14 ทะเลสาบเร้นลับ
14 ทะเลสาบเร้นลับ
หลี่เย้าเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง กว่าที่เขาจะนึกขึ้นมาได้ว่า “เมื่อวาน” เขาได้รับปากอะไรไว้กับซือเจียเสวี่ย เมื่อเขามองดูเวลา เขาจึงได้รู้ว่า มันเป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว เขานอนหลับยาวตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน
ไม่ว่าความสามารถที่เขาได้รับมาจากในโลกแห่งความฝันจะวิเศษสักแค่ไหน แต่ในชีวิตจริง เขาก็ยังคงเป็นยาจกอยู่ดี เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เขาจัดการอาหารที่กักตุนเอาไว้สำหรับหลายเดือนจนหมดเกลี้ยง และเงินหนึ่งแสนเหรียญก็เป็นจำนวนเงินที่สูงมากสำหรับ เขาจำเป็นต้องคว้ามันเอาไว้ให้ได้
หลี่เย้ารีบพิมพ์ลงไปบนแป้นพิมพ์อักขระเพื่อตอบกลับ “เธออยู่ที่ไหน? อีกสองชั่วโมง—ไม่ ในอีกชั่วโมงครึ่ง ฉันจะเอาของไปส่งให้เธอ!”
เมื่อเขากด “ส่ง” ตัวอักษรที่เขาพิมพ์ลงไป ก็ได้กลายเป็นนกกระดาษขนาดเล็ก มันบินตรงไปที่มุมขวาล่างของหน้าจอโฮโลแกรม และหายลับไป
อีก 3 นาทีให้หลัง ซือเจียเสวี่ยก็ได้ส่งที่อยู่กลับมาให้ “ฉันอยู่ที่นี่ จะมีคนรอนายอยู่ที่หน้าประตูครึ่งชั่วโมง นายสามารถมอบของให้กับคนคนนั้นได้เลย”
มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ซือเจียเสวี่ยนั้นไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อหลี่เย้าเลย แม้แต่หน้าของเขา เธอก็ยังไม่อยากจะเห็น
แต่หลี่เย้าก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ขอแค่เขาได้เงินมา เรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา เขาตอบกลับไปว่า “โอเค” และปิดหน้าจอโฮโลแกรมลง เขาหยิบคริสตัลโพรเซสเซอร์ที่ล่าสมัยของซือเจียเสวี่ยขึ้นมา และเริ่มลงมือซ่อมแซมดัง “แกร็ก แกร็ก”
“หืม?”
ในตอนที่เขากำลังใช้ไขควงเปิดคริสตัลโพรเซสเซอร์ออก เขาก็ค้นพบถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของตัวเอง
ในวันนี้ ภาวะจิตใจของเขาค่อนข้างดีและความคิดของเขาก็แจ่มใส เพียงแค่ใช้สองตามอง เขาก็เหมือนกับว่าจะสามารถมองเห็นความสลับซับซ้อนและโครงสร้างภายในคริสตัลโพรเซสเซอร์ได้อย่างชัดเจน
เขาหลับตาลง ภาพโครงสร้างภายในของคริสตัลโพรเซสเซอร์ที่ล่าสมัยเครื่องนี้ ก็ได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขา ส่วนประกอบแต่ละชิ้นแยกออกจากกันทีละชิ้นๆ และลอยอยู่ภายในอากาศ เขาสามารถมองเห็นส่วนประกอบทั้งหมดได้จากทุกมุมมอง และทำให้เขาสามารถทำความเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดไดเอย่างชัดเจน
หลี่เย้ามีความมั่นใจมากว่า ถ้าหากงานนี้ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของการเปลี่ยนท่อตัวระบายความร้อน แต่เป็นงานที่ท้าทายกว่านั้น เช่นการซ่อมแซมแกนคริสตัลและอื่นๆ เขาก็สามารถที่จะลงมือซ่อมแซมมันได้โดยไร้ปัญหา
“ดูเหมือนว่า การเฝ้าดูการทำงานสร้างอาร์ติเฟ็กซ์ตลอดหลายร้อยปีของโอเย่หมิง ก็ไม่ใช่การเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปซะทีเดียว ถึงแม้ว่าฉันแทบจะจำรายละเอียดทั้งหมดของความฝันไม่ได้แล้ว แต่ความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยสายตาของฉันก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด!”
และด้วยเหตุนี้ ความเร็วในการซ่อมแซมของเขาจึงเพิ่งสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เขาใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ทั้งที่ปกติแล้ว เขาจะต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงและสุดท้าย เขายังได้ปรับปรุงโครงสร้างที่ซับซ้อนของตัวระบายความร้อนให้ด้วย เขาใช้ท่อระบายความร้อนที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน และใส่มันลงไปในคริสตัลโพรเซสเซอร์อายุร้อยปี เขาประมาณการณ์เอาไว้ว่า ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของคริสตัลโพรเซสเซอร์จะเพิ่มขึ้น 17% ระดับการลดลงของอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 9%
“มันสมบูรณ์แบบมาก การได้เงิน 100,000 เหรียญจากงานนี้ ไม่ถือว่าแพงเลยด้วยซ้ำ!”
หลี่เย้าตรวจสอบรายละเอียดในงานของเขาและรู้สึกพึงพอใจกับมันมาก เขารู้สึกว่า มันคืองานชิ้นโบแดงที่ดีที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมา
ในขณะที่กำลังชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่นั้น กลิ่นเหม็นที่รุนแรงก็ได้ลอยเข้าสู่โพรงจมูกของเขา หลี่เย้าจึงเพิ่งจะสังเกตเห็นเหงื่อไคลที่ถูกขับออกมา ในระหว่างที่เขานอนฝันอยู่ มันกลายเป็นคราบเหงื่อที่ติดอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเขา เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา ซึ่งยังไม่ถือว่าสายมากนัก เขาจำเป็นต้องอาบน้ำก่อน เขาขัดถูร่างกายขึ้นๆลงๆอย่างลวกๆ แล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาด จากนั้น เขาก็เดินออกไปจากบ้านด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายและมีชีวิตชีวา
ที่อยู่ที่ซือเจียเสวี่ยให้เขามานั้น เป็นร้านอาหารแบบบุพเฟ่ที่ตั้งอยู่ในเขตชางตง ซึ่งเป็นเขตที่ถือเป็นย่านของคนมีเงินและคนใหญ่คนโตอาศัยอยู่ ในอดีต หลี่เย้าแทบไม่เคยเดินผ่านย่านนี้เลย หรือหากเขาเดินผ่าน เขาก็มักจะเกิดความรู้สึกอับอายและเหมือนมีปมด้อยบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเขาเป็นเพียงขอทานที่ไปปะปนกับชนชั้นสูงยังไงยังงั้น
แต่ในวันนี้ เขาเชิดหน้าขึ้น ยืดอก เก็บพุงและเชิดจมูกขึ้น แต่ละย่างก้าวของเขาพุ่งไปไกลกว่าสามเมตร และไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดกับเขายังไง เพราะในเวลานี้ เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ!
ถึงแม้ว่าเสื้อแจ็คเก็ตที่ยับย่นของเขาจะมีสีที่ซีดจาง ถึงแม้ว่าตรงเหนือเข่าจะมีรอยปะชุน ถึงแม้นิ้วเท้าของเขาจะโผล่ออกมาส่งยิ้มทักทาย ถึงแม้ เพียงแค่เหลือบดู ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นเด็กยากจน ที่ไม่รู้ว่ามื้ออาหารมื้อต่อไปของเขาคือเมื่อไหร่...
สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของเขา ไม่ต่างไปจากผู้นำนิกายที่ยิ่งใหญ่ ที่เพิ่งจะทำสัญญาราคาหลายหมื่นล้าน และกำลังแบกกระเป๋าที่อัดแน่นไปด้วยทองคำแท่ง
บรรยากาศที่เร้าร้อนเป็นสิ่งที่ได้มาจากโลกแห่งความฝัน จากการที่ได้พบเจอกับเหล่าผู้ฝึกตนที่มีพลังอันยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับร่างกาย ระดับ หรือฐานะเลย
เขาเป็นเหมือนกับคนที่ใช้เวลาตลอดหลายสิบปีจัดการกับไดโนเสาร์ในยุคดึกดำบรรพ์ และการเผชิญหน้ากับเสือร้ายสำหรับเขา ก็ไม่ต่างไปจากการเผชิญหน้ากับแมวอ้วนที่ถูกเลี้ยงไว้ภายในบ้าน
เขตชางตงตั้งอยู่ตรงกลางของเมืองฝูเกอ และถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบ 7 แห่ง ทะเลสาบทั้ง 7 แห่งต่างแยกจากกันอย่างโดดเดี่ยว ที่อยู่ที่ซือเจียเสวี่ยบอกหลี่เย้า คือหนึ่งในทะเลสาบเหล่านี้ที่ชื่อว่า “ทะเลสาบเหมันต์ฤดูเร้นลับ” มันเป็นร้านอาหารบุพเฟ่ที่มีชื่อว่า เขตแดนทะเลสาบเร้นลับ
ร้านอาหารแห่งนี้ถูกล้อมรอบไว้ด้วยป่าไผ่และมีบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ ร้านอาหารได้มีการติดตั้งอักขระเพื่อสร้างสภาพอากาศ ทำให้มีหิมะตกลงมาตลอดทั้งปีในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร
หิมะไม่ได้ถูกปล่อยให้ตกลงมาอย่างหนัก แต่เป็นการโปรยลงมาสร้างบรรยากาศให้ร้านอาหาร มีภาพคล้ายกับมีดวงดาวที่หล่นลงมาจากด้านบน
ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ได้ถูกนับว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารระดับสูงของเมืองฝูเกอ ราคาของอาหารถค่อนข้างถูกและสภาพแวดล้อมที่ไม่เลว ซึ่งตกแต่งออกมาได้อย่างมีสไตล์ มันเป็นร้านอาหารที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้รวยมากนัก สำหรับเด็กๆที่ได้รับเงินค่าขนมจากพ่อแม่ที่มีฐานะ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีจำนวนมากพอที่จะใช้จ่ายในร้านแห่งนี้ได้
มีหญิงสาวคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงผ้าไหมและเธอได้ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูของร้านเขตแดนทะเลสาบเร้นลับ พนักงานหญิงหน้าตาดีที่สวมชุดพนักงานยังได้ถือพัดกระดาษเอาไว้ในของเธอด้วย เมื่อหลี่เย้าเดินวางท่าเข้ามา เธอก็ทักทายเขา ท่าทางการเดินและเสื้อผ้าที่หลี่เย้าสวมใส่นั้นตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง มันเป็นภาพที่ดูแล้วติดๆขัดๆ ทำให้พนักงานต้องจ้องมองอยู่นานครู่หนึ่ง และหลังจากนั้น เธอจึงได้แสดงมารยาทตามแบบที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมา “สวัสดีค่ะ ขอเสียมารยาทถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าคุณคือ คุณหลี่เย้า ที่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมซื่อเซียวรึเปล่าคะ?”
“ถูกต้องแล้วล่ะ ซือเจียเสวี่ยคงจะใช้ให้เธอมารอฉันสินะ ของอยู่นี่แล้ว เธออยากจะลองทดสอบดูก่อนไหม?” หลี่เย้าไม่พูดมากให้เปลืองน้ำลาย พร้อมกับยื่นคริสตัลโพรเซสเซอร์ออกไป
พนักงานสาวยิ้มและพูดว่า “ไม่จำเป็นค่ะ คุณหนูซือบอกเอาไว้ว่า ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เธอจะเป็นคนไปหาเพื่อนนักเรียนหลี่เย้าด้วยตัวของเธอเองค่ะ โปรดรับบัตรนี่ไปด้วยค่ะ”
เธอค่อมตัวเล็กน้อย พร้อมกับยื่นการ์ดกระจกใสที่มีอักขระเขียนเอาไว้บนนั้นด้วยสองมือ และยื่นส่งมาให้หลี่เย้าด้วยท่าทางเคารพ
นี่คือการ์ดเงินสด ที่มีการเขียนอักขระเอาไว้ใบการ์ดและสามารถใช้คริสตัลโพเซสเซอร์อ่านได้ จากนั้นเงินภายในการ์ดก็จะถูกโอนเข้าไปยังบัญชี ตัวการ์ดยังสามารถใช้รูดในร้านค้าทั่วไปได้อีกด้วย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สะดวกในการใช้งานมาก
เมื่อหลี่เย้าได้รับการ์ดเงินสดมาแล้ว เขาก็ลูบไปที่อักขระสีม่วงอ่อนที่ติดอยู่ตรงมุมขวาบนของตัวการ์ด ตัวการ์ดเกิดการสั่นเล็กน้อย จากนั้น ก็มีตัวเลขปรากฏขึ้นมาที่หน้าการ์ด—100,000
ไม่คิดเลยว่า ซือเจียเสวี่ยจะใส่เงินทั้งหมดลงไปใบการ์ดใบเดียว ดวงตาของหลี่เย้าเปล่งประกายขึ้นมา เขาผิวปากออกมาและพูดว่า “ขอบคุณนะ คนสวย! โอ้ ใช่ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ฝากขอบคุณซือเจียเสวี่ยแทนฉันด้วยนะ แล้วถ้าเจ้าหล่อนอยากจะทำธุรกิจด้วยกันอีกละก็ บอกเธอด้วยว่า ฉันยินดีจะลดให้เธอเป็นพิเศษเลย!”
หลี่เย้าใส่การ์ดเงินสดลงไปในกระเป๋ากางเกงอย่างเบามือ เขาหมุนตัวจากไปและทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะคิกคัก เขากำลังคิดคำนวณถึงสิ่งที่เขาจะซื้อจากในร้านซุปเปอร์มาร์เกตที่อยู่ในย่านคนธรรมดา เขาจะซื้อเนื้ออัดกระป๋องสตารี่สกายหลายสิบกระป๋องและซื้อแซนวิชเนื้อกลับไปกินที่บ้าน เขาอดใจรอที่จะได้กินของอร่อยไม่ไหวแล้ว
มันเป็นเวลานี้เองที่เสียง “ซี่สสสส” จากภายในร้านเขตแดนทะเลสาบเร้นลับที่ลอยมาตามสายลม มันเป็นเสียงของชิ้นเนื้อสดใหม่ที่ถูกวางลงไปบนเตาย่าง
มันเป็นกลิ่นหอมของเนื้อหรือไม่ก็กลิ่นหอมของเครื่องปรุง ที่ผสมปนเปเข้ากับอากาศและลอยออกมาด้านนอกตัวร้าน
ท้องของหลี่เย้าส่งเสียงร้องขึ้นมา แล้วอยู่ๆเขาก็หยุดเดิน ราวกับมีเชือกที่มองไปเห็นดึงเขาเอาไว้
“บ้าเอ้ย ทำไมฉันถึงรู้สึกหิวอีกรอบได้เร็วขนาดนี้?!”
เมื่ออยู่ภายในดินแดนแห่งความฝันของโอเย่หมิง เขาต้องใช้ทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญในการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด จิตใจของเขาถูกใช้งานอย่างหนัก และมันก็ได้ส่งผลต่อร่างกายของเขาด้วย ซึ่งมันทำให้ร่างกายของเขาต้องทำงานอย่างหนัก ดังนั้น การกินเนื้ออัดกระป๋องของสตารี่สกายจึงไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทั้งหมดของเขาได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อเขาได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลายของเนื้อย่างแล้ว เขาก็ได้กลายมาเป็นคนติดยาที่กินเนื้ออัดกระป๋องอย่างบ้าคลั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอีกครั้ง กระเพาะของเขากลายเป็นหลุมดำ ทุกส่วนในร่างกายของเขาลงลึกไปจนถึงกระดูกเผาไหม้ด้วยไฟแห่งความหิวโหย เขาหันหน้ากลับและแทบจะมีน้ำลายหยดลงมาจากมุมปากของเขา
หลี่เย้ากลับตัวในทันทีและเดินเข้าไปด้านตัวร้านด้วยอาการเหม่อลอย
ท่าทางราวกับเสือหิวของเขาทำให้พนักงานต้อนรับรู้สึกหวาดกลัว และทำให้เธอเผลอขวางทางเข้าโดยไม่รู้ตัว
“หืม?”
หลี่เย้าเหลือบมองเธอ ฟันกรามของเขากระทบกันจนเกิดเสียง “กร๊วม กร๊วม” ดังออกมา เขาเป็นเหมือนกับแรปเตอร์ที่ต้องกินเพียงหญ้ามาตลอดสามวัน
หญิงสาวแทบอยากจะร้องไห้ออกมา เธอร่ำร้องอยู่ภายในใจ “ผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้โผล่มาจากที่ไหนกัน? ดูจากท่าทางของเขาแล้ว เขาจะกินฉันเข้าไปด้วยไหมเนี่ย?”
เธออดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปสองก้าว เธอพยายามสงบตัวเองลง และพยายามอย่างหนักที่จะยิ้มออกมา พร้อมกับพูดว่า “คุณ คุณลูกค้าคะ คุณมาได้ถูกเวลาแล้วล่ะค่ะ วันนี้ร้านเขตแดนทะเลสาบเร้นลับของเราได้มีการจัดการเฉลิมฉลองขึ้น เราได้ลดราคาสินค้าทุกอย่าง 15% และไม่คิดเงินค่าบริการค่ะ อาหารบุพเฟ่แบบบริการตัวเองราคาเพียง 1,280 เหรียญต่อคน มาพร้อมกับไวน์อายุ 30 ปีอีกหนึ่งขวด ซึ่งเป็นไวนที่ทางเจ้าของร้านเก็บรักษาเอาไว้ที่ห้องใต้ดินนานหลายปีเลยนะคะ”
ร้านอาหารพร้อมไวน์แห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านของคนรวย พนักงานทุกคนต่างก็ได้รับการอบรมสำหรับการบริการแขกเป็นพิเศษ ดังนั้น ทักษะในการดูแลแขกจึงสูงมาก โดยปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ไล่แขกออกไปจากร้าน ด้วยการตัดสินแขกจากการมองภายนอก พวกเขาจะไม่ใช่เรื่องของการแต่งกายของแขก มาตัดสินว่ามีหรือไม่มีเงิน
และนี่เป็นกรณีพิเศษ เพราะที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของผู้ฝึกตน ที่บางคนก็มีพฤติกรรมและความคิดที่แปลกประหลาดพิศดาล คนเหล่านี้เป็นเหมือนกับมังกรที่ชอบสวมหนังปลาเอาไว้ พวกเขาชอบเป็นหมูที่กินเสือ หากพนักงานไม่สามารถจดจำความยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ ก็ถือเป็นความผิดบาปอย่างมหันต์ ยังไม่ต้องพูดถึงว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พวกเขาไม่สามารถจดจำแขกผู้มีเกียตริเหล่านั้นได้ เพราะภายในเวลาไปกี่วินาทีต่อมา พนักงานทุกคนอาจจะต้องลาป่วยและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแทน
ดังนั้น ภายในย่านคนรวยแห่งนี้ ตราบใดที่แขกไม่ใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์มากินอาหาร พวกเขาทุกคนจะได้รับการต้อนรับอย่างเท่าเทียมเป็นอย่างดีภายในร้านหรูแห่งนี้
พนักงานต้อนรับไม่อาจรู้ได้ว่า หลี่เย้านั้นมาจากไหน ด้วยไหวพริบของเธอ เธอจึงได้บรรยายเกี่ยวกับร้านอาหารออกมาได้อย่างชัดเจนและรีบหลบไปด้านข้าง
“1,280 เหรียญเหรอ?”
