13 กำเนิดจอมตะกละ
13 กำเนิดจอมตะกละ
หลี่เย้านั้นราวกับเศรษฐีใหม่ ที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาทั้งรู้สึกตื่นเต้นและในหัวก็คิดแต่เรื่องไร้สาระมากมาย เขาโยนผ้าห่มไปด้านข้าง แล้วกระโดดลงจากเตียงนอน แต่อยู่ๆ ขาของเขากลับไปมีแรงและล้มลงไปกับพื้นด้วยเสียงดังปัง ร่างกายของเขานั้นแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง และไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวออกไปสักก้าวหนึ่ง มันคล้ายกับว่า มีโจรเข้ามาปล้นบ้านของเขา และยังคว้าเอาประตูบ้านของเขาไปด้วย!
เมื่อเสี่ยวเฮยได้ยินเสียง มันก็ได้บินเข้ามาจากห้องด้านนอกอย่างรีบร้อน แล้วได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา จากนั้น มันก็บินออกไปด้านนอกอีกครั้ง มันได้นำกระจกกลับมาด้วย และหันกระจกไปทางหลี่เย้า
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน!” หลี่เย้าประหลาดใจมาก
มันราวกับว่า เขาถูกเอาไปปล่อยทิ้งไว้ในทะเลทรายนานหลายเดือน และดิ้นรนหนีจากความตายมา สิ่งที่เหลืออยู่บนร่างกายของเขามีเพียงแค่ผิวหนังบางๆและกระดูก ดวงตาที่ลึกโบ๋ของเขากินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหน้า ทั่วทั้งร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แทบจะไม่เหลือเลือดเนื้ออยู่เลย เส้นเลือดสีม่วงอ่อนโผล่ออกมาให้เห็นโดยที่ไม่ต้องใช้แรง ในตอนนี้ เขาไม่ต่างไปจากไส้เดือนที่ถูกอบด้วยแสงอาทิตย์เลย สีผิวของเขาซีดเซียวราวกับแวมไพร์
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สำคัญอะไร...สิ่งสำคัญก็คือประสารทสัมผัสทั้งห้าที่คมกริบขึ้นของเขาต่างหาก ความทรงจำที่ดีขึ้น ความสามารถคิดคำนวณและวิเคราะห์ราวกับคริสตัลโพรเซสเซอร์ เพียงเวลาไม่นาน ความหวาดกลัวในใจเขาก็คล้ายกับหมอกควันที่หายไปกับสายลม หลี่เย้าเริ่มค่อยๆหายจากอาการตกใจ แล้วกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ความสามารถของเขาได้เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในเวลานี้เอง ที่เขารู้สึกราวกับกระเพาะของเขามีลูกบอลไฟบรรจุอยู่ในนั้น และลูกบอลไฟก็ไม่ยอมหยุดการขยายตัว!
หลี่เย้ารู้สึกเหมือนกับเขาจะได้ยินเสียงกรีดร้องและคร่ำครวญ จากเซลล์ทั่วทั้งร่างกายของเขา “หิว! หิว! หิว!”
มันอยู่ในจุดที่ความคิดมากมายที่อยู่ลึกภายในหัวของเขา ต่างหิวโหยและกำลังกัดกินกันเองอยู่!
“เร็วเข้า เสี่ยวเฮย รีบไปเอาอาหารมาให้ฉันที!”
หลี่เย้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะรู้สึกหิวได้มากขนาดนี้ เขารู้สึกทุกข์ทรมานราวกับคนที่กำลังลงแดงเพราะขาดยา เขาเกลือกกลิ้งไปบนพื้น และเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเสี่ยวเฮย เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งในทันที
เสี่ยวเฮยส่งเสียงร้อง “กี๊ด กี๊ด” ออกมาสองครั้ง ด้วยความรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของเจ้านายของมัน แต่สุดท้าย มันก็บินออกไปจากห้องและรีบนำเนื้ออัดกระป๋องของ “เนื้อสำเร็จรูปสตารี่สกาย” ที่หนัก 2.5 กิโลมาด้วยสองกระป๋อง
ถึงแม้ว่าชื่อ “เนื้อสำเร็จรูปสตารี่สกาย” จะฟังดูยิ่งใหญ่, สูงส่ง, และหรูหรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือผลิตภัณฑ์ที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาโดยการใช้ยาลับของนิกาย พวกเขานำหมูและช้างมาผสมพันธุ์กัน และใช้สารเร่งการเจริญเติบโต ภายในเวลาสามเดือน พวกเขาสามารถเพาะเลี้ยงสัตว์ข้ามสายพันธุ์ จนผลิตเนื้อได้ถึง 10 ตัน เนื้อที่บรรจุอยู่ภายในกระป๋องนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน และรสชาติของมันก็เลวร้ายอย่างถึงที่สุด ซึ่งมีน้อยมาก ที่จะมีคนกินสินค้าตัวนี้
แต่เนื้อกระป๋องเหล่านี้ ที่ผสมปนเปรวมกับกระดูกและเครื่องใน มีราคาที่ถูกแสนถูก ด้วยเงิน 15 เหรียญก็สามารถซื้อเนื้อกระป๋องที่มีน้ำหนักถึง 2.5 กิโลได้หนึ่งกระป๋องแล้ว และเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าคนชนชั้นล่างอีกด้วย มันคือแหล่งโปรตีนที่สำคัญสำหรับหลี่เย้า เขาได้กักตุนเอาไว้ภายในถึง 35 กระป๋อง
เมื่อหลี่เย้าได้เนื้อกระป๋องมา เขาก็เหมือนกับหมาป่าหิวโหยที่ไม่ได้กินอะไรมานานกว่า 3 วัน และได้มาพบเข้ากับแกะตัวขาวสะอาดที่อวบอ้วนและรสชาติเยี่ยม ดวงตาของเขาแดงก่ำและมีเสียงกลืนน้ำลาย “อึก อึก” ดังออกมาจากลำคอของเขา ไม่รู้ว่าเขาไปเอาแรงมาจากไหน เขาได้พาร่างที่ผอมแห้งของตัวเอง ลากเนื้อกระป๋องเอามากอดไว้กับตัว เขาเปิดปากออกกว้าง ราวกับปากของสัตว์นักล่าที่กระหายเลือด จากนั้นเขาก็กินเนื้อเข้าไปโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
“หง่ำหง่ำ! หง่ำหง่ำ!” เกิดเสียงฟันกระทบกันราวกับเสียงของเครื่องบดเนื้อ จนแทบจะเห็นประกายไฟจากการกระทบกันของฟันบนและล่าง
เนื้อกระป๋องสตารี่สกายมีรสชาติที่เค็มจัด, มีกลิ่นคาว และมีน้ำมันเยอะ โดยปกติแล้ว หลี่เย้าต้องการจำนวนเพียงเล็กน้อย เพื่อกินกับข้าวสามชามใหญ่ แต่ในเวลานี้ มันราวกับว่า เขากำลังได้กินอาหารเลิศรสและหาได้ยากที่สุดในโลก เขากินอาหารเข้าไปอย่างมูมมาม ราวกับถูกผีจอมตะกละเข้าสิง จนในที่สุด เนื้อกระป๋องหนัก 2.5 กิโลก็หมดลงภายในเวลาแค่หนึ่งนาที
เขาเกิดความรู้สึกชาที่ริมฝีปากและฟัน และท้องของเขาก็ยังบวมเป่งจนเห็นได้ชัด เนื้ออัดกระป๋องของสตารี่สกายนั้นถูกอัดแน่นเอาไว้จนเต็มกระป๋อง และเมื่อเนื้อถูกนำไปผสมเข้ากับน้ำ ปริมาณของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่า
ได้มีภาพเหตุการณ์หนึ่งผุดขึ้นมาในความคิดของหลี่เย้า มันคือภาพจากความฝันที่แปลกประหลาดนั้น ไททันซึ่งเป็นผู้ควบคุมแรงงานชนชั้นล่างของนิกายป่ายเลี่ยน ได้พูดเอาไว้ว่า
“สูดดวงดาวเข้าไปและกลืนกินดวงจันทร์ เคล็ดวิชานี้ จะช่วยให้พวกแกสามารถดูดซับเอาพลังฟ้าดินได้โดยตรง และมีเพียงผู้ฝึกตนระดับสูงเท่านั้น ที่สามารถใช้เคล็ดวิชานี้ได้ พวกเ*ยอย่างพวกแก คงจะทำไม่ได้หรอก!”
