ตอนที่ 9: ชะตากรรมของกระบี่ [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 9: ชะตากรรมของกระบี่
ชายหนุ่มยกลิงพันมายาด้วยการจับกระจุกขนบนหน้าผาก ทำให้มันขดเป็นก้อนกลม แขนขาอ่อนแอพยายามรักษาการเกาะกุมบนขุดคลุมของชายหนุ่มอย่างเปล่าประโยชน์ ส่งเสียงร้องอย่างเศร้าสลด น้ำตาไหลออกจากดวงตา ไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เป็นเพราะการวิงวอนและความไม่เต็มใจที่จะออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มใจแข็งคนนี้ ส่วนเจ้าของ หญิงสาวย่อมรู้โดยสัญชาตญาณว่าการกระทำของลิงหมายถึงอะไรชัดเจน “โปรดอย่าปล่อยข้าไปเลย ข้าอยากอยู่ที่นี่!”
“เจ้าไม่ใช่ของข้า ดังนั้นมีประโยชน์อะไรที่จะมาเกาะข้า?” ยวินหยางถามอย่างหงุดหงิดขณะพยายามสลัดสิ่งมีชีวิตที่เกาะติดไม่ไปไหน เขาหาทางโยนลิงกลับไปหาหญิงสาวจนสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายใส่ชุดสีเขียวในที่สุด แต่ไม่ช้าบั้นท้ายได้กระแทกกับพื้นอย่างแรง
หญิงสาวจับลิงด้วยการตอบสนองบริสุทธิ์ แต่ก่อนจะทันได้จับจนอยู่หมัด มันดิ้นดุกดิกอย่างรุนแรง พยายามปีนกลับไปหาชายหนุ่ม หญิงสาวรีบจับเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็วขณะกล่าวว่า “ขอบคุณนายน้อย จะเป็นการรบกวนหรือไม่หากสอบถามชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า?”
ชายคนนี้น่าจะเป็นนักฝึกสัตว์ร้ายในจำนานไม่ก็ครอบครองมณีบางอย่างที่ดึงดูดลิงให้เข้าหา ขณะคำถามหลุดออกจากริมฝีปากไป นางยอมให้สัมผัสรุนแรงไปถึงชายหนุ่ม ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดหลายครั้งจนสุดท้ายก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา
นางสัมผัสอะไรไม่ได้เลย!
รากฐานการฝึกฝนที่หดหายของเขาแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ใช่ยอดฝีมือ ยิ่งไม่ใช่นักฝึกสัตว์ร้ายเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น เกิดอะไรขึ้นกับลิงพันมายา? ตลอดเวลาที่นางดูแลมา มันไม่เคยมีพฤติกรรมรักนางเหมือนกับที่มีให้ต่อคนแปลกหน้าคนนี้มาก่อน
“ไม่เลย ข้าชื่อยวินหยาง” ยวินหยางพยักหน้า
“ในเมื่อข้าคืนให้เจ้าของที่ถูกต้องแล้ว ได้เวลาไปเสียที” จากนั้น เขาหันหลังแล้วจากไป ไม่เหลียวแลอีก หายไปในความมืดทันทีโดยไม่สร้างความอึกทึกวุ่นวายราวกับเผชิญหน้ากับสาวงามดุจภูตและสัตว์ร้ายวิเศษทุกวัน ปกติแล้ว ถ้าคนวิเศษเช่นนั้นถามชื่อก่อน ตามเหตุผลแล้วต้องถามชื่ออีกฝ่ายกลับ
ทว่า ยวินหยางไม่ใช่คนธรรมดา เขาทำตัวเหมือนกับถูกกวนใจโดยสาวงามที่จะทำให้ทำอะไรได้ช้าลงจนเสียสมาธิ
หญิงสาวในชุดดำยังคงจ้องมองเงาของยวินหยางที่ถึงแม้จะหายไปนานแล้ว ขณะกะพริบตาไปมา นางท่องซ้ำไปมาแผ่วเบา “ยวินหยาง… สิบเก้าปีนี้ ลูกชายเพียงคนเดียวของขุนนางชั้นสูงเหนือสวรรค์แห่งจักรวรรดิยวี่ถัง เขามาถึงเมืองเทียนถังเมื่อ 5 ปีก่อนและไม่เผยอดีตให้ทราบ ผ่านมาห้าปี มีเหตุการณ์เพียงหยิบมือที่นายน้อยข้องเกี่ยวถูกบันทึกเอาไว้ นั่นเพราะส่วนใหญ่เขาอาศัยอยู่ในบ้านงั้นหรือ? หรือว่าเขาอยู่ที่บ้านตลอด? ถึงแม้ขุนนางชั้นสูงเหนือสวรรค์แห่งยวี่ถังจะลึกลับมาตลอด แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาน่าจะเป็น เซียนดาบสัมบูรณ์ เจ็ดกระบวนท่าสังหาร เป็นที่รู้จักกันดีบนลานประลองยุทธใต้ดินในฐานะยวินเซียวเหยา ยวินเซียวเหยามีลูกชายเติบใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? นั่นเป็นข่าวที่ทั่วโลกจะต้องไม่พลาดสิ”
หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสับสน
น่าจะเป็นเรื่องธรรมดา ลูกชายของขุนนางชั้นสูงเหนือสวรรค์ แต่ไม่รู้ทำไม คล้ายกับมีเมฆแห่งความลึกลับอยู่รอบข้าง
ทุกอย่างมันมีเหตุผล แต่ในเวลาเดียวกัน ยังมีคำถามย้อนกลับมาด้วย
“เป็นคนที่แปลกอะไรอย่างนี้” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วหัวเราะ “หญิงสาวมาเมืองเทียนถังเพียงลำพัง นำทายาทของสัตว์ร้ายวิเศษหายากยิ่งมาด้วย ใครก็ตามจะต้องลงมือด้วยจิตชั่วร้าย แต่ชายคนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย! ข้าว่าเขาน่าจะจัดอยู่ในพวกสหายแปลกประหลาด ยิ่งกว่านั้น ลิงพันมายาตัวนี้ที่เกียจคร้านมาตลอดกลับสนิทสนมกับนายน้อยคนนี้ได้อย่างน่าประหลาด…”
ลิงยังมองไปทางที่ยวินหยางไปด้วยดวงตาละห้อยพร้อมน้ำตาที่หลั่งออกมาราวกับกำลังบอกว่า “ทำไมถึงทิ้งข้า? ทำไมไม่พาข้าไปด้วย? ข้าอยากติดตามท่าน ข้าไม่อยากกลับไปหาเจ้าของ!”
“นายน้อยยวินคนนี้…” ดวงตาของหญิงสาวทอประกาย “ดูท่าข้าต้องทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นแล้วสิ…” น้ำเสียงของนางแผ่วเบาขณะเริ่มหายไปในหมอก กลายเป็นโปร่งแสงและไร้ตัวตน
เมื่อสายลมพัดหมอกจนหายไป หญิงสาวก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
…
ยวินหยางกลับมาถึงที่พักยวินที่เหล่าเหมยกำลังรอคอยด้วยความกังวล
นายน้อยของเขาไปร่วมพิธีรำลึกเพียงลำพังทั้งที่ยังเจ็บปวดจากบาดแผลสาหัสอยู่ พิธีสิ้นสุดไปนานแล้วขณะท้องฟ้าราตรีปกคลุมด้วยสีดำที่มืดมิดยิ่ง ถึงอย่างนั้น เขายังไม่กลับมา จนกระทั่งตอนนี้
“นายน้อย ท่านไปไหนมา?”
“ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้?”
“แบบนี้ไม่ดีเลยนะ ข้างนอกมันอันตราย!”
เสียงบ่นจากเหล่าเหมยไม่สิ้นสุด ถึงอย่างนั้นก็หยุดลงเมื่อยวินหยางก้าวเท้าแรกเข้าบ้าน ขณะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยังบ่นพึมพำไปมา ยวินหยางหยุดการพูดจาโผงผางของเหล่าเหมยก่อนเข้าห้องอย่างหงุดหงิด ปิดประตูดังปัง
ใบแรกของดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์เติบโตเต็มที่แล้ว เขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไปว่าจะได้อะไรบ้าง การเปลี่ยนแปลงในร่างกายทำให้เขารู้สึกเหมือนมีลมรุนแรงพัดผ่านหลังจากสังหารหมู่กลุ่มงูเขียว เขาไม่สามารถสงบสติหรืออดกลั้นเอาไว้ได้ ประกอบสาเหตุที่ล่าช้าก็เพราะขากลับเจอลิงวิเศษและหญิงสาวลึกลับเข้า เขาหาทางสลัดพวกเขาหลุดได้หลังจากถูกรังควานอยู่นาน แต่เขากำลังหงุดหงิดจนถึงจุดที่จะระเบิดออกมา ทันทีที่เข้าห้อง เขานั่งลง ขัดสมาธิแล้วมุ่งสู่จิตใต้สำนึก
หมอกสีม่วงปกคลุมทันที ใบบัวขนาดใหญ่ขึ้นกำลังลอยกลางอากาศขณะส่องแสงสีเขียวมรกต พลังชีวิตที่อยู่ในแสงสว่างสีเขียวอ่อนจะทำให้ทุกคนที่มองรู้สึกผ่อนคลายและยินดี จากนั้นพลังงานในจิตใต้สำนึกของเขาเข้าสู่เส้นลมปราณ ทำให้ยวินหยางรู้สึกเบาดุจขนนก ใบบัวที่เติบใหญ่ขึ้นมาสั่นสองครั้งก่อนหลุดออกจากดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์ ลอยเข้าหายวินหยาง เขายื่นแขนออกไปรับใบบัวมาอยู่ในมือทันที จากจุดที่ใบบัวเคยอยู่ เงาขนาดเล็กของใบอ่อนปรากฏขึ้น มันมีขนาดครึ่งเดียวของฝ่ามือ แต่เส้นใบไม้ใสดุจกลางวัน
รอบตัวเขา จิตใต้สำนึกสั่นสะเทือนเสียงดัง ยวินหยางดึงกลับมาอย่างไม่เต็มใจ เขากำลังนั่งบนเตียงอีกครั้ง ขณะลืมตาช้า ๆ ด้วยความประหลาดใจ เขาเพียงก้มศีรษะมองมือเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นสบายจากฝ่ามือ
“อ่ะ!”
ยวินหยางส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจ ในมือ เขาถือใบบัวสีเขียวหยกเอาไว้!
ใบบัวที่มีขนาดใหญ่เท่าโต๊ะวางอยู่ตรงหน้า ขณะส่องแสงเลือนราง ประกายสีม่วงทองอ่อนทอประกายไปมา
ประกายสีม่วงทองงั้นหรือ?
ยวินหยางหรี่ตามองใกล้ ๆ ขณะมอง เขามองเห็นแถวคำพูดขนาดเล็กถูกเขียนเอาไว้ ขณะมองคำพูดเหล่านั้น แถวดังกล่าวถูกยกขึ้นจากใบไม้ลอยวนไปมา กลายเป็นแสงสีทองสั่นระริกก่อนเข้าสู่พื้นที่ระหว่างคิ้วของยวินหยาง
“…เริ่มจากไม่มีอะไรก่อนเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด… ขจัดคนบาปสิบคน ดอกบัวงอกจากเมล็ด จับคู่กับชะตากรรม ตามติดหัวใจ…”
ในที่สุดยวินหยางเข้าใจการทำงานของเมล็ด
ใบแรกของดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์จะเติบใหญ่ได้เมื่อคนบาปสิบคนถูกฆ่า ส่งผลให้อากาศแห่งความอยุติธรรมรวมตัวขึ้น คนแรกที่เขาฆ่าคืออู๋เหวินเยียน ตามด้วยหวังเป้าและชายสามคน แปดคนจากกลุ่มงูเขียวถูกฆ่าด้วยมือของเขาเช่นกัน รวมแล้วเป็นสิบสามคน นั่นไม่เพียงแค่ทำให้ใบแรกเติบใหญ่เท่านั้น ยังทำให้งอกใบที่สองออกมาอีกด้วยเช่นกัน
“…ใบบัวชะตากรรม ขับเคลื่อนพร้อมหัวใจ ชะตากรรมดุจกระบี่ กระบี่นิรันดร์”
ยวินหยางจมสู่ความคิดขณะศึกษาใบบัว
ใบบัวชะตากรรมนี้จะเป็นของขวัญแรกที่ได้รับจากดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์ ความหมายตรงตามตัวอักษร มันจะเปลี่ยนตามความปรารถนาในใจอย่างเห็นได้ชัด พูดให้เข้าใจง่าย ๆ มันจะเปลี่ยนไปตามที่เราอยากให้เป็น
“ในเมื่อชะตากรรมเปรียบเสมือนกระบี่ เช่นนั้นก็ให้เจ้าเป็นกระบี่ก็แล้วกัน” ยวินหยางมองใบบัวที่ส่องแสงสีเขียวบนฝ่ามือ ด้วยการเปล่งเสียงทางจิต เขาสงสัยว่าใบบัวนี้จะเปลี่ยนเป็นกระบี่เหล็กกล้าได้อย่างไร
ทว่า เมื่อคำพุดหลุดออกจากปาก เขาพลันสามารถรู้สึกได้ว่ามือรับน้ำหนักจากวัตถุใดไม่ทราบ ขณะตกตะลึง เขายื่นแขนออกไป พบว่าใบบัวถูกแทนที่ด้วยกระบี่ ทอประกายด้วยศรัทธาแรงกล้าอันเย็นเยือก
ทันทีที่ยวินหยางลืมตา เขารู้ว่ากระบี่เล่มนี้จะคงอยู่ถาวร
ทั่วกระบี่เป็นสีม่วง ดอกบัวบานก่อตัวเป็นปลายด้ามจับ ให้ความรู้สึกเหมือนกับก้านบัวที่มีตุ่มขนาดเล็กยื่นออกมา มันแปลกประหลาดมากพอที่ตุ่มเหล่านี้ไม่ให้ความรู้สึกเป็นอุปสรรคเมื่อยวินหยางถือกระบี่เอาไว้ พวกมันช่วยในการจับให้ดีขึ้นแทน ให้ความรู้สึกเบาขณะจับไว้มั่นกับสัมผัสเย็นเยือกที่แผ่ออกมาจากกระบี่
เขารู้ ไม่ว่าเลือดหรือเหงื่อชโลมด้ามจับแค่ไหน กระบี่จะไม่หลุดออกจากมือตราบเท่าที่เขาถือเอาไว้
ครอสการ์ดเป็นชิ้นส่วนวงรีขนาดเล็กยื่นออกมาพร้อมส่วนเว้าเล็กน้อยที่ได้องศามีประสิทธิภาพ มันสามารถป้องกันไม่ให้เลือดของศัตรูไหลมาถึงมือได้ อีกทั้งยังชดเชยความต้านทานพละกำลังของเขาได้เป็นอย่างดี
คมดาบเย็นเยือกและบางดุจปีกจักจั่น ส่วนของคมดาบหนาเล็กน้อย ปลายยาว 2 ฟุตกับ 7 – 8 นิ้ว คมกริบและยาวกว่ากระบี่ส่วนใหญ่อย่างต่ำสองนิ้วมือ คมดาบทอประกายราวกับหมู่ดาวทั้งหมดของจักรวาลถูกจับไว้บนพื้นผิวราวกระจก มันควรจะเป็นหลุมบ่อ แต่กลับราบเรียบทอประกายเมื่อมองดูใกล้ ๆ ..
คล่องตัวไร้ที่ติ ทุกองศาของกระบี่ถูกแกะสลักอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งยวินหยางก็รู้สึกถึงอารมณ์ซับซ้อนจนอยากลองของ เขาไม่สามารถหาข้อบกพร่องบนกระบี่ได้เลย!
“คมดาบสวรรค์!”
สองคำนี้ลุกโชนในจิตใจของยวินหยาง มันไม่สามารถเกิดขึ้นจากสิ่งอื่นใดได้นอกจากประสงค์ของเทพ เป็นไปไม่ได้ที่แม้แต่ช่างตีอาวุธมือฉมังก็หลอมกระบี่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้!
คมดาบสวรรค์ ใช่ มันเป็นชื่อที่เหมาะสมแล้ว
“ชะตากรรมเหมือนกับกระบี่ กระบี่แห่งชะตากรรม ฆ่าด้วยกระบี่ ฆ่าเพื่อเทพ!”
ยวินหยางกุมกระบี่ด้วยความเคารพ เข้าสู่จิตใต้สำนึกช้า ๆ ในใจ ร่างหนึ่งกำลังฝึกฝนกระบี่ช้า ๆ
“สัจธรรมกระบี่: คมดาบชะตากรรม ร่างแรกของชะตากรรม”
“จับด้ามให้มั่น มองดูความอยุติธรรมโดยปราศจากอารมณ์ ผู้มีโทสะและต้องบาป คมดาบชะตากรรม จะไม่ปรานี!”