แววตาของหลี่เย้าว่างเปล่า เงินจำนวนนี้วิ่งพล่านอยู่ภายในจิตใจของเขา และกลายเป็นจำนวนของเนื้ออัดกระป๋องสตารี่สกายที่เขาตั้งใจจะซื้อ ความคิดแรกของเขาก็คือ หันตัวและจากไปซะ
แต่สุดท้ายแล้ว ร่างกายกลับซื่อสัตย์มากกว่าจิตใจ กลิ่นหอมของเนื้อย่างราวกับเปลี่ยนรูปร่าง กลายเป็นสาวงามที่ดูหวานฉ่ำขึ้นตรงหน้าเขา เธอเลียไปที่ริมฝีปาก ส่งสายตาเจ้าเสน่ห์มาให้เขา และหัวเราะออกมาเบาๆราวกับเสียงดนตรี
หลี่เย้ารู้สึกราวกับว่า เขากำลังกลืนวอลนัทลูกใหญ่ลงคอ หัวใจของเขาเต้นตุบตับอย่างรุนแรง ปีศาจและเทวดาภายในจิตใจของเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขานิ่งเงียบไร้การขยับเขยื้อนอย่างสิ้นเชิง
เขานิ่งงันไปเกือบครึ่งวินาที เกราะป้องกันภายในในของเขาได้พังทลายลง แววตาของเขาลุกไหม้ มีคำว่าหิวถูกเขียนติดเอาไว้บนใบหน้าของเขา เขาคลายเข็มขัดที่เอวออกเล็กน้อย แล้วก้าวเท้าออกไปราวกับเสือร้ายทีกกำลังก้าวออกมาจากภูเขา ราวกับสุนัขที่หลุดออกมาจากกรง เขาส่งเสียงคำรามเมื่อก้าวเดินเข้าไป
“มันก็แค่ 1,280 เหรียญเท่านั้น ไม่ใช่หรือไง? ฉันเพิ่งจะได้เงิน 100,000 เหรียญมา อาหารแค่มื้อเดียวไม่ทำให้ฉันจนได้หรอก วันนี้จะถูกยกเว้นเอาไว้วันหนึ่ง!”
การตกแต่งภายในของตัวร้าน ถูกออกแบบได้อย่างลงตัว ห้องอาหารถูกสร้างเป็นทางเดินยาว โดยมีโคมไฟและสวนถูกใช้เป็นตัวสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ถูกตั้งเอาไว้ในจุดที่โดดเด่นในหลายๆที่ เพื่อเป็นการการันตีว่าแขกทุกคนจะได้รับความเป็นส่วนตัวทุกคน
แล้วดูปริมาณของอาหารราคาแพงเหล่านี้สิ! มันไม่สามารถอธิบายออกมาได้เลย หลี่เย้ารู้สึกว่า ความรู้ในหัวของเขาถูกการฝึกฝนอย่างหนักกลบจนไม่เหลือ ไม่เพียงแค่เขาจะไม่สามารถบอกชื่ออาหารเหล่านี้ได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยได้กินอาหารดีดีเหล่านี้มาก่อนอีกด้วย!
หลี่เย้าหามุมเงียบสงบมุมหนึ่ง และเดินไปคว้าเอาขาแกะย่างจำนวนมากอย่างห้ามใจไม่อยู่ เขากัดกินเนื้อเข้าไปอย่างมูมมาม
“ไปให้ถึงระดับที่ 12 ให้สำเร็จให้ได้ เปิดโหมด---เคล็ด!วิชา!วาฬ!กลืนกิน!”