“สำหรับคนอย่างพวกแก ก็มีแต่ต้องหาพลังเอาจากอาหารเท่านั้น และหลักการของมันก็คือ”กิน“พวกแกต้องเรียนรู้”การกิน“และมันก็คือก้าวแรกของการเป็นผู้ฝึกตน!”
“ต่อไป ฉันจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาวาฬกลืนกินให้กับพวกแก เคล็ดวิชานี้มีจุดประสงค์เพื่อสอนวิธีการกินให้กับพวกแก มันจะช่วยให้พวกแกยัดอาหารจำนวนมากเข้าไปได้ และดูดซับพลังงานที่มีอยู่ในอาหารนั้น!”
“เมื่อฝึกเคล็ดวิชานี้ไปถึงจุดสูงสุด ความแข็งแกร่งและความเร็วของระบบการย่อยอาหารก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเท่า ทำให้สามารถกินเนื้อได้มากถึง 400 กิโลต่อวันได้ และแม้แต่สัตว์อสูรที่มีกระดูกแข็งและหนาเหนียวที่สุด ก็จะถูกบดจนละเอียดและถูกดูดซับกลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ พลังงานที่ได้ จะกลายเป็นพลังงานเชื้อเพลิงให้กับร่างกายได้ในทันที ทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเส้นเลือด และมอบความแข็งแกร่งให้กับผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้”
“จำเอาไว้ ว่าเคล็ดวิชา108ฝ่ามือพัวพันยังไม่สมบูรณ์ มันยังมีช่องว่างที่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก แต่ถ้าพวกแกไม่ฝึกเคล็ดวิชาวาฬกลืนกิน พวกแกก็จะเป็นได้แค่คนธรรมดาไปตลอดชีวิต และอย่าได้คิดถึงการจะเดินไปบนเส้นทางของผู้ฝึกตนเลย!”
“โอเย่หมิง ออกมาหาข้า เอาปลา 100 กิโลนี่ไป แล้วกินพวกมันให้หมด อันดับแรก ข้าจะสอนเคล็ดวิชาลับของนิกายป่ายเลี่ยนให้กับพวกแกทุกคน เคล็ดวิชาวาฬกลืนกิน!”
......
ดวงตาของหลี่เย้าเบิกกว้างและเปล่งประกายขึ้นมา “คลืน คลืน” เกิดเสียงดังออกมาจากกระเพาะของเขา เป็นเสียงที่คล้ายกับเครื่องยนต์ที่ถูกติดเครื่องขึ้น
ภายในเวลาไปกี่วินาที ก็ราวกับมีสัตว์อสูรอยู่ภายในกระเพาะของเขา ท้องที่ป่องออกมาของเขาแทบจะหายไปในพริบตา!
ความเร็วในการย่อยอาหารของเขา รวดเร็วกว่าคนปกติเกือบสิบเท่า มันได้ย่อยเนื้อกระป๋องของสตารี่สกายด้วยความเร็วสูง มันย่อยสลายเนื้อทั้งหมด แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังงานเชื้อเพลิงให้กับร่างกายที่ผอมแห้งของหลี่เย้า และเส้นลมปราณทั้งแปดของเขา!
