บทที่ 142 - นักสำรวจคนที่สาม (6)
บทที่ 142 - นักสำรวจคนที่สาม (6)
”
"มันดูเหใอยขะเป็ยเหตุการณ์ดันเจี้ยน ไปกันเถอะ"
พ่อได้ชี้ไปที่คฤหาสน์ที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหนามและตะโกนออกมา ฉันได้กอบกลับไปสั้นๆ
"กลับกันเถอะ"
"ไม่สิ ทำไมล่ะ!?"
วอร์คเกอร์ได้ตอบแทนฉัน
"คัง ยงอูนี่มันคือคฤหาสน์ มันเป็ฯหนึ่งในสองนักสำรวจที่เหลือที่คังชินได้พูดถึง"
"อะไรนะ มันไม่ใช่เหตุการดันเจี้ยนหรอกหรอ?"
พ่อได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจในขณะที่สัมผัสกับประตูเหล็กที่ปิดสนิท ทันทีหลังจากนั้นมานาก็ได้ไหลผ่านประตูและผลักมือของพ่อออกไป พ่อนี้งี่เง่าจริงๆ! ในขณะเดียวกันก็ได้มีเสียงดังขึ้นในหูของฉันอีกครั้ง มันเป็นช่องสื่อสารของบียอน
[อย่า เข้า มา]
มันเป็นเสียงที่เย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อคิดว่านักสำรวจคนที่สองก็ยังคงอยู่ในคฤหาสน์
[ขอโทษด้วยสำหรับความหยาบคายของพรรคพวกฉัน เขาคิดว่านี่เป็นเหตุการณ์ดันเจี้ยนนะ ฉันจะพาเขากลับไปในทันที ขอโทษด้วย]
[อย่าได้กลับมาอีก... อย่าได้ทำให้ฉันรำคาญ...]
เพียงแค่ได้คุบกันครู่หนึ่ง ฉันก็ได้เข้าใจในทันทีเลยว่าผู้หญิงคนนี้อ่อนล้าง่ายๆ พวกเราจะต้องอยู่ในพื้นที่พักอาศัยเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่กลับมาที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ? ถึงแบบอย่างนั้นฉันก็ได้ตอบกลับไปในสิ่งที่เธอต้องการจะฟัง
[เข้าใจแล้ว ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ]
หลังจากได้ขอโทษเธอแล้ว ฉันก็ได้จ้องไปที่พ่อและพาทุกคนออกไปจากคฤหาสน์นี้ แต่ว่าก่อนที่ฉันจะออกเดินไป เธอก็ได้ถามกลับฉัน
[โลกของนาย...ล่วงหล่น?]
[ไม่]
[เข้าใจแล้ว....]
เธอยังคงพูดต่อไป
[ถ้านายคิดว่านายจะตาย บอกฉัน... ฉันต้องการที่จะซื้อศพของนาย]
[มันไม่ใช่สิ่งที่ไว้ขาย! และเธอหมายความว่ายังไงเมื่อฉันคิดว่าฉันจะตาย!?]
เจ้าพวกสูงวัยนี้ต่างก็น่ารำคาญ
สมบัติที่นักสำรวจที่หนึ่งพูดถึงอยู่ทางด้านทิศตะวันตกมันก็คือเหตุการณ์ดันเจี้ยน ใช่แล้วและมันก็มีมากกว่าหนึ่ง พวกมันได้กระจายตัวกันอยู่ในรูปแบบของประตู มันไม่มีอะไรอีกเลย ดังนั้นประตูของเหตุการณ์ดันเจี้ยนจึงเป็นสิ่งลึกลับสิ่งเดียวที่อยู่ที่นี่ นี่ก็คือสิ่งที่เขาได้พูดถึง
เมื่อมองไปที่ประตูเหตุการณ์ดันเจี้ยนที่กระจายอยู่ ฉันก็ได้สงสัยว่าในพื้นที่พักอาศัยของดันเจี้ยนอื่นๆมันก็ยังจะมีทางเข้าเหตุการณ์ดันเจี้ยนแบบนี้อยู่ไหม มันคงจะแปลกถ้าหากมีเหตุการณ์ดันเจี้ยนเพียงแต่ในพื้นที่พักอาศัยของบียอน แต่ว่าตั้งแต่ที่ฉันได้เข้าไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนในสวนแฟรี่ฉันก็ได้คิดว่ามันเป็นไปได้
"เอาล่ะ พวกเราไปดูรอบๆกันก่อนจะกลับเถอะ"
"ใช่แล้ว ไปกันเถอะ"
"ฉันหิว"
"มีส่วนผสมอาหารอยู่ในโกดังของคฤหาสน์ หนูสามารถจะทำอาหารบางอย่างที่นั้นได้ หนูต้องการจะเลี้ยงอาหาศทุกคนในมื้อนี้ ดังนั้นนี้ก็เป็นโอกาสดีเลย"
"หืมม ลูกสาวคนใหม่จากญี่ปุ่นนี่มีมารยาทที่ดีจังเลย ชินนพ่อของแนะนำให้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนใหม่"
"นะ หนูสามารถเป็นน้องของคุณชินได้ยังไง.... แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็ต้องการที่จะเป็นลูกศิษย์ของคุณชิน!"
"อย่าได้แต่งตั้งหญิงสาวโดยที่เธอไม่ยินยอมสิพ่อ"
เมื่อไม่มีใครคัดค้านความคิดของฉันพวกเราก็ได้กลับไป เราได้คุยกันเล็กๆน้อยๆก็ที่จะออกห่างจากประตูที่เขียนว่าระดับ SSS เพราะแบบนั้นการสำรวจพื้นที่พักอาศัยของบียอนก็ได้สิ้นสุดลง
เจ้านักสำรวจที่หนึ่งนั้น ฉันจะต้องแก้แค้นในสักวันหนึ่ง
ตามที่ฉันคาดหวังว่าจะได้เจอสิ่งอื่นนอกจากโทรลบนชั้นที่ 51 ที่ดูเหมือนจะปรากฏตัวในชั้น 51 ไปจนถึงชั้นที่ 55 แล้ว นอกจากโทรลก็คือมิโนทอร์
พวกมันไม่ได้มีพลังการฟื้นตัวที่สูงเหมือนกับโทรล แต่ว่าขวานกระดูกของมิโนทอร์นั้นทั้งใหญ่และทรงพลัง หลังจากที่ได้ผ่านชั้นที่ 52 ในเวลา 3 ชม. ฉันก็ได้ท้าทายฉันที่ 52 อีกครั้ง มันเป็นเพราะว่ากระดูกที่แหลมคมของมิโนทอร์มันเหมาะสำหรับที่จะมาใช้เป็นลูกศรของหน้าไม้ แม้ว่าชั้นที่ 2 ของบียอนจะแตกต่างไปจากชั้นที่ 1 แต่ว่าฉันก็ควรจะเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนที่จะเสียใจ
"ชินดวงตาของนายได้ดูแตกต่างไปบ้างแล้ว"
"ดวงตาของฉัน?"
เมื่อฉันได้กลับไปที่ร้านขายของประจำชั้นเพื่อพักผ่อนหลังจากรวบรวมกระดูกดูกมิโนทอร์ โรเล็ตต้าก็ได้พูดขึ้นทันทีหลังจากที่มองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ
"ต่างยังไงหรอ?"
"อืมมม มันดูจริงจังมาขึ้นเล็กน้อย ปกติแล้วมันก็ดูจริงจังอยู่เสมอ แต่ว่าในตอนนี้มันดูเหมือนว่าจะจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนะ หุหุ ดูเหมือนว่าบียอนจะไม่ใช่เรื่องง่ายสินะ"
"ใช้เวลา 2 สัปดาห์นั่นก็เป็นเหตุผลแล้ว มันมีปัญหาที่มากมายและฉันจะต้องคิดให้มากขึ้น"
"ด้วยเลเวลของชิน 2 สัปดาห์มันก็คือปาฏิหารณ์แล้ว"
"โรเล็ตต้า อืมม..."
"ว่าไงหรอ?"
"ไม่ ไม่มีอะไรหรอก"
เมื่อฉันหยุดพูดกลางคัน โรเล็ตต้าก็ได้มองมาอย่างประหลาดใจ
"ชิ ชินมีอะไรที่ซ่อนฉันเอาไว้หรอ...!"
"สิ่งที่ฉันซ่อนจากโรเล็ตต้าหรอ? มีอยู่มากเลยนะ"
"อึก! อะ อะไรมั้งล่ะ! เร็วๆเลย รีบๆบอกฉันมา ฉันอยากจะได้ยินมันทั้งหมด แม้ว่าฉันจะต้องใช้เวลาฟังตลอดทั้งคือก็ตาม! ผู้หญิงหรอ เกี่ยวกับผู้หญิงใช่ไหม?"
"ฉันไม่บอกเธอหรอก ฉันจะกลับไปเก็บกระดูกมิโนทอร์ให้มากกว่านี้"
"ชินนนนนนนน...."
บางทีฉันอาจจะทำได้ไม่ดีในการเลี่ยงคำตอบ เพราะโรเล็ตต้าได้มีหยาดน้ำตาติดอยู่ทำให้ฉันเกือบจะลืมในสิ่งที่จะพูด
เพียงเพราะว่ามันเป็นบียอนก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีมอนสเตอร์ที่แตกต่างออกไปปรากฏบนแต่ละชั้น เมื่อฉันได้มาถึงชั้นที่ 2 ฉันก็กังวลว่าฉันอาจจะต้องสู้กับวิญญาณพยาบาทบนชั้นที่ 10 ฉันก็ต้องเอียงหัวงงกับพวกออร์คลอร์ดที่มีมากยิ่งขึ้น
"ก๊าซซซซซซซซซซ"
"ก๊าซซซซซซซซซ"
"หือ เจ้าพวกนี้มันตะโกนเหมือนกันเลย"
เหมือนกับในดันเจี้ยนที่หนึ่ง ออร์คลอร์ดบนชั้นที่ 2 ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าออร์คลอร์ดบนชั้นที่ 1 ยังไงก็ตามการเพิ่มพลังของกำแพงก็ยังแข็งแกร่งขึ้นด้วยทำให้มันไม่ก่อให้เกิดปัญหามากนัก แต่ว่ามันจะน่ารำคาญเมื่อพวกออร์คลอร์ดได้เริ่มที่จะโยนอาวุธของพวกมัน
แน่นอนว่าเมื่อพวกมันได้แข็งแกร่งขึ้น นั่นหมายถึงว่าการโดนโจมตีด้วยอาวุธของพวกมันก็จะทำให้ฉันถูกฆ่าในทันที ด้วยการโยนอาวุธนี้ก็ทำให้ฉันต้องคำนวนในการยิงลูกศรมากขึ้นไปอีก ยังไงก็ตามหลังจากได้ใช้เวลากับมันอยู่สองสามวันฉันก็ได้คิดวิธีที่จะฆ่าพวกมันได้เร็วขึ้น เพราะว่าตั้งแต่ที่พวกมันได้โยนอาวุธเข้ามาเพียงแค่ฉันหาจุดยืนดีๆเมื่อพวกมันโผล่มาฉันก็สามารถจะปัดอาวุธพวกมันทิ้งและฆ่าพวกมันได้ ยังไงก็ตามในบางกรณีฉันก็จะต้องใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลบอาวุธของพวกมัน
ในตอนท้ายแล้วฉันก็ได้ใช้เวลาเพียงแค่ 10 วันในการเคลียร์ชั้นที่ 2 ของบียอน เหมือนกับคราวที่แล้ว เสียงคำรามสีชาดทำงานได้ดีมากในตอนท้าย
"บางที.... ฉันอาจจะเป็นอัจฉริยะ....!"
[นายท่ายพูดเหมือนกับนายท่านเป็นเด็กหนุ่มที่หยิ่งยะโสเลยนะ]
[ชินเท่จัง!]
หลังจากที่ฉันได้เคลียร์ชั้นที่ 2 ของบียอน มันก็ได้ถึงเวลาการสอบปลายภาคของมหาลัย หลังจากได้คิดอยู่เล็กน้อย ฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะลาออก เมื่อฉันได้เข้าสู่บียอนฉันก็จะไม่สามารถจะออกไปได้เป็นเวลาหลายวัน แม้ว่าฉันจะเคยเรียนไปในขณะที่ปีนดันเจี้ยนชั้นแรกไปด้วย แต่ว่าการทำแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้สำหรับบียอน
ระหว่างมหาลัยกับดันเจี้ยนมันเห็นได้ชัดเลยว่าอย่างหลังสำคัญกว่า ทั้งหมดที่ฉันไปมหาลัยก็เพราะตอบสนองต่อความต้องการของแม่และเมื่อให้ภาพลักษณ์ภายนอกของฉันถูกต้อง แม้อย่างนั้นในตอนนี้แม่ก็ดูเหมือนจะเปลื่ยนความคิดไปแล้วหลังจากที่ฉันได้กลับมาจากอเมริกา แม่ได้บอกกับฉันว่าฉันสามารถจะทำในสิ่งที่ฉันต้องการได้
อย่างไรก็ตามเมื่อฉันได้บอกกับเยอึนเกี่ยวกับเรื่องการล่าออกเธอก็ตะโกนขึ้นและก็ลาออกเช่นกัน
"ทำไม!?"
"ฉันต้องการที่จะเน้นไปที่ดันเจี้ยนเหมือนกัน! ฉันจะต้องได้รับชื่อที่แท้จริงของเทพเจ้าและไปที่บียอน"
"ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถจะได้รับมาง่ายๆ เธอควรจะคิดเกี่ยวกับมันให้รอบคอบ"
"ฉันทำได้ ฉันได้คิดอย่างรอบคอบแล้วเกี่ยวกับอนาคตของฉัน และได้วางแผนที่จะสร้างครอบครัว"
"ไม่ ฉันมั่นใจได้เลยว่าเธอยังไม่ได้คิดอย่างรอบคอบหลังจากได้ยินแบบนั้น มันไม่มีทางที่เราจะกลายเป็นครอบครัว"
"นายไม่สามารถจะพูดได้ว่านั่นมันแน่นอนแล้ว! ดังนั้นฉันจะทำให้ดีที่สุด"
เวรล่ะสาวน้อยที่ขี้ขลาดขี้อายไปไหนกันนะแล้วผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีและตรงไปตรงมาคนนี้มาจากที่ไหนกัน...!? แม้ว่าความคิดที่ไม่ยอมแพ้ของเธอจะเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับฉัน แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเป็นนักสำรวจ
นอกจากนี้ไม่ว่าฉันจะพยายามหยุดเธอมากแค่ไหนก็ตามมันก็ได้สายเกินไปแล้ว การลาออกของเธอได้รับการอนุมัติไปแล้ว เยอึนได้เริ่มบดขยี้บอสชั้นที่ 50 เพื่อคริสตัลเยือกแข็งอย่างรวดเร็ว
เธอควรที่จะมีปัญหาในการต่อต้านพลังงานเยือกแข็งขอเวนดิโก้ แต่ว่าเธอได้ใช้มานาของเธอที่สูงเป็นพิเศษต่อต้านและใช้ไอเทมป้องกันที่เธอซื้อมาจากร้านขายของทำให้เธอสามารถที่จะเอาชนะเวนดิโก้ได้สามครั้งต่อวัน มันคงจะเป็นการโกหกถ้าฉันจะบอกว่าฉันไม่รู้สึกภูมิใจกับความพยายามของเธอที่เธอทุ่มเทมา ถ้าหากว่าการตัดสินใจที่จะปีนดันเจี้ยนแล้วฉันเห็นเธอในแบบที่ดีขึ้นมันก็เป็นการตัดสินใจที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ... ฉันไม่ควรเลยที่จะไปพังมัน
สำหรับบียอนชั้นที่ 3 มันแตกต่างไปจากชั้นที่แล้วอยู่เล็กน้อย มอนสเตอร์ที่ฉันได้คาดหวังมันได้ปรากฏตัวขึ้นมาในที่สุด มันก็คือราชินีวิญญาณและแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น การปรากฏตัวที่กึ่งโปร่งแสงพร้อมใส่ชุดเดรสที่ดูโทรมเหมือนจะเป็นรังของแมงมุม ทำให้การมองพวกมันบินอยู่และกรีดร้องค่อนข้างจะน่าตระหนก ในที่แห่งนี่ฉันได้ปลกกับสถานการณ์ที่แปลกๆเสมอ
[กรี๊ดดดดดดดดดด]
[ก๊าซซซซซซซซซซซ]
[มนุษย์ มนุษย์ ชีวิต!]
[ราชินีวิญญาณได้ใช้คำสาปแช่งของวิญญาณพยาบาท! ด้วยพลังเวทย์ เสน่ห์ และโชคที่สูง คุณสามารถที่จะต้านทานความสับสนและตื่นกลัวได้]
[ราชินีวิญญาณได้ใช้คำสาปแช่งของวิญญาณพยาบาท! ด้วยพลังเวทย์ เสน่ห์ และโชคที่สูง คุณสามารถที่จะต้านทานความสับสนและตื่นกลัวได้]
[ราชินีวิญญาณได้ใช้คำสาปแช่งของวิญญาณพยาบาท! 'ดวงตาซัคคิวบัส' จะแสดงผลย้อนกลับ]
[กรี๊ดดดด! มนุษย์ มีมนุษย์มากเกินไปแล้ว! ที่นี่มีมนุษย์มากเกินไป ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันที]
"ว้าว...."
เมื่อพวกมันได้ล้มลงไปและตัวสั่น ราชินีวิญญาณดูน่ารักมากทีเดียว... ฉันหมายความว่าจัดการได้ง่ายนะ เนื่องจากว่าสเตตัสพลังเวทย์ เสน่ห์และโชคของฉันสูงและฉันได้เพิ่มระดับทักษะป้องกันวิญญาณจนถึงเลเวล 5 ฉันก็สามารถจะป้องกันทักษะของราชินีวิญญาณได้อย่างง่ายดาย
และเพราะฉันได้มีต่างหูที่จะป้องกันผลของสถานะทางจิตใจแล้ว บียอนชั้นที่ 3 นี้ก็กลายเป็นเรื่องง่ายมากๆสำหรับฉัน แม้ว่าราชินีวิญญาณจะสามารถอัญเชิญวิญญาณมาได้และยิงศรพลังจิต แต่พวกวิญญาณก็จะตายภายในครั้งเดียวจากการเหวี่ยงหอกของฉัน และศรพลังวิญญาณก็ทำให้ฉันฆ่าพวกมันได้เร็วขึ้นเพราะฉันได้ปัดมันใส่กำแพงเหมือนๆกับในตอนง้าวของออร์คลอร์ด
อย่างไรก็ตามถ้าหากฉันไม่มีทักษะป้องกันวิญญาณหรือเลเวลทักษะต่ำอยู่ ฉันก็จะต้องใช้ทักษะวอคลายในทุกๆวันเพื่อล่าพวกมันเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นก็ซ่อนตัวอีกเป็นเวลา 23 ชม. 55 นาที บียอนชั้นที่ 3 นี้เป็นสถานที่สำหรับทดสอบการป้องกันผลทางจิตใจหรือสถานะใดสถานะหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีก๊าซนอนหลับ พิษ พื้นที่มืดและกับดักน้ำแข็ง สายฟ้ามันก็จะเป็นสิ่งที่ทรมานนักสำรวจได้ในอีกทางหนึ่ง
เมื่อพิจารณาในโครงสร้างดันเจี้ยนที่หนึ่ง ฉันก็คาดว่าออร์คลอร์ดมันจะปรากฏตัวในชั้นที่ 3 อีก แต่ว่ามันมีเพียงแค่ราชินีวิญญาณเท่านั้นที่ปรากฏบนชั้นที่ 3
จากนั้นฉันก็ตระหนักได้แม้แต่ในดันเจี้ยนที่หนึ่งก็จะมีอยู่หลายครั้งที่มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวในชั้นที่ 1 และสองจะแยกออกไปจากมอนสเตอร์ที่อยู่บนชั้นที่ 3 ส่วนชั้นที่ 4 จะเป็นการรวมกันของพวกมัน และชั้นที่ 5 นั้นจะเป็นพวกมันในเวอชั่นที่เสริมพลัง
ถ้าหากว่าบียอนนั้นทำงานเหมือนๆกัน ฉันก็จะต้องต่อสู้กับออร์คลอร์ดและราชินีวิญญาณในชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 อาจจะมีมอนสเตอร์ที่เป็นการรวบจุดแข็งของออร์คลอร์ดและราชินีวิญญาณ มอนสเตอร์ที่สามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีทางจิตใจและการโจมตีทางร่างกาย....มันจะเป็นมอนสเตอร์ที่นรกแตกขนาดไหนกันนะ? โชคดีที่การป้องกันท่างจิตใจของฉันนั้นมีพอแล้ว
ยังไงก็ตาม...ฉันยังไม่สามารถที่จะตามดันเจี้ยนได้ทัน ในตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรบาง ฉันต้องการที่จะมุ่งหน้าผ่านมันไปให้ได้
ดังนั้นฉันเลยได้ส่งข้อความไปผ่านช่องสนทนาของกิลด์
[ทุกคน เราคงจะไม่ได้เจอกันไปอีกพักหนึ่งนะ]
[มะ ไม่นะชิน อย่านะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษกลับมาเถอะนะ ฉันจะไม่เห็นแก่ตัวอีกแล้ว ฉันจะไม่แอบคลานเข้าไปในเตียงของชินแบบลับๆอีกต่อไป]
ตามที่คาดเอาไว้รูเดียได้เริ่มต้นด้วยการขอโทษ
[ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ? ฉันสามารถจะไปช่วยได้ไหม?....ยิ่งไปกว่านั้นรูเดียเธอบอกว่าเธอคลายไปที่เตียงของชิน?]
[นั่นมันเยี่ยมมาก ฉันจะไม่ได้เห็นหน้าของนาย โชค... อึก!]
ฮวาหยาและวอร์คเกอร์ก็ได้ตอบกลับมาตามที่ฉันได้คาดหวังเอาไว้ อย่างไรก็ตามการตอบสนองจากพ่อนั้นน่าแปลกใจ
[แกกำลังจะฝึกฝนงั้นหรอ?]
[พ่อ...]
พ่อได้ค้นพบมันในทันที
[พ่อลูกว่าแกมีปัญหาเพราะว่าฝีมือหอของแกไม่ได้พัฒนาขึ้นเลยเมื่อเร็วๆนี้... แกต้องการความช่วยเหลือจากพ่อคนนี้ไหม?]
[ไม่ ผมจะพยายามมันด้วยตัวเองครับพ่อ]
[หืมม เข้าใจแล้ว ในตอนนี้แกเหมาะสมกับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว]
[หนูก็ต้องการจะช่วยคุณชินเหมือนกัน....แต่ว่าความสามารถในด้านหอกของหนูยังต่ำเกินไป...]
เมื่อใดก็ตามที่สุมิเระมีเวลาว่าง เธอก็จะมาเรียกทักษะหอกจากฉัน
[ชิน ฉันทำอะไรพลาดไปหรือป่าว?]
[เหมือนอย่างที่พ่อฉันพูดแหละ ฉันกำลังจะไปฝึก ไม่ใช่เพราะเธอดังนั้นไม่ต้องกังวลนะ]
[นายจะไปนานแค่ไหนกัน?]
[ฉันไม่รู้มันก็อาจจะพักหนึ่งแหละนะ]
[...อืมม ฉันจะอดทน แต่ว่าถ้ามันนานเกินไป....]
[ถ้างั้นฉันก็จะได้รับชื่อของเทพเจ้าที่แท้จริงก่อนที่ชินจะกลับมา!]
[ชะ โชคดีนะคะคุณชิน!]
เยอึนได้ขัดจังหวังของรูเดียโดยการตะโกนออกมาอย่างมีไฟ ชูนะก็ยังให้กำลังใจฉัน ฉันได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
[ฉันจะเปิดช่องการสนทนาเอาไว้ ดังนั้นพวกเราสามารถจะคุยกันได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลมากไปหรอกนะ]
[ถ้าแกได้รับในสิ่งที่แกต้องการแล้ว เราจะมาดวลกันเมื่อแกกลับมา]
[แน่นอนพ่อ]
หลังจากที่ได้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจแล้ว ฉันก็ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งที่ฉันได้พักอยู่ ราชินีวิญญาณที่บินอยู่รอบๆได้กรี๊ดร้องออกมาและพุ่งเข้าใส่ฉันในทันทีที่พวกมันเห็นตัวฉัน ฉันได้ยกหอกขึ้นและเล็งไปทางพวกมัน ฉันได้วางแผนที่จะใช้เพียงแต่หอกของฉันในการต่อสู้กับราชินีวิญญาณ อ่า แล้วก็วงจรเพรูต้าด้วย
เหตุผลนั้นก็ง่ายมาก การต่อสู้กับราชินีวิญญาณ ฉันสามารถที่จะใช้หอกได้อย่างอิสระโดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตายและในที่แห่งนี้...ที่นี้...!
ขอโทษด้วยนะพ่อ แต่ว่ามันดูเหมือนว่าค่าประสบการณ์ทักษะมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในที่แห่งนี้! ผมจะกลับไปหาพ่อด้วยเทคนิคหอกของเพรูต้านะ!