ตอนที่แล้วตอนที่ 10: ชื่อครอบครัวดี ชื่อต้นยิ่งใหญ่ [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12: คำขู่! [ฟรี 05 เม.ย. 63]

ตอนที่ 11: ปัญหามากมาย [ฟรี 04 เม.ย. 63]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ โกลาหลแห่งอสนีบาต

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

สารบัญ จอมมารสะท้านภพ

••••••••••••••••••••

ตอนที่ 11: ปัญหามากมาย

บทสนทนาอึดอัดอย่างไม่สามารถแก้ไขได้

ยวินหยางไม่สนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมกักขฬะอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่จี้หลิงเต็มไปด้วยความโกรธอยู่ในใจ เหลือเพียงเส้นบาง ๆ ห่างจากความโกรธที่กำลังจะปะทุขึ้น เหล่าเหมยที่เอาแต่หัวเราะแห้งมาโดยตลอด แต่ในใจกำลังหยิบนายน้อยมาฉีกทึ้งข้อหาขาดความสุภาพและความฉลาดทางอารมณ์ นายน้อยและหญิงสาวนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะชาด้วยความเงียบชวนอึดอัดสักพักก่อนถูกทำลายด้วยเสียงไอที่กลั้นเอาไว้ ไม่สิ ความอึดอัดล้วนมาจากจี้หลิง ยวินหยางมีบรรยากาศตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ตลอดปีมานี้ นางไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน!

“ข้าขอโทษ” ยวินหยางกล่าวอย่างสำนึกผิด

“บ้านสมถะของข้าขาดแคลนยิ่ง นานมากแล้วที่ไม่มีแขกมาเยือน ดังนั้นพวกข้าไม่มีชาเก็บไว้ในที่พัก… โปรดให้อภัยในความไร้มารยาทของข้าด้วย”

เหล่าเหมยรู้สึกอยากเป็นลม

ใครบอกว่าบ้านไม่มีชา?

จี้หลิงมองใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของยวินหยางก่อนจะรู้สึกประหลาดใจยิ่ง “เหอะ เหอะ เหอะ…” จี้หลิงฝืนหัวเราะก่อนส่ายหน้า “ข้าไม่คิดมากเรื่องตลกหรอก นี่คือครั้งแรกของจี้หลิงที่ได้เจอกับการปรนนิบัติเช่นนี้นับตั้งแต่เกิดมา หรือข้าควรพูดว่าครั้งเดียวในชีวิตดีล่ะ”

ยวินหยางยืดตัวตรง “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แม่นาง”

จี้หลิงจ้องมองเขาด้วยความสับสน

ยวินหยางกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าจะยังไง ทันทีที่มีครั้งแรก จะต้องมีครั้งที่สองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! นี่คือกฎของโลก วันนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าได้เจอกับการปรนนิบัติเช่นนี้ แต่จำคำของข้าเอาไว้ เจ้าจะมีโอกาสได้รับการปรนนิบัติคล้ายกันนี้อีกในอนาคต”

เขายิ้ม “ถึงตอนนั้น เจ้าจะเข้าใจเองว่าข้าถึงกับพูดถูก”

ดวงตาขนาดใหญ่ของจี้หลิงจ้องมองใบหน้าของยวินหยางไม่กะพริบ ผิวราบเรียบที่แม้แต่ผู้หญิงอย่างอิจฉา ทว่า ความคิดของนางกลับคิดแต่จะเอามือฟาดและฉีกทึ้งรอยยิ้มกว้างเหลืออดจากสีหน้าของเขา

“ข้าไม่เคยเจอผู้ชายย่ำแย่แบบนี้มาก่อน” จี้หลิงพูดลอดไรฟัน ขณะนางเป็นคนดีกว่าคนรอบข้างเสียส่วนใหญ่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับยวินหยางสั้น ๆ ก็พลันให้เกิดความคิดที่อยากฆ่าให้ตาย

“เจ้าจะได้พบมากกว่านี้ในอนาคต” ยวินหหยางกล่าวช้า ๆ “จะมีสุภาพบุรุษกี่คนอยู่ในโลกใบนี้? ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะเจอคนแบบนี้อย่างแน่นอน”

จี้หลิงพ่นลมออกจมูกเย็นชา “ดูท่านายน้อยยวินจะทราบว่าตัวเองไม่มีความสุภาพบุรุษสินะ”

สีหน้าของยวินหยางสงบนิ่งด้วยความสงสัย “แม่นาง โปรดอย่าดูถูกข้าสิ”

จี้หลิงตอบว่า “ถ้าไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่สุภาพบุรุษ แล้วจะมากล่าวหาว่าข้าดูถูกได้อย่างไร?”

ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยวินหยางกล่าวว่า “ที่ข้าหมายถึงคืออย่ามาล้อเลียนข้าด้วยคำว่า ‘สุภาพบุรุษ’ ข้าไม่สมควรกับฉายานั่นไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม..”

“…”

จี้หลิงประหลาดใจ น่าขันยิ่งที่ชายคนนี้สามารถพูดเรื่องความชอบธรรมได้อย่างน่าไม่อาย ต้องยอมรับว่ามีไม่กี่คนเหมือนกับเขา นางยังคงเงียบสักพักก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา สร้างความสับสนให้กับยวินหยาง

ผู้หญิงคนนี้ควรจะโกรธแล้วไปไม่ใช่หรือ? ทำไมนางถึงหัวเราะล่ะ?

จี้หลิงยังคงหัวเราะขณะพูดว่า “ข้าทราบอยู่แล้วว่านายน้อยไม่อยากต้อนรับข้า แต่ความสงสัยกลับเอาชนะข้าเสียได้ ข้าขอสอบถามนายน้อยยวินอีกสักหน่อยได้หรือไม่?”

ยวินหยางตอบอย่างระแวดระวังว่า “อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ แม่นาง?”

“เมื่อคืนนี้ พวกเราไม่เคยพบกันมาก่อน เพราะแบบนั้น ข้าถึงได้สงสัย” จี้หลิงถามด้วยความสนใจไม่เสแสร้งว่า “นายน้อยอยากให้ข้าไปขนาดนี้ ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ นายน้อยยวิน?”

ยวินหยางยิ้มกว้าง แต่จิ้งหลิงยกนิ้วขึ้นก่อนเขาจะทันได้พูด “นายน้อยยวิน พูดมาตามความจริง เช่นนั้นข้าจะหันหลังจากไป ข้าจะไม่เสียเวลาเล่นบทแขกที่ไม่ได้รับการต้อนรับอีก…”

ยวินหยางมองอย่างสงสัยขณะจี้หลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง นางหมายความตามที่พูดจริง

ยวินหยางยิ้มอย่างสนุก “ข้อแรก ข้าไม่ชอบคนก้าวก่ายชีวิต… ข้าชอบความสงบและความเงียบมากกว่า ข้อสอง แต่เหนือเหตุผลอื่นใด การมาเยือนของเจ้าเป็นการยืนยันว่าภัยพิบัติกำลังจะมา ข้าไม่ชอบให้ปัญหาเข้ามาก้าวก่ายในชีวิต”

จี้หลิงถามอย่างสับสนว่า “ข้าสามารถยอมรับเหตุผลข้อแรกได้ แต่ข้อสอง… เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะนำมาซึ่ง… ภัยพิบัติ?”

ปากของยวินหยางแยกออกเป็นรอยยิ้มกว้างขณะเริ่มนับนิ้ว “ข้อแรก การเผชิญหน้าของพวกเราเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องน่ารื่นรมย์ ข้อสอง เจ้ามาพร้อมกับลิงพันมายา เป็นสัญญาณว่าเจ้าอยู่ห่างไกลจากคำว่าคนธรรมดา”

จี้หลิงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างยอมรับกับความสังเกตที่ปฏิเสธไม่ได้

“ข้อสาม รูปลักษณ์ของเจ้าที่สวมตอนนี้คือความผิดพลาด ข้อสี่ เช่นเดียวกับชื่อที่เจ้าบอกให้ข้าทราบ” ยวินหยางกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

จี้หลิงกะพริบตาคล้ายนกฮูกต้องแสงสว่างเจิดจ้าก่อนไอออกมา “อาจจะไม่จริงเสียทั้งหมด แต่จบลงแค่นี้ก่อนดีหรือไม่?”

“เจ้าปกปิดชื่อตัวเอง มาที่นี่เพียงลำพังด้วยตัวตนที่ไม่ถูกต้อง เดิมที ผู้หญิงอย่างเจ้าจะเดินทางในกลุ่มผู้พิทักษ์… แต่ไม่ใช่เจ้า นี่หมายความว่า เจ้าหนีมาจากบ้าน นั่นคือข้อห้า”

จี้หลิงไอ พยักหน้าอย่างจำนนขณะเข้าใจว่านางถูกเปิดโปงแล้ว…

“เดิมทีการสังเกตการณ์เหล่านี้เพียงอย่างเดียวเป็นสัญญาณว่าเจ้าจะนำปัญหามากมายมาให้” ยวินหยางถอนหายใจ

“มีมากกว่านี้หรือไม่?” หญิงสาวถาม

“แน่นอน” ยวินหยางกล่าวต่อ “ข้อหก ถึงแม้เจ้าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ข้าไม่ได้ตามืดบอด สายตาของเจ้ากระจ่างชัดและรูปลักษณ์โดดเด่น แต่สีผิวตรงคอใต้คางต่างออกไป ด้านหนึ่งซีดกว่าเล็กน้อยในขณะที่อีกด้านเป็นสีผิวปกติ ถึงมันจะเป็นความแตกต่างที่เล็กน้อยมากก็ตาม”

จี้หลิงหน้าแดง “แล้วแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?” ถ้ายวินหยางไม่กล่าวถึง นางย่อมไม่สังเกตเห็น

“นี่หมายความได้อย่างเดียว เจ้าเป็นคนที่หยิ่งทะนงยิ่ง มีไม่กี่คนที่เจ้าให้ความเคารพมาก” ยวินหยางกล่าวต่ออย่างรอบคอบว่า “ดังนั้น เจ้าคุ้นเคยกับการเอียงศีรษะโดยไม่รู้ตัวไม่ก็ยกคางขึ้นเวลามองคนอื่น”

จี้หลิงขมวดคิ้วแล้วยอมรับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูด น่าเสียดาย ที่เขาพูดมาถูกต้องทั้งหมด นางมักมองคนอื่นด้วยการเอียงศีรษะ ยกค้างแล้วหลิ่วตา..

“ด้วยนิสัยของเจ้าย่อมต้องออกไปทันทีที่ถูกโต้แย้ง” ยวินหยางกล่าวต่อ “และเจ้าไม่สามารถเป็นคนผิดได้ ข้าพูดถูกหรือไม่?” ยวินหยางมองหญิงสาวแล้วยิ้ม

“ที่เจ้าพูดมาทั้งหมด… ก็ เกือบถูกหมดล่ะนะ” จี้หลิงตอบอย่างสำนึกผิดเพราะยวินหยางจี้ใจดำเข้าอย่างจัง นางสามารถบอกได้ว่าเขาถึงขั้นยั้งคำพูดตรงส่วนยโส โอหังและถูกตามใจเอาไว้

“ทว่า ถึงแม้ว่าจะมีนิสัยหยิ่งทะนงและหัวรั้นจนถึงขั้นทำให้เกิดการเผชิญหน้าที่ไม่ยินดีเมื่อคืน แต่วันนี้เจ้าก็มา เจ้าหาทางรักษาอารมณ์เอาไว้ได้ถึงแม้จะต้องทนถูกปรนนิบัติอย่างไม่เหมาะสมก็ตาม มันต้องเป็นเรื่องยากมากแน่ ๆ ที่จะทนได้ ในเมื่อเจ้ายังอยู่ที่นี่ทั้งที่ถูกยั่วยุซ้ำไปมา งั้น… ต้องมีบางสิ่งที่เร่งด่วนแน่ ๆ” ยวินหยางพูด “ข้อแปดและเป็นข้อสุดท้ายที่ทำให้ข้าได้ข้อสรุป… เรื่องเร่งด่วนนี้ทำให้หญิงสาวหัวรั้นหนีจากบ้านชนชั้นสูงและหักห้ามอารมณ์เมื่อถูกปรนนิบัติไม่ดี ถ้าเกี่ยวกับข้า มันจะไปหนีพ้นเรื่องปัญหามากมายได้อย่างไร?”

จี้หลิงตกตะลึง ชายคนนี้ตัดสินนางจากเรื่องเหล่านี้ได้เชียวหรือ? เขาเป็นคนที่ช่างสังเกตจริง ๆ

“เจ้าพูดถูกเลย ข้ามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้า” จี้หลิงเผยรอยยิ้มน้อย ๆ ออกมา “ข้าเดาว่าเจ้าน่าจะรู้แล้วล่ะ”

ยวินหยางขมวดคิ้ว “อย่างที่สัญญา ข้าพูดชัดเจนและจริงใจแล้ว เชื่อว่าเจ้าเห็นด้วยกับการสังเกตของข้าและยอมรับความจริงดังกล่าว ทีนี้ ข้าขอให้เจ้ารักษาสัญญาแล้วออกไปโดยไว…”

จี้หลิงขยิบตาให้ “อย่างน้อยไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพราะอะไร?”

ยวินหยางไม่สนใจเสน่ห์ของนาง “ขอโทษด้วย ข้าไม่อยากรู้ สิ่งที่ข้าปรารถนาที่สุดคือการที่เจ้าออกไปและไม่กลายเป็นแขกที่ไม่ต้องการอย่างที่ว่ามา”

จี้หลิงหัวเราะแห้ง เลือกคำพูดอย่างระวัง “ใช่ อย่างที่ข้าบอก ตราบที่เจ้าอธิบายทุกอย่าง ข้าจะหันหลังจากไป ปัญหาก็คือ ข้ายังไม่ได้หันหลังเพื่อจากไปเสียหน่อย”

“…”

ดวงตาของยวินหยางปูดโปนด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้ เขาจนคำพูดขณะมองหญิงสาวคนนี้ที่ผิดสัญญา

จี้หลิงยิ้มกว้างซุกซน “นี่ ข้าจะสามารถไปโดยไม่หันหลังก่อนได้อย่างไร? ข้าพูดถูกหรือไม่?”

เมื่อกล่าวดังนี้ นางหันไปหาเหล่าเหมย “ขอโทษนะ นายน้อยของเจ้าคงถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดแบบนี้แน่ ๆ ดูเหงื่อที่หลั่งบนหน้าผากของเขาสิ! เอาชามาหน่อยสิ พ่อคนดี”

เหล่าเหมยกลับมาหัวเราะขณะมองสีหน้าของยวินหยาง ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นนายน้อยโต้คารมแบบนี้

นายน้อยกำลังเหงื่อไหลงั้นหรือ? เขาไม่ได้กระหายน้ำ เขาเดือดดาลต่างหาก! เขาจะไม่เดือดได้อย่างไรในเมื่อเจ้าผิดสัญญา?

“ทำไมเจ้าไม่ให้เกียรติคำพูดตัวเอง?” ยวินหยางโกรธ เขามีความลับมากเกินไป มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป เขาไม่สามารถจะให้ผู้หญิงคนนี้มาคุกคามได้

“นายน้อย ทำไม” จี้หลิงมองรอบ ๆ “… ข้าต้องให้เกียรติคำพูดตัวเองด้วย?”

ยวินหยางแทบจะระบายโทสะออก “ทำไมงั้นหรือ การไม่ให้เกียรติคำพูดตัวเองไม่ใช่พฤติกรรมของชายผู้หาญกล้า!”

“ก็ไม่เคยเป็นอยู่แล้ว” จี้หลิงพูดตามตรง “ข้าเป็นเพียงหญิงสาว ไม่ใช่ชายผู้หาญกล้า”

ยวินหยางลูบขมับ รู้สึกเริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เมื่อเห็นดังนี้ ลิงพันมายาคิดว่าเขาอยากเล่นด้วยจึงปีนขึ้นมาศีรษะอย่างมีความสุข ทำให้บั้นท้ายทำด้านหน้าดวงตาของยวินหยางจนบดบังการมองเห็น “ให้ตาย…” ยวินหยางส่งเสียงครวญครางอย่างสิ้นหวัง

เหล่าเหมยถึงกับไปเตรียมชาแล้ว ขณะเหม่อลอย ยวินหยางสงสัยว่าเขาควรหักค่าจ้างของเหล่าเหมยที่ไม่ยอมอยู่ข้างกายโดยไม่ขออนุญาตได้หรือไม่ ความบ้าคลั่งของชายหนุ่มไม่มีขอบเขต

“ได้โปรด อดทนฟังสิ่งที่ทำให้ข้ามาที่นี่ก่อน นายน้อยยวิน” จี้หลิงยิ้มกว้าง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกที่ขโมยไก่จากสุ่มได้สำเร็จ

ทว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ ยวินหยางคือไก่น่าสงสัยอย่างเห็นได้ชัด เขาสงสัยว่าต้องมีโชคชะตาร่วมกับอีกฝ่ายเสียแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด