ตอนที่แล้วบทที่ 99 ตัวตนที่ถูกเปิดเผย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 101 จ่างซุนอู๋จี้

บทที่ 100 สุสานราชันสวรรค์


“ช่างมันเถอะ หากสวรรค์ต้องการชีวิตข้า ถึงจะดิ้นรนไปก็ไร้ความหมาย” เจียงอี้พึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ขับไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปและเอ่ยถาม “แล้วอย่างที่สองล่ะ?”

เฉียนว่านก้วนลอบชื่นชมความสงบนิ่งของเจียงอี้อยู่เงียบๆ หากใครบางคนรู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นเป้าสังหารของผู้ที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรได้ พวกเขาจะสามารถใจเย็นได้อย่างเจียงอี้หรือไม่?

เจ้าอ้วนเปิดปากและกล่าว “สุสานหุบเขาหมื่นมังกรของราชันสวรรค์กำลังจะเปิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ข้าคิดว่าการชำระโลหิตประจำปีของสำนักก็จะจัดขึ้นที่นั่นเช่นกัน! สุสานของราชันสวรรค์จะเปิดทุกๆห้าสิบปีและมันก็เป็นโอกาสที่หาได้ยากนัก!”

“สุสานของราชันสวรรค์? มันคืออะไร?”

เจียงอี้ขมวดคิ้ว ฉายา ‘ราชันสวรรค์’ จะมอบให้กับยอดฝีมือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก สุสานของราชันสวรรค์ถือเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ใครกันที่จะกล้าเข้าไปรบกวน? แล้วเหตุใดสำนักถึงเลือกที่จะจัดเทศกาลชำระโลหิตข้างในนั้น?

“ลูกพี่ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้สินะ”

เฉียนว่านก้วนอธิบายต่อ “หุบเขาหมื่นมังกรซึ่งเป็นสุสานของราชันสวรรค์เป็นสถานที่ๆพิเศษมากและตั้งอยู่ระหว่างชายแดนของทั้งสามอาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรเสินหวู่, อาณาจักรต้าเซี่ยและอาณาจักรเซิ่งหลิง มันเป็นพื้นที่ๆไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของทั้งสามอาณาจักร”

“ราชันสวรรค์หมื่นมังกรเป็นยอดฝีมือเมื่อสองหมื่นปีก่อน ในตอนที่เขายังคงมีชีวิตอยู่นั้น ครึ่งชีวิตของเขาหมดไปกับการปล้นชิงอาวุธยุทธภัณฑ์และทักษะวิชา”

“ในตอนที่ราชันสวรรค์ใกล้จะตาย เขาไม่มีทายาทผู้สืบทอด ดังนั้นเขาจึงเก็บสมบัติทั้งหมดไว้ในสุสานหุบเขาหมื่นมังกร จากนั้นก็วางผนึกที่น่าเกรงขามไว้บนสุสานซึ่งจะเปิดขึ้นทุกๆห้าสิบปี แต่มีเพียงผู้ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเสินโหยวเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปสำรวจและค้นหาขุมทรัพย์ภายใน สถานที่แห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในสามแหล่งสมบัติที่สำคัญของทวีป”

“เรื่องแบบนี้มัน…”

เจียงอี้พอจะคาดเดาได้แล้วว่าราชันสวรรค์หมื่นมังกรต้องการที่จะให้คนรุ่นหลังได้แสวงหาขุมทรัพย์ที่อยู่ในสุสาน แต่เขาก็ยังเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าสับสน

“สุสานนี้อยู่มานานมากกว่าสองหมื่นปี แม้ว่าจอมยุทธขอบเขตเสินโหยวจะไม่สามารถเข้าไปได้ แต่สมบัติที่อยู่ภายในก็คงถูกผู้อื่นกวาดเรียบไปแล้วกระมัง?”

“ฮ่าฮ่า!”

เฉียนว่านก้วนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะกล่าว “ลูกพี่ เจ้ามันช่างไร้เดียงสาจริงๆ! เจ้าคิดว่าสุสานของราชันสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นเพียงสุสานกระจอกๆหรือยังไง? ข้าจะบอกให้นะ ภายในนั้นเป็นมิติลี้ลับขนาดใหญ่ ต่อให้มีนักล่าสมบัติเป็นหมื่นคนก็ยังไม่สามารถสำรวจสุสานได้หมดภายในเวลาหนึ่งปี”

“ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติต่างๆยังถูกจัดสรรไว้แบบสุ่มและตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถเข้าไปถึงส่วนในได้…”

“ลึกลับขนาดนั้นเชียว?”