เนื้ออัดกระป๋องสตารี่สกายที่ขยายใหญ่ขึ้นจากการผสมรวมเข้ากับน้ำ ก็ยังไม่เพียงพอต่อความเร็วในการย่อยและดูดซึมในกระเพาะอาหารของหลี่เย้า ท้องที่นูนป่องของเขาราบเรียบลงในพริบตาเดียวและกลายเป็นหลุมที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
“ไม่ดีแล้ว ฉันยังหิวอยู่เลย เร็วเข้า เอามาให้ฉันอีกกระป๋อง!”
อาหารถูกจ้วงใส่ลงไปในปากของหลี่เย้าและเคี้ยวเพียงสองสามครั้ง ก็ถูกกลืนลงท้องไป เขากลืนกินเนื้ออัดกระป๋องสตารี่สกายกระป๋องที่ได้มาใหม่จนสะอาดเอี่ยมอ่อง แต่เขาก็ยังไม่อิ่มหนำ เขาตบลงไปที่พื้นและร้องขอเนื้อกระป๋องจากเสี่ยวเฮยเพิ่มอีก
สามกระป๋อง ห้ากระป๋อง ยี่สิบกระป๋อง...
ภายในเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งชั่วโมง เขากินเนื้ออัดกระป๋องอย่างต่อเนื่องไปถึง 31 กระป๋อง เขาดื่มน้ำเข้าไปเป็นถัง และจัดการกินอาหารแห้งและอาหารที่เก็บกักตุนเอาไว้ภายในบ้านจนหมดเกลี้ยง แล้วสุดท้าย เขาจึงเรอออกมา และหวังว่าจะได้กินเนื้อเข้าไปเพิ่มอีก
“กี๊ด กี๊ด กี๊ด กี๊ด?”
เสี่ยวเฮยมองดูเจ้านายของมันด้วยความกังวล มันไม่เคยเห็นใคร ที่กินเนื้ออัดกระป๋องสตารี่สกายได้บ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อน มันไม่รู้ว่าเจ้านายของมันป่วยด้วยโรคอะไร และอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกไปอย่างกังวล
หลี่เย้าเลียริมฝีปากและใช้ลิ้นดุนเอาเศษเนื้อสีเทาให้หลุดออกจากซอกฟันของเขา เขาตอบกลับไปด้วยเสียงอันเบาว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะยังไม่อิ่มเลย ฉันยังกินได้อีกสักสามหรือห้ากระป๋องแน่ะ”
“...” เสี่ยวเฮยรู้สึกไร้คำพูด หากว่ามันมีตาติดอยู่ มันก็คงจะกลอกตามองบนไปแล้ว
“ในที่สุด ฉันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว!” หลี่เย้าอิ่มเอมและถอนหายใจอย่างโล่งอก เขากำหมัดแน่นและชูมือขึ้นสูง เขาพยายามทำความเข้าใจกับพละกำลังที่ส่งออกมากับหมัดของเขา
จากการย่อยและดูดซับเนื้ออัดกระป๋อง ด้วยเคล็ดวิชาวาฬกลืนกินอย่างบ้าคลั่งแล้ว ร่างกายของเขาก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับพลิกฟ้า
เนื้อสัตว์ได้ถูกย่อยสลายกลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์ และถูกส่งไปเป็นพลังงานเชื้อเพลิงให้กับร่างกายโดยตรง เส้นเลือดและกล้ามเนื้อที่เหี่ยวแห้งได้กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายที่ผอมแห้งของเขากลายเป็นเหมือนกับเหล็กกล้า ที่ทนทานแข็งแกร่ง
เมื่อมองดูที่กระจก ในหน้าของเขายังคงมีสีผิวที่ซีดเซียวอยู่เล็กน้อย เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ร่างกายของเขาดูผอมลงไปเล็กน้อย แต่ภายใต้ผิวหนังที่ซีดเซียว กลับมีกล้ามเนื้อเป็นมัดอัดแน่นกันอยู่ กล้ามเนื้อของเขาราวกับขดลวดที่หนาเหนียว
หลี่เย้ากำหมัดแน่น เขาชกหมัดออกไปสองสามครั้ง ด้วยแรงที่ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป และเกิดเสียงดัง วูซ วูซ ออกมา มันคล้ายกับว่า มีหนังสัตว์พันรอบอกของเขาเจ็ดถึงแปดชั้น และเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ตรงไหนเลย
“วูซ! วูซ!” หวังเย้าเหวี่ยงแขนออกไปหลายครั้ง กำปั้นได้พุ่งผ่านอากาศจนเกิดเสียงดังและภาพติดตา
“แรงชกของฉันเพิ่มขึ้น 15% ความเร็วในการออกหมัดเพิ่มขึ้น 20% เคล็ดวิชาวาฬกลืนกินพูดได้ประโยคเดียวเลยว่า มันโค*รร้ายกาจ!”
ความทรงจำจากความฝันได้ทำให้เขาสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชา และนำมันออกมาใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย หลี่เย้าจึงอดไม่ได้ที่จะมีความสุขกับเรื่องนี้ เขาไม่ต่างจากคนจรจัดที่เดินเร่ร่อนไปมา แล้วบังเอิญเก็บของที่หล่นลงมาจากฟ้าได้
แต่เมื่อเขาคิดย้อนกลับไปเกี่ยวกับความทรงจำของโอเย่หมิง ที่เขาเคยเข้าไปอยู่ในนั้น เขาก็พบว่า ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจดจำช่วงเวลาเริ่มต้นได้อย่างแม่นยำ แต่ในช่วงเวลาต่อๆมา มันกลับกลายเป็นภาพที่พล่ามัวและลายพร้อย มันกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์แทน
“ถ้าฉันสามารถเรียกคืนรายละเอียดทั้งหมดในความฝันได้...หรือแค่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตของโอเย่หมิงตั้งแต่หนุ่มยันแก่ตายได้ละก็ การที่จะกลายมาเป็นผู้สร้างอาร์ติเฟ็กซ์ระดับมาสเตอร์คนแรกของสหพันธรัฐ ก็คงจะอยู่ในกำมือของฉันแล้ว! เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะมีเงินทองเป็นภูเขา มีรถราคาแพงและสาวๆสวยๆ ฉันจะได้รับความเคารพจากทุกคน ฉันจะกลายเป็นไอดอลของวัยรุ่นหลายล้ายคน...”
ในตอนที่กำลังคิดเรื่องเหล่านี้อยู่ในหัว หลี่เย้าก็หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าท่าทางที่เจ้าเล่ห์
เสี่ยวเฮยพ่นลมหายใจและเปล่งเสียงออกมาอย่างเหยียดหยาม ก่อนที่มันจะหันด้ามดาบ แล้วบินจากไป
ในเวลานี้เอง ที่อยู่ๆคริสตัลโพรเซสเซอร์ก็ส่งเสียง “ตี๊ด ตี๊ด” ออกมา ภาพของนกกระดาษที่อยู่ตรงมุมขวาของหน้าจอได้บินออกมา มันบินไปรอบๆศีรษะของหลี่เย้าสามครั้ง แล้วระเบิดออกมาดัง “ปัง” และแตกออกเป็นข้อความที่เย็นชาประโยคหนึ่ง
“วันนี้นายไม่มาโรงเรียน?”
ร่างเสมือนตัวสีเหลืองอ้วนป้อมขนาดเล็กได้ปรากฏขึ้นมาในตอนท้าย ร่างเสมือนขนาดเล็กขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยการแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม และมันก็คือร่างเสมือนของซือเจียเสวี่ย