บทที่ 95 พ่อเสือ ลูกหมา
เจตจำนงแห่งเต๋าวรยุทธคือการคงอยู่อย่างลึกลับ มันเป็นขอบเขตแห่งเจตจำนงที่แปลกประหลาดที่นำความสามารถลึกลับมาสู่เหล่าจอมยุทธ
เจตจำนงแห่งเต๋าวรยุทธเป็นสิ่งที่ยากที่จะเข้าใจ มันต้องใช้สัญชาตญาณที่ประหลาด โชคที่ท้าทายสวรรค์หรือการสื่อสารกับดวงวิญญาณ การบรรลุเจตจำนงแห่งเต๋าวรยุทธด้วยตนเอง มันยากยิ่งกว่าการขึ้นไปสู่สวรรค์เสียอีก
รูปปั้นอนุเสาวรีย์ทั้งหกนั้นตั้งอยู่ที่สำนักจิตอสูรเป็นเวลาหมื่นปี แต่ผู้ที่สามารถเข้าใจเจตจำนงของพวกเขาได้อย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น แต่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าใจเจตจำนงแห่งการสังหารที่เป็นของราชันย์สวรรค์สังหารได้สำเร็จเลย
ซูรั่วเสวี่ยไม่รู้ว่าสัญชาตญาณของเจียงอี้นั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แต่ถึงแม้ว่ามันจะท้าทายสวรรค์ แต่เขาจะไม่โชคดีเกินไปเหรอ? เขาสามารถทำความเข้าใจด้วยการสื่อสารกันเพียงครั้งเดียว? หากทุกคนเป็นเหมือนเจียงอี้ จำนวนปรมาจารย์ในทวีปนี้คงมากมายเหมือนขนแกะ
เขาต้องมีความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา!
ซูรั่วเสวี่ยสันนิษฐานทันที ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งที่ผิดปกติ ความเร็วในการฝึกฝนที่เร็วจนน่ากลัวหรือเจตจำนงแห่งการสังหารครั้งนี้ มันพิสูจน์แล้วว่าเจียงอี้เป็นคนที่แปลกประหลาด
"ตาย!"
เจียงอี้เดินก้าวไปข้างหน้าขณะที่แก่นแท้พลังสีน้ำเงินและสีดำหมุนรอบฝ่ามือข้างซ้าย ในขณะที่เขากำลังปล่อยฝ่ามืออกไปอย่างแรงที่ศีรษะของปีศาจน้ำแข็ง ไม่รู้ว่าทำไมปีศาจน้ำแข็งจึงไม่ทำสิ่งใดและเพียงแค่มองไปที่ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ที่กำลังเข้ามา ร่างกายของมันถูกเป่ากระเด็นออกไปโดยฝ่าระเบิดแก่นแท้ส่งผลให้ศีษะครึ่งหนึ่งของมันโชกไปด้วยเลือด
"ย๊าา!"
เจียงอี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เขาก้าวไปอย่างรวดเร็วและหมุนแก่นแท้พลังไปที่ขาข้างหนึ่งของเขาแล้วเหวี่ยงมันไปที่ศีรษะของปีศาจน้ำแข็ง
"บูม บูมมม!"
เจียงอี้ไม่หยุดเตะ และหัวปีศาจน้ำแข็งนั้นกำลังจะเละเป็นชิ้นในไม่ช้า แต่สิ่งที่แปลกคือปีศาจน้ำแข็งไม่ได้ต่อต้านอะไรเลย แม้ว่ามันจะเกือบถึงตายแล้วก็ยังคงปล่อยให้เจียงอี้โจมตีต่อไป
เจตจำนงแห่งการสังหารนี้น่ากลัวเกินไป ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม อย่าพูดถึงสัตว์อสูรระดับสองเลย แม้แต่สัตว์อสูรระดับสามก็คงยากที่จะต่อต้านใช่ไหม?
ซูรั่วเสวี่ยมองและถอนหายใจ ในใจนางคิดว่าเจตจำนงแห่งการสังหารนี้มีพลังมากเกินไป ภายใต้แรงกดดันของจิตสังหารอันน่าสยดสยอง สัตว์อสูรตนนี้ทำตัวเหมือนแกะที่เจอเสือที่ดุร้ายและไม่สามารถต้านทานอะไรได้
"ตาย ตาย!"
เจียงอี้ดูเหมือนว่าจะถูกครอบงำ? ปีศาจน้ำแข็งตนนี้ตายไปนานแล้ว แต่เขาไม่หยุดโจมตีจนกว่าสัตว์ร้ายจะกลายเป็นเนื้อสับละเอียด จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและหอบ
ซูรั่วเสวี่ยหยิบเม็ดยาแก้โรคทุกชนิดออกมาและกินมันก่อนที่นางจะตะโกนไปที่เจียงอี้ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลว่า "เจียงอี้ เจ้าเป็นอะไรไหม?!"
"เอ๋?"
