บทที่ 140 - นักสำรวจคนที่สาม (4)
บทที่ 140 - นักสำรวจคนที่สาม (4)
”
ในบางครั้งออร์คลอร์ดกจะดรอปเนื้อสัตว์เอาไว้ ฉันได้ตรวจสอบรายละเอียดของมันด้วยความหวังเล็กๆ หลังจากพบว่าการกินมันจะไม่เพิ่มสเตตัสอะไรเลย ฉันก็แทบจะหน้ามืดลง ทำไมฉันถึงจะต้องกินเนื้อนี้ในเมื่อมันไม่ได้เพิ่มสเตตัสของฉัน อาหารมันมีอยู่ในช่องเก็บของๆฉันมากอยูแล้วนะ เนื้อของออร์คลอร์ดคงจะเตรียมเอาไว้สำหรับนักสำรวจที่ไม่ได้เตรียมอาหารมาล่วงหน้าก็แค่นั้น
เมื่อเทีบกับในดันเจี้ยนที่หนึ่งแล้ว บียอนนั้นใหญ่กว่ามาก นอกเหนือไปจากการสะท้อนพลังโจมตีจากกำแพงแล้วมันก็ยังมีกับดักต่างๆทำให้มันยากมากกว่าดันเจี้ยนที่หนึ่งอย่างมาก ซึ่ง)ันที่อยู่บนหลังของริยูก็จะต้องคอยสังเกตุสภาพแวดล้อมตลอดเวลา
เส้นทางใหม่และออร์คลอร์ดได้ปรากฏออกมาอย่างไม่สินสุดลง เพราะว่าฉันจะต้องจดจำเส้นทางทั้งหมดของเขาวงกตไว้ในหัวและคำนวนเส้นทางการยิงหน้าไม้ให้สะท้อน ฉันก็รู้สึกเวียนหัวกับมันมาก
แน่นอนว่าฉันก็ได้ระประโยชน์เช่นกัน ทักษะชำนาญหน้าไม้ของฉันได้ทะลุระดับต่พกลายเป็นทักษะระดับกลาง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าการคำนวนเส้นทางของลูกศรทำให้ฉันได้รับประสบการณ์มาอย่างมากมาย ทักษะความสามารถของผู้ใช้ธาตุก็เติบโตขึ้นอย่างมากเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ที่มากขึ้น ใครก็ตามที่มันคิดระบบนี้คนๆก็คงเป็นพวกซาดิสต์แน่ๆ
ฉันได้ยงศรปข้างหน้า
"ฮึก"
"ก๊าาา!"
ในพริบตาเดียวลูกศรได้เต้งจากกำแพงด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นก่อนที่จะปักเข้าไปที่หัวของออร์คลอร์ดที่เพิ่งจะโผล่ออกมา เนื่องจากว่ามันไม่ได้ใช้วอคลายมันจึงได้กลายเป็นอัมพาตหลังจากที่ได้รับความเสียหายจากสายฟ้า ฉันได้เหวี่ยงหอกออกไปและฆ่ามันในทันที ฉันได้ต่อสู้กับออร์คลอร์ดที่นี่เป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้ว ในตอนนี้พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอีกต่อไป
มันเป็นผลมาจากการเรียนรู้ซ้ำๆ เมื่อฉันได้เข้าใจโครงสร้างของดันเจี้ยนและออร์คลอร์ดแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะพิชิตพวกมัน เมื่อใดที่ฉันได้ยินเสียงเท้าของออร์คลอร์ดฉันก็จะคำนวนเส้นทางและยิงลูกศรออกไปในทันทีเพื่อโจมตีที่หัวของมัน ผลลัพธ์มันก็จะออกมาเหมือนกับที่ฉันเพิ่งจะเจอออร์คลอร์ดตัวตะกี้
การล่าออร์คลอร์ดเพียงลำพังในตอนนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เมื่อมันมีสองหรือสามตัวก็จะต้องใช้การคำนวนที่มากขึ้น แต่ว่าฉันก็ยังสามารถจะจัดการได้
ปัญหาก็คือเมื่อพวกมันมีมากกว่า 20 ตัว
"ก๊าซซซซ"
"ก๊าซซซซซซ มนุษย์"
"เจ้าพวกนี้มันเอาอีกแล้ว"
บนชั้นที่หนึ่งมันมีพื้นที่ๆกว้างมากซึ่งมันจะเต็มไปด้วยเหล่าออร์คลอร์ดนับสิบ ทว่ามันก็ไม่ได้ใหญ่พอที่จะให้พวกมันได้ล้มตัวลงนอนหลับ ดังนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงต้องมารวมกัน พวกมันทั้งหมดเกือบจะราวกับว่าพวกมันได้ทุกข์ทรมานจากการอดนอน พวกมันได้รอคอยฉันอยู่ด้วยดวงตาที่เปิดกว้าง เมื่อพวกมันได้เห็นฉันพวกมันก็จะโบกมือให้และตะโกนทักทายอกมา เมื่อเห็นออร์คพวกนี้แกว่งง้าวของพวกมันไปมามันทำให้ฉันรู้สึกขำ
"ก๊าซซซซซซซ"
"ก๊าซซซซซซ"
"ชิ เหมือนกับว่าฉันจะปล่อยให้หอกเส็งเคร๊งนั้นมาฟาดฉันล่ะ"
ยังไงก็ตามถ้าฉันไปต่อสู้กับพวกมันตรงๆพลังชีวิตของฉันก็จะมีเพียงแต่ลดลงจนหวด ฉันได้ถอยหลับไปหลบการพุ่งเข้ามาของพวกมัน ฉันได้ทำเหมือนอย่างที่ทำมาในสองสัปดาห์ ฉันยกหน้าไม้ขึ้นและยิงลูกศรนับร้อยเข้าใส่กำแพงในขณะที่เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ
ลูกศรกระดูกโทรลของฉันได้หมดลงไปตั้งแต่วันทีสามและฉันเหลืออยู่เพียงแค่ลูกศรโครงกระดูก แต่ว่าในตอนนี้มันก็ได้ลดลงจนเหลือน้อยแล้วเช่นกัน ซักวันหนึ่งมันก็จะหมดลงโดยสมบูรณ์ ฉันก็จะต้องใช้เวทมนตร์ธาตุมาแทนซึ่งมันจะใช้มานาจำนวนมาก เมื่อพิจารณาถึงจำนวนมานาโพชั่นของฉันที่เหลืออยู่มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลบ
"ก๊าาาาา"
"ก๊าาาากกก"
ศรที่ฉันได้ชินออกไปรอบๆโดยที่ไม่ได้ปะทะกันและกัน จากนั้นก็เข้าไปทำร้านออร์คลอร์ด ฉันได้ขยับหรือเดินไปด้านหน้าเพื่อหลบลูกศรทที่ลอยอยู่และยิงเพิ่มเข้าไปอีก แน่นอนว่าริยูได้ยกเลิกรูปธรรมไปแล้ว มันจะไม่ตลกเลยหากเธอโดนลูกศรหน้าไม้เข้าไป
[ทักษะชำนาญหน้าไม้ระดับกลางกลายเป็นเลเวล 3 แม้ว่าจะไม่มีการบรรจุมานา คุณก็สามารถจะสร้างความเสียหายกับวิญญาณได้]
หลังจากยิงลูกศรออกไปใส่ออร์คลอร์ดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 นาที ออร์คลอร์ดก็ได้ถูกกำจัดออกไปและเทคนิคชำนาญหน้าไม้ของฉันก็พัฒนาขึ้น
ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่ฉันสามารถจะโจมตีร่างวิญญาณได้ด้วยหอกของฉันเมื่อเทคนิคหอกของฉันกลายเป็นระดับสูง ฉันไม่รู้ว่าเทคนิคหอกของฉันได้รับผลกระทบยังไงแบบนี้ แต่ว่าฉันได้กลายเป็นสามารถโจมตีวิญญาณได้ด้วยหน้าที่มีระดับกลางเลเวล 3 เท่านั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดหวังอย่างแท้จริง นั่นหมายความว่าฉันมีฝีมือพอที่จะนำหลักการของหอกมาประยุกต์ใช้กับชำนาญหน้าไม้
เวรเอ้ย ฉันเป็นผู้ใช้หอกนะ
ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงสั่นจากพื้นดินที่อยู่ห่างใจ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจ นอกจากฉันแล้วมีเพียงออร์คลอร์ดจำนวนมากเท่านั้นที่สามารถจะสร้างแรงสั่นสั่นเทือนกับพื้นดินได้
ในเวลาเดียวกันกำแพงดันเจี้ยนก็ได้สั่นและเริ่มเปลื่ยนไป ทางเดินได้ถูกทำให้กลายเป็นเส้นตรงและเส้นทางใหม่ก็เปิดออก มันดูเหมือนจะยาวไป...2 กิโลเมตร? มันเป็นระยะทางที่ฉันสามารถจะไปถึงได้ใน 30 วินาที แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
"ประตู!"
