่พอใจที่ตนคลางแคลงใจ ผู้เยาว์คนนั้นก็ยิ้มเจื่อน ส่วนคนอื่นๆไม่กล้ากล่าวคำ
ยามนี้ทั้งหมดกำลังร่วมกันเปิดถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ภายในเกาะ ถ้ำแห่งนี้มีข่ายอาคมปกคลุมไว้ เมื่อพวกมันร่วมมือกันทำลายข่ายอาคมมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ข่ายอาคมเริ่มอ่อนกำลังและแตกสลายไป
“ถ้ำของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ!”
ทั้ง 13 คนดวงตาเบิกกว้าง หากภายในนี้มีโอสถ วิชา หรือสิ่งใดๆก็ตามที่เป็นประโยชน์ ก็อาจช่วยพวกมันทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณได้
ผู้เชี่ยชาญทั้ง 13 มุ่งเข้าไปภายในถ้ำอย่างรวดเร็ว ภายในถ้ำมีห้องอยู่ 5 ห้อง แต่ละห้องมีของล้ำค่าอยู่ภายใน
“นี่มัน...โอสถผันแปรที่ 4… โอสถพิภพ 20 เม็ด!”
“วิชาระดับตัดวิญญาณขั้นต้น… วิชาสามเพลิงสวรรค์! ข้าอยากได้”
“มีสมบัติระดับสูงอยู่ด้วย 3 ชิ้น!”
“ทาสดวงจิตแรกเริ่มก็มี… ดูเหมือนพวกมันจะเป็นคนที่เคยเข้ามาในถ้ำแห่งนี้!”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดร่วมสำรวจห้องที่เหลือ และแบ่งปันสิ่งต่างๆให้แก่กัน
หากทั้งหมดแบ่งให้กันไม่เท่าเทียม ย่อมเกิดการต่อสู้แย่งชิง
เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงห้องที่ 5 แม้จะออกแรงเปิดแต่กลับไม่สามารถเปิดประตูได้ ดังนั้นทั้งหมดจึงผสานพลังจู่โจม
*ตูม*
เสียงระเบิดดังสนั่น แรงสะท้อนจากการจู่โจมทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดถูกผลักถอย ประตูแง้มเปิดเล็กน้อย
ปราณแห่งความตายที่รุนแรงแผ่ออกมาจากประตูที่แง้มเปิด ภายในนั้นมีร่างโครงกรระดูกของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่เสียชีวิตระหว่างฝึกฝน ซึ่งในนี้สมควรมีกระเป๋าของผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่ตายอยู่ด้วย
สมบัติที่มีค่าที่สุดสมควรอยู่ที่นี่!
แววตาของทุกคนแสดงออกถึงความตื่นเต้น
เมื่อผลักประตูเข้าไปภายใน เห็นโครงกระดูกของผู้เชี่ยวชาญนั่งอยู่บนพรม ราวกับว่าตายมานานแล้ว
ที่เอวของโครงกระดูกมีกระเป๋าห้อยอยู่
แววตาทุกคนจับจ้องที่กระเป๋าด้วยความโลภ ราวกับอยากครอบครองมาเป็นของตน
แต่ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนจะเข้าไปฉวยกระเป๋า แววตาของทุกคนกลับแสดงออกถึงความหวาดกลัว
ข้างกายของโครงกระดูกมีผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวอยู่คนหนึ่ง ร่างไม่ได้แผ่กลิ่นอายใดๆออกมา ราวกับไร้ซึ่งตัวตนบนโลก
แปลก… แปลกอย่างที่สุด
เหตุใดผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวถึงอยู่ที่นี่
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เยาว์คนนั้น ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 13 รู้สึกราวกับดวงจิตแทบจะถูกทำลาย
ผู้เยาว์คนนี้มีพลังระดับไหนกัน?
“หืม? มีคนหลงเข้ามา เหว่ยเหลียง เยว่เอ๋อร์ ไล่คนพวกนี้ไปที...”
เมื่อสิ้นเสียงของผู้เยาว์ สองสตรีที่งดงามปรากฏกายโดยไม่ทราบที่มา แผ่แรงกดดันในขอบเขตตัดวิญญาณ นำร่างผู้เชี่ยวชาญทั้ง 13 ออกไปจากถ้ำไกลนับหมื่นลี้
การปรากฏตัวของพวกนางทำให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นหวาดกลัว พวกมันเห็นหน้าพวกนางไม่ชัด รู้เพียงว่าพวกนางอยู่ขอบเขตตัดวิญญาณ
“คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณอยู่ หนีเร็ว!”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดไม่สนใจสมบัติอีกแล้ว สิ่งเดียวที่พวกมันคิดคือหนี!
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้เห็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณตัวเป็นๆ
ภายในห้องที่ 5 ในถ้ำ… ผู้เยาว์อาภรณ์ขาวกำลังตั้งใจอ่านตำรับโอสถในมือ ส่วนกระเป๋าที่ห้อยติดอยู่กับโครงกระดูกนั้น ผู้เยาว์ไม่สนใจ ทั้งยังไม่สนใจผู้เชี่ยวชาญที่มา
ผู้เยาว์ที่ว่าคือหนิงฝาน เขาเข้ามาในถ้ำนี้ได้ 3 วันแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่เขาเข้ามาทะเลส่วนใน เขาบังเอิญผ่านมาพบเกาะแห่งนี้และถ้ำจึงเข้ามา
ภายในถ้ำ หนิงฝานไม่ได้สนใจสมบัติใดๆ เขาสนใจเพียงตำรับโอสถ ไม่รู้ว่าผู้ที่ตายไปเอาตำรับโอสถโบราณมาจากไหน
ในหมู่ตำรับโอสถ ส่วนใหญ่จะเป็นตำรับโอสถผันแปรที่ 3 และ 4 แต่ก็มีโอสถผันแปรที่ 5 อยู่ด้วย 3 ชนิด
ในบรรดาตำรับโอสถผันแปรที่ 5 ทั้ง 3 ชนิดนั้น หนิงฝานสนใจตำรับ ‘โอสถฟื้นฟูทะเลสติ’ มากที่สุด เพราะมันสามารถรักษาทะเลสติที่เสียหายได้
ข้อดีอีกอย่างของโอสถฟื้นฟูทะเลสติคือหาสมุนไพรง่าย หากหนิงฝานหาสมุนไพรพบ เขาก็มีโอสถช่วยศพนางสวรรค์ฟื้นฟูทะเลสติได้ง่ายขึ้น
“ดวงจิตของโยว่น้อยเสถียรแล้ว แม้นางจะยังไม่ตื่นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล... ส่วนเหว่ยเหลียงก็กำลังฟื้นฟูทะเลสติอย่างช้าๆ”
หนิงฝานเก็บตำรับโอสถและฉวยเอากระเป๋าที่ห้อยอยู่ ไม่นานนัก เหว่ยเหลียงและเยว่หลิงคงก็กลับมา
“แตงกวาน้อย ข้าไล่พวกมันไปหมดแล้ว ไม่คิดจะขอบคุณข้าบ้างเหรอ?”
ยามนี้เยว่หลิงคงยังอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง หากพานางกลับเกาะมิติเทพ เพื่อผสานกับดวงจิตอีกดวง นางสมควรฟื้นคืนพลังเทียบเท่าอดีต
ส่วนศพนางสวรรค์ ด้วยที่จิตวิญญาณของนางกำลังฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับพลังของนางก็ฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ยามนี้นางมีระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง
หากการที่หลั่วโยว่ฟื้นคืนพลังจากการรักษาดวงจิต บางทีอาจใช้วิธีการเดียวกันศพนางสวรรค์เพื่อให้นางฟื้นฟูทะเลสติได้
“ข้ามีเรื่องมากมายที่ต้องขอบคุณเจ้า...” หนิงฝานลูบสัมผัสใบหน้าของศพนางสวรรค์เบาๆ ยามนี้ร่างกายของนางยังคงเย็นเฉียบ
“ข้าหลับเจ้า ไม่เห็นเจ้าให้ความสำคัญข้าเหมือนนาง ไม่เห็นขอบคุณข้าเหมือนที่ขอบคุณนาง… เจ้ารีบพาข้ากลับเกาะมิติเทพเถอะ ข้าอยากผสานกับดวงจิตอีกดวงของข้าแล้ว!”