“หนึ่งร่าง สองรูปแบบ รูปแบบที่หนึ่ง กระบี่เลือดเย็น รูปแบบที่สอง เต้าเลือดเย็น!”
ยวินหยางรู้สึกได้ว่าเขาเข้าสู่โลกวิชายุทธที่น่าสนใจ สัจธรรมกระบี่: คมดาบชะตากรรม นี้เป็นเพียงร่างแรก! ยวินหยางอดที่จะจินตนาการไม่ได้ว่าถ้าเขามีรากฐานการฝึกฝนที่มากพอ ไม่มีใครในโลกนี้สามารถหลบหนีจากกระบี่ของเขาได้!
น่าเสียดายที่รากฐานการฝึกฝนของเขาเพิ่งฟื้นคืนกลับมา อย่างมาก หนึ่งในสิบส่วนของรากฐานการฝึกฝนขั้นต้น เขาต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
เวลาผ่านไปช้า ๆ …
ยวินหยางจดจำความแตกต่างจำเพาะของร่างแรกแห่งชะตากรรมไว้ในใจได้แล้ว ถึงแม้จะเป็นเพียงร่างแรก แต่เขาต้องรวมร่างกายและจิตใจให้ก้าวไปพร้อมกันอย่างสมบูรณ์จึงเกิดผล
ถึงแม้ยวินหยางจะฝึกกับใบบัวอย่างเสมอต้นเสมอปลายในห้อง แต่เขายังรู้สึกขาดพลังแม้กระทั่งตอนหลั่งเหงื่อจนเกิดความเหนื่อยล้า..
“ดูท่านับจากนี้ข้าทำได้เพียงฝึกและทำความเข้าใจมันอย่างช้า ๆ” ยวินหยางเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วครุ่นคิด “ข้าทำได้เพียงปลดปล่อยผลของร่างแรกนี้ได้ครึ่งเดียวด้วยรากฐานการฝึกฝนตอนนี้ แต่แค่นั้นก็ใช้พลังวิญญาณของข้าจนหมดแล้ว… พลังของร่างแรกแห่งชะตากรรมไม่ใช่สิ่งที่ใช้ได้ง่ายเลย!”
เขามองกระบี่สีม่วงในมือที่กำลังส่องแสงราวท้องฟ้าราตรีก่อนยิ้มอ่อน อย่างช้า ๆ เขาวาดคมดาบใส่ข้อมือตัวเอง เลือดหยดลงบนคมดาบ เขาละเลงของเหลวสีชาดทั่วคมดาบ กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “คมดาบสวรรค์เอ๋ย นับจากนี้ เจ้าต้องเป็นคู่หูของข้าตลอดกาล ให้ข้าใช้เจ้ากำจัดความอยุติธรรมทั้งหมดในโลกนี้ด้วยมือคู่นี้ด้วย!”
สมรภูมิเต็มไปด้วยเลือด เปลวไฟคล้ายกับลุกโชนในดวงตา.. นักรบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าสู่การต่อสู้ขณะควันพวยพุ่งและเปลวเพลิงร่ายรำทั่วพื้นราบ
เริ่มแรก เผชิญหน้ากับแปดพี่น้องผู้ส่องประกายผ่านวิสัยทัศน์ เผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือน
จากนั้นเป็นการต่อสู้ที่ผาเทียนเสวียน เหตุการณ์ที่จะสลักลึกในจิตวิญญาณตลอดกาล
ครอบครัวของวีรชนเป็นรายต่อไป การถูกคุกคามและความยากลำบากที่ครอบครัวของอัศวินต้องเผชิญ กลิ่นอายอาฆาตของเขาพวยพุ่ง เพิ่มพละกำลังและความมุ่งมั่นขณะความทรงจำแห่งความอยุติธรรมและความไม่ถูกต้องวูบไหวผ่านดวงตา
คมดาบสวรรค์เริ่มสั่นไหวในมือด้วยความกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่ง คมดาบสั่นเทาพร้อมส่องแสงเจิดจ้า ราวกับกลุ่มดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสู่มวลมนุษย์ ราวกับการระเบิดของสายรุ้งจำนวนมาก หลังจากผ่านไปพักใหญ่ คมดาบสั่นสะเทือนก่อนจะดูดความเจิดจ้าของหมู่ดาวและสายรุ้งเข้าไปราวกับวังวนใหญ่พร้อมเสียงดังสนั่น!