เจียงอี้แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หัวใจของเขาเต้นรัว ใครบ้างที่ไม่ชอบสมบัติ?

นอกจากนี้ หลังการชำระโลหิต เจียงอี้จะได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สำนักสามัญและการชำระโลหิตในครั้งต่อไป เขาก็จะได้กลายเป็นศิษย์ชั้นยอด เมื่อหมอเทวะอย่างปรมาจารย์เลี่ยวเดินทางกลับมาถึงสำนัก เขาก็จะสามารถขอให้อีกฝ่ายช่วยรักษาเจียงเสี่ยวนู๋ได้

แต่ไม่นานนัก อารมณ์ของเจียงอี้ก็ห่อเหี่ยวลง หากเขาต้องการที่จะเข้าร่วมการชำระโลหิตภายในสุสานของราชันสวรรค์ เขาก็จำเป็นต้องออกจากสำนักจิตอสูร แม้ว่าจะมีเหล่าอาจารย์ของสำนักเป็นผู้กำกับดูแลความเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่ภายนอก เจียงนี่หลิวก็มีโอกาสที่จะลอบสังหารเขาได้อย่างไม่ยากเย็น

เฉียนว่านก้วนรู้ว่าเจียงอี้กำลังคิดอะไร เขาจึงเอ่ยออกมา “หากการชำระโลหิตถูกจัดขึ้นในสุสานของราชันสวรรค์ เจ้าจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีอาจารย์ของสำนักไปด้วย แต่เจ้าก็ยังมีโอกาสตายสูงมาก! ในความคิดของข้า ข้าคิดว่าเจ้าควรจะยอมแพ้ซะ”

“ยอมแพ้?”

เจียงอี้ส่ายหัวและกล่าวอย่างดุดัน “เป็นไปไม่ได้! ข้าต้องเลื่อนเป็นศิษย์สำนักสามัญให้เร็วที่สุด ข้าจะยอมแพ้ได้ยังไง? นอกจากนี้ภายในสำนักเองก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสียหน่อย ไม่ช้าก็เร็วข้าก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้อีกต่อไป เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่าสุสานของราชันสวรรค์มีขนาดใหญ่โต? ข้าอาจจะไม่เจอกับพวกเจียงนี่หลิวก็ได้”

เฉียนว่านก้วนทำได้เพียงแค่ถอนหายใจและไม่กล่าวอะไรออกมาอีก ก่อนที่เรื่องต่างๆจะได้รับการยืนยัน มันก็ไม่มีความหมายที่จะกล่าวโน้มน้าวอีกฝ่าย

…..…

การคาดการณ์ของเฉียนว่านก้วนแม่นยำมาก ไม่กี่วันต่อมา สำนักจิตอสูรก็ประกาศออกมาว่าการชำระโลหิตครั้งต่อไปจะถูกจัดขึ้นในสุสานของราชันสวรรค์และมีรองเจ้าสำนักฉีเป็นผู้นำ

ศิษย์นอกสำนักต้องค้นหาสมบัติที่อยู่ภายในให้ได้อย่างน้อยสามชิ้นเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ ศิษย์สำนักสามัญต้องหาให้ได้หกชิ้นส่วนศิษย์ชั้นยอดต้องหาให้ได้ถึงสิบสองชิ้น

ในเวลาเดียวกัน สำนักก็ได้ออกคำเตือนว่าการค้นหาสมบัติที่อยู่ภายในสุสานของราชันสวรรค์นั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด จอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ของทั้งสามอาณาจักรก็จะเข้าร่วมการหาสมบัติด้วยเช่นกัน

ดังนั้นทางสำนักจึงอยากให้บรรดาลูกศิษย์คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทำการตัดสินใจ หากว่ามีการตายเกิดขึ้น ทางสำนักจะไม่ขอรับผิดชอบ

ความหมายของสำนักนั้นชัดเจนมาก พวกเขาจะรับประกันความปลอดภัยระหว่างการเดินทางไปยังสุสานให้กับเหล่าศิษย์เท่านั้น แต่หลังจากที่เข้าไปในสุสานแล้วก็คงต้องพึ่งพาความสามารถของตนเอง

เมื่อเจียงอี้ได้รับข่าว เขาก็รีบไปลงทะเบียนในทันทีและเขาก็ยังพบว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่กลัวตาย ในช่วงเวลาสั้นๆจำนวนศิษย์ที่มาลงทะเบียนก็มากกว่าหลายร้อยคนแล้ว

เมื่อเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนกลับมาถึงตำหนักประจิม พวกเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเงาร่างอันคุ้นเคย นางคือหญิงสาวผู้มีใบหน้าอันงดงามแต่เย็นชา ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องมาที่เจียงอี้ขณะเอ่ยถาม

“เจียงอี้ เจ้าลงทะเบียนแล้วใช่หรือไม่?”

เมื่อซูรั่วเสวี่ยเห็นเจียงอี้พยักหน้า นางก็จากไปทันทีก่อนที่เจียงอี้จะได้กล่าวอะไรออกมาซึ่งสร้างความมึนงงให้กับเขาไม่น้อย

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ขณะที่ซูรั่วเสวี่ยจากไปได้ไม่นาน ร่างเงาอีกสองร่างก็ได้ปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลออกไป หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างยักษ์ที่มีผิวสีทองแดงส่วนอีกหนึ่งเป็นหญิงสาวที่ใบหน้าถูกผ้าคลุมดำปิดปังไว้

“เจียงอี้ ข้ามาเตือนเจ้าว่าอย่าได้ไปลงทะเบียนเข้าร่วมการชำระโลหิตจะดีกว่า!”

“ไม่ทันแล้วพี่จ้าน ข้าลงทะเบียนไปเรียบร้อยแล้ว” เจียงอี้กล่าวกับอีกฝ่ายขณะที่หัวเราะแห้งๆออกมา

จ้านอู๋ซวงถอนหายใจ หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่เขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน เจ้าจะได้ปลอดภัยมากขึ้น”

เจียงอี้ยิ้มออกมาและกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณมากพี่จ้าน”

หลังจากที่พูดคุยกันอีกเล็กน้อย จ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์ก็ขอตัวลา ส่วนเจียงอี้และเฉียนว่านก้วนก็เดินเข้าไปในที่พัก แต่ในเวลาเดียวกัน ร่างของหญิงสาวในชุดสีเหลืองก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ

เจียงอี้ประหลาดใจเมื่อเห็นร่างของจีทิงยวี่ เนื่องจากว่าเขาไม่คิดว่านางจะมาหาเขาในเวลานี้

จีทิงยวี่ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า แต่ไม่ได้ก้าวเข้ามา นางเพียงแค่มองมาที่เจียงอี้และกล่าว “เจียงอี้ เจ้าอย่าได้เข้าไปในสุสานเลยนะ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องถูกกลบฝังอยู่ในนั้น”

เจียงอี้หัวเราะเบาๆและกล่าว “ข้าจะต้องเข้าไปในสุสานของราชันสวรรค์ให้ได้ มันคงจะเป็นเกียรติไม่น้อยหากได้ถูกฝังไปพร้อมกับผู้ยิ่งใหญ่อย่างราชันสวรรค์หมื่นมังกร!”

“เห้ออ… เช่นนั้นข้าก็หวังว่าเจ้าจะผ่านการทดสอบ! ขอให้โชคดี!”

จีทิงยวี่ส่ายศีรษะด้วยความจนใจและจากไปในที่สุด เจียงอี้มองไปยังแผ่นหลังของนางด้วยความรู้สึกอบอุ่น มันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ในตอนนี้จีทิงยวี่ยังคงปฏิบัติกับเขาในฐานะสหาย ดังนั้นเขาเองก็ยังคงยอมรับนางในฐานะสหายด้วยเช่นกัน

การได้เห็นสหายที่มีอยู่น้อยนิดมาแสดงความห่วงใยต่อเขา เจียงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข

“ลูกพี่ ข้าว่าเจ้าควรจะถอนตัวจากการชำระโลหิตในครั้งนี้!”

หลังจากที่เฉียนว่านก้วนครุ่นคิดอย่างจริงจังและรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เขาก็เลือกที่จะเกลี้ยกล่อมเจียงอี้อีกครั้ง

“หากเจียงนี่หลิวต้องการชีวิตเจ้า เขาคงจะให้ตระกูลเจียงร่วมมือกับตระกูลจ่างซุน ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ตระกูลของข้าคงไม่อนุญาตให้ข้าเข้าไปในสุสานเป็นแน่…”

“นอกจากนี้ แม้ว่าจ้านอู๋ซวงจะติดหนี้บุญคุณเจ้า แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมขัดแย้งกับสองตระกูลใหญ่เพื่อเจ้าหรือไม่?”

“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกว่านก้วน”

หลังจากที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว เจียงอี้ก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆ เขาตบไปที่ไหล่ของเจ้าอ้วนเฉียนว่านก้วนและกล่าว “ข้ารับประกันได้ว่าข้าจะกลับออกมาแบบยังมีชีวิต ไม่มีใครสามารถฆ่าข้าได้… แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นเจียงนี่หลิวก็ตาม!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด