ตอนที่แล้วตอนที่ 93 ผีผู้หญิงลงมือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 95 พี่เฟิงออกโรง

ตอนที่ 94 การต่อสู้ที่ดุเดือด


ตอนที่ 94 การต่อสู้ที่ดุเดือด

เลือดจากลิ้นของผมทำให้ผีผู้หญิงไม่สามารถป้องกันได้ ตอนนี้เธอจึงต้องทุกข์ทรมานที่หน้า

ส่วนผมและเฟิงเฉ่วหาน กำลังหายใจ และปรับตัวให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ

เลือดจากลิ้นของผมมีพลังหยางเยอะมาก เพราะมันมาจากพลังหยางของทั้งตัว

ทำให้ยัยผีที่มีพลังหยินเป็นฐานต้องทุกข์ทรมาน แถมตอนนี้ผิวหน้า ก็ถูกกัดไปจำนวนมากแล้ว

หลังจากผมพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็พูดตามทันที “ใช่ยัยผีนี่ร้ายกาจมาก เราต้องระวังให้มากมากกว่าเดิมแล้ว !”

หลังจากพูดจบ เฟิงเฉ่วหานก็หยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัว เพื่อนำมาเป็นอาวุธ

ยัยผียังลูบหน้าของตัวเอง และกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่แล้ว ยัยผีก็หันมาจ้องด้วยหน้าตาดุร้าย และพูดกับผมด้วยความเจ็บปวด “ผู้ชายสมควรตาย ไอ้ผู้ชายชั่ว ! ตาย ฉันจะฆ่าแก !”

เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ยัยผีนี้ก็ตะโกนออกมา

และยกกรงเล็บของเธอขึ้น ระหว่างนั้น ใบหน้าที่อาบเลือด ก็ปรากฎขึ้นในสายตาของทุกคน

เมื่อมองดูใบหน้าแบบนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงมาก เปลือกตาและริมฝีปากต่างเน่าเละ

ถึงจะเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับงานศพอย่างผม วินาทีที่ได้เห็นก็แทบจะอ้วกออกมาเช่นกัน

แต่สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในคืนนี้ก็คือ หยางเฉ่วดูไม่เป็นอะไรเลย

นอกจากท่าทางจะดูเคร่งขรึมแล้ว เธอก็ไม่สนอะไรเลยสักนิด

ท่าทางแบบนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะมีจิตใจแข็งแกร่งมาก ก็ต้องเป็นเพราะเห็นเรื่องน่าขนลุกมาจนชินแล้ว

หลังจากยัยผีตะโกนเสร็จ สิ่งที่ตามมา ก็คือพลังหยินที่หนาวเย็น

ยัยผีนี่โมโหแบบสุดๆแล้ว และไม่รู้ว่าตอนมีชีวิตเกิดอะไรขึ้น ถึงได้มีพลังชั่วร้ายที่เข้มข้นขนาดนี้

ขณะที่พลังหยินนั้นเข้ามา มันก็ทำให้คนรู้สึกใจสั่น และหายใจถี่ๆทันที

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ หลังจากยัยผีนั้นยกกรงเล็บขึ้น เธอก็คำราม “โฮก” และพุ่งเข้ามาทันที

“ระวัง !” หยางเฉ่วตะโกน ในเวลาเดียวกันก็ใช้มือเสกคาถาทันที

ส่วนผมและเฟิงเฉ่วหาน ก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาคนละตัว เพื่อใช้สำหรับป้องกัน

ดูเหมือนคาถานั้นจะกลายเป็นลูกดอก มันพุ่งตรงเข้าใส่ยัยผีนั้นทันที

หน้าของยัยผีสยดสยองมาก เมื่อเห็นคาถาพุ่งเข้ามา ก็เคลื่อนตัว หลบอย่างรวดเร็ว

และการกระโดดหลบของเธอ ยังพุ่งกรงเล็บมาทางผมอีกด้วย

ดูเหมือนเลือดจากลิ้นของผมจะทำให้เธอโกรธจนถึงขีดสุด ตอนนี้เป้าหมายของยัยผี จึงกลายเป็นผมไปโดยปริยาย

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามา ผมก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาป้องกันทันที

แต่ผีผู้หญิงตนนั้นดุร้ายมาก เธอไม่ลังเลเลยสักนิด เธอใช้มือปัดเก้าอี้ของผมออกทันที

ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น เก้าอี้ตัวนั้นถูกยัยผีปัดแตกเป็นเสี่ยงๆ วินาทีนั้นผมจึงรีบถอยหลังหลบออกไป

หลังจากผีสาวปัดเสร็จ เธอยังไม่ได้เอามือลง แต่ยังเข้ามาโจมตีผมอีกครั้ง

เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นสถานการณ์ไม่ดี ก็ยกเก้าอี้โยนใส่ยัยผีนั้นทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็เข้ามากั้นระหว่างพวกเรา

ในเวลานี้หยางเฉ่วเองก็ออกมาจากด้านหลัง เตรียมต่อสู้กับยัยผีนั้นทันที

ตอนนี้มีเฟิงเฉ่วหานกันเอาไว้ก็จริง แต่ผมเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ

สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง มือหนึ่งหยิบเก้าอี้มาหนึ่งตัว ส่วนอีกมือก็หยิบยันต์แปดทิศออกมา

อ้อมไปอีกด้าน คิดจะลอบโจมตี ปล่อยอาวุธลับออกไป

แต่ผีผู้หญิงตนนี้ร้ายกาจมาก ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ไฟที่กำลังมอดเลยสักนิด

เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน และยังไม่ได้เตรียมดาบไม้ ดาบเหรียญ ไม้บรรทัดดำ และอาวุธอื่นๆด้วย

พวกผมทำได้เพียงโจมตีระยะใกล้โดยใช้เก้าอี้เป็นโล่เท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะการร่วมมือของพวกเรา แต่เป็นการสู้เดียวๆ พวกเราก็คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเธอได้แล้ว

แต่ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะสู้แบบสามรุมหนึ่งอยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าจะต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

ผีผู้หญิงตนนั้นเคลื่อนไหวเร็วมาก กรงเล็บทั้งสองข้าง ยังฟาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง “บึกบึกบึก” ทุกครั้งที่โจมตีเธอยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าตอนนี้ประมาทแม้แต่เล็กน้อย ก็สามารถทำให้บาดเจ็บได้เลยละ

อีกอย่างกรงเล็บของผีสาวตนนี้แหลมคมมาก ถ้าโดนเข้าไป แค่นิดเดียวก็ทำให้เกิดแผลได้ แต่ถ้าโดนจังๆก็เตรียมตัวตายได้เลย

ดังนั้นทุกคนจึงระวังมาก และพยายามร่วมมือกันให้มากที่สุด

ด้วยวิธีนี้ ทำให้ความเร็วของยัยผีที่ได้เปรียบพวกเรานั้นหายไป และไม่เหมือนกับตอนแรกที่เข้ามาจู่โจม จนจับคอของพวกเราได้

สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ พวกเราสามคนสู้กับผีตัวเดียว ซึ่งการต่อสู้กันในตึกร้างได้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

เก้าอี้ที่อยู่ในห้องเรียนก็ได้ถูกนำมาใช้กว่าครึ่งแล้ว และระหว่างนั้นหยางเฉ่วเป็นคนที่โจมตีมากที่สุดในหมู่ของพวกเราสามคน

แม้ว่าการโจมตีของเธอจะเห็นผลมาก แต่ยันต์แผ่นนั้นก็ไม่สามารถทำร้ายยัยผีได้

ดังนั้นไม่ว่ามันจะร้ายกาจขนาดไหน แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ช่วงเวลานี้พวกเราเริ่มเหนื่อยจนหอบกันแล้ว ทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และร่างกายมีบาดแผลบ้างบางส่วน แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่

ส่วนยัยผีนั้น กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด เธอยังคงดุร้ายบ้าคลั่ง และเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

พลังโจมตีและความถี่ แทบไม่ลงลดเลยสักนิด

ในขณะที่ พวกเราและยัยผีต่อสู้กัน ผมก็เริ่มพูดว่า “เป็น เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แบบ แบบนี้พวกเราจะจบเห่กันก่อนพอดี !”

“ต้องหาวิธีทำให้ฉันเข้าไปแปะยันต์ใกล้ๆมันให้ได้” หยางเฉ่วพูดเพิ่ม

ผลลัพธ์เสียงพึ่งจางหาย ยัยผีนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แปลแปลี่ยนเป็นภาพเงารางๆ  และปรากฎตัวขึ้นข้างๆของเฟิงเฉ่วหาน

จากนั้นก็ตะโกน “โฮก” ออกมา และเข้าไปหาเฟิงเฉ่วหานอย่างรวดเร็ว

“ระวัง !” หลังจากพูดจบ ผมก็ยกเก้าอี้ขึ้นมาป้องกันทันที

“แกร็ก” และแล้วเก้าอี้ที่ได้รับการโจมตีมานาน เพียงแค่แป๊บเดียว ก็ถูกการโจมตีของอีกฝ่ายจนทำท่าว่าจะพังแล้ว

มือของผมยังถูกแรงกระแทกทำให้สั่น ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้เริ่มชา และร่างกายของผมก็เริ่มก้าวถอยไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง

เฟิงเฉ่วหานประคองผมเอาไว้ พร้อมกับหน้าขมวดคิ้ว “ยังทนไหวไหม”

ผมฝืนความชาระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้และแขนเอาไว้ “ยังพอไหว !”

“ดี ! รอฉันแป๊บนึง ฉันจะเรียกเจ้านั้นออกมา !” เฟิงเฉ่วหานทำหน้าจริงจัง

หลังจากพูดจบ ก็หยิบขวดสีดำออกมาจากกระเป๋า

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

เห็นได้ชัดว่า เฟิงเฉ่วหานกำลังคิดจะกินยานี่เข้าไปจริงๆ

เจ้าเด็กนี้มีความลับอยู่มากมาย แม้แต่ท่านนักพรตตู๋เอง ก็ยังไม่รู้ว่าก่อนอายุ 24 นั้นเฟิงเฉ่วหานได้เจอกับอะไรมาบ้าง

รู้เพียงแค่ว่าในร่างของเขามีวิญญาณอยู่สองดวง อีกหนึ่งดวงก็คือพี่ชายแท้ๆของเฟิงเฉ่วหาน ซึ่งมีนิสัยต่างกันลิบลับ

เฟิงเฉ่วหานต้องใช้ยาชนิดพิเศษ กดวิญญาณของพี่ชายเอาไว้

หรือใช้ยาชนิดพิเศษนี้ ปล่อยพี่ชายของเขาออกมา

แต่พลังที่พี่ชายหานเฉ่วเฟิงของเฟิงเฉ่วหานมีนั้นไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เพราะมันแข็งแกร่งมาก แม้แต่ท่านนักพรตตู๋ ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา

ถ้าเฟิงเฉ่วหานปล่อยพี่ชายหานเฉ่วเฟิงออกมาจริงๆ บางทีเขาอาจจะสามารถจัดการยัยผีตรงหน้านี้ได้

ผมไม่พูดอะไร เพียงคุ้มกันเฟิงเฉ่วหานอยู่ข้างหน้า

ส่วนยัยผีนั้น ก็ค่อยๆเดินบีบเข้ามา ทำให้หยางเฉ่วรู้สึกรับมือไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ผมก็กัดฟันอย่างแรง เดินขึ้นไปตั้งรับ เพื่อแบ่งเบาแรงกดดันจากหยางเฉ่ว

ส่วนเฟิงเฉ่วหานที่อยู่ข้างหลัง ก็เปิดขวดออก และกินยาเม็ดสีดำเข้าไปเรียบร้อย

และแล้วหลังจากที่เฟิงเฉ่วหานพึ่งกินยาเข้าไป ร่างกายก็เริ่มสั่นสองสามครั้ง

จากนั้นเสียง “บึก” ก็ดังขึ้น ร่างของเขาล้มลงไปกับพื้น ท่าทางเหมือนกับคนที่เป็นลมชัก เริ่มพ่นฟองน้ำลายสีขาวออกมาและชักอย่างต่อเนื่อง

หยางเฉ่วหันมามองอย่างอัตโนมัติ อดไม่ได้ที่จะตกใจ “เฟิงเฉ่วหานเป็นอะไรไป”

ผมทั้งท่าต้านทานการจู่โจมของยัยผี และหายใจอย่างหอบเหนื่อย จึงไม่สามารถอธิบายให้เธอฟังได้

เพียงได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่เป็นไร เขาแค่เรียกคนมาช่วย !”

หยางเฉ่วทำหน้ามึนงง พูดในใจว่าพ่นน้ำลายขนาดนี้ ยังบอกว่า “เรียกคนมาช่วยอีกเหรอ”

ผลลัพธ์คือเธอหันไปมองเฟิงเฉ่วหานแวบหนึ่ง ตามสัญชาตญาณ อย่างไม่ได้ตั้งใจ

แต่แล้ว ภายใต้สถานการณ์การต่อสู้ที่ดุเดือด เพียงแค่การป้องกันอ่อนลง ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายลอบโจมตีได้แล้ว

ดังนั้น วินาทีที่หยางเฉ่วกำลังสนใจอย่างอื่นอยู่

ยัยผีนั้นก็ตื่นเต้นกับช่องว่างที่เกิดขึ้น เธอรีบคว้าโอกาส พุ่งกรงเล็บออกไป

กรงเล็บนั้นตรงเข้าหาหน้าอกของหยางเฉ่ว เป็นการโจมตีที่ฉลาดมาก และใช้แรงที่เยอะมาก

กรงเล็บนั้นเหมือนกับดาบคมๆ ถ้าโดนมันเข้าไป หยางเฉ่วจะต้องจบเห่แน่

เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที รีบตะโกนว่า “อันตราย”

ตอนนั้นไม่รู้ตัวเองคิดอะไรอยู่ ผมไม่ลังเลเลยสักนิด ทำตามสิ่งที่จิตใต้สำนึกบอก

ดึงหยางเฉ่วเข้ามาข้างตัว จากนั้นก็จับตัวเธอหมุนและล้มลงไปกับพื้นทันที

แต่ผีผู้หญิงลงมือเร็วมาก กรงเล็บที่คมกลิบนั้นได้เข้ามาถึงแล้ว

“แควก” ทันใดนั้นเสื้อก็ขาดออก ผมรู้สึกถึงความเจ็บแล่นแป๊ดขึ้นมาจากหลังทันที

ผมร้องออกมาตามสัญชาตญาณ “โอ๊ย” เลือดจำนวนมากไหลออกมา จากด้านหลัง จนอาบไปทั่วทั้งหลังของผม

ส่วนตัวผม ได้ปกป้องหยางเฉ่วไว้ที่พื้น กดร่างของเธอเอาไว้

แต่หยางเฉ่วในตอนนั้น กลับแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ว่าผมจะใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องเธอจากการโจมตี

เธอจึงใช้ดวงตาที่เหลือเชื่อนั้น จ้องมาที่ผม……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด