ตอนที่ 96 กระโดดตึก
ตอนที่ 96 กระโดดตึก
เมื่อมือชี้ออกไป และเสียงของผมดังขึ้น
ทันใดนั้นยันต์แปดทิศที่แปะเอาไว้ที่หน้าผากของยัยผี ก็ระเบิดทันที
แสงสีขาวสว่างว๊าบ ส่งเสียงดัง “ปัง”
ระหว่างนั้น พลังหยางจากยันต์ก็ไหลทะลักออกมา
และยัยผีนั้น ก็กรีดร้องโหยหวน “อร๊าย” ดิ้นทุรนรุรายไปมา
ผมไม่เคยเห็นยัยผีนี่มาก่อน และไม่รู้ว่าพลังของเธอนั้นร้ายกาจกว่าผีเร่ร่อนมากขนาดไหน
ดังนั้นหลังจากคาถาทำงาน มันก็ไม่อาจฆ่าชีวิต หรือทำร้ายพลังชั่วร้ายในร่างของผีสาวได้
แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้พลังชั่วร้ายของเธออ่อนลงได้มาก ถึงแม้จะไม่ตาย แต่พลังที่มีก็ลดลงไปอย่างมาก
ดังนั้นหานเฉ่วเฟิงและหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆจึงไม่รอช้า หลังจากยันต์นั้นทำงาน ก็ตรงมาบดขยี้ ซ้ำเติมอีกฝ่ายให้จมลงสู่ความพ่ายแพ้ กำจัดยัยผีนั้นทันที
แต่สิ่งที่พวกเราคิดไม่ถึงคือ หลังจากที่ยัยผีนั้นกรีดร้องออกมา แม้พลังของเธอจะลดลงไปมาก แต่เธอก็ยังมีแรงสู้อยู่
เมื่อเห็นหานเฉ่วเฟิงและหยางเฉ่วเข้ามา สีหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้น แล้วเธอรีบเคลื่อนที่หลบหนีอย่างรวดเร็ว ราวกับปลาไหล คืบคลานออกไปตามพื้นทันที
เธอเร็วสุดๆ เมื่อพวกเราเอื้อมมือออกไปจับ ตรงนั้นก็ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของเธออยู่แล้ว
มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจากที่ยัยผีนั้นคานออกไปจากแนวล้อมที่พวกเราทำเอาไว้ เธอก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เธอยังตรงออกไปจากห้องเรียน
เมื่อหานเฉ่วเฟิงเห็นแบบนี้ ก็ตะโกนออกมาทันที “แม่...ซิ ดูซิว่าแกจะหนีไปไหนได้ !”
หลังจากพูดจบ หานเฉ่วเฟิงก็พุ่งตามไปคนแรก
ผมรู้สึกเสียใจมาก เพราะคาถาที่ใช้ไม่สามารถจัดการยัยผีนี้ได้
ถ้าเปลี่ยนมาเป็นฝีมือของหยางเฉ่ว ยัยผีนั้นคงถูกจัดการไปแล้ว และก็คงหนีไปไม่ได้แบบนี้
แต่ขณะนั้นเองผมและหยางเฉ่วก็ไม่ได้ยืนอยู่นิ่งๆ พวกเราเองก็รีบตามไปเช่นกัน
เพียงชั่วพริบตา พวกเราก็ตามหานเฉ่วเฟิงออกมานอกห้อง
ขณะที่เท้าแตะขอบประตู พวกเราก็เห็นหานเฉ่วเฟิงอยู่บนทางเดินในตึก
“พี่เฟิง ยัยผีนั้นหายไปไหน” ผมตะโกนถาม
“อยู่บนดาดฟ้า จะปล่อยให้มันหนีไปไหนไม่ได้ !” หานเฉ่วเฟิงรีบตอบ จากนั้นก็หมุนตัว วิ่งไปที่ดาดฟ้าทันที
ผมและหยางเฉ่วตามไปข้างหลัง ห่างกันไม่ถึง 5 เมตร
เพียงชั่วพริบตา พวกเราก็ขึ้นมาถึงดาดฟ้า
ดาดฟ้าของที่นี่ยังสร้างไม่เสร็จ จึงมีเศษซากกำแพงอิฐขึ้นรูปอยู่
พวกเรายืนมองรอบๆดาดฟ้า และแล้วก็เห็นยัยผีกำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของดาดฟ้า ขณะนี้เธอกำลังมองลงไปข้างล่าง
หานเฉ่วเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อเห็นสิ่งนี้เขาก็หยุดอยู่กับที่ทันที
ทันใดนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน “ทำไมไม่หนีต่อละ”
ขณะที่พูด เขาก็สูบบุหรี่หนึ่งครั้ง
แต่เสียงพึ่งจางหาย ทันใดนั้นผีผู้หญิงก็หันมาอย่างรวดเร็ว และแล้วดวงตาสีขาวโพน ก็จ้องมาที่พวกเรา
ขณะเดียวกันก็พูดด้วยเสียงกัดฟัน “พวกแกมันพวกผู้ชายชั่ว ฉันไม่มีทางให้พวกแกทำสำเร็จได้แน่ๆ ! พวกแกจะต้องตายอยู่ที่นี่ กระโดดลงไปตายจากที่นี่”
ผีผู้หญิงตนนี้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายมานานแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด
แต่จากคำพูดพวกนั้น พวกเราสามารถรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่
ไม่ต้องพูดก็รู้ว่า ยัยผีนี่กระโดดตึกตายเพราะผู้ชาย ไม่อย่างนั้นปากของเธอก็คงไม่เอาแต่ด่าว่าผู้ชายชั่ว และกระโดดตึกตายอะไรพวกนั้น
ส่วนเป็นเรื่องที่เหมือนกับเรื่องเล่าไหม ที่เธอคิดสั้นกระโดดตึกตายเพราะถูกข่มขืน ตอนนี้พวกเราเองก็ยังไม่สามารถทำให้มันกระจ่างได้เลย
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผีผู้หญิงพูด ผมก็โต้กลับทันที “แกจะทำอะไร”
แต่ยัยผีนั้นกลับทำหน้ามืดมน หัวเราะ “ฮึฮึฮึ” ออกมาอย่างน่าขนลุก สุดท้ายเท้าทั้งสองข้าง ก็ก้าวไปด้านหลัง
ทันใดนั้น ร่างของเธอก็ได้ตกลงไปจากดาดฟ้าทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเราก็ยืนอึ้ง
หานเฉ่วเฟิงที่ยืนอยู่หน้าสุดดับบุหรี่ และวิ่งไปดูทันที
“แม่งเอ้ย คิดหนีงั้นเหรอ”
เมื่อเห็นหานเฉ่วเฟิงวิ่งไปดู ผมและหยางเฉ่วก็วิ่งตาม
ขนาดกลายเป็นผีแล้ว ผมก็ยังไม่เชื่อว่าเธอยังกล้ากระโดดตึกตายได้อีก หรือจะคิดหนีไปจริงๆ
แต่ตอนที่พวกเรามาถึงขอบดาดฟ้า และมองลงไปข้างล่าง ทันใดนั้นก็พบว่าที่พื้น ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง
“บัดซบปล่อยให้มันหนีไปจนได้ !” จู่ๆหายเฉ่วเฟิงก็พูดออกมา ด้วยความโกรธ
หยางเฉ่วขมวดคิ้ว “ไม่มีทาง ยัยผีนี้อาฆาตแรงมาก สิงอยู่ที่ตึกร้างนี้มานานแล้ว เธอไม่มีทางออกไปจากตึกนี้แน่ !”
เสียงของหยางเฉ่วพึ่งจบลง ไม่รอให้พวกเราได้พูดต่อ
ทันใดนั้นด้านหลังของพวกเราก็มีเสียงน่าขนลุกดังขึ้น “ฮึฮึ ถูกต้อง ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น แต่อยากเห็นสภาพตอนพวกแกกระโดดตึกตาย !”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง พวกเราสามคนจึงตัวสั่นตามสัญชาตญาณ
วินาทีนั้นพวกเราก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที เพราะเสียงนี่ ก็คือเสียงของยัยผีนั้น
และตอนนี้เธอยังอยู่ข้างหลังของพวกเรา แถมดูเหมือนจะอยู่ใกล้พวกเรามากอีกด้วย
ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานะสิ้นหวัง เพราะถ้าถูกยัยผีนั้นผลัก ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอันตรายมากขนาดไหนขึ้น
แต่วินาทีที่พวกเราหันไปมอง ในเวลาเดียวกันพวกเราสามคนก็รู้สึกถึงสายลมเย็นๆที่พัดเข้ามา ราวกับถูกคนผลัก
หลังจากนั้น พวกเราสามคนก็กลัวจนแทบบ้า ร่างกายโน้มตัวไปข้างหน้า ราวกับกำลังจะตกจากดาดฟ้า
พระเจ้านี่มันชั้นเก้าเลยนะ ถ้าตกลงไปจากที่นี่ หัวของพวกเราจะต้องแตกเหมือนลูกแตงโม และต้องตายแน่ๆ
สีหน้าหวาดกลัวปรากฎขึ้นทันที ทันใดนั้นพวกเราก็ต่างกรีดร้อง
แต่มันสายไปแล้ว เพราะพวกเราสามคนได้หล่นลงมาจากดาดฟ้าแล้ว และเริ่มล่วงลงไป
ช่วงเวลานั้น ตัวของผมรู้สึกชาไปหมด
ตะโกนในใจว่าแย่แล้ว เมื่อตอนกลางวันผมและเฟิงเฉ่วหานพึ่งเข้าไปดูนักศึกษากระโดดตึกตายพร้อมๆกับนักศึกษาคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ
ดูจากสภาพแล้วพรุ่งนี้เช้า คนอื่นจะต้องมาดูศพของพวกเรากระโดดตึกตายแน่
ขณะที่ผมกำลังเสียขวัญ คิดว่าตัวเองกำลังจะตายเพราะการกระโดดตึก
ทันใดนั้นหยางเฉ่วที่อยู่ข้างๆผม กลับดึงเส้นลวดเส้นหนึ่งออกมาจากเอวของเธอ
เสียงดัง “ฟืด” จากนั้นหยางเฉ่วก็รีบ นำลวดที่ดึงออกมาโยน ไปหาส่วนที่สร้างไม่เสร็จของตึกร้างที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
ส่วนมืออีกข้างก็ เข้ามาจับมือของผมเอาไว้
ยัยนี่เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหยางเฉ่วจะยังมีอาวุธลับซ่อนอยู่ เมื่อเห็นเส้นลวดเส้นนั้นผูกติดเรียบร้อย
ภายใต้สถานการณ์วิกฤตแบบนี้ ผมจะกล้าลีลาได้ยังไง
รีบใช้มืออีกข้าง เอื้อมออกไป จับตัวหานเฉ่วเฟิงเอาไว้ทันที
ทันใดนั้นผมรู้สึกว่าแขนของตัวเองตึงมาก ขณะนั้น ผม หยางเฉ่ว และหานเฉ่วเฟิงสามคน กำลังลอยอยู่ในอากาศ โดยที่กำลังแกว่งไปมา
เมื่อหันไปมองหยางเฉ่วอีกครั้ง ผมก็พบว่าเธอกำลังทรมาน ถูกลวดเส้นนั้นบาดจนเลือดออก ขณะเดียวกันเลือดพวกนั้นก็ไหลลงมาตามแขนของเธอ
ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้เป็นเพราะส่วนปลายของลวดถูก “กระดุมเหล็ก” รั้งเอาไว้ ป่านนี้หลังมือของหยางเฉ่วก็คงถูกลวดรัดขาดเป็นสองท่อนแล้ว
“พวกนาย พวกนายยังโอเคอยู่ไหม !” หยางเฉ่วพยายามพูด เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เธอกำลังทรมานสุดๆ ใบหน้าเริ่มแดงเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นไร !” ผมพูดตรงๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว
“น้องสาว พี่ติดหนี้ชีวิตเธอ !” หานเฉ่วเฟิงพูดตรงๆ
และในตอนนั้นเอง เสียงของยัยผีนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “สมควรตาย พวกแกสมควรตาย ตกตึกตายไปซะให้หมด !”
หลังจากพูดจบ ดูเหมือนยัยผีนั้นจะบ้าคลั่ง เริ่มเสียสติขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เสียงพึ่งตกลง เธอก็ถลึงตาใส่พวกเรา อ้าปากกว้าง เตรียมพ่นไอดำใส่หยางเฉ่วที่อยู่ข้างบน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของพวกเราสามคนก็เปลี่ยนไปทันที
นี่มันไอจากพลังหยินที่ชั่วร้าย ถ้าไม่หลบละก็ ต้องถูกไอนั้นฆ่าตายแน่
ทันใดนั้นผมก็เห็นว่าด้านล่างมีหน้าต่างอยู่บานหนึ่ง ถ้าจับขอบหน้าต่างได้แล้วเข้าไปในนั้น พวกเราก็อาจหลบเจ้านี้ได้สำเร็จ
ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามาคิดมาก ผมจึงตะโกนทันที “พี่เฟิง กระโดดเข้าไปในหน้าต่างบานนั้นเลย !”
แม้ว่าหานเฉ่วเฟิงจะเป็นแค่วิญญาณดวงหนึ่ง แต่ก็เป็นคนมีฝีมือ
เสียงของผมพึ่งขาดหาย เขาไม่คิดเลยสักนิด แบมือออก และกระโดดลงไปทันที
เมื่อจับขอบหน้าต่างได้ เขาก็ปีนเข้าไปได้สำเร็จ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็ตะโกนบอกหยางเฉ่วที่อยู่ข้างบนว่า “หยางเฉ่ว พวกเราก็ควรกระโดดได้แล้ว !”
และแล้วไอดำจากพลังหยินก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว หยางเฉ่วลังเลต่อไปไม่ได้ จึงพยักหน้ารับ “กระโดด !”
หลังจากพูดจบ ผมสองคนก็ปล่อยมือออกจากกัน พุ่งลงไปหาหน้าต่างบานนั้นทันที
โชคดีที่โชคยังช่วย ผมและหยางเฉ่วจับขอบหน้าต่างไว้ได้เช่นกัน
จากนั้นหานเฉ่วเฟิงก็เข้ามาช่วย พวกเราจึงปีนเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว “แม่งเอ้ย ยัยผีนี่เล่นลูกไม้ แม้แต่ข้าก็โดนพลังหยินของยัยผีนั้น”
หานเฉ่วเฟิงพูดอย่างเซ็งๆ ผมและหยางเฉ่วยังกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีกับชีวิตที่เหลืออยู่
แต่ว่า ความอันตรายยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ยัยผีนั้นยังอยู่ ยังไม่ตาย และอยู่บนดาดฟ้า
เมื่อหันไปมองรอบๆหนึ่งครั้ง ก็ต้องพบกับสิ่งที่หน้าตกใจ
ห้องที่พวกเรากระโดดเข้ามา ก็คือห้องเรียนประหลาดๆที่มีแต่ตุ๊กตาวางเอาไว้เต็มห้องนั่นเอง…….