“อืม” หนิงฝานยิ้มให้นาง หนิงฝานาประหลาดใจ ถือเป็นเรื่องแปลกที่นางจะพูดดีกับเขาแบบนี้
“ข้าขอแผนที่ของทะเลส่วนในที เดี๋ยวข้าจะพาเจ้ากลับเกาะมิติเทพ”
“แผนที่? เจ้าคิดจะเกาะมิติเทพตามแผนที่เหรอ?” หลิงคงกล่าวถาม
“ทำไมเหรอ?”
“เกาะมิติเทพอยู่ทางตอนเหนือของทะเลส่วนใน ห่างจากที่นี่อย่างน้อยๆก็ 7 พันล้านลี้ ด้วยความเร็วของเจ้าน่าจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะไปถึง แต่ข้ามีวิธีพาเจ้าไปที่นั่นภายในหนึ่งเดือน!”
“วิธีอะไร”
“ประตูจันทรา! เกาะมิติเทพของข้ามีขุมกำลังเป็นของตน ขุมกำลังเหล่านั้นจะมีประตูจันทรา ในอดีตข้าเดินทางด้วยประตูนั่นไปตามขุมกำลังต่างๆของข้า… ถ้าจำไม่ผิด ประตูจันทราบานหนึ่งส่งเราไปไกลได้ถึง 300 ล้านลี้”
“เจ้าหมายความว่า เราต้องไปเยือนขุมกำลังของเจ้าก่อนใช่มั้ย?”
แม้หนิงฝานจะไม่เคยเห็นประตูจันทรา แต่จากที่นางบอกมันก็ดูคล้ายประตูมิติมาก หากมีของเช่นนั้นอยู่แล้วไม่ใช้ ก็ถือว่าโง่มากแล้ว
“อืม… ตั้งแต่เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในเกาะมิติคราวนั้น ประตูจันทราตามขุมกำลังต่างๆสมควรถูกผนึกแทบทั้งหมด แต่ประตูเหล่านั้นแข็งแกร่ง ไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายได้ และผู้ที่จะใช้ได้ก็มีเพียงข้าเท่านั้น” หลิงคงพยักหน้าพลางกล่าว นางเบือนหน้าหนีเพราะกลัวหนิงฝานจะเห็นแววตาที่สั่นไหวของตน
นางนำแผ่นหยกออกมา แตะแผ่นหยกที่หน้าผาก หลับตา สลักสิ่งที่อยู่ในความทรงจำลงไป แล้วยื่นให้หนิงฝาน
หนิงฝานเผ่สัมผัสเทพเข้าไปในแผ่นหยก ผ่านไปครึ่งชั่วยาม แผนที่ของทะเลไร้สิ้นสุดทั้งหมดก็อยู่ในความทรงจำของเขา
หนิงฝานโอบประครองหลิงคงและศพนางสวรรค์ มุ่งทะยานไปบนท้องนภา เมื่อหลิงคงได้เห็นขุมกำลังที่นางรู้จัก ความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายปรากฏขึ้นในใจ
ในอดีตนางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลส่วนใน แต่ยามนี้นางกลับเหลือเพียงตัวคนเดียว
ความรู้สึกที่นางได้รับไม่อาจปิดบังหนิงฝานได้ แม้หนิงฝานไม่กล่าวปลอบประโลมนาง แต่เขาปฏิญาณกับตนเองว่าจะช่วยนางชิงเกาะมิติเทพกลับมา
ส่วนศพนางสวรรค์เอง แววตาของนางยังคงเลื่อนลอยไร้ความรู้สึก เป็นแววตาที่ทำให้หนิงฝานเศร้าใจ เขาตัดสินใจว่าหากไปถึงประตูจันทราเมื่อไหร่ เขาจะพยายามหาสมุนไพรของโอสถฟื้นฟูทะเลสติมาปรุงให้นาง
ไม่นานนัก หนิงฝานมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของขุมกำลังนามว่า ‘เกาะเทียนฉี’ เป็นขุมกำลังระดับกลางของทะเลส่วนใน
ผู้นำของเกาะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นต้น ทั้งยังเคยเป็นหนึ่งในขุมกำลังของเกาะมิติเทพ
เมื่อเกิดภัยพิบัติกับเกาะมิติเทพในอดีต เยว่หลิงคงที่แข็งแกร่งหายสาบสูญ เหล่าขุมกำลังที่ขึ้นตรงกับเกาะมิติเทพก็แยกตัวออก
“แตงกวาน้อย… พวกมันทรยศข้า...”
“พวกมันเคยเป็นขุมกำลังของข้ามาก่อน”
หนิงฝานชงักฝีเท้า ร่อนลงใกล้ๆกับเกาะเทียนฉี ยิ่งเข้าใกล้เกาะ ยิ่งสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของหลิงคง
แม้น้ำเสียงของนางจะดูโกรธเกรี้ยว แต่ก็แฝงด้วยความเศร้า แม้นางจะแข็งแกร่งแต่นกเป็นสตรี การถูกทรยศหักหลังย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้า
ในอดีต เมื่อครั้งที่นางพยายามจะทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงเพื่อสร้างดวงจิตที่ 2 ให้สมบูรณ์ ศิษย์ทั้ง 7 คนของนางก็ทรยศ ทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นกับเกาะมิติเทพ นั่นจึงทำให้นางเกลียดคนทรยศ นางสามารถสังหารคนเหล่านั้นได้โดยไม่เสียใจ
แต่เมื่อได้ติดตามอยู่ข้างกายหนิงฝานมานาน จิตใจของนางก็ได้รับการเยียวยาให้ดีขึ้น
“ถ้าเจ้าไม่ทรทยศข้า… ข้าก็ไม่ทรยศเจ้า” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย แต่ก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาก
“ข้าจะจำคำเจ้าไว้ หากวันใดเจ้าผิดคำพูด ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า… เข้าไปข้างในเถอะ!”
หนิงฝานลูบศีรษะปลอบประโลมนาง จิตใจของนางยามนี้กลับคืนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
รอบๆเกาะมีม่านพลังปกคลุมเกาะไว้ราวกับปิดกั้นไม่ให้ใครเข้ามา
เยว่หลิงคงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะชกหมัดทำลายม่านพลังจนแตกสลาย
“เจ้าเป็นใคร? ผู้นำของเรากำลังคุยธุระสำคัญ ไม่อนุญาติให้ผู้ใดเข้ามาทั้งนั้น!” ผู้คุ้มกันเกาะจำนวนมากทะยานขึ้นมาบนท้องนภา แต่แววตาของพวกมันแฝงด้วยความกลัว เพราะข่ายอาคมที่ถูกทำลายนั้นคือข่ายอาคมระดับตัดวิญญาณ มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้นที่ทำลายได้
ดังนั้นพวกมันจจึงคิดว่าเยว่หลิงคงคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ
เกาะเทียนฉีมีตระกูลใหญ่หลายแห่งคอยหนุนหนลัง แม้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณมาสร้างปัญหา ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นกลับไปได้ง่ายๆ
“ไสหัวไป อย่าเสนอหน้ามาขวางข้า!” หลิงคงกล่าว ท้องฟ้ากระจ่างใสมืดสนิท แสงจันทร์ทอดลงมาจากผืนฟ้า
ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณและดวงจิตแรกเริ่มทั้งหมดที่ต้องแสงจันทร์ กระอักโลหิตอย่างรุนแรง สีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เพราะพวกมันจดจำวิชานี้ได้!
ภายในวังทองคำที่อยู่ใจกลางเกาะเทียนฉี เสียงของชายชราผู้หนึ่งดังออกมาพร้อมกับแรงกดดันในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นต้น
“วิชาจันทราสาดแสง! เจ้าเป็นคนของเกาะมิติเทพ… ไม่ ท่านคือท่านเยว่!” ชายชราตกตะลึงเมื่อออกมาจากวังและเห็นเยว่หลิงคงยืนอยู่กลางท้องนภา
เกาะมิติเทพเป็นขุมกำลังที่ทรงพลังอย่างที่สุดในทะเลส่วนใน ครั้งหนึ่ง ชายชราเคยเข้าไปที่เกาะแห่งนั้น จึงได้รู้ว่าคนในเกาะทรงพลังมาก
ไม่ผิดแน่ ผู้ที่ใช้วิชาจันทราสาดแสงได้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเท่านั้น แต่ผู้ที่ใช้วิชาได้อย่างทรงพลังเช่นนี้ มีเพียงเยว่หลิงคงเพียงผู้เดียว!
นั่นทำให้ชายชราแน่ใจว่า สาวน้อยน่ารักนางนี้คือจ้าวแห่งเกาะมิติเทพ แม้ชายชราจะไม่เคยเห็นนางมาก่อนก็ตาม
ชายชราแผ่สัมผัสเทพไปยังด้านหลังเยว่หลิงคง พบผู้เยาว์คนหนึ่งและสตรีใบหน้าซีดขาว
ชายชราไม่อาจสัมผัสถึงได้กลิ่นอายของผู้เยาว์คนนั้น เพียงแต่รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก
แม้ชายชราาจะสัมผัสกลิ่นอายของเยว่หลิงคงได้ แต่ไม่อาจหยั่งระดับได้ ดังนั้นชายชราจึงคิดว่านางอยู่ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง
ชายชราขบคิดว่านานกี่ปีแล้วที่เยว่หลิงคงจากทะเลส่วนในไป แล้วเหตุใดถึงพาศพปีศาจขอบเขตตัดวิญญาณมาที่นี่ หรือจะเพราะตำหนิที่ตนแยกตัวออกจากเกาะมิติเทพ?
ข้างกายชายชรา มีคือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด เป็นชายชราในอาภรณ์ดำปรากฏตัว มันสัมผัสถึงระดับพลังของนางได้จึงกล่าวขึ้น
“เจ้าเหรอเยว่หลิงคง?”
“เจ้าเป็นใคร!” นางขมวดคิ้ว นางจากที่นี่ไปแค่ไม่กี่ปี ยามนี้กลับมีคนกล้าเรียกชื่อนางห้วนๆ
“หนึ่งในหกผู้อาวุโสเผ่าหกปีก… ผู้อาวุโสปีกปีศาจ! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะยังไม่ตาย… ตอนนี้เกาะเทียนฉีอยู่ในปกครองของเผ่าหกปีก หากเจ้ายังกล้าก่อเรื่องที่นี่ ก็อย่าตำหนิว่าข้าหนักมือ เจ้าอยู่เพียงขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง ไม่มีทางสู้ข้าได้อย่างแน่นอน!”
ผู้เชี่ยวชาญบนเกาะเทียนฉีสูดหายใจลึก พวกมันตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าเยว่หลิงคงยังไม่ตาย
เยว่หลิงคงตกตะลึง เพราะมันผู้นั้นทำให้นางสัมผัสได้ถึงอันตราย
“ไสหัวไป!” มันแผ่แรงกดดันที่ทรงพลัง กระแทกให้เยว่หลิงคงถอนหลังไปหลายก้าว เมื่อหยุดยืนได้มั่นคง มุมปากนางปรากฏคราบโลหิตเล็กน้อย
แม้หลิงคงจะอยู่ในขอบเขตตัดวิญญาณขั้นสูง แต่นางแข็งแกร่งเทียบเคียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุด
จากแรงกดดันของชายชราเบื้องหน้า ทำให้รู้ว่ามันทรงพลังกว่าผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันมาก ทำให้นางไม่อาจต้านทานแรงกดดันมันได้
การที่มันขับไล่นาง เท่ากับการดูหมิ่นอย่างที่สุด มันไม่เห็นนางอยู่ในสายตา ยิ่งศพนางสวรรค์ไม่เป็นภัยคุกคามสำหรับมัน
แต่สำหรับหนิงฝาน ไม่มีใครสัมผัสถึงพลังของเขาได้
เมื่อชายชราคนนั้นเห็นว่าเยว่หลิงคงหวาดกลัว มันก็สบายใจมากขึ้น เพราะมันรู้ว่านางสู้มันไม่ได้
“ในอดีตตัวเจ้าทรงพลัง แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณขั้นสูงสุดยังไม่อาจเทียบเคียง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนเจ้าจะผ่านเรื่องราวร้ายๆมา กระทั่งข้าเจ้ายังต่อกรไม่ได้… แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป เรื่องเกาะมิติเทพของเจ้า มีผู้ดูแลแทนแล้ว”
แต่แล้วเรื่องที่น่าตกตะลึงก็เกิดขึ้น ในขณะที่ทุกคนเพ่งความสนใจไปยังเยว่หลิงคง จู่ๆหนิงฝานกลับปรากฏตัวข้างหลังนาง มือยื่นคว้าจับอากาศ ทำลายแรงกดดันของชายชราคนนั้นจนหมดสิ้น
*อ็อก!*
มันกระอักโลหิตอย่างรุนแรง ทั้งยังรู้สึกราวกับเกือบจะถูกหนิงฝานฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง มันสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากตัวหนิงฝาน
“เจ้าเป็นใคร! ข้าคือผู้อาวุโสแห่งเผ่าหกปีก เจ้ากล้าทำร้ายข้าเหรอ!”
“เผ่าหกปีก… ข้าไม่เคยได้ยิน” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉยพลางก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ปรากฏตัวตรงหน้าชายชรา มือเอื้อมคว้าจับลำคอของมันด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง
“แล้วเจ้ากล้าทำร้ายสตรีของข้าเหรอ?”
“เจ้า… เจ้าเป็นใคร..”
“ซัวหมิง”
คำจากปากหนิงฝานราวกับสายลมหนาวพัดผ่านจนทำให้ทุกคนขนลุกซู่
ซัวหมิง! คำต้องห้ามในทะเลไร้สิ้นสุด!
แม้ในทะเลส่วนในจะไม่มีใครเคยเห็นหนิงฝาน แต่พวกมันรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี
คนผู้นี้คือซัวหมิง ซัวหมิงที่สังหารหยุนหวางแห่งวิหารพิรุณได้ในพริบตา
“ซัวหมิง! หยุดเถอะ! อย่าสังหารคนของเผ่าหกปีก” ในขณะที่หนิงฝานกำลังจะปลิดชีพมัน เยว่หลิงคงกลับกล่าวขึ้น
นางรู้ว่าเผ่าหกปีกทรงพลัง จึงไม่อยากให้หนิงฝานต้องมาเดือดร้อนเพราะนาง
“ในเผ่าพวกมันมีผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงอยู่...” นางกล่าวพลางขบฟัน ต่อให้เป็นนางก็ไม่กล้าล่วงเกินพวกมัน
“เจ้าน่าจะบอกข้าให้เร็วกว่านี้...” หนิงฝานส่ายหน้า เขาไม่เคยได้ยินชื่อเผ่าหกปีมาก่อน
แต่ถึงเขาจะกล่าวแบบนั้น ใครก็ตามที่ยั่วยุเขา ทำร้ายคนของเขา วิธีการเดียวที่จะทำให้พวกมันไม่กล้ามายุ่งกับเขาอีก คือการทำลายพวกมันให้พินาศ
เมื่อเห็นว่าหนิงฝานหยุดมือ ชายชราผู้นั้นลำพองใจ มันคิดว่าหนิงฝานหวาดกลัวเผ่าของมัน
“ฮึ่ม! ถึงเจ้าจะเป็นผู้อาวุโสแห่งวิหารพิรุณ ถึงเจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดคนที่ 8 ของทะเลส่วนใน แต่ผู้อาวุโสใหญ่ของข้าก็สังหารเจ้าได้ในพริบตา!”
“อืม...” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา บางคนอาจยอมทนดูถูกเหยียดหยาม แต่หนิงฝานไม่ยอม!
“ออกมา!” หนิงฝานนำทาสไร้ดัดแปลงทั้ง 3 ตนออกมาจากกระเป๋า
เผ่าหกปีกแล้วยังไง? ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงแล้วยังไง? สังหารเจ้าแล้วขัดแย้งกับเผ่าหกปีกแล้วยังไง?
ถ้าพวกมันได้เห็นทาสไร้ดัดแปลงทั้ง 3 ตนนี้แล้ว พวกมันยังจะกล้าปากดีอยู่หรือเปล่า?
ไม่… เรื่องไม่กล้าย่อมเป็นของตาย… แต่ที่สำคัญกว่านั้น พวกมันต้องคุกเข่าขอโทษ!
เดิมทีหนิงฝานตั้งใจจะเล่มหมูกินเสือ โดยการหลอกให้พวกมันตายใจ แต่ดูเหมือนการเป็นเสือซะเองน่าจะสนุกกว่า
“เป็นไปไม่ได้! ทาสขอบเขตไร้ดัดแปลง 3 ตน! เป็นไปไม่ได้!” สีหน้าของชายชราซีดราวไร้โลหิต
*โพล๊ะ!*
หนิงฝานออกแรงบีบมือ จนร่างของมันระเบิดเละ เหลือเพียงดวงจิตที่ถูกเก็บเอาไว้
“หลีกทาง!” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปราณปีศาจาแผ่ปกคลุมเกาะ ไม่มีผู้ใดกล้าขวางทาง
ข่าวของเรื่องที่เกิดขึ้นยามนี้ แพร่ไปทั่วทะเลส่วนในอย่างรวดเร็ว ว่าซัวหมิงมีทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนติดตาม
ผ่านไปครึ่งวัน ข่าวนี้ก็แพร่ไปถึงเผ่าหกปีก
ชายชราที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหกปีกโกรธแค้น เพียงแต่ผู้ที่มันโกรธไม่ใช่หนิงฝาน แต่เป็นคนของมันที่ไปหาเรื่องให้เผ่าถูกทำลาย!
หากไม่มีทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนนั้น มันไม่หวาดกลัว ต่อให้เป็นคนของวิหารพิรุณมันก็สังหารได้
แต่เมื่อทาสไร้ดัดแปลงปรากฏตัว กลับกลายเป็นมันที่ต้องหวาดกลัวแทน
“ผู้อาวุโสใหญ่ ซัวหมิงมีทาสไร้ดัดแปลง 3 ตนติดตาม ในทะเลไร้สิ้นสุดนี้ นอกจากตระกูลซัวคงไม่มีใครเทียบเคียงมันได้อีก! ถ้าปล่อยเรื่องนี้เอาไว้แบบนี้ พวกเราเป็นอันตรายแน่ ท่านตัดสินใจเถอะว่าจะทำยังไงต่อ?”
ทางเดียวที่ทำได้คือขอโทษ ลำพังแค่หนิงฝานและทาสทั้ง 3 สามารถทำลายเผ่าาพันธุ์ของมันจนพินาศได้
คนระดับหนิงฝาน ไม่ใช่ผู้ที่พวกมันจะล่วงเกินได้!