ตอนที่ 7: “ถึงแม้กฎหมายของราชาจะยอมให้เจ้ามีชีวิต แต่ข้าไม่ยอม” [อ่านฟรี]
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
ตอนที่ 7: “ถึงแม้กฎหมายของราชาจะยอมให้เจ้ามีชีวิต แต่ข้าไม่ยอม”
เลือดของวีรชนชโลมสมรภูมิแล้ว ครอบครัวของพวกเขาได้รับสิทธิ์ใช้ชีวิตที่ปราศจากการบีบบังคับและปัญหา ยวินหยางจะไม่มีวันประนีประนอมกับเรื่องนี้ เหมือนที่เขาบอกจวนเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายครอบครัวของนักรบเหล่านี้อีกต่อไป
ถ้าต้องทำ เขาก็พร้อมที่จะฆ่าทุกคนที่กล้า
ขณะจ้องมองสวรรค์ ยวินหยางสูดหายใจเข้าลึก ๆ “พี่ใหญ่ ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าทั้งหมดนี้เจ้าหมายถึงอะไร ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าพากลับมารับใช้ในฐานะผู้คุมกฎ ทำงานอยู่นอกขีดจำกัดของกฎหมาย โลกใบนี้ยังต้องแบกรับการเป็นสักขีพยานต่อความโหดร้ายมากมาย กฎหมายทางการอันโอ้อวดของราชาจะไม่สามารถขับไล่พวกมันจนหมดได้…”
“วีรชนอาจจะต้องหลั่งเลือด แต่พวกเขาไม่ควรหลั่งน้ำตาสักหยด” ยวินหยางพึมพำ “เจ้าพูดถูกอย่างแน่นอน พี่ใหญ่ อย่าห่วงไปเลย ข้าจะจำคำพูดของเจ้าเอาไว้”
เมื่อยวินหยางกำลังจะจากไป เขาหยุดเมื่อรู้สึกการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของร่างกาย ขณะชำเลืองมองซากศพของหวังเป้าและหมู่คณะ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงการฉุดลากแผ่วเบาขณะพลังลมปราณจำนวนน้อยนิดไหลออกจากร่างกายอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
“อย่างที่คิดเลย” ยวินหยางมองเข้าไปในจิตใต้สำนึก เห็นดอกบัวขนาดเล็กกำลังแกว่งไกว นี่เขาจินตนาการไปเองหรือว่ามันเติบโตจนใหญ่กว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อยกันนะ?
“การสันนิษฐานของข้าถูกต้อง การดูดกลืนอากาศของความอยุติธรรมเร่งการเติบโตของใบบัว” ยวินหยางครุ่นคิด “นี่หมายความว่ายิ่งข้าฆ่าอาชญากรมากเท่าไหร่ ความเร็วที่ดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์จะเติบโตยิ่งมากเท่านั้นหรือ? วิชาศักดิ์สิทธิ์อนันต์จะพัฒนาเร็วขึ้นด้วยเช่นกันหรือเปล่า?” ความคิดของเขาในตอนนี้กำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างและเร็วขึ้น
“มีความพิศวงอยู่ในโลกใบนี้ ทักษะที่เหมาะกับความตั้งใจของข้า!”
“ต่อให้นี่จะไม่เกี่ยวกัน ข้าจะยังอยู่ที่นั่นเพื่อลบล้างพวกสวะด้วยตัวเอง การได้รับผลนี้มาเป็นเพียงของแถมระหว่างทางเท่านั้น!”
ด้วยความเข้าใจอันน่าทึ่งนี้ ยวินหยางปัดฝุ่นออกจากชุดคลุมเปื้อนเลือดก่อนจางหายไปในราตรีอันมืดมิด
“ถ้าหวังเป้าคือตัวอย่างของสมาชิกในกลุ่มงูเขียว มาดูกันซิว่าความโสมมของคนอื่นจะมีอะไรบ้าง ถ้าพวกมันคือความชั่ว ข้าจะต้องกวาดล้างให้หมด เริ่มตั้งแต่ถอนรากถอนโคนไปเลย”
“อีกอย่าง ดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์ของข้าต้องการ… ปุ๋ยอีกสักหน่อย”
…
ใบหน้าของพวกเขาโหดเหี้ยม ภายใต้แสงสีเหลืองอ่อน ศูนย์บัญชาการไม่ต่างอะไรกับลานบ้านที่ถูกทิ้งร้าง ถูกยึดครองโดยชายเหล่านี้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้สงครามจบลงแล้ว บ้านเมืองดูแลทหารเหล่านี้และจ่ายเงินบำนาญดีขึ้น นี่จะสร้างรายได้ให้พวกเราอย่างเป็นกอบเป็นกำ!” รอยแผลบนใบหน้าของงูเขียวบิดเบี้ยวไปมาขณะพูด “พวกเราไม่สามารถช่วงชิงจากคนแข็งแกร่งที่ผ่านการฝึกในวิชายุทธได้ แต่ถ้าพวกเรากลับมาวิถีเดิมแล้วช่วงชิงจากคนพิการกับคนอ่อนแอ… อย่าบอกนะว่าพวกเราไม่สามารถเอาชนะยาจกพวกนั้นได้ เจ้าพวกโง่สมองน้อย? จักรวรรดิอาจจะมอบโชคชะตาให้พวกเราเองเลยก็ได้!”
ประกายแห่งความโลภซ่อนอยู่ในดวงตาของทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าที่จะฉวยประโยชน์จากคนอ่อนแอ มันเป็นงานที่ง่ายมาก!
“ทหารผ่านศึกสมองน้อยเหล่านี้ พวกเขาล้วนได้รับตำลึงเงินทันทีที่กลับบ้าน” งูเขียวจู่โจมด้วยวาจาที่ตื่นเต้น “เท่าที่ข้ารู้มา เงินบำนาญในปีนี้น่าจะแจกจ่ายภายในไม่กี่วัน… จากนั้นพวกเราจะลงมือเมื่อพวกเขาได้ตำลึงเงินมา”
“พี่ใหญ่ช่างปราดเปรื่องนัก!” สมาชิกกลุ่มคนอื่นล้วนยินดีในความสามารถและความโลบของเขา ไม่มีอะไรซับซ้อนเกี่ยวกับการช่วงชิงจากคนไร้ความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกที่ขาหัก… ยังไงเสีย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะไล่ตามได้ต่อให้อยากทำก็ตาม! มันช่างเป็นความคิดที่วิเศษไปเลย
“หลี่ซานเอ๋อร์ ไปดูว่ามีคนไร้ความสามารถอยู่ในพื้นที่กี่คน ตู๋โถว ซันอู่ พวกเจ้าก็ด้วย พวกเราจะเริ่มลงมือในไม่ช้า สับเปลี่ยนพื้นที่ พวกเจ้าทำเพื่อเขา เขาทำเพื่อพวกเจ้า หลีกเลี่ยงความสงสัย” งูเขียวสั่ง
“ได้เลย พวกเราจะรวยกันแล้ว!”
“หวังเป้า เจ้าสารเลวคนนั้น ทำไมถึงยังไม่มาอีก?” งูเขียวบ่นพลางคำราม “เขายังทำตัวโง่แม้จะเป็นช่วงสำคัญ! จำคำข้าเอาไว้ เจ้าโง่นั่นจะต้องตายด้วยมือของผู้หญิงไม่ช้าก็เร็ว”
“ปัง!”
ประตูระเบิดจนเกิดเสียงดังก้อง สิ้นเสียงดังกล่าว ร่างสีดำเดินเข้ามาราววิญญาณอาฆาตในความตายแห่งราตรี ในมือของมัน ดาบทอประกายเย็นเยือกอันโหดเหี้ยม
ขณะถอยหลังด้วยความตกตะลึง งูเขียวและหมู่คณะตะเกียกตะกาย กรีดร้องไปมา “เจ้าเป็นใคร?! เจ้าคนสารเลว ถ้าอยากสู้กับข้า เจ้าก็รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ยวินหยางมาถึงทันได้ยินประโยคหลังในแผนการขี้ขลาดตาขาวของงูเขียว แต่เขาโกรธมากพอที่จะลงมือทำแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าพวกสารเลวที่ไม่เคยให้ความเคารพหรือเห็นคุณค่าต่อคนพิการหลังต่อสู้ในสงครามจะอยู่ในประเทศนี้ แถมยังคิดที่จะช่วงชิงอีก! พวกมันคือสวะสังคม เมื่อความคิดเหล่านี้แล่นผ่านจิตใจอย่างโกรธา เขากระแทกประตูด้วยแรงที่มากพอจะทำลายมันให้สิ้นซากได้
“จับมัน!” งูเขียวตะโกน
ชายสองคนที่อยู่ใกล้ประตูพุ่งเข้ามาพร้อมเสียงคำรามดังก้อง
ยวินหยางเดินเข้าหาโดยไม่พูดจา สายตาเย็นเยือก ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยมขณะอีกฝ่ายเข้ามาหา
เพียงสะบัดดาบอย่างรวดเร็วก็ทำให้ศีรษะสองหัวตกลงมา เลือดกระเซ็นออกจากคอราวน้ำพุแฝด ยวินหยางเตะร่างไปด้านข้างแล้วยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ
แต่ละก้าวส่งเสียงเหมือนกับเสียงระฆังมรณะของงูเขียว
เลือดบนใบหน้าเหือดแห้งขณะสั่นสะท้าน มองชายชุดดำด้วยความหวาดกลัว
ชายโหดเหี้ยมคนนี้คือใคร? เขาเข้าลานบ้านแล้วเริ่มฆ่าตามอำเภอใจโดยไม่พูดจาสักคำ!
“เจ้าเป็นใคร?” งูเขียวหวาดกลัว ถอยหลังราวกับหนูขี้ขลาด “ท่านอัศวิน ข้ามั่นใจว่าพวกเราสามารถคุยกันได้… ข้า… ข้าไม่รู้ว่าไปทำให้ท่านขุ่นเคืองเมื่อไหร่และอย่างไร…”
ยวินหยางยังคงเดินต่อไปโดยไม่เปิดปากพูด ความบ้าคลั่งอันโหดเหี้ยมชัดเจนขึ้นในทุกย่างก้าวที่เดิน ชายอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูพยายามหลบหนี แต่ด้วยประกายของดาบชั่วร้ายนั่น ศีรษะสองหัวตกลงมา มันเกิดขึ้นเร็วมากจนร่างไร้ศีรษะยังหาทางก้าวไปอีกสักพักก่อนล้มลงกระแทกกับพื้น
เครื่องในของงูเขียวถึงจุดที่ปั่นป่วนไปหมด ความหวาดกลัวข้างในแผ่ซ่านออกมา “ท่านอัศวิน… ท่านอัศวิน… นี่มันเรื่องอะไรกัน? ท่านเป็นใคร? ทำไมถึงทำแบบนี้?”
ยวินหยางเงียบขณะยังคงก้าวต่อไป ดาบทิ้งคราบเลือดสีชาดไว้ด้านหลัง
“ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง…”
มันเสียงเลือดหยดจากดาบ มันยังคงโค้งงอ ส่งเสียงราวกับราชาแห่งนรกอัญเชิญพวกมันมา ชายสามคนยังคงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวขณะคุกเข่า “ท่านอัศวินเมตตาด้วย… โปรดเห็นอกเห็นใจด้วย… ข้าน้อยผู้ต่ำต้อยยังมีแม่วัย 80 ปีกับลูกอายุ 3 ขวบ…”
โดยไม่ขยับ ยวินหยางโบกดาบอย่างเฉยเมย ศีรษะสามหัวกลิ้งไปมา
เหลือเพียงงูเขียวที่อยู่ในห้อง
ยวินหยางฆ่าไปเจ็ดคนนับตั้งแต่ที่ก้าวเข้าห้อง ไม่ปริปากพูดสิ่งใด เท่าที่รู้ กลุ่มงูเขียวมีสมาชิก 12 คน หากรวมสี่คนที่ตายด้วยมือของเขาก่อนหน้านี้ เท่ากับฆ่าล้างบาง คนเดียวที่เหลืออยู่คือหัวหน้ากลุ่ม งูเขียว
“ตึก ตึก”
ฝีเท้าของยวินหยางดังชัดขณะเดินมาหางูเขียว ก้าวแล้วก้าวเล่า
งูเขียวขยับไปไหนไม่ได้ด้วยความหวาดกลัว เขายังไม่รู้ว่าไปทำให้เครื่องจักรสังหารคนนี้ขุ่นเคืองอย่างไรและเมื่อไหร่ ปีศาจตนนี้ยังไม่ปริปากอะไรขณะแยกศีรษะคนของเขาออกจากร่าง
ขณะชำเลืองมองลงมา เขาเห็นรองเท้าของยวินหยางมาอยู่ตรงหน้า เขารู้ว่าไม่มีทางหนีแล้ว ราวกับหนูถูกต้อนจนมุม เขาคลุ้มคลั่งด้วยความหวาดกลัว
ดาบของยวินหยางยกขึ้นมาแล้ว
“ช้าก่อน!” งูเขียวตะโกน “นี่… นี่คือเมืองเทียนถัง พวกเราปฏิบัติตามกฎหมายของราชา! ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่นักบุญ แต่อาชญากรรมที่ข้าเคยก่อไม่นับเป็นความรุนแรงต่อเมืองหลวง! ท่าน ท่านกล้าปฏิเสธกฎหมายของราชา สังหารผู้คนโดยไม่รู้สึกผิดเลยอย่างนั้นหรือ?”
กฎหมายของราชาหรือ?
ยวินหยางแทบจะกลอกตา แต่หาทางรักษาสีหน้าเอาไว้ได้
เขายกดาบสูงขึ้น
งูเขียวแทบหลั่งน้ำตา “ท่าน… ต่อให้ท่านอยากฆ่าใครสักคน ต่อให้ท่านอยากฆ่าข้า อย่างน้อยก็ต้องมีเหตุผลสิ! ทำไม? ทำไม!?”
“ทำไมหรือ?” ยวินหยางนิ่ง ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างอหังการ “เจ้ามีลูกน้องที่ชื่อหวังเป้าใช่หรือไม่?”
งูเขียวจ้องมอง ดวงตาของเขาเบิกกว้างมากพอจนคล้ายกับกำลังจะหลุดออกจากใบหน้าได้ “ใช่… ใช่แล้วล่ะ”
“หวังเป้าราวีแม่ม่ายลูกอ่อน ดังนั้นข้ามาที่นี่เพื่อดูว่าทุกคนในกลุ่มของเจ้าเป็นสวะแบบเดียวกับมันหรือเปล่า”
งูเขียวแข็งทื่อ ความสิ้นหวังเกาะกุมในดวงตาขณะตะโกน รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง “หวัง… หวังเป้าคนนั้นราวีแม่ม่ายลูกอ่อน… ก็เลยมาฆ่าข้างั้นหรือ?” เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “แล้ว… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?!”
“ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์! ข้า…”
ก่อนเขาจะทันได้ประท้วงจบ ศีรษะกลิ้งมาอยู่บนพื้นแล้ว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่เข้าใจ ขณะร่างทรุดลงกับพื้น ความคิดสุดท้ายของงูเขียวยังคงอยู่ท่ามกลางความสับสนนั้น
ทำไมเขาถึงถูกฆ่า เพียงเพราะหวังเป้าราวีคนอื่นอย่างนั้นหรือ?
จากนั้นก็ไม่มีเหลือใครอยู่ที่นั่น
ยวินหยางทำความสะอาดดาบกับร่างกายก่อนใส่ฝัก เขามองศพที่กองกับพื้นด้วยสายตาเย็นเยือก
“กฎหมายของราชา… สวะพวกนี้อยากพูดเรื่องกฎหมาย… กับข้า”
ยวินหยางพึมพำ “วิกฤติของชาติลดลง พรากมโนธรรมของคนคดโกงเหล่านี้ ความผิดของมันไม่สามารถเรียกร้องให้ลงโทษประหารตามกฎหมายได้ แต่พวกมันควรถูกฆ่าเพราะกดขี่ทหารผ่านศึกพิการ! ต้องถูกฆ่าเท่านั้น!”
ขณะมองซากศพไร้ศีรษะของงูเขียวบนพื้น เขากล่าวว่า “เจ้าพูดถูก มีกฎหมายของราชาอยู่ในเมืองนี้ เป็นความจริงที่เจ้าไม่ต้องตายจากการทำความผิดหากยึดตามกฎหมาย”
“ทว่า ถึงแม้กฎหมายของราชาจะยอมให้เจ้ามีชีวิต แต่ข้าไม่ยอม”
ยวินหยางหันหลังแล้วจากไป เขารู้สึกถึงพลังงานลึกลับถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง
จิตใต้สำนึกของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ต้นอ่อนดอกบัวแห่งโชคชะตาอนันต์ขนาดเล็กเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วขระแกว่งไกว มากจนยวินหยางประหลาดใจ
“ความชั่วร้ายที่ไม่อาจยกโทษให้มีแต่ต้องถูกกำจัดด้วยดาบ ตามด้วยการดูดกลืนอากาศแห่งความอยุติธรรม ก่อเกิดเป็นใบบัวแห่งโชคชะตาอนันต์”