เจียงอี้หันไปรอบๆทันทีและใช้ดวงตาสีแดงเลือดของเขามองซูรั่วเสวี่ย เขาเริ่มเดินมาอย่างรวดเร็วและร่างกายของเขาเปล่งเจตจำนงแห่งการสังหารออกมา ปากของเขาเปล่งเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง "ฆ่า ฆ่า! ทุกคนจะต้องตาย!"
"ไม่ได้การณ์แล้ว!"
ร่างกายที่มีเสน่ห์ของซูรั่วเสวี่ยสั่นและกระตุกอย่างฉับพลันเมื่อนึกได้ว่าเจียงอี้เพิ่งจะเข้าใจเจตจำนงแห่งการสังหารและไม่สามารถควบคุมมันได้ ราชันย์สวรรค์สังหารนี้เป็นผู้คลั่งไคล้การสังหาร ครั้งหนึ่งซึ่งเคยทำให้เกิดความหวาดกลัวไปทั่วทั้งทวีปเทียนชิง เจตจำนงแห่งเต๋าวรยุทธของเขามีความรุนแรงมากเกินไปและไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกเลย เพียงแค่มอง ซูรั่วเสวี่ยก็รู้ว่าเมื่อเจตจำนงแห่งการสังหารถูกเปิดใช้งาน เจียงอี้จะไม่หยุดจนกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในบริเวณใกล้เคียงจะต้องตาย
นางพยายามลุกขึ้น แต่เนื่องจากการโดนโจมตีอย่างหนักและการบาดเจ็บที่ท้องจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะหนี นางยกกระบี่ของนางขึ้นมา แต่ไม่นานก็วางลง เจียงอี้ช่วยชีวิตนางไว้ นางจะทำร้ายเขาได้อย่างไร?
หวังว่าคงจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่แถวๆนี้!
เมื่อเจียงอี้อยู่ห่างจากนางเพียงสามเมตร ซูรั่วเสวี่ยก็กัดฟันของนางด้วยความตั้งใจ นางมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆและดวงตาของนางก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีม่วงแปลกๆ แสงสีม่วงนั้นถูกปล่อยออกมาจากดวงตาของนางและฝังลงไปในดวงตาของเจียงอี้ทันที
"กึก!"
เจียงอี้ยืนแข็งก่อนที่เขากำลังจะโจมตีซูรั่วเสวี่ย จู่ๆแสงสีแดงในดวงตาของเขาก็หายไปในพริบตา เขาล้มลงกับพื้นด้วยร่างกายที่แข็งทื่อและหมดสติไป
"อั้ก-"
ซูรั่วเสวี่ยต้องการที่จะอาเจียนเลือดออกมาเพราะร่างกายที่แข็งทื่อของเจียงอี้ตกลงมาทับร่างกายของนาง เห็นได้ชัดว่าแสงสีม่วงจากดวงตาของนางก็เป็นสิ่งที่ลึกลับ นางเป็นคนอ่อนแอ หลังจากปล่อยแสงลึกลับนี้ ร่างกายของนางก็อ่อนแอลง นางทำอะไรไม่ได้นอกจากมองดูเจียงอี้ที่ตกลงบนร่างของนาง
สิ่งสำคัญที่สุดคือศีรษะของเจียงอี้นั้นตกลงมาอยู่ระหว่างเนินอันอ่อนนุ่มของนาง
"เอ่อ?"
ซู่รั่วเสวี่ยทั้งอายและโกรธแค้นในเวลาเดียวกัน นางอาจเป็นอาจารย์ของสำนักและมีผู้ห้อมล้อมมากมาย แต่มือเล็กๆของนางก็ยังไม่เคยสัมผัสผู้ใด แต่ตอนนี้จุดซ่อนเร้นที่สุดของผู้หญิงนั้นอยู่ใกล้กับใบหน้าของชายผู้นี้จริงๆหรือ?
นางใช้กำลังทั้งหมดของนางเพื่อผลักเจียงอี้ออกไป แต่ตอนนี้นางอ่อนแอเกินไปจริงๆหลังจากดิ้นรนมาพักหนึ่ง นางก็ยังไม่สามารถขับไล่เจียงอี้ออกไปได้ แต่ศีรษะของเขากำลังกลิ้งอยู่บนเนินที่นุ่มนวลของนางและบางครั้งริมฝีปากของเขาก็ลื่นไถลอยู่บนเสื้อคลุม มันทำให้ร่างกายที่มีเสน่ห์ของซู่รั่วเสวี่ยสั่นไหวและรู้สึกมึนงง
"ปัง!"
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซูรั่วเสวี่ยก็ฟื้นความแข็งแกร่งและพลิกร่างของเจียงอี้ออกไปได้ นางลุกขึ้นอย่างดุเดือดและมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่โกรธแค้น เพียงเห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเด็กที่กำลังหลับสนิท ตอนแรกนางต้องการตบเขาอย่างมาก แต่เนางก็ทนไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้วเจียงอี้ก็ไม่ได้ตั้งใจ
"ฟึ่บบ!"
ขณะนั้นเสียงสะท้อนจากด้านล่างภูเขาก็ดีงขึ้น เสียงชายที่ขุ่นเคือง "กู้ซานเหอ มาแล้ว อาจารย์ซูรอข้าก่อน!"
"กู้ซานเหอเหรอ?"
ทันใดนั้นดวงตาของซูรั่วเสวี่ยก็เย็นชาทันที นางฉีกมุมเสื้อผ้าของนางแล้วพันแผลไว้ที่ท้องของนาง จากนั้นนางมองด้วยดวงตาที่เยือกเย็น ก่อนหน้านั้นที่นางมีข้อสงสัยในตอนแรก แต่ตอนนี้นางคิดได้อย่างสมบูรณ์
เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ!
สำนักจิตอสูรตั้งอยู่ที่ชายแดนของภูเขาที่อันตรายที่สุดในทวีปนี้ หุบเขาสามหมื่นลี้ ที่ซึ่งสัตว์อสูรมีที่ตั้งหลักของพวกมัน มีสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนที่ถูกแพร่กระจายไปยังชายแดนอย่างต่อเนื่อง สำนักจิตอสูรจะต้องการใช้ทรัพยากรที่ดีอย่างแน่นอน
ในตอนแรก สำนักจิตอสูรนั้นไม่มีศิษย์นอกสำนัก มันเป็นเพราะสัตว์อสูรระดับต่ำนั้นเอ่อล้น ที่สำนักจึงเริ่มรับสมัครศิษย์นอกสำนัก ศิษย์นอกสำนักไม่ได้ใช้ทรัพยากรใดๆและต้องช่วยสำนักตามล่าสัตว์อสูรและรวบรวมวัสดุ นี่หมายความว่าทางสำนักสามารถรับวัสดุของสัตว์อสูรจำนวนมากและแลกเปลี่ยนเป็นตำลึงทองจำนวนมากได้
ในขณะที่ความสามารถของศิษย์นอกสำนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ขอบเขตฉูติ่ง ทางสำนักจึงได้จัดตั้งกลุ่มคนลาดตระเวน มิฉะนั้นเมื่อสัตว์อสูรระดับสองหรือสามปรากฏขึ้น เหล่าศิษย์นอกสำนักเหล่านี้คงต้องตาย
ปัญหามันอยู่ตรงนั้น!
เหล่าหน่วยลาดตระเวนของสำนักมีสมาชิกหลายร้อยคน มีหัวหน้าของหน่วยลาดตระเวนและหัวหน้าหน่วยสิบคนที่คอยลาดตระเวนรอบๆสำนักตลอดทั้งวัน พวกเขาจะไม่สนใจสัตว์อสูรระดับหนึ่ง แต่พวกเขาจะคอยกำจัดสัตว์อสูรระดับสองและระดับสามเพื่อรับประกันความปลอดภัยของศิษย์นอกสำนักที่ออกมาเพื่อไล่ล่าสัตว์อสูร
ด้วยการลาดตระเวนที่ติดต่อกันอย่างมาก ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่สัตว์อสูรระดับสองหรือสามจะปรากฎในบริเวณใกล้เคียงสำนัก ไม่ต้องพูดถึงปีศาจน้ำแข็งตนนี้ถึงแม้ว่ามันจะมีสถานะที่น่ากลัว!
จุดสำคัญไม่ใช่ปีศาจน้ำแข็งตนนี้ที่ปรากฏอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสำนัก แต่จุดสำคัญคือความจริงที่ว่าไม่มีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนตระหนักถึงมัน ในขณะที่ซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆใช้เวลาต่อสู้กันเป็นเวลานาน หลังจากนั้นหัวหน้าของเหล่าหน่วยลาดตระเวน กู้ซานเหอก็มาถึง?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
ซุรั่วเสวี่ยไม่ใช่คนงี่เง่าและนางต้องใช้เวลาในการการล้างความคิด ปีศาจน้ำแข็งนี้ถูกส่งมาโดยหน่วยลาดตระเวนและนำมาที่นี่ เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เพื่อฆ่านาง แต่เพื่อฆ่าเจียงอี้!
ฆ่านางเหรอ? นางได้รับการสนับสนุนจากรองเจ้าสำนักฉีและนางสามารถพูดได้ว่าเธอไม่มีความแค้นหรือศัตรูใดๆในสำนัก นี่คือสาเหตุที่ชัดเจน พวกเขาตั้งเป้าไปที่เจียงิี้ บุคคลนี้ต้องมีสถานะที่ได้รับความนิยมเพื่อให้ได้รับความร่วมมือจากกู้ซานเหอ ซึ่งอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่และมีสถานะค่อนข้างสูงในสำนัก
สถานะที่ได้รับความนิยมเช่นนี้ที่มีความบาดหมางกับเจียงอี้?
ชื่อของคนผู้เดียวที่โผล่ออกมาจากความคิดของซูรั่วเสวี่ย การพูดหยาบคายบนใบหน้าของนางทวีความรุนแรงขึ้นขณะที่นางพึมพำเบาๆ "เห้อ...จอมพลแห่งกองทัพทหารตะวันตกเป็นดั่งวีรบุรุษ แต่เขาให้กำเนิดลูกชายที่ชั่วร้าย นี่มันเป็นพ่อเสือที่ให้กำเนิดลูกหมาจริงๆ"