ที่นั่นฉันได้เห็นประตูเดียวกันกับที่ใช้เข้ามาในบียอน ฉันได้พยายามที่จะกลับมาสงบใจลงในขณะที่รู้สึกถึงมานาที่เล็ดลอดออกมาจากประตู ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้ส่งมานาออกไปเพื่อตรวจสอบกับดักบนเส้นทาง ผลลัพธ์ก็คือโล่ง มันเป็นประตูจริงๆและไม่มีกับดักใดๆ
การตรวจหามานาและการกระจายตัวของมานานี้เป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มาในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้พัฒนานิสัยนี้ให้มันกลายเป็ฯธรรมชาติเพื่อที่จะค้นหาที่อยู่ของเจ้าพวกออร์คลอร์ดและตรวจสอบกับดัก แม้ว่าฉันจะยังไม่มีพื้นฐานจนถึงขั้นทำให้ลงทะเบียนเป็นทักษะได้ แต่ว่ามันก็สร้างประโยชน์ให้กับฉันอย่างมาก
ไม่ว่ายังไงก็ตามในตอนนี้ก็คือฉันรู้ว่าประตูคือของจริง ฉันรู้ว่าฉันจะต้องทำยังไง
"ฉันจะต้องฆ่าพวกออร์คลอร์ดทั้งหมด....!"
"ก๊าซซซซซซซซ"
"ก๊าาาาาาาา"
"เนื้อมนุษย์"
"นี้เป็นโอกาสเดียวที่จะกินมัน"
มีเหตุผลง่ายๆที่ทำให้เส้นทางกลายเป็นเนตรง มันทำให้ฉันไม่สามารถจะหลบเลี่ยงออร์คลอร์ดได้อีก ออร์คลอร์ดมีประมาณนับร้อยตัว
ตามที่ฉันได้คาดเอาไว้พวกมันทั้งหมดได้ตะโกนใช้ทักษะวอคลายราวกับว่าพวกมันกำลังแข่งขันกันและในพื้นที่ๆแคบนี้พวกมันก็ขยายพลังกันขึ้นในขอบเขตที่น่ากลัว หูของฉันได้ยินเสียงตะโกนนี้ขึ้นซ้ำๆและพวกมันก็ได้เพิ่มพลังจิตวิญญาณอย่างไม่สิ้นสุดจนเกือบทำให้ร่างกายของฉันแข็งทื่อไป
"อึก....ฉันไม่คิดว่าฉันจะมีปัญหาในการเคลื่อนไหว....!"
มันอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาวงกตได้ถูกดำเนินต่อไปเรื่อยๆเพื่อที่จะพัฒนาทะษะของฉันเพื่อที่จะได้จัดการพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวก็ได้ เมื่อมองไปที่กำแพงที่ยังคงมีการสะท้อนอยู่และการเพิ่มพลังขึ้นมันทำให้ฉันมั่นใจ ยังไงก็ตามเพราะเส้นทางที่เปลื่ยนไปมันทำให้ฉันต้องคำนวนเส้นทางการยิงหน้าไม้ใหม่
อย่างที่พูดไปเมื่อฉันได้เอาชนะออร์คลอร์ดทั้งหมดและมาไปถึงประตู ฉันก็สามารถจะพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่าฉันได้เคลียร์ที่นี่อย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ว่าฉันจะได้ใช้ทักษะชำนาญหน้าไม้มาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะใช้ได้กับอุปสรรคสุดท้ายที่น่ารำคาญนี้ เมื่อฉันคิดถึงคนที่ซาดิสต์จนสร้างดันเจี้ยนนี้ขึ้นมา ฉันก็ตะโกนขึ้น
"เสียงคำรามสีชาด!"
เมื่อออร์คลอร์ดทั้งหมดได้ถูกรวบรวมเข้ามาด้วยกัน ฉันก็ได้ส่งพวกมันทั้งหมดลงไปสู่ความตายด้วยเสียงคำรามสีชาด จากนั้นฉันก็ได้กระโดดเข้าไปในประตูและออกไปจากบียอน ฮิฮิ ด้วยวิธีง่ายๆนี้ทำไมฉันจะต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเองและใช้สมองของฉัน!?\
[คุณได้พิชิตบียอนชั้นที่ 1 คุณสามารถที่จะท้าทายดันเจี้ยนชั้นที่ 52 ได้]
[พลังชีวิตและมานาสูงสุดของคุณเพิ่มขึ้น 2% คุณได้รับสเตตัส 5 แต้ม]
[จะเพิ่มประสบการณ์ให้กับทักษะที่คุณใช้บ่อยเพื่อที่จะผ่านบียอนชั้นที่ 1]
[ความชำนาญหน้าไม้ระดับกลางกลายเป็นเลเวล 4 พลังโจมตีของลูกศรจะเพิ่มขึ้นและสามารถเจาะผ่านศัตรูได้สองตัวในเวลาเดียวกัน]
[ความเชี่ยวชาญจิตวิญญาณระดับกลางกลายเป็นเลเวล 9 การควบคุมจิตวิญญาณทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับคุณได้ก้าวหน้าขึ้น มันจะกลายเป็นง่ายที่จะรู้สึกสามัคคีกับพวกเขาและเพิ่มพลังทำลายล้างของพวกขึ้น]
[สปิริตออร่าระดับกลางได้กลายเป็นเลเวล 7 พลังของสปิริตออร่าได้เพิ่มขึ้นและมานาที่จะต้องคงสภาพไว้จะใช้น้อยลง]
[ควบคุมภูติธาตุระดับกลางได้กลายเป็นเลเวล 7 คุณสามารถจะดึงพลังของภูติในพันธสัญญาของคุณได้เกือบจะสมบูรณ์]
[พันธสัญญาภูติธาตุระดับกลางได้กลายเป็นเลเวล 7 พันธะสัญญาภูติธาตุของคุณได้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น]
เพียงแค่เคลียร์ชั้นที่ 1 ของบียอน ฉันก็ได้รับรางวัลที่น่าถึง อย่างแรกฉันได้รับแต้มสเตตัสเท่ากับตอนที่ฉันเลเวลอัพ จากนั้นทักษะที่ฉันใช้ต่อสู้กับออร์คลอร์ดก็ได้เพิ่มค่าประสบการณ์อย่างก้าวกระโดด ฉันสามารถจะรู้สึกได้เลยว่าฉันได้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าฉันคนเดิมที่พึ่งจะผ่านมา
บียอนนี่มันน่าทึ่งจริงๆ แน่นอนว่าด้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่นี้ บียอนก็ทั้งใหญ่โต มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งและมีกับดับที่น่ารำคาญ มันจะยิ่งยากขึ้นไปเช่นกัน ยังไงก็ตามในตอนนี้มันเป็นเวลาของการลิ้มรสผลไม้แห่งความพยายาม ฉันได้สาบานที่จะพิชิตสถานที่แห่งนี้ ได้มีใครมาบางกำลังเอาพัดมาพัดฉัน นั่นก็คือโรเล็ตต้าที่กำลังเช็ดเหลือและพัดลมให้ฉันด้วยพัดในมือ
"ชินยังไม่ได้บ้าไปนะ?"
"ฉันยังไม่ได้บ้า ฉันเพียงแค่คิดว่าเธอควรจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบียอนในเวลาที่เธอกำลังทำเป็นเล่นนะ"
"ทำเป็นเล่นหรอ!? นั่นมันเป็นส่วนสำคัญสุดสำหรับฉันเลยนะ!"
ฉันได้เติมมานาโพชั่นและซ่อมแซมอาวุธ แต่แล้วฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะจัดการมันภายหลัง
"ฉันจะออกไปแล้วนะ เพราะใครบางคนทำให้ฉันไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาสองสัปดาห์ ดังนั้นครอบครัวของฉันจะต้องคลั่งไปแน่ๆ"
"อ่า อ๊าาา! ชินฉันขอโทษ ฉันขอโทษ! ยกโทษให้ฉันนะ!"
แม้ว่าฉันจะไม่สามารถจะออกไปข้างนอกได้ในขณะที่อยู่ในบียอน แต่ว่าช่องสนทนานักสำรวจก็ยังทำงานอยู่ ที่สำคัญไปกว่านั่นโทรศัพท์ก็ยังทำงาน มันเป็นสิ่งลึกลับที่ฉันไม่เคยหาทางออกได้เลย
แม้ว่าครอบครัวและเพื่อนของฉันจะตกใจเมื่อฉันบอกพวกเขาว่าฉันไม่สามารถจะกลับออกไปได้พักหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันได้บอกพวกเขาไปแล้วดังนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฉันมาก
ยกเว้นเพียงแต่รูเดีย
หลังจากที่กลับมาฉันได้ทักทายแม่และพ่อ ไปอาบน้ำและเปลื่ยนเสื้อผ้า ในทันทีหลังจากนั้นรูเดียก็ได้รีบกลับออกมาจากดันเจี้ยนและกอดฉันเอาไว้ เพราะว่าความรู้สึกที่อ่อนแอที่ออกมาจากเธอ ทำให้ฉันไม่สามารถจะฝืนดึงเธอออกไปได้
เพราะว่าฉันได้หายตัวไปเป็นเวลาสองสัปดาห์ ฉันก็ไม่สามารถจะแก้ตัวใดๆได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ฉันไม่ได้บอกอะไรมาก่อนเลย ในมุมมองของรูเดีย เธออาจจะมองว่าฉันได้ทิ้งเธอเอาไว้ ชิ เธอเพิ่งจะเริ่มดีขึ้น...!
"นายจะไม่ได้จากไปใช่ไหม?"
"อือ"
รูเดียได้ถูหน้าของเธอกับแขนของฉันเหมือนกับแมวที่สร้างอาณาเขตของเธอ 'เจ้าหญิงที่น่าภูมิใจกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไงกันนะ...' ด้วยความคิดแบบนี้ฉันได้ลูบหัวของเธอด้วยความสงสาร ทันใดนั้นจู่ๆแม่ก็ได้โผล่เข้ามาอย่างเหมาะเจาะและชูนิ้วขึ้น ฉันได้กลายเป็นแน่ใจเลยว่าแม่จะต้องมีพลังบางอย่างแน่ๆ
หลังจากที่ใช้เวลาไปอยู่พักหนึ่ง รูเดียก็ได้สงบลงและพูดถึงสิ่งที่ไร้สาระ
"อ่า สภาพแวดล้อมของบ้านกิลด์เปลื่ยนไป"
"อะไรนะ? สภาพแวดล้อมเปลื่ยนไป"
"อือ ถ้าออกไปข้างนอกมันจะมืดมากโดยไม่สนว่าจะเป็นตอนเช้าหรือกลางคืน แต่ว่าพื้นที่ๆฉันได้เดินไปมันจะกลายเป็นสว่างเล็กน้อย นอกจากนี้มันยังมีข้อความที่บอกว่า พื้นที่พักอาศัยของบียอนได้ถูกสำรวจแล้ว 0.5%"
"อ่า...อืมมม..."
หลังจากฟังเธอพูดฉันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่ฉันกลายเป็นนักสำรวจบียอน ฉันได้ยินข้อความที่บอกว่าที่พักอาศัยและรีสอร์ทของฉันก็จะถูกเปลื่ยนแปลงให้เข้ากับบียอน บ้านกิลด์ของฉันเลยถูกสส่งไปยังสถานที่แปลกๆสินะ!
สามารถติดต่อเข้ากลุ่มลับได้ที่เพจนี้เลยครับ > กดเลย <